เข็มเงินจางเจ๋อใกล้แตะร่องเหนือริมฝีปากท่านอ๋องเฉิงแล้ว แต่ถูกเสียงร้องตกใจทำให้ชักกลับโดยสัญชาตญาณ“ใคร? ใครพูดสอดข้าช่วยคน”จางเจ๋อรั้งหน้ามองมาอย่างขุ่นเคือง ตะโกนลั่น“ร่องเหนือริมฝีปากคือตำแหน่งสำคัญของร่างกาย ผู้ใดโหวกเหวก ถ้าข้าตกใจพลั้งมือแทงท่านอ๋องเฉิงตายขึ้นมาเจ้าจะรับผิดชอบได้หรือไม่?”ตอนหลิงอวี๋ออกจวนคลุมผ้าคลุมหน้าไว้ เวลานี้ก็ไม่อยากเปิดเผยตัวตนแท้จริงของตัวเองจึงไปข้างหน้าสองสามก้าวพลางเอ่ย“หมอจาง อาการท่านอ๋องเฉิงมิใช่ภาวะลิ่มเลือดอุดตันและก็มิใช่โรคหลอดเลือดสมอง! ท่านมิอาจใช้วิธีรักษาหลอดเลือดสมองกับเขาได้!”“การฝังเข็มเงินร่องเหนือปากนี้ของท่านมิได้ส่งผลดีอะไรต่ออาการป่วย!”“กลับกัน ยังสามารถทำให้ท่านอ๋องเฉิงเป็นอัมพาตครึ่งซีกด้วย!”จางเจ๋อหน้ามืดครึ้มฉับพลัน ถลึงมองหลิงอวี๋อย่างโกรธเกรี้ยวพลางตะคอกลั้น “เจ้าคือใคร! เจ้าเป็นสตรีเข้าใจวิชาหมอรึ?”“เจ้ารู้หรือไม่ว่าอาจารย์ข้าคือผู้ใด? เขาคือเซียนหมอโบราณเลื่องชื่อระบือนามแห่งฉินตะวันตก! ข้าเรียนหมอกับเขาสิบกว่าปี สืบทอดวิชาสายตรงจากเขาลึกซึ้ง! แม้แต่อาจารย์ข้าก็เยินยอข้าว่าเก่งกว่าอาจารย์เสียอีก”“ถ้าข้าไม่
“ฟื้นแล้ว! ท่านอ๋องเฉินไม่เป็นไรแล้ว! ข้าก็บอกแล้วว่าวิชาแพทย์ลูกเถ้าแก่ของเราเหนือชั้น ไม่มีคนเทียบได้...”เมื่อหมอหลี่เห็นก็ร้องขึ้นอย่างลิงโลดทว่าหมอหลี่ยังไม่ทันเอ่ยจบ ท่านอ๋องเฉินก็พ่นโลหิตดำออกจากปากคำโต ร่างกายสั่นเทิ้ม สองขาชักกระตุกผ่านไปไม่นาน สองขาท่านอ๋องเฉินถีบเหยียดตึง ขาดใจเสียแล้ว…หมอหลี่เห็นก็ตะลึงตาค้างฉับพลัน นะ… นี่…เฉิงตงตกใจจนอ้าปากตาค้างเหมือนกันเขาก้าวไปข้างหน้าตรวจลมหายใจของท่านอ๋องเฉิน จากนั้นค้นพบว่าหยุดหายใจแล้วพลันคุกเข่าลงพื้นดัง ‘ตุ้บ’ เอ่ยอย่างแตกสลายว่า“เกิดอะไรขึ้น… มิใช่เอ่ยว่าสามารถช่วยท่านอ๋องของเราได้หรือ… เหตุใดเป็นเช่นนี้...”เมื่อจางเจ๋อเห็นแล้วจิตใจก็ลุกลนเช่นกัน หลังจากเขาทำเป็นนิ่งสงบชักเข็มออกพลางถอนหายใจต่อเฉิงตง“สายเกินไป เมื่อครู่หากข้าฝังเข็มเร็วกว่าหน่อยยังมีทางรอดได้ แต่ถูกสตรีผู้นั้นทำเสียเวลาจึงพลาดโอกาสรักษาที่ดีที่สุด!”“ท่านอ๋องเฉิน… สิ้นพระชนม์แล้ว! ส่งกลับเรือนเตรียมงานพระราชพิธีพระเพลิงพระบรมศพเถิด!”“ตู้ตงหงตะลึงชั่วขณะ พลันแสดงท่าทีชี้หลิงอวี๋ร้องเรียก”“ทั้งหมดคือความผิดนางผู้นั้น รายงานราชการจับกุมนางเสีย
หลิงอวี๋หมดคำจะพูด หมอของโรงหุยชุนพวกนี้ปกติไม่ค้นคว้าวิชาแพทย์ แต่ต่างสนใจค้นคว้าด้านฆ่าคนงั้นรึ? นางกำลังฝังเข็มเงินเล่มสุดท้ายบนง่ามนิ้วมือซ้ายของท่านอ๋องเฉิง เอ่ยต่อเฉิงตงว่า “ครึ่งก้านธูป!”เฉิงตงยังไม่ตอบสนองมา ก็พลันเห็นท่านอ๋องเฉิงลืมตาท่านอ๋องเฉิงหายใจหนัก พลันกระโดดขึ้นนั่ง ใบหน้างงงวย“ตัวข้านอนบนพื้นได้ยังไง ไยคนรุมมากหลายเช่นนี้?”เอ่อ เฉิงหมิงเป็นคนแรกที่ตอบสนอง ผลักเฉิงตงร้องขึ้นอย่างแปลกใจระคนดีใจ“เมื่อครู่แม่นางหลิงพูดว่าเวลาครึ่งก้านรูปจะคืนชีวิตให้ท่านอ๋องพวกเรา นี่ก็มิใช่ครึ่งก้านธูปรึไร?”อา… เฉิงตงตะลึงตาค้าง ครึ่งก้านธูปจริง ๆ หรือ?“ท่านอ๋อง พื้นมันเย็น ให้บ่าวประคองท่านลุกเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”หลิงอวี๋หัวเราะเบา ๆ เอื้อมมือไปพยุงท่านอ๋องเฉิง เฉิงหมิงก็รีบยื่นมือมาสมทบเช่นกันท่านอ๋องเฉิงยังมึนงงเล็กน้อย หลังโดนพยุงยืนขึ้นก็สะบัดมือทั้งสองออก กล่าวมาดเคร่ง“ตัวข้าผู้เป็นอ๋องเป็นอันใดไป? เหตุใดบนร่างมีแต่เลือด...”หลิงอวี๋เพิ่งว่างสังเกตท่านอ๋องเฉิงพบว่า เขากับท่านอดีตเสนาบดีปู่ของตนอายุพอ ๆ กันภายในเกศาสีเงินปะปนสีดำ เบ้าตาลึกเล็กน้อยมีดวงตาสีน้ำตาลเ
ท่านฮั๋ว?ฝูงชนส่งเสียงอื้ออึงทันใดครั้นมีคนจำชายชราผู้นี้ได้ปรมาจารย์แพทย์ท่านฮั๋ว เมื่อกี้ยังมีคนเอ่ยถึงเขา นั่นคือปรมาจารย์แพทย์ผู้เลื่องชื่อทัดเทียมปราชญ์แพทย์ซือคงชวิ่น เซียนหมอฮั๋ว!มีคนพูดเบา ๆ ว่า “มิใช่ลือว่าท่านฮั๋วตายแล้วหรอกรึ? นั่นใช่ท่านฮั๋วจริงหรือ?”มีคนด้านข้างมองค้อนคนคนนี้พลางกล่าวคำ“ท่านฮั๋วพละกําลังยอดเยี่ยมเพียงนี้ จะตายได้อย่างไร!”“ท่านฮั๋วคิดว่าพออายุมาก เกรงภายหลังกำลังจะเสื่อมถอย จึงฉวยตอนขาเท้ายังแข็งแรงไปท่องเขาลำเนาไพรไงเเล่า!”หลิงอวี๋ดูฉงนครั้นเห็นชายชรามองค้อนท่านอ๋องเฉิง ก็พลันหันมาทางตนยิ้มตาหยี“แม่นางหลิง เมื่อครู่เจ้าที่ใช้เคล็ดฝังเข็มชุดนั้น หรือว่าเป็นกลยุทธ์ยี่สิบเจ็ดเข็มเล่มมีดในตำนาน?”ท่านฮั๋วคลั่งไคล้ศาสตร์แพทย์นัก เมื่อครู่เห็นแม่นางหลิงใช้เข็มก็ตื่นเต้นจนสั่นทั้งร่างอยู่ข้าง ๆ บัดนี้ไม่สนใจตำหนิจางเจ๋อแล้ว เอ่ยสอบถามอย่างตื่นเต้น“นี่ถือได้ว่าคือกลยุทธ์ยี่สิบเจ็ดเข็มเล่มมีดประเภทหนึ่ง! แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด! ข้าปรับให้ดีขึ้นด้วย!”หลิงอวี๋เห็นชายชรามองกลยุทธ์ฝังเข็มของตนขาด ทั้งแสดงสีหน้ากระหายความรู้ก็พลันตอบอย่างไร้กังวลท่านฮ
ครั้นมาถึงโรงเหยียนหลิง หมอเลี่ยวมองอย่างคาดไม่ถึงว่าท่านฮั๋วปรมาจารย์แพทย์แห่งฉินตะวันตกกับท่านอ๋องเฉิงผู้สูงส่งแห่งเมืองหลวงจะมาด้วย มือไม้พัลวันไม่รู้จะจัดการเช่นไรที่เมืองหลวงหมอนักพรตเต๋าคนไหนบ้างไม่รู้จักท่านฮั๋ว?อย่างไรเสียท่านฮั๋วอยู่ต่อหน้าหลิงอวี๋กลับไม่วางมากสักนิด พอนั่งลงก็รีบเอ่ยทันที“อาจารย์ ท่านรีบเล่าให้ข้าฟังหน่อย ตอนนั้นจางเจ๋อเจ้าหนุ่มนั้นฝังร่องเหนือปากสหายเฉิง เหตุใดกล่าวว่าฝังแล้วอาจทำให้สหายเฉิงอัมพาตครึ่งซีกได้เล่า?”หลิงอวี๋ไม่ปิดบังพลันตอบว่า“ตอนนั้นท่านอ๋องเฉิงโลหิตไหลย้อนกลับ เพียงจางเจ๋อลงเข็มที่ต้นคอท่านเฉิงสองข้างและสองเข็มบนปลายเท้า ท่านก็ไม่เป็นไรแล้ว!”“แต่จางเจ๋อไม่ฟังคำเตือนฝังลงร่องเหนือปาก ทำให้เลือดของท่านบีบไปช่องอกทั้งหมด หัวใจท่านอ๋องเฉิงได้รับการกดทับหนักหน่วง หัวใจจึงหยุดเต้นและหยุดหายใจ!”ท่านอ๋องเฉิงได้ฟังสถานการณ์ล่อแหลมในตอนนั้น ก็รู้สึกผวาภายหลังอยู่บ้างพลางมองค้อนดุร้ายเฉิงตงที่คอยรับใช้ข้างกายเฉิงตงตกใจกลัวจนหน้าไร้สีเลือด คุกเข่าดังตุ้บพลันเอ่ยเสียใจภายหลังอย่างสุดซึ้ง“ท่านอ๋อง ทั้งหมดคือความโง่เขลาของกระหม่อม ได้ยินจา
คนในห้องกำลังพูดคุยเรื่อยเปื่อย มีคนนอกประตูเอ่ยเรียก“ท่านอ๋องเฉิง ท่านฮั๋ว หลานชายหลี่ว์จงเจ๋อกับบิดาหลี่ว์เซียงขอเข้าพบพ่ะย่ะค่ะ!”หลี่ว์เซียง?ท่านอ๋องเฉิงผงะครู่หนึ่งพลางมองท่านฮั๋วท่านฮั๋วยังไม่ทันเอ่ย เสียงของหลี่ว์เซียงพลันลอยมาข้างนอก“ท่านฮั๋ว ข้าน้อยได้ยินว่าท่านอยู่ที่นี่ จึงรุดมาเชิญเองโดยเฉพาะขอรับ”“ท่านแม่ป่วยหนัก คาดหวังท่านฮั๋วแสดงความเห็นใจมาตรวจท่านแม่ที่จวนสักหน่อยขอรับ!”“ออกไปตรวจดูหน่อยเถอะ!”ท่านอ๋องเฉิงส่ายศีรษะ “ฮูหยินใหญ่หลี่ว์ป่วยแบบนี้มานานโขแล้ว ครอบครัวหลี่ว์เซียงเสาะหาหมอสอบถามยาทั่วสารทิศ ช่างน่าสรรเสริญจิตใจกตัญญูกตเวทีนัก!”ท่านฮั๋วส่ายศีรษะ เอ่ยเสียงขรึม “เข้ามาเถอะ!”หลี่ว์เซียงกับหลี่ว์จงเจ๋อเดินเข้ามาทีละคนหลิงอวี๋ไม่มีความประทับใจลึกซึ้งต่อหลี่ว์เซียงเกินไปนัก ทว่านางได้ยินจากปากแม่นมลี่เมื่อท่านปู่ปลดเกษียณปีนั้น ก็ได้แนะนำหลี่ว์เซียงรับตำแหน่งแทนเขาเสียแล้วคนที่ท่านปู่แนะนำบุคลิกน่าจะพอใช้ได้กระมัง!หลี่ว์เซียงอายุสี่สิบกว่าปีรูปร่างไม่สูงไม่เตี้ย โครงหน้าเหลี่ยม ทั่วร่างเปี่ยมอิทธิพลยศถาบรรดาศักดิ์สูงส่ง ทว่าความกลัดกลุ้มแผ่คล
เปิดทำการโรงเหยียนหลิงในวันสิริมงคลที่ 26กฎการพบแพทย์ของโรงเหยียนหลิง ต้องลงทะเบียนรักษาและตรวจสี่สิบคนต่อวันภายในสามวันของการเปิดทำการ คนป่วยห้าท่านแรกตรวจโรคกับจัดสำรับยาไม่เสียค่าใช้จ่ายโรงเหยียนหลิงเพิ่งติดใบประกาศ ข่าวพลันแพร่สะพัดตรอกใหญ่ซอยน้อยอย่างเร็วรี่ด้วยเหตุนี้ เหล่าคนที่หมายชมความครึกครื้น คนที่ต้องการขอรับรักษา คนที่อยากได้เครื่องยาให้เปล่าต่างตั้งตารอวันที่ 26 อย่างตาลีตาเหลือกวันนี้มาถึงเร็วมากช่วงเช้าตรู่และกลางดึก ด้านนอกโรงเหยียนหลิงต่อแถวยาวเฟื้อยรอรับหมายเลขกำหนดเวลาเปิดทำการโรงเหยียนหลิงที่ยามจี่(1) ซึ่งคือช่วงเก้าโมงเช้าเวลาเจ็ดโมงกว่าฟ้าเริ่มสาง ถนนสายนี้ฝูงชนแน่นจนแม้แต่น้ำหยดเดียวก็ผ่านไม่ได้(2)ในคนหมู่นั้น นอกจากคนที่ขอรับรักษากับชมความครึกครื้น ยังมีหมอและผู้บุญหนักศักดิ์ใหญ่อีกมากมายประการแรกพวกเขามาเพื่อพบท่านฮั๋วปรมาจารย์แพทย์ ประการสองเพื่อมาพบแม่นางหลิง!แม้แต่ท่านฮั๋วปรมาจารย์แพทย์ล้วนเทียบแล้วสู้ไม่ได้ คนยังหมายกราบอาจารย์เรียนทักษะ วิชาแพทย์นั่นต้องเหนือชั้นแค่ไหนกัน!คนที่ขอรับรักษาก็อยากรับหมายเลขตรวจโรคจากแม่นางหลิงส่วนพวก
ดังสุภาษิตว่า ทวนเปิดเผยหลบหลีกง่าย เกาทัณฑ์ลับยากระวัง(1)โรงหุยชุนอาจไม่กล้าก่อเรื่องในที่สาธารณะ แต่แอบลงมือคนลับ ๆ อย่างน่ารังเกียจ“หลิงซิน!”หลิงอวี๋เรียกหลิงซินพลางการซิบสองสามประโยคข้างหูนาง หลิงซินเข้าใจแล้วจากไปก่อนหลิงอวี๋ไม่รีบไปโรงเหยียนหลิงแล้วเช่นกัน นางหมายฟังอยู่ที่นี่ดูว่าพวกคนโรงหุยชุนคิดเล่นลูกไม้อะไรตู้ตงหงมองรูปโฉมใหม่หลังบูรณะโรงเหยียนหลิง พลันเอ่ยหยัน“ปรับปรุงดีขนาดนี้จะไปมีประโยชน์อันใด? ไม่มีหมอฝีมือดีนั่งตรวจก็อยู่ไม่รอดหรอก! ข้าเดาว่าโรงเหยียนหลิงอยู่ได้ไม่นานก็ต้องปิดกิจการ!”สาเหตุที่หลิงหว่านก็ไม่ชอบหน้าตู้ตงหงกับคนพวกนั้นเป็นเพราะหลิงอวี๋ พอได้ยินวาจานั้นก็พูดถากถางโผงผางทันที“ใครบอกไม่มีหมอฝีมือดีนั่งตรวจ? เจ้ามิได้ยินที่ทุกคนมาล้วนเพื่อแม่นางหลิงรึไง?”“มีแม่นางหลิงนั่งตรวจ โรงเหลียนหลิงไม่ปิดกิจการหรอก!”“นี่เจ้ายังมิทันออกเรือนก็เข้าข้างกันซะแล้วรึ!”“วันนี้พวกเขาเปิดทำการโรงเหยียนหลิง เจ้าก็แช่งให้พวกเขาเจ๊ง… ฮูหยินน้อยโรงหุยชุนในอนาคตเช่นเจ้าช่างทำสิ่งมีคุณธรรมเสียจริง ๆ”เสียงพูดหลิงหว่านหยุดลง จางเจ๋อกับหมอหลวงจางก็มาแล้วจางเจ๋อ
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี