ขณะที่เย่ซวินกำลังคิดจะไป เขาก็เห็นหยางหงหนิงยืนอยู่ที่เดิมอย่างสิ้นหวัง และพลันใจเต้นขึ้นมาเย่ซวินถึงวัยที่จะแต่งงานแล้ว แต่ฮูหยินเย่หาคู่แต่งงานมาให้หลายครั้ง เขาก็ล้วนมิพอใจเมื่อก่อนเขาก็เคยชอบหยางหงหนิงเช่นกัน แต่อย่างไรสายตาของหยางหงหนิงก็มีปัญหา เพราะนางชอบแค่เย่หรงเท่านั้นนี่ก็เป็นเหตุผลหลักที่เย่ซวินมิชอบเย่หรงเช่นกันตอนนี้เมื่อเห็นว่าหยางหงหนิงยังคงหลงใหลเย่หรงอยู่ เย่ซวินก็ทั้งโกรธทั้งเกลียด เย่หรงมีอะไรดีนัก ถึงได้คู่ควรให้หยางหงหนิงรักอย่างมั่นคงอยู่เช่นนี้!หากคนที่นางชอบคือตน ตนจะมิทำให้นางเสียใจอย่างแน่นอน!“จูเอ๋อร์ เจ้ากลับไปก่อนเถิด ข้าจะคุยกับหงหนิงสักหน่อย!”เย่ซวินส่งเย่จูไปแล้วเดินกะเผลกไปหาหยางหงหนิง“หงหนิง เจ้าจะลำบากไปเพื่ออะไรกัน สายตาของเย่หรงมิได้มีเจ้าแม้แต่น้อย ต่อให้เจ้าทำมากแค่ไหน เขาก็ไม่มีทางชอบเจ้า!”เย่ซวินเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเห็นอกเห็นใจหยางหงหนิงจ้องมองเขาด้วยความโกรธ จากนั้นก็หันหลังเดินไปคนที่รังแกเย่หรงผู้นี้ หยางหงหนิงมิสนใจจะพูดกับเขาหรอก“ข้าได้ยินมาว่า เจ้าสาบานไว้ว่าจะให้เย่หรงแต่งงานกับเจ้าภายในหนึ่งเดือน เจ้าทำได้หรือ?
คำพูดของหยางหงหนิงคือสิ่งที่เย่ซวินกำลังคิดอยู่พอดี แต่เขาจะยอมรับได้อย่างไรเย่ซวินเอ่ยขึ้นมาอย่างมิพอใจทันที “เจ้าพูดไร้สาระอะไร? ข้าจะทำเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไร! ข้าหวังดีกับเจ้าหรอกนะ!”หยางหงหนิงยิ้มออกมาอย่างดูถูก “ท่านคิดว่าข้าเป็นคนโง่หรือ? เรื่องที่ท่านใส่ร้ายเย่หรงเมื่อครู่นั้นข้าได้ยินทั้งหมดแล้ว เย่หรงเปิดโปงคำโกหกของท่าน ท่านจะปล่อยเขาไปง่าย ๆ ได้อย่างไร!”เย่ซวินโกหกจนเคยชิน จึงเอ่ยออกมาโดยที่สีหน้ามิเปลี่ยนไป “ข้าไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่ แต่ข้าก็ไม่มีทางสังหารพี่น้องของข้าเช่นกัน!”“ข้าจะบอกความจริงกับเจ้าแล้วกัน ที่ข้าช่วยเจ้าเช่นนี้ ประการแรกก็เพราะข้ามิอยากให้สิงอวี๋แต่งงานเข้าตระกูลเย่ ก่อนหน้านี้ท่านผู้เฒ่าตระกูลข้าเคยบอกกับท่านพ่อของข้าไว้ว่า เขาอยากให้เย่หรงแต่งงานกับสิงอวี๋!”“เจ้าคงเห็นอิทธิพลที่สิงอวี๋มีต่อเย่หรงแล้วกระมัง หากให้สิงอวี๋แต่งงานเข้าตระกูลเย่ พวกเราก็คงจะมิได้มีชีวิตที่ดี!”“ที่ข้าช่วยเจ้ายังมีอีกเหตุผลหนึ่งด้วย… หงหนิง เมื่อครู่เจ้าได้ยินเย่หรงบอกว่าข้าเป็นหนี้จำนวนหนึ่งหรือไม่? เจ้าให้ข้ายืมสักสองล้านได้หรือไม่ รอเจ้าแต่งงานเข้าตระกูลเย่แล้ว
เมื่อองค์หญิงหานเยวี่ยที่ปฏิบัติกับตนราวกับแม่มิช่วยเหลือ หยางหงหนิงก็คิดวิธีที่จะบังคับให้เย่หรงแต่งงานกับตนมิออกแล้วนางพูดออกไปเสียใหญ่โตแล้วด้วย หากถึงเวลาแล้วเย่หรงมิยอมแต่งงานกับตน เช่นนั้นนางจะยังมีหน้าไปเจอผู้คนอีกหรือ?ความคิดนี้ของเย่ซวินเรียกได้ว่าตรงใจนางเลยทีเดียวหยางหงหนิงครุ่นคิดแล้วก็เข้าใจ หากเย่หรงมิเชื่อว่าตนรักเขามากถึงเพียงนั้น เช่นนั้นนางก็จะพิสูจน์ให้เขาเห็นว่า นางต่างหากที่เป็นคนที่รักเขามากที่สุด!หากเรื่องนี้ดำเนินไปด้วยดี นางก็มิเชื่อหรอกว่าเย่หรงจะยังคงมิสนใจตนอีก“เย่ซวิน ข้าให้สองล้านกับท่านได้ ขอเพียงท่านช่วยให้ข้าบรรลุเป้าหมาย เงินเหล่านั้นท่านก็มิต้องคืนหรอก!”หยางหงหนิงเอ่ยออกมาอย่างหนักแน่น “เรื่องนี้ข้าขอฝากให้ท่านจัดการ ท่านต้องช่วยข้าคิดแผนการที่สมบูรณ์แบบ และต้องแน่ใจว่าเย่หรงจะมิตกอยู่ในอันตราย!”“วางใจเถิด ข้าจะช่วยให้เจ้าสำเร็จดังปรารถนาแน่นอน!”เมื่อเย่ซวินได้ยินว่าตนมิต้องคืนเงิน หัวใจก็พองโตด้วยความดีใจ นี่มันหาเงินได้ง่ายเกินไปแล้ว!“เจ้ารอข้าสักสองสามวัน ตอนนี้เย่หรงได้รับบาดเจ็บ มิสะดวกที่จะไปสระเก้ามังกร รอข้าจัดการเรียบร้อยแล้
“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าเย่ซวินเป็นหนี้พนันก้อนโต เป็นเรื่องจริงหรือ?”เย่ซื่อเจียงเอ่ยถามออกไปเย่หรงยกยิ้มมุมปากอย่างเยาะเย้ย แล้วเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา “บ่อนการพนันมากมายในเมืองหลวงแดนเทพล้วนเปิดโดยสำนักซิงหลัวทั้งนั้น ท่านมิเคยไป จึงมิรู้ว่าบ่อนการพนันมีวิธีการพนันอะไรบ้างกระมัง!”“การทอยลูกเต๋าเป็นเพียงวิธีการเล่นธรรมดา ส่วนการแข่งม้า การเล่นไพ่และอื่น ๆ เป็นวิธีเล่นที่เสียเงินมากที่สุด เมื่ออยู่ข้างในหากท่านใช้เงินมาก ผู้คนในนั้นก็จะเห็นว่าท่านเป็นนายใหญ่ ยิ่งวิธีเล่นระดับสูงก็จะยิ่งเสียเงินมาก!“การสูญเสียเงินหลายแสนในนั้นภายในคืนเดียวมิถือว่าเป็นเงินหรอก! ท่านเข้าไปในนั้นแล้วลองไปถามดู แทบจะไม่มีใครที่มิรู้จักเย่ซวิน! เมื่อรวมเงินที่เขาเป็นหนี้อยู่ครั้งที่แล้ว อย่างน้อยเขาก็ทำกำไรให้สำนักซิงหลัวไปสิบกว่าล้านแล้ว!”หัวใจของเย่ซื่อเจียงจมดิ่งลง แม้ว่าเงินเหล่านั้นจะมิได้มากสำหรับตระกูลเย่ แต่ก็ยังเป็นจำนวนเงินที่มากอยู่ดี เย่ซวินยังหาเงินมิเป็น ก็กล้าใช้เงินราวกับน้ำเช่นนี้แล้วหรือ?“ท่านคิดว่าเป็นครั้งแรกที่เย่ซวินใช้เครื่องยาสมุนไพรปลอมมาหลอกลวงพวกท่านหรือ?”เย่หรงยิ้มเยาะแล้ว
เย่ซื่อเจียงมีความรักต่อเลี่ยวหงเสีย ตอนเด็กเย่หรงยังไร้เดียงสามิเข้าใจเรื่องเหล่านี้ แต่ในช่วงเทศกาลหรือวันสำคัญ เขามักจะเห็นเย่ซื่อเจียงเข้าไปในห้องของเลี่ยวหงเสียแล้วอยู่ด้วยกันทั้งคืนแต่ตราบใดที่เย่ซื่อเจียงทำเช่นนี้ ในวันถัดไปเย่หรงก็จะถูกฮูหยินเย่ลงโทษด้วยวิธีต่าง ๆ หากมิบอกว่าเขาทำอะไรบางอย่างผิดแล้วจับเขาขังไว้ในห้องให้หิวโซ ก็จะหาข้อผิดพลาดของเขาแล้วตีเขาต่อมามีอยู่วันหนึ่งมิรู้ว่าเย่ซื่อเจียงไปถูกยั่วยุอะไรมา จึงไปทำลายห้องของเลี่ยวหงเสียจนพังยับเยิน หลังจากนั้นห้องนั้นก็ถูกลงกลอนไว้ แล้วเย่ซื่อเจียงก็มิเคยไปที่ห้องนั้นอีกเลยแต่ฮูหยินเย่ก็ยังมิปล่อยเย่หรงไป เมื่อเย่หรงอายุได้เจ็ดขวบ เย่ซื่อเจียงและเย่ซื่อฝานก็ออกไปซื้อเครื่องยาสมุนไพรกันข้างนอก ฮูหยินเย่ก็สั่งให้คนรับใช้วางยาพิษเย่หรงฮูหยินเย่กังวลว่าท่านผู้เฒ่าเย่จะพบเบาะแส พิษที่วางใส่เย่หรงจึงเป็นพิษที่คล้ายกับโรคฝีดาษ เพราะต้องการจะให้ร่างกายของเย่หรงพังทลายลงอย่างช้า ๆ และในที่สุดก็จะกลายเป็นไม่มีทางรักษาได้เย่หรงนอนอยู่อย่างโดดเดี่ยว พวกคนรับใช้ล้วนกลัวว่าจะติดเชื้อจึงไม่มีใครเข้าใกล้เขา เย่หรงคิดว่าตนเป็นโร
หลังจากพักผ่อนไปหนึ่งคืน เย่หรงก็ฟื้นตัวได้ครึ่งหนึ่งแล้ว เมื่อหลิงอวี๋มาเขาอาบน้ำแต่งตัวรอหลิงอวี๋ไว้แล้ว“ข้านำอาหารเช้ามาให้เจ้า กินเสร็จแล้วเราจะออกเดินทางกัน!”เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าใบหน้าของเย่หรงมีสีเลือดขึ้นมาแล้วก็รู้สึกสบายใจขึ้นและเมื่อเห็นว่ารอบ ๆ ตัวเย่หรงไม่มีคนรับใช้ นางจึงเอ่ยถามออกไป “ก่อนหน้านี้มีคนรับใช้อยู่กับเจ้ามิใช่หรือ? หายไปไหนเสียแล้วเล่า?”“ท่านหมายถึงเยวี่ยซานหรือ? เขามิใช่คนรับใช้ของข้า เขาเป็นสหายของข้า เขาอยู่ข้างนอกช่วยข้าจัดการการค้าอยู่!”เย่หรงยิ้มออกมา เขาเองก็เปิดร้านโอสถอยู่ข้างนอกสองแห่งเช่นกัน ที่คิดจะไปจากเมืองหลวงแดนเทพคราวนี้ก็ให้เยวี่ยซานช่วยขายยาให้โดยปกติแล้วเยวี่ยซานจะรับผิดชอบแค่การช่วยเขาจัดการกิจการเท่านั้น จึงมิค่อยมาที่ตระกูลเย่ ดังนั้นแม้แต่เย่ซวินและคนอื่น ๆ ก็มิรู้เช่นกันว่าเขามีร้านค้าอยู่ข้างนอกเย่หรงอยู่ในตระกูลเย่ก็เสียเปรียบไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงมิต้องการคนรับใช้ที่ตระกูลเย่มอบให้ และต้องการที่จะดูแลตนเองหลังจากกินอาหารเช้าที่หลิงอวี๋นำมาให้แล้วเย่หรงก็ออกไปกับหลิงอวี๋หลิงอวี๋คิดว่าเย่หรงได้รับบาดเจ็บ จึงให้หานเหมยเช
ส่วนทางด้านอนุภรรยาอีกคนนั้น รูปโฉมมิอาจเทียบอนุภรรยาผู้นี้ได้ เพียงเรียกได้ว่างามพอประมาณอาภรณ์ที่นางสวมใส่ก็มิหรูหราเท่าอนุภรรยาคนนี้ รูปร่างค่อนข้างผอมบาง ผิวพรรณออกคล้ำเล็กน้อย ดูขาดชีวิตชีวาไปบ้าง"พี่หญิงสิง นี่คือเฟิ่งอี๋เหนียง จางอี๋เหนียง!"เฉิงเหล่ยแนะนำให้หลิงอวี๋รู้จักหลิงอวี๋เหลือบมองแวบเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าเฟิ่งอี๋เหนียงคืออี๋เหนียงที่แต่งกายหรูหราผู้นั้น ในใจก็พอจะเข้าใจสถานการณ์แล้ว"พี่หญิงสิง? เสี่ยวเหล่ย นี่คือคุณหนูสิงแห่งสำนักศึกษาชิงหลง ศิษย์ของปรมาจารย์เย่ใช่หรือไม่?"ดวงตาของเฟิ่งอี๋เหนียงพลันฉายแววระแวดระวัง แม้จะหายวับไปในชั่วพริบตา แต่หลิงอวี๋ก็ยังสังเกตเห็นได้อย่างว่องไว"เจ้าค่ะ พี่หญิงสิงบอกว่ามีวิธีรักษาท่านแม่แล้ว จึงได้มาที่นี่!"เฉิงเหล่ยเอ่ยอย่างยินดี"อ้อ คุณหนูสิงทราบหรือว่าฮูหยินของพวกเราถูกพิษชนิดใด?"เฟิ่งอี๋เหนียงเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ "เมื่อวันก่อนท่านแม่ทัพกลับมาบอกว่าฮูหยินถูกพิษ พวกเราแทบมิอยากเชื่อ คิดว่าเจ้าวินิจฉัยผิดไป!""ฮูหยินเป็นคนจิตใจดีงามถึงเพียงนี้ ใครจะใจร้ายวางยาพิษฮูหยินได้ลงคอ!""สองวันมานี้ท่านแม่ทัพวุ่นอยู่กั
แม่ทัพเฉิงฟังแล้วก็เผลอยกหมอนขึ้นแนบจมูกโดยมิรู้ตัว เมื่อได้ดม หมอนก็เป็นอย่างที่หลิงอวี๋พูดจริง ๆ ไม่มีกลิ่นใด ๆ ทั้งยังสะอาดหมดจด ไม่มีรอยคราบเหงื่อแม้แต่น้อย"หากหมอนใบนี้มิใช่หมอนที่ฮูหยินเฉิงเคยนอน ก็ต้องมีคนเปลี่ยนหมอนไปแล้ว!"หลิงอวี๋ยิ้มอย่างเย็นชา "หมอนอาจเปลี่ยนได้ แต่ฟูกรองนอนเปลี่ยนมิได้!"ว่าแล้วหลิงอวี๋ก็ปีนขึ้นเตียงพลิกผ้าปูที่นอนด้านบนขึ้น เผยให้เห็นฟูกรองนอนที่อยู่ด้านล่างหลิงอวี๋ชักกริชออกจากเอวตัดฟูกรองนอนออกมาหนึ่งชิ้นนางลงจากเตียง ยื่นให้แม่ทัพเฉิง ท่านแม่ทัพเห็นว่าฟูกรองนอนซึ่งเดิมเป็นสีขาว บัดนี้กลายเป็นสีเหลือง ทั้งยังมีคราบเหงื่อติดอยู่บ้าง"ท่านแม่ทัพเฉิง เชิญทางนี้!"หลิงอวี๋เดินไปที่ข้างหน้าต่างแล้วหยิบขวดแก้วหลายใบออกมาจากพื้นที่มิติ หนึ่งในนั้นมีน้ำยาอยู่หลิงอวี๋นำฟูกที่ตัดออกมาแช่ลงในน้ำยา แม่ทัพเฉิงก็เห็นว่าน้ำยาค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง"นี่หมายความว่าอย่างไร?"แม่ทัพเฉิงถามด้วยความประหลาดใจ"น้ำยานี้ข้าปรุงขึ้นเอง สามารถแสดงให้เห็นพิษที่อยู่ในเครื่องนอนได้ ฮูหยินเฉิงถูกพิษจากตะกั่ว ตะกั่วจะทำให้ระบบประสาททำงานผิดปกติ และเกิดความเสียหายต่ออว
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี
ชีวิตนี้หาสหายรู้ใจได้ยากนัก!หลงเพ่ยเพ่ยยิ้ม นางก็รู้สึกว่าตนกับเย่หรงพูดคุยสื่อสารกันง่ายเช่นกันเย่หรงฉลาด ที่สำคัญที่สุดคือมิใช่บุรุษประเภทหัวโบราณคร่ำครึ มิเหมือนพวกพี่สามที่เอะอะก็วางตนเป็นผู้ใหญ่สั่งสอนนางเฮ้อ หากสามีในอนาคตของนางสามารถพูดคุยกันได้เหมือนเย่หรง เช่นนั้นสามีภรรยาจะมิรักใคร่กลมเกลียวกันมากหรอกหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยคิดแล้วพลันหน้าแดงเรื่อ นี่นางกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่!“พวกเรามาคิดกันก่อนดีกว่าว่าอีกประเดี๋ยวหากพบเสด็จย่าแล้วจะทำอย่างไรดี!”หลงเพ่ยเพ่ยมิกล้าคิดฟุ้งซ่านต่อไป รีบเปลี่ยนเรื่องคุย“ท่านกังวลว่าท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นจะก่อกวนหรือ?”เย่หรงก็ดึงความคิดกลับมา พวกเขาใกล้จะถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ต้องคิดหาข้ออ้างให้ดี“อืม ท่านหญิงชิงเฉิงมิใช่คนประเภทที่จะเจรจาด้วยง่าย ๆ ท่านหญิงอวิ๋นยังพอคุยง่ายอยู่บ้าง แต่ในเมื่อพวกนางรับคำสั่งจากชายาเจ้าแห่งทะเลมาเพื่อถ่วงเวลาเสด็จย่า ย่อมมิยอมให้ข้าบรรลุเป้าหมายแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยเผยสีหน้าอมทุกข์เย่หรงพลันนึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับท่านหญิงอวิ๋นขึ้นมา แม้ท่านหญิงอวิ๋นจะเป็นธิดาแท้ ๆ ของชายาเจ้าแห่งทะเล แต่ช่วงห
“โอ้ ใต้หล้านั้นแตกต่างจากใต้หล้าของพวกเราหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยถูกเย่หรงกระตุ้นความอยากรู้ จึงจ้องมองพลางถาม“อืม บ้านเรือนที่นั่นสูงเท่าภูเขา สูงที่สุดอาจถึงร้อยชั้นได้ ทั้งยังมีรถมากมายที่มิต้องใช้ม้าลาก วิ่งได้เร็วมาก!”เย่หรงเล่าให้หลงเพ่ยเพ่ยฟังไปเรื่อย ๆเมื่อพูดถึงเครื่องบินก็ทำให้หลงเพ่ยเพ่ยเบิกตากว้าง นางมองเย่หรงอย่างงง ๆ “เจ้าโกหกกระมัง จะมีเครื่องมือที่สามารถบรรทุกคนขึ้นไปบนฟ้าได้อย่างไร!”“มีจริง ๆ ข้ามิได้โกหกท่าน พี่หญิงหลิงหลิงจำได้มากกว่าข้าเสียอีก รอมีโอกาสให้นางเล่าให้ท่านฟัง ท่านก็จะเชื่อว่าข้ามิได้โกหกท่าน!”เย่หรงเริ่มตื่นเต้น “ท่านหญิง ท่านปู่มิได้บอกหรือว่าคันฉ่องคุนหลุนของตงกู่อวี้สามารถพลิกฟ้าคว่ำปฐพีได้?”“หากพวกเราได้คันฉ่องคุนหลุนมา มิต้องรอเวียนว่ายตายเกิด ข้าจะพาท่านไปดูใต้หล้านั้น! ท่านจะต้องชอบใต้หล้านั้นอย่างแน่นอน!”เย่หรงพูดจนหลงเพ่ยเพ่ยใจเต้นระรัว นางกล่าวออกไปโดยมิต้องคิด “ได้ เช่นนั้นรอพวกเราช่วยแดนเทพผ่านพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ พวกเราหาคันฉ่องคุนหลุนเจอแล้วก็ไปด้วยกัน ไปดูใต้หล้าที่เจ้าพูดถึงกัน!”“ตกลงตามนี้!”เย่หรงยกมือขึ้น หลงเพ่ยเพ่
คนหนึ่งคือคนที่ตนรัก อีกคนคือสหายที่ดีที่สุดของตน!แต่พวกเขากลับร่วมมือกันหลอกลวงตน!หยางหงหนิงหันหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง นางจะมิปล่อยชายชั่วหญิงโฉดคู่นี้ไปแน่!สิ่งที่นางมิได้มาครอบครอง ยอมทำลายทิ้งเสียดีกว่ายอมให้คนอื่นได้ไป!หยางหงหนิงกลับไปที่รถม้าของตน เค้นเสียงลอดไรฟันออกมาคำหนึ่ง “ไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”ด้านหน้า เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยต่างก็ร้อนใจดั่งไฟเผา ฮองเฮาเสด็จไปสองชั่วยามแล้ว พวกเขาจะตามทันพระนางหรือ?อีกทั้งต่อให้ตามทัน มีท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นอยู่ พวกนางต้องช่วยชายาเจ้าแห่งทะเลขัดขวางมิให้ฮองเฮาเรียกตัวหลิงอวี๋เข้าเฝ้าแน่“ท่านหญิง พวกเราจะไปทันหรือไม่? ชายาเจ้าแห่งทะเลจะลงมือกับพี่หญิงหลิงหลิงแล้วหรือไม่?”เย่หรงถามอย่างร้อนรนหลงเพ่ยเพ่ยก็ร้อนใจเช่นกัน หลิงอวี๋ยังรอให้นางช่วยชีวิตอยู่ แต่นางก็มิรู้ว่าจะสามารถทูลขอพระราชโองการจากฮองเฮาได้สำเร็จหรือไม่“พวกเราพยายามเต็มที่เถอะ! ขอเพียงตามเสด็จย่าทัน ต่อให้ข้าต้องคุกเข่าอ้อนวอนก็ต้องให้นางพาพี่หญิงหลิงหลิงออกมาให้ได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวปลอบใจเย่หรงเห็นหลงเพ่ยเพ่ยวิ่งวุ่นไปทั่วกับตนก็นับว่าพยายามเ
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร