จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นความดื้อดึงของหลิงอวี๋ จึงเอ่ยอย่างจนใจ “อวี้หนู ค่ายกลนี้มิอาจมองข้ามได้จริง ๆ ข้ามิได้โกหกเจ้า มีคนมากมายที่มิเข้าใจค่ายกลนี้แล้วบุกเข้าไปในค่ายกล ก็จะถูกขังอยู่ในค่ายกลนี้จนตาย!”“พวกเราขึ้นไปมิได้ ก็ยังสามารถลงไปลองเสี่ยงโชคดูได้ บางทีเราอาจจะยังมิได้เดินเข้าไปในค่ายกล และยังสามารถเดินออกไปได้!”หลิงอวี๋คิดแล้วเอ่ย “ท่านบอกข้าเรื่องค่ายกลนี้อีกสักหน่อยสิ บางทีข้าอาจจะคิดหาวิธีได้!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยรู้สึกกลัดกลุ้ม นางยังมิสามารถทำลายค่ายกลนี้ได้ แล้วหลิงอวี๋จะทำลายมันได้อย่างไร!จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมองลงไปด้านล่างภูเขา จากนั้นมองวังน้ำแข็งที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม สุดท้ายก็ประนีประนอม บางทีหลิงอวี๋อาจจะโชคดี สามารถทำลายมันได้!นางอธิบายหลักการของค่ายกลให้หลิงอวี๋ฟังคร่าว ๆ หลิงอวี๋ก็ซักถามนางมากมายนักจ้าวหรุ่ยหรุ่ยค่อนข้างจะรำคาญแล้ว หลังจากตอบด้วยเสียงหยาบจึงเอ่ย “ตอนนี้เจ้าก็รู้แล้วว่าหากคิดจะทำลายค่ายกลมันมิง่ายเช่นนั้น ฟังข้าแล้วลงไปจากภูเขาก่อนเถิด!”“มิลองดูแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่ามิได้!”หลิงอวี๋เอ่ย “เช่นนั้นก็ให้เสี่ยวอวี้กับเจ้าลงไปดูด้านล่าง แล้วข้าศึกษาวิธีทำ
เมื่อหลิงอวี๋พูดเช่นนี้ จ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็เริ่มสนใจเช่นกัน นางรู้สึกว่าสติปัญญาของตนเหนือกว่าหลิงอวี๋ ไม่มีทางที่จะแพ้หลิงอวี๋ได้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยพยายามอย่างหนักที่จะนึกย้อนถึงเส้นทางและภูมิแคว้นที่ตนผ่านมาแต่คิดอยู่นาน ก็ดูเหมือนว่าสิ่งเหล่านั้นน่าจะเติบโตในที่ดั้งเดิมนี้อยู่แล้ว ไม่มีอะไรแปลกเลย!หลิงอวี๋เองก็พยายามนึกย้อนดู แต่ก็มิพบอะไรผิดปกติฟ้ามืดแล้ว มองมิเห็นแผนที่ที่วาดขึ้นแล้ว อุณหภูมิก็ลดลงอย่างรวดเร็ว ทั้งสามคนจึงมารวมตัวกันเพื่อให้ความอบอุ่น“หิวจัง!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสูญเสียศักดิ์ศรีความเป็นคุณหนูไปแล้ว นางเกิดมาก็ใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายมาโดยตลอด จะเคยทุกข์ทรมานเช่นนี้ได้อย่างไร!นางมองหลิงอวี๋ หลิงอวี๋มิได้สูญเสียพลังวิญญาณ แค่ถูกตนผนึกไว้เท่านั้น หากทำลายผนึกของนาง นางก็น่าจะมีมิติเหมือน ๆ กับแหวนพระสุเมรุข้างในนั้นน่าจะมีอาหาร!แต่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมิกล้าเสี่ยงเช่นนั้น หากปลดผนึกของหลิงอวี๋ตนก็จะยิ่งมิสามารถควบคุมหลิงอวี๋ได้หากนางพบว่าจิตสำนึกของนางถูกตนผนึกไว้ เช่นนั้นนางจะต้องสังหารตนแล้วหนีไปอย่างแน่นอน!หากจะตายก็ตายด้วยกันสิ!หากสามารถให้คู่ต่อสู้ผู้นี้ตายไปพร
“พี่หญิง!”หลิงอวี๋รู้สึกได้ว่าเสี่ยวอวี้กำลังเรียกตน แต่ร่างกายของนางมิสามารถควบคุมได้ นางลอยไปแล้วก็ร่วงลงความเร็วที่ร่วงลงมานั้นเร็วมากจนทำให้หลิงอวี๋รู้สึกว่าหัวถูกกดทับจนเสียงดังอื้ออึงไปหมด มิสามารถทนต่อแรงที่ร่วงลงมาอย่างรวดเร็วได้ นางจึงสลบไปหลิงอวี๋หลับอยู่ในความมืด มิรู้ว่าหมดสติไปนานแค่ไหน แล้วก็ได้ยินคนพูดกันแว่ว ๆ“เจ้าวังน้อย คนผู้นี้น่าเกลียดมาก ท่านช่วยเหลือนางเพราะเหตุใดกันเพคะ? แค่โยนออกไปเป็นอาหารเสือดาวหิมะก็พอแล้ว!”เสียงเด็กเอ่ยขึ้นมา “วังเทพไม่มีใบหน้าสดใหม่มานานมากแล้ว เห็นหน้าพวกเจ้าอยู่ทุกวันข้าก็เบื่อแล้ว เก็บนางไว้คลายความเบื่อเถิด!”“เจ้าวังน้อย คนผู้นี้น่าเกลียดถึงเพียงนี้ จะคลายความเบื่อได้อย่างไรเพคะ!”นางกำนัลเอ่ยอย่างมิพอใจ“เจ้ามิเข้าใจ นางทำได้หลายอย่างเลย! เจ้ารอไปก่อนเถิด นางจะนำเรื่องน่าประหลาดใจมาให้เจ้าแน่!”หลิงอวี๋กะพริบตา เสียงของเจ้าวังน้อยฟังดูน่ารักมาก แต่น้ำเสียงของนางกลับเต็มไปด้วยความชั่วร้ายหลิงอวี๋พยายามลืมตา แต่กลับถูกแสงเจิดจ้าตรงหน้าทิ่มแทงจึงหลับตาไปอีกครั้งเพียงมองแวบเดียวเมื่อครู่ นางก็พบว่าตนอยู่ในวัง!นางค่อย ๆ
ด้านนอกเป็นสวนรกรุงรัง หลิงอวี๋ยังมิทันจะได้เห็นสถานการณ์รอบตัวอย่างชัดเจน เสวี่ยหลานก็หยิบแส้ขึ้นมาแล้วฟาดใส่หัวและใบหน้าของนางแส้ฟาดใส่หน้าหลิงอวี๋ ใบหน้าของหลิงอวี๋เจ็บปวดมาก ๆ นางโกรธมาก อยากจะไปแย่งแส้ แต่เสวี่ยหลานเบี่ยงตัวหลบเลี่ยงไปนางเฆี่ยนตีไปนางอีกครั้งแล้วตำหนิด้วยความโกรธ “นางสารเลว เจ้ายังกล้าจะแย่งแส้อีก วันนี้ข้าจะสอนกฎเกณฑ์ให้เจ้าอย่างดี!”“ในวังเทพนี้ นอกจากเจ้าวังแล้ว เจ้าวังน้อยเป็นใหญ่ที่สุด เจ้าวังน้อยพูดสิ่งใดเจ้าก็ต้องเชื่อฟัง มิฉะนั้นจะถูกลงโทษ!”เพียะ ทันใดนั้นแส้ก็ฟาดไปที่ขาของหลิงอวี๋ หลิงอวี๋ก็เซล้มลงไปกับพื้นยังมิทันที่นางจะลุกขึ้นมาได้ เสวี่ยหลานก็เฆี่ยนตีที่ตัวนางอีกครั้ง“ต่อหน้าเจ้าวังน้อยมิอนุญาตให้เจ้าแทนตัวว่าข้า เจ้าต้องแทนตัวว่าบ่าว!”“ต่อไปเจ้าวังน้อยจะเป็นเจ้านายของเจ้า เจ้าเป็นเพียงสัตว์เลี้ยงที่เจ้าวังน้อยเลี้ยงดูเท่านั้น หากเจ้าวังน้อยให้เจ้าคลานเหมือนสุนัข เจ้าก็ทำได้เพียงต้องเชื่อฟังเท่านั้น!”หลิงอวี๋ยิ่งฟังก็ยิ่งโกรธขึ้นเรื่อย ๆ นางเป็นมนุษย์ แม้ว่าจะเป็นทาสที่ต่ำต้อย ก็มิอาจเอาตนไปเทียบกับสุนัขได้!นางเห็นเสวี่ยหลานเหวี่ยงแส้
หลิงอวี๋ได้ยินเช่นนี้ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ การแบ่งชนชั้นในวังเทพแห่งนี้แปลกประหลาดนัก อำนาจของนางรับใช้มิกี่คนสามารถเทียบกับเจ้าวังน้อยได้“เรือนชูอวิ๋นนี้เป็นสถานที่อาศัยของทาสระดับต่ำ หากเจ้ามีความสามารถทำให้เจ้าวังน้อยมีความสุขได้ ต่อไปก็จะได้เลื่อนตำแหน่งไปอยู่ในเรือนระดับสูง!”เสวี่ยหลานพาหลิงอวี๋ไปที่เรือนที่อยู่ห่างไกล แม้ว่าจะห่างไกล แต่ก็งดงามมากเช่นกัน นางกำนัลทั่ว ๆ ไปก็แต่งตัวงดงามมาก“เจ้ามีนามว่าอะไร?”เสวี่ยหลานเอ่ยถามสัญชาตญาณของหลิงอวี๋มิชอบชื่ออวี้หนูที่จ้าวหรุ่ยหรุยตั้งให้ตน นางนึกขึ้นได้ว่าในความฝันมีคนเรียกตนว่าอาอวี๋ จึงเอ่ยออกไป “อาอวี๋!”“อาอวี๋ จำคำของข้าไว้ อย่าเอ่ยวาจาเหลวไหลในวังเทพ และอย่าคิดที่จะหลบหนี หากถูกจับได้ จุดจบของเจ้านั้นตายยังดีกว่ามีชีวิตอยู่!”“เมื่อเทียบกับแส้ในวันนี้ เจ้าจะพบว่านรกบนหล้ามนุษย์ก็เป็นเช่นนี้!”เสวี่ยหลานเอ่ยอย่างเย็นชา “เข้าไปล้างตัวพักผ่อนเสีย วันนี้เจ้าวังน้อยเหนื่อยแล้ว วันพรุ่งจึงจะตามหาเจ้า!”เสวี่ยหลานเรียกนางกำนัลที่ทำงานทั่วไปมา “ปี้เอ๋อร์ พานางไปที่ห้องของนาง!”นางกำนัลที่อยู่ใกล้ ๆ มาทักทาย หลิงอ
“กินเถิด ขนมอบนี้อร่อยมาก! ขอบใจนะปี้เอ๋อร์!”หลิงอวี๋เคี้ยวขนมอบที่แห้งแล้ว แม้ว่าจะกลืนลำบาก แต่นางก็ยังทำท่าทางดูอร่อยมากอยู่ปี้เอ๋อร์ถูกหลิงอวี๋ยัดขนมเข้าปาก ก็จนใจต้องกัดไปคำหนึ่งแล้วหยิบออกมา จากนั้นก็ค่อย ๆ กินอย่างทะนุถนอมดวงตาของนางไร้เดียงสานัก เผยให้เห็นความสบายใจในการเพลิดเพลินกับอาหารอร่อยหลิงอวี๋เห็นแล้วก็รู้สึกเศร้า เด็กผู้นี้ดูแต่งตัวงดงาม แต่ขนมชิ้นหนึ่งที่คุณภาพมิเท่าเดิมทำให้นางกินอย่างมีความสุขเช่นนี้ ในวันปกติคงจะถูกนางกำนัลคนอื่นหรือเจ้าวังน้อยรังแกอยู่มิน้อยเลยกระมัง!“ปี้เอ๋อร์ ปกติเจ้ามิค่อยมีอาหารกินเพียงพอหรือ?” หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างสบาย ๆ“พี่อาอวี๋ เรากินข้าวทั้งสามมื้อก็ได้ แต่ในทุกวันมีเรื่องที่ต้องทำมากเกินไป ของพวกนั้นอยู่มิได้จนถึงตอนเย็นหรอก!”ปี้เอ๋อร์กระซิบ “ตอนที่เจ้าวังอยู่ยังได้กินมากหน่อย แต่ในช่วงมิกี่เดือนที่ผ่านมาเจ้าวังมิได้อยู่ในวังเทพ ท่านอาหลินบอกว่าเสบียงมิเพียงพอ ให้เราประหยัดกันหน่อย! ดังนั้นพวกเราจึงกินมิอิ่ม!”“เจ้าวังไปไหนหรือ?”ดวงตาของหลิงอวี๋เป็นประกาย ปี้เอ๋อร์มิได้ระวังตน บางทีตนอาจจะสืบสถานการณ์เฉพาะของวังเทพจากปากข
แต่ยามนี้หานเหมยกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยที่หลิงอวี๋เป็นห่วงมิได้อยู่ในค่ายกลแล้วตอนหลิงอวี๋ตกลงไป หานเหมยอยากจะดึงนางไว้ แต่นางถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจับไว้ก่อน จึงมิสามารถหลุดพ้นไปได้พลังนั้นโจมตีเข้ามา หานเหมยกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็ถูกพลังนั้นพัดพากลิ้งตกเนินเขาไปทั้งสองล้มลงจิตสับสนวุ่นวาย จากนั้นก็กลิ้งไปยังมิทันถึงครึ่งทางก็สลบไปแล้วกระทั่งหานเหมยฟื้นขึ้นมา ก็นอนอยู่ในรถม้าคันหนึ่ง นางยังมิทันลืมตาก็ได้ยินจ้าวหรุ่ยหรุ่ยคุยอยู่กับบุรุษผู้หนึ่ง“ศิษย์พี่ พวกเราขึ้นไปวังเทพมิได้หรือ? หลิงอวี๋จะต้องถูกคนในวังเทพจับตัวไปแล้วเป็นแน่ ที่ตัวนางมีหยกหล้าสุขาวดีอยู่ เจ้ามิอยากได้มันหรือ?”เฉียวเค่อยิ้มขมขื่นพลางเอ่ย “หรุ่ยหรุ่ย เจ้ามิรู้ว่านั่นคือวังของผู้ใด ค่ายกลนั้นเรามิอาจทำลายได้ แม้ว่าจะทำลายได้ ก็มิอาจแย่งหลิงอวี๋กลับมาจากน้ำมือของคนในวังเทพได้!”หลิงอวี๋คือใคร?หานเหมยรู้สึกเพียงว่าชื่อนี้คุ้นเคยมาก!“นั่นคือวังของใคร? เหตุใดข้ามิเคยได้ยินมาก่อน!” จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเอ่ยถามอย่างสงสัย“นั่นคือวังเทพของตระกูลหวงฝู่!”เฉียวเค่อเอ่ยอย่างอดทน “หวงฝู่หลินบรรพบุรุษของตระกูลหวงฝู่ หลงอี้จากตระกู
จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น แทบรอมิไหวที่จะทำสิ่งนั้นกับเฉียวเค่อในรถม้าแต่นางมิกล้า ตอนนี้ตนไม่มีการบำเพ็ญตนใด ๆ มิสามารถควบคุมเฉียวเค่อได้เลยหากเรื่องเป็นไปจนถึงครึ่งทางแล้วเฉียวเค่อรู้ตัว เช่นนั้นเขาจะต้องสังหารตนแน่!หานเหมยได้ยินเสียงเย้าแหย่ของทั้งสองคนก็อายจนหน้าแดง หายใจลำบากโดยมิรู้ตัวเฉียวเค่อได้ยินก่อน จึงผลักจ้าวหรุ่ยหรุ่ยออก แล้วขยิบตาให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็ได้สติทันที มองหานเหมยแล้วกลอกตาพลางเอ่ย “ศิษย์พี่ คืนนี้เราหาที่พักผ่อนกันเถิด ข้าต้องอาบน้ำ!”เฉียวเค่อเข้าใจทันที จึงเอ่ย “ด้านล่างวังเทพมีชนเผ่าหนึ่ง เราไปพักค้างคืนที่นั่นสักคืนได้!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมีความคิดชั่วร้ายอยู่ในใจ ไหนเลยจะอยากไปสถานที่ที่มีคนพลุกพล่านและให้คนมากมายเห็นตนอยู่กับเฉียวเค่อ!“มิต้องหรอก เจ้าบอกว่าเซียวหลินเทียนกับตระกูลเย่กำลังไล่ตามเจ้าอยู่มิใช่หรือ? ข้ามิอยากให้เจ้าตกอยู่ในอันตราย ซ่อนตัวไว้ก่อนเถิด!”“ให้คนรับใช้ของท่านไปซื้ออาหารมา แล้วเรานอนในป่ากัน!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยพูดแล้วขยิบตาให้เฉียวเค่อเฉียวเค่อถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยทำให้หลงใหลจนมิเป็นตัวเอง เพื่อจะทำให้สา
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี