ความมิสบายใจของหลิงอวี๋มาเร็วก็ไปเร็วมินานนางก็คิดได้เองแล้วว่าตนมิใช่เจ้าของร่าง เหตุใดต้องกังวลเรื่องสินสอดที่ได้รับแทนเจ้าของร่างด้วยเล่า!นางกับเซียวหลินเทียนจะเดินไปด้วยกันได้หรือไม่ก็ยังมิรู้ กังวลเรื่องของนอกกายเหล่านั้นไปจะมีประโยชน์อันใด!หลิงอวี๋กินอาหารเสร็จก็ไปหาเซียวเยวี่ยเซี่ยเหวยถูกรับเข้ามาในวังแล้วและอยู่คนละตำหนักกับเซียวเยวี่ยแรกเริ่มหลิงอวี๋ก็อยากให้เซี่ยเหวยรู้สถานะของตนให้ชัดเจน ดังนั้นตอนที่เซียวเยวี่ยเสนอให้เซี่ยเหวยกับเขาอยู่ที่ตำหนักองค์รัชทายาทด้วยกันจึงถูกหลิงอวี๋ปฏิเสธไปนางมิสามารถให้ใจของเซี่ยเหวยเติบโตมากขึ้นได้ กฎที่ควรจะดูแลก็ควรดูแลไว้ทางด้านเซียวเยวี่ยได้เรียนความรู้ต่าง ๆ อย่างเป็นระบบแล้ว เซียวหลินเทียนยังได้เชิญอาจารย์ด้านวรยุทธ์มาให้เขาด้วย เด็กน้อยมิได้รู้สึกว่าการเรียนเหล่านี้น่าเบื่อและเรียนอย่างสนุกสนานหลิงอวี๋เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างของเขาเป็นไปด้วยดีจึงกลับพระตำหนักคุนหนิง ให้หลิงซวนกับเถาจื่อเฝ้าหน้าประตูไว้แล้วหลิงอวี๋ก็เข้าไปในมิติเพื่อกลั่นโอสถเซียนที่จะทำให้เซียวหลินเทียนได้พัฒนาการฝึกฝนพลังวิญญาณตอนนี้นางฝึกฝนในดินแดนห้า
เซียวหลินเทียนมองอยู่นิ่ง ๆ และมิคิดที่จะช่วยการกระทำเช่นนี้ทำให้หลิงอวี๋เย็นชาไปทันทีอย่างมิต้องสงสัย นางมิได้รู้สึกว่าตนทำผิดไปเลยนางมีความลับก็เพื่อปกป้องตนเอง โอสถเซียนที่กลั่นออกมาก็มอบให้เซียวหลินเทียนอย่างมิเห็นแก่ตัว แล้วเซียวหลินเทียนมีสิทธิ์อะไรถึงกล้าทำท่าทีเช่นนี้ใส่ตน?ขอถามว่าสิ่งที่นางทำเพื่อเขายังมิพอหรือ?มิว่าเรื่องอะไรก็เป็นห่วงแทนเขา เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในวังนี้มิใช่เรื่องที่นางชอบทำเลยสักนิด แต่นางก็อดทนทำไปก็เหมือนกับที่ป้าสะใภ้ใหญ่ทำเพื่อหลิงเสียงกัง อุทิศตนอยู่เบื้องหลังอย่างเงียบ ๆ แต่หลิงเสียงกังลืมอดีตและลบล้างความยากลำบากของนางไปทั้งหมดตอนนี้เซียวหลินเทียนก็เช่นกัน เขายังมิได้สูญเสียความทรงจำก็ลืมสิ่งที่ตนทำเพื่อเขาแล้ว เอาแต่จับจ้องตนเมื่อมีเรื่องปิดบังเล็กน้อยก็ชักสีหน้าใส่ตนเช่นนี้คู่ควรกับที่ตนทุ่มเทไปหรือ?หลิงอวี๋โยนโอสถเซียนเข้าไปในมิติ แล้วตะโกนไปข้างนอก “หลิงซวน เรียกขันทีน้อยเซี่ยมาดูแลให้องค์จักรพรรดิไปพักผ่อนที่ตำหนักอื่น!”หลิงซวนที่อยู่ด้านนอกได้ยินดังนั้นก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง พลางมองไปทางเถาจื่ออย่างทำตัวมิถูกเมื่อครู่หลิงอวี๋ยังเ
ยามทะเลาะย่อมไม่มีคำพูดที่ดี หลิงอวี๋มีหรือจะมิรู้เหตุผลข้อนี้ แต่นางก็ยังยืนกรานที่จะพูดเช่นนี้นางจะดูว่าขีดจำกัดความอดทนของเซียวหลินเทียนที่มีต่อตนจะอยู่ที่ใด...จิตใจของจักรพรรดิยากแท้หยั่งถึง!เมื่อก่อนเซียวหลินเทียนอดทนกับตนได้ มิได้หมายความว่าเป็นจักรพรรดิแล้วจะทนได้เข้าใจตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงในวันหนึ่งตนต้องตายไปอย่างมิเข้าใจ!“หลิงอวี๋ เจ้าไม่มีเหตุผล!”เซียวหลินเทียนถูกบีบจนทั้งหงุดหงิดทั้งโกรธ เขามิได้มีความคิดที่จะประหารนางเสียหน่อย!เขาแค่มิชอบความรู้สึกถูกปิดบัง!“เจ้าอย่าเปลี่ยนเรื่อง! หากเจ้ามิได้มีเรื่องที่มิอาจให้ผู้ใดรู้ได้ปิดบังข้าอยู่ เหตุใดจึงมิอาจพูดกับข้าให้ชัดเจนได้?”เซียวหลินเทียนร้อนใจจนพูดความสงสัยในใจออกมา“ทักษะการแพทย์ของเจ้ามาได้อย่างไร? อย่าใช้คำที่โกหกผู้อื่นมาโกหกข้าอีก!”“คนผู้หนึ่งจะเปลี่ยนแปลงได้มากถึงเพียงนี้ได้อย่างไร? หลิงอวี๋เมื่อก่อนโง่เขลาเบาปัญญา แต่ตอนนี้เจ้าเฉลียวฉลาด!”“อีกอย่าง เจ้ามีความรู้เรื่องการบริหารแคว้นมากถึงเพียงนี้ได้อย่างไร ลูกรอกที่โจมตีเมืองในตอนแรกนั้นเจ้าไปเรียนมาจากที่ใด?”คำถามเหล่านี้ทำให้ใจของหล
เซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋เริ่มต้นสงครามเย็นกันแล้วเซียวหลินเทียนมิเป็นฝ่ายไปกินข้าวกับหลิงอวี๋อีก หลิงอวี๋ก็ย่อมไม่มีทางส่งคนไปเชิญเขาเป็นเช่นนี้เพียงวันสองวันก็ยังไม่มีผู้ใดสังเกต แต่เมื่อเป็นติดต่อกันเช่นนี้หลายวัน อย่าว่าแต่คนที่อยู่ข้างกายเซียวหลินเทียนที่พบความผิดปกติ แม้แต่ไท่เฟยเส้าเองก็พบความผิดปกติเช่นกัน“เหอะ ๆ จะต้องเป็นเรื่องการคัดเลือกสนมแน่ ๆ ที่ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างสองคนนั้น!”ไท่เฟยเส้าแอบยินดี นางส่งคนไปให้สัญญาณกับกุ้ยเหรินทั้งสองให้ฉวยโอกาสตอนนี้ทันที ขอเพียงเซียวหลินเทียนยอมรับหนึ่งในนั้น พวกจ้าวฮุยก็สามารถเอ่ยเรื่องการคัดเลือกสนมขึ้นมาได้อีกครั้งทันทีที่อู๋จื่อผิงได้ยินว่าองค์จักรพรรดิกับฮองเฮาขัดแย้งกันก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันทีเมื่อก่อนตอนที่อยู่ตำหนักอ๋องอี้นางยังคิดอยู่เลยว่า หากเซียวหลินเทียนเป็นจักรพรรดิ ตนก็จะได้รับแต่งตั้งเป็นสนมเอกได้ ไหนเลยจะคิดว่าหลังจากเข้าวังมาแล้วจะเป็นกุ้ยเหรินก่อนหน้านี้นางคิดอยู่ตลอดว่า จะหาโอกาสไปปรนนิบัติเซียวหลินเทียน แต่ก็จนใจที่เซียวหลินเทียนมิเคยเรียกไปปรนนิบัติเลย กฏในวังหากไม่มีการเรียกก็มิสามารถเป็นฝ่ายไปถวายตัว
อู๋จื่อผิงเซไปเซมา ในช่วงนี้ทางเดินทั้งสองด้านล้วนเป็นสระน้ำ และเพื่อความงดงามในการชมดอกบัว รั้วโดยรอบจึงทำถึงแค่เอวเท่านั้นอู๋จื่อผิงพุ่งไปตรงรั้วท่ามกลางความตื่นตระหนก หรืออาจจะเพราะแรงเกินไป ทำให้นางข้ามผ่านรั้วแล้วตกลงไปในสระน้ำเกิดเสียงตู้มดังขึ้น จากนั้นนำในสระก็กระจายตามที่อู๋จื่อผิงตก อู๋จื่อผิงตกลงไปในน้ำทั้งตัวเซียวหลินเทียนตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วหัวเราะออกมานี่มันตลกเกินไปแล้ว!เขามิสามารถควบคุมตนเองได้ เขาคาดมิถึงว่าจะมีคนโง่ถึงขั้นนี้ เพียงทักทายก็สามารถพาตนเองไปอยู่ในสระน้ำได้จ้าวซวนกับพวกลู่หนานก็อยากจะขำ แต่ก็พยายามอดกลั้นไว้ถึงอย่างไรนางก็เป็นสตรีขององค์จักรพรรดิ เมื่อเกิดเรื่องแล้วพวกเขาหัวเราะจะมิเหมาะสม“ช่วยด้วย!”“ช่วยด้วย! ฝ่าบาทรีบช่วยกุ้ยเหรินอู๋ด้วยเถิดเพคะ!”เฉี่ยวเอ๋อร์ตะโกนอย่างตกใจจ้าวซวนจึงได้สติแล้วรีบให้องครักษ์ผู้หนึ่งไปหาแม่นมสองคนมาช่วย ตนก็รีบไปดูว่าข้าง ๆ มีไม้ไผ่หรือไม่ เมื่อหาไม้ไผ่เจอก็ยื่นไปในน้ำให้อู๋จื่อผิงจับไว้ก่อนอู๋จื่อผิงอยากจะแสร้งเป็นลมให้ได้รับความเห็นใจจากเซียวหลินเทียน ไหนเลยจะคิดว่าสระน้ำจะหนาวเข้ากระดูกเช่นนี้
แม่นมลี่อยู่กับหลิงอวี๋ตั้งแต่ในตอนที่ยากลำบากกันมา สิ่งที่พวกหลิงซวนมิกล้าพูด แม่นมลี่กล้าพูดแม่นมลี่เอ่ยอย่างเกลี้ยกล่อม “องค์จักรพรรดิมิใช่อ๋องอี้เช่นเมื่อก่อนแล้ว พระองค์มีสถานะสูงศักดิ์ ท่านกับพระองค์โกรธกันเช่นนี้ คนที่จะเสียเปรียบไปตลอดก็คือท่านเพคะ!”“แม่นม มิต้องพูดแล้ว ข้าเข้าใจทั้งหมด!”หลิงอวี๋พูดตัดบทแม่นมลี่เรียบ ๆสองวันนี้นางพิจารณาอย่างชัดเจนมากแล้ว นางอยากจะใช้เรื่องนี้ลองหยั่งเชิงขีดจำกัดของเซียวหลินเทียนดูว่าเขาจะสามารถทนตนไปได้ถึงขั้นไหน!หากแค่ความโกรธธรรมดา หลิงอวี๋มิถือสาก็ย่อมได้ทว่าหากเรื่องนี้พัฒนาต่อไปแล้วเซียวหลินเทียนมิอาจทนตนได้จริง ๆ เช่นนั้นก็ให้เป็นความรักที่จากกันด้วยดีหากเซียวหลินเทียนติดเชื้อความคลางแคลงใจของจักรพรรดิ อยากจะประหารตน เช่นนั้นนางก็ต้องพิจารณาทางหนีทีไล่ให้พวกนางทุกคนยามจำเป็น หลิงอวี๋ก็จะพาพวกนางไปแนะนำกับมู่หรงชิ่งที่เยวี่ยใต้ หรือไม่ก็หาที่ที่ดีอยู่กันอย่างสันโดษแน่นอนว่าหลิงอวี๋มิหวังให้ไปถึงขั้นนั้น หากเป็นเช่นนั้นความเสียสละของพวกนางคงจะมากเกินไปตอนนี้ก็ดูท่าทีของเซียวหลินเทียนไป!ครานี้หลิงอวี๋ตัดสินใจว่าจะมิป
หลิงอวี๋ตั้งใจสั่งทำโต๊ะมาสามโต๊ะเพื่อกินหม้อไฟ พวกหานเหมยก็จัดโต๊ะไว้ที่โถงด้านข้างกระทั่งหลิงอวี๋เชิญไทฮองไทเฮามาก็เริ่มจุดไฟไทฮองไทเฮาเองก็ได้ยินจากแม่นมเว่ยว่า หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนมิได้ไปมาหาสู่กัน แต่เมื่อเทียบกับแม่นมลี่แล้ว ไทฮองไทเฮาทำเหมือนว่าเรื่องนี้มิได้เกิดขึ้นสามีภรรนาหนุ่มสาวทะเลาะกันเป็นเรื่องปกติมาก หากนางยื่นมือเข้าไปยุ่งอาจจะทำให้เรื่องดี ๆ กลายเป็นเรื่องแย่ก็ได้อีกอย่างไทฮองไทเฮาเข้าใจหลิงอวี๋มาก หลิงอวี๋ใจกว้าง นิสัยก็ดี โดยปกติแล้วปัญหาทั่ว ๆ ไปมิอาจทำให้นางขุ่นเคืองได้ นางไม่มีทางจับจ้องอย่างมิยอมปล่อย“หม้อนี้แปลกใหม่มาก เป็นเพราะความรุ่งโรจน์ของอาอวี๋ในวันนี้ข้าถึงได้เห็น!”ไทฮองไทเฮาเห็นหม้อที่รูปร่างคล้ายผังแปดทิศ จึงมองพิจารณาอย่างสงสัยแล้วยิ้มพลางเอ่ยชื่นชมหลิงอวี๋ยิ้มพลางเอ่ย “วันนี้จู่ ๆ ก็นึกอยากกินหม้อไฟเพคะ ที่ครัวหลวงมิได้เตรียมเนื้อแกะไว้ หากมีเนื้อแกะหั่นชิ้นบาง ๆ หม้อไฟจึงจะเลิศรสเพคะ!”แม้ว่าจะไม่มีเนื้อแกะ หลิงอวี๋ก็เตรียมวัตถุดิบที่แสนอร่อยไว้มากมาย แล้วเชิญไทฮองไทเฮานั่งลง จากนั้นก็ใส่ผักให้ไทฮองไทเฮาก่อนพวกเซียวเยวี่ยมองอยู
เซียวหลินเทียนคิดเช่นนี้ก็ก้าวเท้าเดินเข้าไป“เหตุใดมิดีดแล้ว ทักษะฉินของเจ้ายอดเยี่ยมมาก ตามหลักแล้วมิน่าจะผิดพลาด...”สวีเนี่ยนจือได้ยินเสียงก็แอบดีใจ ในที่สุดนางก็ก้าวไปขั้นหนึ่งแล้ว!องค์จักรพรรดิมิได้เห็นตนแล้วหันหลังหนีไป ทั้งยังก้าวเข้ามาพูดคุย นั่นเป็นการพิสูจน์แล้วว่าองค์จักรพรรดิมิได้รังเกียจตนแต่สวีเนี่ยนจือกลับมิได้งุนงงไปเพราะเหตุนี้ นางจึงแสร้งหันไปอย่างตกใจ เมื่อเห็นเซียวหลินเทียนจึงเรียกออกมาอย่างตกใจ “ฝ่าบาท...”“ฝ่าบาทขอประทานอภัยเพคะ เนี่ยนจือรบกวนฝ่าบาทหรือไม่เพคะ!”สวีเนี่ยนจือรีบลุกขึ้นแล้วคุกเข่าทำความเคารพ“มิต้องพิธีรีตอง ข้ารบกวนเจ้าหรือไม่?”เซียวหลินเทียนประคองนางเล็กน้อย อาศัยโคมมังกรสีเข้มที่แขวนอยู่ในศาลา เซียวหลินเทียนจึงมองเห็นอย่างชัดเจนว่าบนใบหน้างดงามของสตรีเต็มไปด้วยรอยน้ำตาเขาตะลึงไปเล็กน้อย นี่คือสาเหตุที่กุ้ยเหรินสวีดีดฉินผิดอยู่ตลอดสินะ?เมื่อนึกถึงเสียงฉินที่ทั้งน่าสงสารและซาบซึ้ง ทั้งยังมีความมิพอใจ เซียวหลินเทียนขึงเอ่ยถามออกไป “เจ้ากำลังนึกถึงใครหรือ?”“กราบทูลฝ่าบาท เนี่ยนจือพ่อแม่สิ้นแล้วทั้งคู่ เมื่อครู่แค่นึกถึงพวกท่านเพคะ..
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี