เฮยจื่อผวาจนหน้าซีดไร้เลือด เหงื่อกาฬเต็มดวงหน้าเขาอ้าปากพลางหลับตาฉับไวราวกับคิดว่าตราบใดที่ไม่กล่าว โอสถสัจธรรมไม่อาจตัดสินชี้ขาดตนพูดจริงหรือเท็จได้หลิงอวี๋ดูความจริงเล็ก ๆ นี้ของเฮยจื่อออกพลางหัวเราะนิดหน่อย“เจ้าไม่ตอบก็ไร้ประโยชน์ ยาสัจธรรมนี้มหัศจรรย์ยิ่ง ถ้าเจ้าเงียบเรื่อย ๆ มันจะตัดสินเองคิดว่าเจ้าโกหก!”“เจ้าลองตรวจดูสิว่า ท้องน้อย ๆ เริ่มเจ็บแล้วหรือยัง?”“พระชายา ท่านขู่ขวัญเด็กเช่นนี้ได้เยี่ยงไร?”พ่อบ้านฟั่นทนไม่ไหวพลางด่าว่า “เดิมทีไม่มีโอสถสัจธรรมอะไรนั่นในใต้หล้านี้ เจ้าอย่าพรางเป็นเทพแสร้งเป็นผีขู่ขวัญคน!”หลิงอวี๋เหลืบมองพ่อบ้านฟั่น ยิ้มตอบ “ไยจะไม่มี! ผู้อื่นทำมิได้ แต่ตัวข้าผู้เป็นพระชายาทำได้!”“พ่อบ้านฟั่นคงลืมสิ้นแล้ว คราก่อนก็เป็นโอสถลับของข้าช่วยชีวิตเฮยจื่อไว้มิใช่รึ?”ทุกคนต่างลอบมองหน้ากัน คนเหล่านั้นที่ไม่เชื่อก็เริ่มสั่นคลอน นึกถึงหมอที่พูดว่าไม่อาจช่วยเฮยจื่อไว้ได้แล้วเมื่อคราก่อน!แต่หลิงอวี๋หยิบยาลับออกมา ช่วยชีวิตเฮยจื่อที่แขวนบนเส้นด้ายได้อย่างเฉียบขาด!บางทีอาจมียาสัจธรรมอยู่จริง!“เฮยจื่อ อย่าโทษว่าข้ามิให้โอกาสเจ้า! เจ้าตอบตอนนี้ อ
“เฉี่ยวเหลียน เฮยจื่อยอมรับเรื่องใส่ร้ายตัวข้าผู้เป็นพระชายาแล้ว! เจ้าว่าอย่างไรเล่า? เจ้ายังยืนหยัดจะแก้ต่างหรือไม่?”หลิงอวี๋มองทางเฉี่ยวเหลียนถากถางหลังของเฉี่ยวเหยียนเปี่ยมเหงื่อกาฬ นางอ้าปากลิ้นเป็นปม(1) ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงโขกหัวคำนับกล่าวคำ“พระชายา บ่าวรู้ความผิดแล้วเจ้าค่ะ! มิควรเล่นละครกับคุณชายเฮยใส่ร้ายพระชายา!”“บ่าวสับสนไปชั่วขณะ! บ่าวมีความผิด! แต่ได้โปรดท่านอ๋องเห็นแก่ที่บ่าวอุทิศหัวใจและวิญญาณเถิดเพคะ อภัยโทษบ่าวครั้งนี้ครั้งเดียวเถิด! ภายหน้าบ่าวจะมิขวัญกล้าทำอีกแล้วเพคะ!”“แค่เรื่องใส่ร้ายน่ะหรือ?”หลิงอวี๋ไม่รอให้เซียวหลินเทียนเอื้อนเอ่ยก็กล่าวยกตนข่มท่านเร็วพลัน“ตัวข้าผู้เป็นพระชายามิได้โง่งม ถ้าเจ้าพูดไม่สมเหตุสมผล ข้าจะยอมให้พวกเจ้าใส่ร้ายตัวเองหาปะไร?”“กล้าล่อตัวข้าผู้เป็นพระชายาไปเรือนพวกเจ้า ทำให้คนสงสัยว่าข้าเฉดหัวเฮยจื่อไป!”“แถมระยะห่างจากเรือนของเฮยจื่อถึงคอกม้ามีความเหมาะเจาะนัก เฮยจื่อหนีไปไม่มีคนพบเห็นอย่างเหนือคาด!”“เจ้าเป็นแค่นางใช้ตัวเล็ก ๆ คนเดียวจะมีความสามารถปิดฟ้าป้องตะวันเลยรึ? เจ้ามีสมองวางอุบายนี้ทั้งหมดเชียวหรือ?”“พูดสิ ผู้ใดบงกา
หลิงอวี๋พูดเหยียดเสร็จก็หันไปทางชิวเหวินซวง ยิ้มหยันกล่าวว่า“ชิวเหวินซวง เจ้าดูสิ ท่านอ๋องของพวกเจ้าซักถามข้าในฐานะพระชายาได้! ข้าพระชายาอ๋องอี้ผู้สง่าถามเจ้าสองประโยค เจ้าก็พูดว่าข้าทำให้เจ้าลำบากใจ!”“เจ้ามีหนึ่งก็บอกมีหนึ่ง(1)ก็พอแล้ว! แสร้งทำเป็นน้อยใจให้ใครมองรึ?”“ตำหนักอ๋องอี้ของพวกเจ้าคนมากถึงเพียงนี้ ไม่ทำให้ตัวข้าต้องยุ่งยากก็อมิตาพุทธแล้ว ไฉนข้าจะยังกล้าทำเรื่องยากให้พวกเจ้า!”“ตัวข้าได้รับความไม่เป็นธรรม เจ้ามีค่ากว่าข้าหรือไร? ทนความน้อยเนื้อต่ำใจนิดเดียวก็มิได้รึ? ไม่ทันไรก็พูดเรื่องมอบอำนาจดูแลเรือนชั้นใน นี่คือขู่ผู้ใดงั้นรึ?”“คนของตัวข้าข้าเลี้ยงเอง ไม่เคยใช้เงินตำหนักอ๋องอี้พวกเจ้าสักเฟินดียว! ฉะนั้นอำนาจดูแลเรือนชั้นในอะไรนั่นข้าไม่สนใจเช่นกัน เจ้าเก็บไว้เองเถอะ!”“ชิวเหวินซวง ทีหลังอย่าพูดว่าจะไปบ่อย ๆ! การยอมถอยเพื่อชนะใช้ได้หนเดียว! ใช้ถี่ก็ไม่ได้ผลแล้ว!”เหล่าคนรับใช้ได้ฟังคำพูดของหลิงอวี๋พลันมองชิวเหว่นซวงแปลกไปทันที พระชายาอ๋องอี้ยังไม่เคยสอดมือเรื่องดูแลจัดการเรือนชั้นในเลย!การพูดว่าพระชายาอ๋องอี้ต้องการดูแลเรือนชั้นในจึงสร้างความลำบากใจให้นาง นี่มิ
เซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ลึกซึ้ง พลางจ้องเฉี่ยวเหลียนใบหน้าเคร่งขรึม“พระชายาพูดถูกต้อง เฉี่ยวเหลียน เจ้าเป็นแค่นางรับใช้ตัวเล็ก ๆ คนเดียว ไม่อาจคิดวิธีใส่ร้ายคนละเอียดรอบคอบเช่นนี้ได้เด็ดขาด!”“ตัวข้าผู้เป็นอ๋องให้โอกาสเจ้าหนเดียว! จงพูดคนที่บงการเจ้าเสีย… ข้าคิดว่าเจ้ายังเด็กไม่รู้ความ โทษอาจผ่อนปรนได้!”“ไม่เช่นนั้น… เหอะ...”เซียวหลินเทียนส่งเสียง ‘เหอะ’ เย็นชาลู่หนานกำลังวางมือบนด้ามดาบพลางลงมือร่วมข่มขู่กับเซียวหลินเทียน ตะคอกว่า “พูด...”เฉี่ยวเหลียนกลัวจนทั่วร่างสั่นเทิ้ม นางมิกล้ามองคนอีกเลย คลานกับพื้นพลางกล่าวทั้งน้ำตา“ท่านอ๋องได้โปรดไว้ชีวิต! ไม่… ไม่มีคนบงการบ่าวเพคะ ล้วนเป็นผีหลงสติปัญญา(1)ของบ่าวทั้งสิ้นที่คิดถึงความโหดร้ายของพระชายาที่ทำร้ายทุบตีเฉี่ยวชุนเพคะ!”“บ่าวเป็นห่วงคุณชายเฮยจื่อจะถูกพระชายารังแกภายภาคหน้า บ่าวทนมิได้จึงยุยงเฮยจื่อหนีไปเพคะ!”“บ่าวคิดไม่ถึงว่าคุณชายเฮยจื่อจะถูกคนลักพาตัวไปจริง ๆ! หากบ่าวรู้ บ่าวจะไม่ปล่อยเฮยจื่อจากไปเป็นแน่เพคะ!”จนถึงตอนนี้เซียวหลินเทียนพบว่า เฉี่ยวเหลียนยังไม่ยอมจำนน พลางขมวดคิ้วอย่างเดียดฉันท์เขาเอ่ยเสียงเย้ยหยั
ครั้นเฉี่ยวเหลียนเอ่ยจบ พลางมองเซียวหลินเทียนทั้งน้ำตาอย่างคาดหวังเซียวหลินเทียนพยักหน้าเล็กน้อย พ่อบ้านฟั่นแอบถอนหายใจ ท่านอ๋องเชื่อคำแก้ตัวนี้ของเฉี่ยวเหลียนหรือไม่?นิ้วชี้เซียวหลินเทียนกำลังเคาะเบา ๆ ที่แขนเก้าอี้ล้อ พลางเกิดเสียง ‘ก๊อกก๊อก’ แผ่วเบาเสียงเคาะคลื่นนี้ไม่ได้ดัง แต่กลับทำให้ทุกคนต่างไม่กล้าส่งเสียงหลิงอวี๋กำลังมองดูด้วยนัยน์ตาเยือกเย็น พลันเห็นเซียวหลินเทียนเลิกปกป้องพ่อบ้านฟั่นกับชิวเหวินซวงทันใดยังคงไต่สวนต่อ!คำแก้ตัวรอบนี้ของเฉี่ยวเหลียนมีช่องโหว่เต็มไปหมด นางไม่เชื่อว่าเซียวหลินเทียนจะดูไม่ออก“เฉี่ยวเหลียน เจ้ายังมีอะไรเพิ่มเติมหรือไม่?”ในที่สุดเซียวหลินเทียนก็เปิดปากกล่าวเฉี่ยวเหลียนปาดน้ำตาพลางส่ายศีรษะตะลีตะลาน “บ่าวไม่มีอะไรเพิ่มเติมแล้ว! บ่าวพูดความจริงทั้งหมดแล้วเพคะ!”“ความจริง?”เซียวหลินเทียนเผยริมฝีปากหัวเราะเย้ยหยัน เสียงไม่ดังไม่เบา“เฉี่ยวเหลียน ตัวข้าผู้เป็นอ๋องพูดไปเมื่อครู่ ขอแค่เจ้าสารภาพตามตรง ข้าอาจผ่อนปรนโทษให้เจ้าได้!”“แต่เหมือนว่า… เจ้าไม่ได้ใส่ใจคำพูดของตัวข้า!”เซียวหลินเทียนน้ำเสียงผกผันพลางกล่าวเฉียบขาดว่า“ทุกคนคิด
“หลิงซิน เจ้ามือเท้าง่อย เจ้าอย่าชั่วช้าโจมตีใส่ร้ายคน! ข้ามิเคยทำเรื่องประเภทนั้นกับเจ้า!”พ่อบ้านฟั่นตะโกนลนลานว่า “เจ้าแค้นข้าที่ไม่ย้ายเจ้าออกเรือนพระชายาเป็นแน่จึงใส่ไคล้ข้า!”“ท่านอ๋อง เมื่อก่อนหลิงซินเคยมาหาข้า พูดว่าไม่อยากทุกข์ยากติดตามพระชายา ขอให้กระหม่อมผลัดนางไปที่อื่น กระหม่อมไม่รับปาก! เพราะเรื่องนี้นางจึงใส่ไคล้กระหม่อมแน่เลยพ่ะย่ะค่ะ!”หลิงซินส่งเสียง ‘ถุย’ พลางด่า “ถ่างตาพูดส่งเดช(1)คือเจ้าเถอะ! คุณหนูข้าดีต่อข้าขนาดนี้! ไยข้าต้องผลัดไปที่อื่น!”พ่อบ้านฟั่นชี้หลิงหลานพลางเรียก “พระชายามิจ่ายเงินเดือนให้พวกเจ้าหลายเดือนแล้ว หลิงหลานยืนยันได้! พระชายาปล่อยให้พวกเจ้ากินไม่อิ่มจะดีต่อพวกเจ้าได้เช่นไร?”หลิงซินมองหลิงหลานเยาะเย้ยพลางยิ้มตอบ “หลิงหลานพูดคือเรื่องเมื่อก่อน คุณหนูของเราเคยเป็นหนี้เงินเดือนเราจริง!”“แต่ไม่กี่วันก่อนคุณหนูชดเชยเงินเดือนให้พวกเราครบแล้ว! ทั้งหมดห้าร้อยตำลึงเงิน!”ห้าร้อยตำลึง? ข้ารับใช้เหล่านั้นเบิกตากว้างตกตะลึง จะเป็นไปได้อย่างไร!เพื่อจะให้เกียรติหลิงอวี๋ หลิงซินก็พิสูจน์คำพูดของตนพลางกล่าวภาคภูมิใจ“จะเชื่อหรือไม่ นี่ไงเล่า ตั๋วเงิ
“เงียบ!”เมื่อดูนางรับใช้เหล่านั้นพูดเหมือน ๆ กันแล้ว จ้าวซวนยกมือกล่าวคำ “ขอให้ท่านอ๋องโปรดไต่สวนต่อพ่ะย่ะค่ะ!”คนรับใช้เหล่านั้นต่างเงียบ มองเซียวหลินเทียนอย่างคาดหวังสีหน้าเซียวหลินเทียนดำทะมึน เมื่อครู่เขากำลังพิจารณาตัวเอง ตำหนักแห่งนี้เกิดเรื่องขึ้นมากเพียงนี้ คาดไม่ถึงว่าเขาจะไม่รู้อะไรเลย!นี่ท่านอ๋องอี้ผู้นี้หัวทึบแค่ไหนกันแน่?เขาไม่มีหน้าโยนความผิดให้พ่อบ้านฟั่น การถูกหลอกคือความอัปยศของเขา! และเป็นความโง่เขลาของเขาเช่นกัน!เซียวหลินเทียนหลับตาลง พลางลืมตาอีกครั้งก็ตัดสินใจแล้วความผิดเกิดขึ้นแล้ว ภายหน้าเขาจะใช้เรื่องนี้เตือนสติตัวเองเสมอแล้วกัน ความผิดแบบนี้จะได้ไม่เกิดขึ้นซ้ำอีกในอนาคต!“พ่อบ้านฟั่น เจ้ามีอะไรจะพูดอีกหรือไม่?”เซียวหลินเทียนเอ่ยถามเสียงเย็นชา“กระ… กระหม่อม...”พ่อบ้านฟั่นพูดอึกอัก ในที่สุดก็หักใจคุกเข่ากับพื้นอย่างแน่วแน่“เป็นกระหม่อมโง่เขลาแล้ว! ละทิ้งความไว้วางใจของท่านอ๋อง! สมควรประหารกระหม่อมหมื่นครั้ง!”“เจ้ายอมรับความของนางรับใช้เหล่านี้หรือไม่?”เซียวหลินเทียนเอ่ยถามพ่อบ้านฟั่นก้มหน้าพลางกล่าวสำนึกเสียใจ “กระหม่อมมิใช่คน เป็นเดรั
“ไป่สือ ไปปลุกเขาเสีย!”เซียวหลินเทียนยังมีคำถามอีก ครั้นเห็นพ่อบ้านฟั่นเป็นลมก็พลันสั่งไป่สือไปข้างหน้าทันทีไป่สือวิ่งรุดไปถึงพบว่าพ่อบ้านฟั่นหน้าดำหน้าแดง โลหิตไหลออกจมูก มุมปากเปี่ยมฟองขาวเขาตระหนกรีบตรวจชีพจรพ่อบ้านฟั่น ชีพจรพ่อบ้านฟั่นสับสน บ้างเร็วบ้างช้า…“ท่านอ๋อง… พ่อบ้านเป็นโรคหลอดเลือดสมองแล้วพ่ะย่ะค่ะ! คาดว่าตกใจมากเกินไป… แม้จะช่วยให้ฟื้นก็อยู่ได้ไม่นานแล้ว!”หลิงอวี๋ฟังแล้วใจสั่นสะท้าน มันบังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไร?ขณะกำลังไต่สวนพ่อบ้านฟั่นอาการป่วยเขาพลันกำเริบทันที เป็นไปได้หรือไม่ว่ามีคนวางหมากไว้?นางมองทางชิวเหวินซวงทันควัน พบว่าชิวเหวินซวงห่างกับพ่อบ้านฟั่นไกลห้าหกเมตร แถมมีคนรับใช้กั้นกลางระยะห่างเช่นนี้เรื่องคิดวางอุบายแทบเป็นไปไม่ได้เลย!หลิงอวี๋ครุ่นคิดไม่วางใจลง เดินไปพลางกล่าว “ข้าลองดูหน่อย!”นางนั่งยองข้างพ่อบ้านฟั่น ใช้การสัมผัสของตนตรวจอาการป่วยพ่อบ้านฟั่นจากนั้นหลิงอวี๋ตรวจชีพจรพ่อบ้านฟั่น หัวคิ้วพลันขมวดทันใดลักษณะนี้ของพ่อบ้านฟั่นไม่เหมือนถูกคนวางอุบาย!แต่ก็มิใช่โรคหลอดเลือดสมองทั่วไป นี่ยิ่งเหมือนลักษณะของโรคเลือดออกในสมอง!นางสัมผัส
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี