เกี๊ยววางอยู่นานจนเย็นแล้ว หลิงอวี๋จึงยกกลับไปอุ่นร้อนแล้วยกออกมาใหม่หวงฝู่หมิงจูตักสองสามชิ้นให้หวงฝู่หลินด้วยตนเอง หวงฝู่หลินที่เลือกกินเมื่อชิมแล้วก็รู้สึกว่ารสชาติดีความเป็นศัตรูที่เขามีต่อหลิงอวี๋ลดน้อยลง กระทั่งกินเสร็จแล้วพาหวงฝู่หมิงจูออกไปเดินเล่นกลับมา หวงฝู่หลินก็ให้หลิงอวี๋อยู่ก่อนตามลำพัง ในใจของหลิงอวี๋คิดไปมากมาย เจ้าวังผู้นี้วางแผนจะเอาคืนในภายหลังหรืออย่างไร?นางมองหวงฝู่หลินแล้วยื่นมือไปถอดสร้อยข้อมือโมราออกส่งคืนไปพลางเอ่ย“ท่านเจ้าวัง บ่าวรู้ว่าท่านรับบ่าวเป็นน้องสาวบุญธรรมนั้นเป็นการพูดให้เจ้าวังน้อยฟังเฉย ๆ อาอวี๋มิกล้าหวังสูง มิได้ถือเป็นจริงเพคะ!”“สร้อยข้อมือนี้ขอคืนให้ท่าน อาอวี๋มีเพียงเรื่องเดียวที่อยากขอร้อง หากวันใดที่เจ้าวังน้อยทำใจยอมรับได้ที่อาอวี๋จะต้องจากไป ก็ขอให้ท่านเจ้าวังปล่อยให้อาอวี๋ลงจากภูเขาไปด้วยเถิดเพคะ!”สตรีผู้นี้รู้ว่าสิ่งใดควรมิควร!เมื่อหวงฝู่หลินได้ยินคำพูดนี้ก็ลดความระวังที่มีต่อหลิงอวี๋ลงเล็กน้อยเขามองสร้อยข้อมือแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา “ของที่ข้ามอบให้แล้วข้ามิรับคืน!”“คำขอของเจ้าข้าตกลง ส่วนสร้อยข้อมือนี้ถือว่าเป็นการขอบคุ
ประโยคเดียวของหลิงอวี๋ทำเอาหวงฝู่หลินชะงักจนพูดมิออกไปเลยเขามองหลิงอวี๋อย่างแปลกใจเมื่อพิจารณาคำพูดของหลิงอวี๋โดยละเอียดแล้ว มันเต็มไปด้วยปรัชญาและความหมายที่ลึกซึ้ง!คำพูดนี้ของหลิงอวี๋มิเพียงแต่ชี้ให้เห็นว่านางถูกขังอยู่ในวังเทพนี้ แม้ว่าจะนั่งอยู่ทองกองเท่าภูเขาแต่ก็มิได้มีความสุขทั้งยังอาศัยเรื่องนี้บอกกับหวงฝู่หลินเป็นนัย ๆ ด้วยว่า… นี่คือเครื่องรางปกป้องชีวิตของนาง!นอกเสียจากว่า หวงฝู่หลินจะรับปากว่าจะปล่อยนางลงจากภูเขาไป มิเช่นนั้นให้ตายนางก็ไม่มีทางส่งตำรับยาให้!ตอนนี้หวงฝู่หลินเชื่อแล้วว่าหลิงอวี๋มิได้หวั่นไหวกับของล้ำค่าจริง ๆ!สตรีผู้นี้ฉลาดเกินไป นางมองเห็นข้อเสียเปรียบของนางได้อย่างชัดเจน และตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วว่าควรจะทำอย่างไรจึงจะเป็นประโยชน์ต่อตนแม้ว่าหวงฝู่หลินจะเติบโตอยู่ในวังเทพมาตั้งแต่เด็ก แต่เพราะว่ามิสบายจึงต้องลงเขาไปหายาหาหมออยู่บ่อย ๆใต้หล้านี้เขาจึงเคยได้ติดต่อกับสตรีอยู่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นคนธรรมดามิได้โดดเด่น และดูเรียบ ๆ มิได้มีอะไรแปลกใหม่ เป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสกับสตรีที่ฉลาดเช่นหลิงอวี๋หวงฝู่หลินเก็บความดูถูกที่มีต่อหลิงอวี๋ไป แล
“ท่านเจ้าวัง บ่าวเป็นอะไรหรือเพคะ? เหตุใดท่านจึงมองบ่าวเช่นนี้?”หลิงอวี๋ค่อนข้างกังวล จึงซักถามออกไปโดยมิรู้ตัวหวงฝู่หลินเอ่ยอย่างเย็นชา “เจ้าตั้งครรภ์ เกือบจะสองเดือนแล้ว เจ้ามิรู้หรือ?”ตั้งครรภ์?ราวกับฟ้าผ่าลงที่หัวของหลิงอวี๋ตอนกลางวันแสก ๆ นางตกใจจนตะลึงไป นางตั้งครรภ์หรือ?เช่นนั้นพ่อของลูกคือใคร?บุรุษที่ใส่ชุดจักรพรรดิสีเหลืองสดใสผู้นั้นแวบเข้ามาในหัวทันทีจะเป็นเขาหรือไม่?สีหน้าของหลิงอวี๋เปลี่ยนแล้วก็เปลี่ยนอีก มิรู้ว่าควรจะพูดอะไรหวงฝู่หลินมองท่าทีงุนงงของนางแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา “คาดว่าคนที่ปิดผนึกเจ้าก็มิรู้เช่นกันว่าเจ้าตั้งครรภ์ เข็มเงินที่ปักมาที่เจ้าเหล่านี้จะจำกัดการเจริญเติบโตของเด็ก!”“เด็กผู้นี้เจ้าเก็บไว้มิได้แล้ว แม้ว่าจะโชคดีสามารถเจริญเติบโตได้ แต่เกิดมาแล้วก็อาจจะมีผลกระทบทางด้านสติปัญญาหรือไม่ก็ทางร่างกาย!”คำพูดนี้ของหวงฝู่หลินเป็นการโจมตีที่ยิ่งใหญ่เท่ากับที่เขาบอกหลิงอวี๋ว่าตั้งครรภ์นางยังมิทันได้รู้สึกดีใจกับเรื่องที่ตนตั้งครรภ์ก็ถูกการประกาศว่าเด็กอาจจะพิการตีเข้าที่หัวอย่างจังหลิงอวี๋มิรู้ว่าตนรู้สึกอย่างไร นี่เหมือนกับเพิ่งจะมอบภูเข
หวงฝู่หลินถามเองตอบเอง “พลังในตัวของนางน่าจะอยู่เหนือกว่าดินแดนที่ห้า แต่ว่าจุดตันเถียนของนางถูกคนผนึกพลังเอาไว้!”“นอกจากนี้ การรับรู้ทางจิตของนางก็ถูกผนึกไว้ด้วย นางมิรู้แม้แต่ตัวตนที่แท้จริงของตนเอง!”ปี้ซงงุนงง “ท่านเจ้าวัง ผู้ใดกันที่ทำเรื่องเช่นนี้กับนาง?”หวงฝู่หลินยิ้มเยาะ “เพื่อมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏขึ้นมาอย่างเช่น กระบี่เซวียนหยวนและหินฝูซี ทางด้านแดนเทพนั้นจึงมีการต่อสู้กันอย่างรุนแรง พวกนั้นคิดเอาเองว่าตระกูลใหญ่มีความชอบธรรมจะทำอะไรก็ได้เพื่อมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์สองชิ้นนี้!”“อาอวี๋ผู้นี้ บางทีอาจจะเกี่ยวข้องอยู่ในการต่อสู้เหล่านี้ด้วย!”นี่ก็แสดงว่าหวงฝู่หลินรู้อยู่แล้วว่าการรับรู้ทางจิตของหลิงอวี๋ถูกผนึกไว้ แต่กลับมิได้เอ่ยถึงเหตุผลหลักนี้กับหลิงอวี๋เขาจะต้องรู้ตัวตนของหลิงอวี๋ให้แน่ชัด ดูว่านางเป็นมิตรหรือศัตรูแล้วจึงจะตัดสินใจว่าจะบอกนางหรือไม่“ท่านเจ้าวัง เช่นนั้นบ่าวจะให้คนไปตรวจสอบพ่ะย่ะค่ะ!”ปี้ซงบอก“อืม”แม้ว่าตระกูลหวงฝู่จะถอนตัวออกมาแล้วมิสนใจเรื่องของแดนเทพ แต่ก็มิได้หมายความว่าหวงฝู่หลินจะเป็นคนที่ยอมให้ใครมาทำอะไรก็ได้หากใครกล้าคุกคามมาถึง
ในตอนเย็น หวงฝู่หลินก็มากินอาหารเย็นกับหวงฝู่หมิงจูหลิงอวี๋จึงทำอาหารเพิ่มเป็นสองที่ และสองพ่อลูกก็กินกันอย่างมีความสุขมากกระทั่งกินเสร็จแล้ว หวงฝู่หลินก็พาหวงฝู่หมิงจูไปเดินเล่นตามปกติหลิงอวี๋ก็พาปี้เอ๋อร์ไปทำความสะอาดห้องครัวแล้วนั่งลงพักผ่อน รอหวงฝู่หมิงจูกลับมาแล้วไปรับใช้อาบน้ำให้นางจากนั้นก็จะไปพักผ่อนได้เวลานี้เสวี่ยเหมยก็เดินเข้ามา มองหลิงอวี๋แล้วเอ่ยอย่างเหน็บแนม “อาอวี๋ ข้ายังมิได้แสดงความยินดีกับเจ้าที่ได้กลายเป็นน้องสาวบุญธรรมของเจ้าวังเลย! ต่อไปเจ้าก็เป็นหนึ่งในเจ้านายของวังเทพแล้ว เจ้าก็อย่าลืมช่วยเหลือข้าด้วย!”“พี่หญิงเสวี่ยเหมยพูดตลกแล้ว ข้าหรือจะมีโชคสามารถเป็นน้องสาวบุญธรรมของเจ้าวังได้ เรื่องนี้เป็นเพราะเจ้าวังน้อยยกย่องเท่านั้นเอง!”หลิงอวี๋ยังต้องอยู่ที่วังเทพอีกสามปี มิอยากทำให้เสวี่ยเหมยขุ่นเคืองจึงเอ่ยยิ้ม ๆ ไป “พี่หญิงเสวี่ยเหมยดูแลข้าถึงเพียงนั้น หากมีอะไรดี ๆ ข้าย่อมมิลืมเจ้าอยู่แล้ว!”“เช่นนั้นก็ดี!”เสวี่ยเหมยจึงเปลี่ยนหัวข้อ “ข้าจะมาบอกกับเจ้าว่า หัวหน้าเสิ่นจะลงเขา บอกว่าให้เจ้าไปตรวจดูสักหน่อย ดูว่าในรายการยังมีของอะไรขาดไปอีกหรือไม่”“การส
กระทั่งหวงฝู่หมิงจูกลับมา เสวี่ยเหมยก็เอ่ยกับหวงฝู่หมิงจูด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง “เจ้าวังน้อย อาอวี๋บอกว่านางปวดหัวเล็กน้อยเลยไปนอนก่อนเพคะ คืนนี้มิได้มาเล่านิทานให้ท่านฟังแล้ว คืนนี้บ่าวอยู่กับท่านนะเพคะ!”หวงฝู่หมิงจูค่อนข้างมิพอใจ เสวี่ยเหมยจึงเอ่ยเกลี้ยกล่อมอย่างอดทน “คนเราก็ป่วยกันได้นะเพคะ อาอวี๋ดูแลท่านมาตั้งหลายวันจะป่วยก็เป็นเรื่องปกตินัก ท่านต้องเข้าใจนาง ประเดี๋ยวนางพักผ่อนแล้ว วันพรุ่งก็สามารถทำอาหารอร่อย ๆ ให้ท่านได้แล้วเพคะ!”หวงฝู่หมิงจูครุ่นคิดแล้วเอ่ยอย่างรู้ความ “เช่นนั้นก็ได้ ให้พี่อาอวี๋พักผ่อนให้หาย แล้วคืนวันพรุ่งค่อยมาเล่านิทานให้ข้าฟัง!”เสวี่ยเหมยเกลี้ยกล่อมหวงฝู่หมิงจูเสร็จแล้วก็ไปรับใช้หวงฝู่หมิงจู อาบน้ำให้แล้วพาเข้านอนปี้เอ๋อร์ย้ายเข้ามาก็มาอยู่ที่ห้องเดียวกับหลิงอวี๋ นางเองก็คิดว่าหลิงอวี๋ปวดหัวไปนอนแล้ว จึงรอให้เจ้าวังน้อยเข้านอนแล้วปี้เอ๋อร์จึงได้กลับห้องไปเสวี่ยเหมยก็ตามมามิใกล้มิไกล รอให้ปี้เอ๋อร์เข้าไปก่อนแล้วเสวี่ยเหมยก็ตามเข้าไป“พี่เสวี่ยเหมย...”ปี้เอ๋อร์เห็นว่าในห้องไม่มีคนอยู่ กำลังแปลกใจว่าเหตุใดหลิงอวี๋จึงหายไป แต่เมื่อหันกลับมาก็เจอเสวี่
หวงฝู่หลินสีหน้าเปลี่ยนไป แล้วในที่สุดก็ตะโกนขึ้นมา “ปี้ซง!”ปี้ซงเดินเข้ามา“ส่งข่าวออกไปทันทีให้ป้าวเฉิงระดมคนทั้งหมดจับเป็นอาอวี๋!”ที่ตัวของอาอวี๋ยังมีตำรับยาที่หวงฝู่หลินต้องการอยู่ ก่อนที่จะได้ตำรับยานั้นมา หวงฝู่หลินต้องการให้อาอวี๋ยังมีชีวิตอยู่ปี้ซงเป็นคนสนิทของหวงฝู่หลินจึงเข้าใจเจตนาของหวงฝู่หลินในทันที แล้วเอ่ยเสียงเรียบ “พ่ะย่ะค่ะ!”ปี้ซงรีบใช้นกพิราบส่งข่าวหาป้าวเฉิงอย่างรวดเร็วท่านน้าหลินแอบภูมิใจ หัวหน้าเสิ่นรับเครื่องประดับเหล่านั้นที่ตนให้เขาไปแล้ว จะต้องสังหารหลิงอวี๋แล้วอย่างแน่นอนแม้ว่าปี้ซงจะตามหาหลิงอวี๋กลับมาได้ หลิงอวี๋ก็เป็นศพไปแล้ว ไม่มีทางเป็นภัยคุกคามตำแหน่งของตนได้อีก“เสวี่ยเหมย เจ้านำศพปี้เอ๋อร์ไปฝังเถิด เด็กสาวผู้นี้เองก็เป็นคนที่น่าสงสารที่เจอคนมิดี!”ท่านน้าหลินแสร้งทอดถอนใจแล้วบอกหวงฝู่หมิงจูคือคนที่เสียใจที่สุดในจำนวนเหล่านี้ นางเชื่อใจอาอวี๋ถึงเพียงนั้น อาอวี๋หนีไปได้อย่างไร?หลักการที่ปกตินางสอนให้ตนในการเป็นคนนั้นเป็นของปลอมทั้งหมดเลยหรือ?หวงฝู่หมิงจูรู้สึกว่าตนถูกหักหลัง ในเวลาชั่วครู่นี้ นางได้รู้จักกับความเกลียดเป็นครั้งแรกแล้
ในขณะที่เสวี่ยเหมยกำลังระวังตัวอยู่เงียบ ๆ นั้น วังเทพก็ได้ต้อนรับแขกที่มิได้รับเชิญจากหลายทางคนเหล่านี้ก็คือเซียวหลินเทียน คนของตระกูลเฉียวและคนของตระกูลเก๋อทันทีที่คนสามกลุ่มนั้นเข้ามาในพื้นที่ของภูเขาหิมะ องครักษ์ที่ยืนเวรอยู่ด้านหน้าหุบเขาก็ส่งนกพิราบมาส่งข่าวให้หวงฝู่หลินอย่างรวดเร็วหวงฝู่หลินเห็นแล้วก็ตะลึงเป็นเล็กน้อย ตระกูลหวงฝู่มิข้องเกี่ยวกับเรื่องภายนอกมาหลายร้อยปีแล้ว คนเหล่านี้ดาหน้ามาพร้อมกันด้วยเรื่องอันใด?“ทำตามกฎเดิม มิต้องสนใจพวกเขา หากสามารถบุกเข้ามาถึงวังเทพได้ค่อยว่ากัน!”หวงฝู่หลินยิ้มอย่างดูถูกหลายร้อยปีมานี้ มีคนจำนวนนับมิถ้วนที่อยากจะบุกเข้ามาปล้นวังเทพแต่เข้ามาได้ก็กลับออกไปมิได้เขามิเชื่อว่าคนเหล่านั้นจะสามารถบุกเข้ามาในวังเทพได้อย่างราบรื่นภายใต้การวางกับดักที่ซับซ้อนและค่ายกลจำนวนมากแต่ปี้ซงมิได้มองในแง่ดีเช่นหวงฝู่หลิน เขาดูข่าวที่ส่งมาอย่างละเอียดแล้วเอ่ย “ท่านเจ้าวัง กลุ่มที่มาสองกลุ่มคือตระกูลเก๋อกับตระกูลเฉียว นี่คือคนของทางแดนเทพพ่ะย่ะค่ะ!”“หากมิได้มีเรื่องสำคัญนักพวกเขาจะมาที่แดนเทพด้วยกันได้อย่างไร?”“ส่วนคนกลุ่มนี้มิใช่คนของแดนเทพ
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี
ชีวิตนี้หาสหายรู้ใจได้ยากนัก!หลงเพ่ยเพ่ยยิ้ม นางก็รู้สึกว่าตนกับเย่หรงพูดคุยสื่อสารกันง่ายเช่นกันเย่หรงฉลาด ที่สำคัญที่สุดคือมิใช่บุรุษประเภทหัวโบราณคร่ำครึ มิเหมือนพวกพี่สามที่เอะอะก็วางตนเป็นผู้ใหญ่สั่งสอนนางเฮ้อ หากสามีในอนาคตของนางสามารถพูดคุยกันได้เหมือนเย่หรง เช่นนั้นสามีภรรยาจะมิรักใคร่กลมเกลียวกันมากหรอกหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยคิดแล้วพลันหน้าแดงเรื่อ นี่นางกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่!“พวกเรามาคิดกันก่อนดีกว่าว่าอีกประเดี๋ยวหากพบเสด็จย่าแล้วจะทำอย่างไรดี!”หลงเพ่ยเพ่ยมิกล้าคิดฟุ้งซ่านต่อไป รีบเปลี่ยนเรื่องคุย“ท่านกังวลว่าท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นจะก่อกวนหรือ?”เย่หรงก็ดึงความคิดกลับมา พวกเขาใกล้จะถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ต้องคิดหาข้ออ้างให้ดี“อืม ท่านหญิงชิงเฉิงมิใช่คนประเภทที่จะเจรจาด้วยง่าย ๆ ท่านหญิงอวิ๋นยังพอคุยง่ายอยู่บ้าง แต่ในเมื่อพวกนางรับคำสั่งจากชายาเจ้าแห่งทะเลมาเพื่อถ่วงเวลาเสด็จย่า ย่อมมิยอมให้ข้าบรรลุเป้าหมายแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยเผยสีหน้าอมทุกข์เย่หรงพลันนึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับท่านหญิงอวิ๋นขึ้นมา แม้ท่านหญิงอวิ๋นจะเป็นธิดาแท้ ๆ ของชายาเจ้าแห่งทะเล แต่ช่วงห
“โอ้ ใต้หล้านั้นแตกต่างจากใต้หล้าของพวกเราหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยถูกเย่หรงกระตุ้นความอยากรู้ จึงจ้องมองพลางถาม“อืม บ้านเรือนที่นั่นสูงเท่าภูเขา สูงที่สุดอาจถึงร้อยชั้นได้ ทั้งยังมีรถมากมายที่มิต้องใช้ม้าลาก วิ่งได้เร็วมาก!”เย่หรงเล่าให้หลงเพ่ยเพ่ยฟังไปเรื่อย ๆเมื่อพูดถึงเครื่องบินก็ทำให้หลงเพ่ยเพ่ยเบิกตากว้าง นางมองเย่หรงอย่างงง ๆ “เจ้าโกหกกระมัง จะมีเครื่องมือที่สามารถบรรทุกคนขึ้นไปบนฟ้าได้อย่างไร!”“มีจริง ๆ ข้ามิได้โกหกท่าน พี่หญิงหลิงหลิงจำได้มากกว่าข้าเสียอีก รอมีโอกาสให้นางเล่าให้ท่านฟัง ท่านก็จะเชื่อว่าข้ามิได้โกหกท่าน!”เย่หรงเริ่มตื่นเต้น “ท่านหญิง ท่านปู่มิได้บอกหรือว่าคันฉ่องคุนหลุนของตงกู่อวี้สามารถพลิกฟ้าคว่ำปฐพีได้?”“หากพวกเราได้คันฉ่องคุนหลุนมา มิต้องรอเวียนว่ายตายเกิด ข้าจะพาท่านไปดูใต้หล้านั้น! ท่านจะต้องชอบใต้หล้านั้นอย่างแน่นอน!”เย่หรงพูดจนหลงเพ่ยเพ่ยใจเต้นระรัว นางกล่าวออกไปโดยมิต้องคิด “ได้ เช่นนั้นรอพวกเราช่วยแดนเทพผ่านพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ พวกเราหาคันฉ่องคุนหลุนเจอแล้วก็ไปด้วยกัน ไปดูใต้หล้าที่เจ้าพูดถึงกัน!”“ตกลงตามนี้!”เย่หรงยกมือขึ้น หลงเพ่ยเพ่
คนหนึ่งคือคนที่ตนรัก อีกคนคือสหายที่ดีที่สุดของตน!แต่พวกเขากลับร่วมมือกันหลอกลวงตน!หยางหงหนิงหันหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง นางจะมิปล่อยชายชั่วหญิงโฉดคู่นี้ไปแน่!สิ่งที่นางมิได้มาครอบครอง ยอมทำลายทิ้งเสียดีกว่ายอมให้คนอื่นได้ไป!หยางหงหนิงกลับไปที่รถม้าของตน เค้นเสียงลอดไรฟันออกมาคำหนึ่ง “ไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”ด้านหน้า เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยต่างก็ร้อนใจดั่งไฟเผา ฮองเฮาเสด็จไปสองชั่วยามแล้ว พวกเขาจะตามทันพระนางหรือ?อีกทั้งต่อให้ตามทัน มีท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นอยู่ พวกนางต้องช่วยชายาเจ้าแห่งทะเลขัดขวางมิให้ฮองเฮาเรียกตัวหลิงอวี๋เข้าเฝ้าแน่“ท่านหญิง พวกเราจะไปทันหรือไม่? ชายาเจ้าแห่งทะเลจะลงมือกับพี่หญิงหลิงหลิงแล้วหรือไม่?”เย่หรงถามอย่างร้อนรนหลงเพ่ยเพ่ยก็ร้อนใจเช่นกัน หลิงอวี๋ยังรอให้นางช่วยชีวิตอยู่ แต่นางก็มิรู้ว่าจะสามารถทูลขอพระราชโองการจากฮองเฮาได้สำเร็จหรือไม่“พวกเราพยายามเต็มที่เถอะ! ขอเพียงตามเสด็จย่าทัน ต่อให้ข้าต้องคุกเข่าอ้อนวอนก็ต้องให้นางพาพี่หญิงหลิงหลิงออกมาให้ได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวปลอบใจเย่หรงเห็นหลงเพ่ยเพ่ยวิ่งวุ่นไปทั่วกับตนก็นับว่าพยายามเ
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร