หลิงอวี๋มองไปทางแม่นมลี่แม่นมลี่ยิ้มขมขื่น “หลิงซินขายเสื้อผ้า ความจริงแล้วขายได้สิบตำลึงเจ้าค่ะ!”“ตอนที่นางออกไป ถูกหลิงหลานพบเข้า หลิงหลานเห็นว่านางกลับมามือเปล่า จึงบีบบังคับเอาเงินจากนางไปเจ้าค่ะ!”“พอหลิงซินไม่ให้ ก็ถูกหลิงหลานเอาตะบองตีไปหลายที!”“นางยังใส่ร้ายหลิงซินด้วยว่า เอาของของตำหนักอ๋องอี้ออกมาขาย จะลากตัวหลิงซินไปร้องเรียน!”“เด็กผู้นี้เป็นคนซื่อมาก ก็เลยตกใจ! แล้วก็กลัวว่าบอกอะไรให้ชัดเจนไม่ได้ จึงทำได้เพียงให้เงินนางไปห้าตำลึงเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋หลับตาลง ลอบกัดฟัน หลิงหลาน ไอ้คนที่อาศัยบารมีนายมารังแกคนอื่นี่มัน!คนอย่างพวกเขา เห็นว่าตัวนางตกอับ ถึงได้กล้ารังแกคนของนางอยู่ทุกครั้งไปเช่นนี้!ตัวนางในฐานะที่เป็นพระชายา ก็ไม่สามารถขจัดความอยุติธรรมนี้ต่อหน้าเซียวหลินเทียนได้!หลิงซินผู้เป็นสาวใช้คนหนึ่ง จะกลัวก็เป็นเรื่องธรรมดา!เรื่องนี้พูดไปพูดมา ก็ล้วนเป็นสิ่งที่ผู้ชายเลว ๆ อย่างเซียวหลินเทียนสร้างขึ้น!เพราะว่าเซียวหลินเทียนดูถูกนาง พวกลูกน้องที่อาศัยบารมีเขามารังแกผู้อื่นถึงได้ดูถูกตัวนางเช่นเดียวกัน!แม่นมลี่เห็นสีหน้าของหลิงอวี๋เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา กลัวว่
เงินห้าตำลึงซื้อสิ่งใดได้บ้าง?ในฐานะที่เป็นเจ้าแม่แพทยศาสตร์ยุคปัจจุบันมีภูมิหลังสกุลหลิงอวี๋เรืองอำนาจ ทั้งชั่วชีวิตก่อนนางยังมิเคยขัดสนเงินทอง!แต่เมื่อมาถึงแคว้นซีฉิน หลิงอวี๋ถึงได้รู้แจ้งถึงคุณค่าของเงิน!เงินที่หลิงซินได้จากขายเสื้อผ้าก็เอาไปซื้อข้าวกินประทังและซื้อที่นอนหมอนมุ้งให้นางกับหลิงเยว่ ก็เหลือไม่เท่าไรแล้วโดยเฉพาะหลิงซินกับแม่นมลี่ พวกเขาไม่มีเครื่องนอน สองวันมานี้ใช้เสื้อผ้าคลุมนอนบนเตียงแก้ขัดแทนไปก่อนหลิงอวี๋ไม่ได้รู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรก นั่นเป็นหลิงเยว่แอบบอกแก่นางหลิงเยว่พูดถึงเรื่องนี้ด้วยน้ำตาเปี่ยมล้นทั้งสองข้างพร้อมรั้งแขนเสื้อของหลิงอวี๋ไว้พร้อมกล่าวว่า“ท่านแม่ เรายังมีอะไรที่ขายได้อีกหรือไม่ขอรับ? เยว่เยว่อยากซื้อผ้านวมให้แม่นมกับพี่หลิงซิน!”หลิงอวี๋ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วถามว่า “เหตุใดซื้อผ้านวม?”หยาดน้ำตาน้อยเนื้อต่ำใจของหลิงเยว่ไหลริน “เราถูกขับไล่ไปเรือนบุหงา นอกจากเครื่องเรือนแตกหักเหล่านั้นแล้วก็ไม่มีอะไรเลย!”“เครื่องนอนอันก่อนของแม่นมกับพี่หลิงซิน หลิงผิงบอกว่า เป็นของตำหนักอ๋องเลยไม่ยอมให้พวกนางนำมาด้วย!”หลิงอวี๋นึกถึงผ้านวมผืนใหม่ที่ต
หลิงซินกำลังมองหลิงอวี๋อย่างเหม่อลอย เนื่องถูกคำพูดครานี้ทำให้รู้สึกสะเทือนอารมณ์ และนึกถึงทุกสิ่งอย่างที่หลิงอวี๋ประสบมาทันใดนั้นนางก็เข้าใจความเหนื่อยยากของคุณหนูตัวเองแล้วใช่ หากคนผู้หนึ่งแม้แต่ความตายก็ไม่กลัว แล้วยังจะกลัวอะไรอีกเล่า!“คุณหนู เป็นหลิงหลานตีเจ้าค่ะ! หลิงหลานเคยเรียกบ่าวไปสอบถาม… นางถามว่าคุณหนูตายแล้วหรือยัง!”“หลิงหลาน นางกล่าว… ว่าให้ข้าจับตาดูพระชายา! หากพระชายามีการเคลื่อนไหวอะไรให้รายงานนางทันทีเจ้าค่ะ!”“นาง… นางกล่าวว่าตราบใดที่บ่าวเชื่อฟังจะขอให้ชิวเหวินซวงย้ายบ่าวไปเป็นนางรับใช้ของท่านอ๋องเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋มองนางอย่างเงียบ ๆ ไม่กล่าวคำทว่าแม่นมลี่กลับอดด่าขึ้นไม่ไหว “พระชายายังทรมาน พวกเจ้าทุกคนทรยศเจ้านาย ไยสวรรค์ไม่สาดอสนีบาตฟาดพวกเจ้าให้ตายไปเสีย! ”หลิงซินส่ายหน้าลนลาน “แม่นม มิใช่แบบนั้นเจ้าค่ะ! ข้ามิได้รับปากนาง!”“พระชายาเคยช่วยชีวิตบ่าวในปีนั้น! หากไม่มีพระชายาบ่าวคงสิ้นชีพไปนานแล้ว! บ่าวจะไม่มีวันทรยศพระชายาไปชั่วชีวี”“เพราะเจ้าไม่ยินยอม นางจึงตีเจ้ารึ?”หลิงอวี๋ดูออกว่าหากหลิงซินสาวน้อยผู้นี้รับสินบนจากหลิงหลานจริง ๆ ก็คงไม่ถูกทุบต
พอเท่านี้หลิงอวี๋ก็ถือตะบองโบกนำทั้งสามคนเดินออกจากเรือนบุหงาอย่างลำพองแน่นอนว่าแม่นมลี่ไม่ได้ถือไปด้วย ใบหน้านางชราเหี่ยวย่น กำลังจูงมือหลิงเยว่เดินตามด้านหลังแม่นมลี่สิ้นวิธีเกลี้ยกล่อมหลิงอวี๋ แต่นางไม่อาจขัดขวางคุณหนูของตนได้ เลยทำตามความคิดเผชิญความยากลำบากร่วมกันหลิงอวี๋ยังมีรอยแผลเป็นอัปลักษณ์บนหน้าอยู่ แม้แผลจะสมานแล้ว แต่รอยก็ยังไม่หายไป มองไปแล้วยิ่งดูน่าเกลียดยิ่งนัก!เหล่าคนรับใช้เห็นพวกนางสี่คนปรากฏตัวพร้อมกับไม้ตะบองด้วยอิริยาบถกำลังมองหาคนที่จะประมือด้วย ก็ตกใจกลัวจนพูดไม่ออกหลิงอวี๋เห็นสีหน้าประหลาดใจของพวกเขา ก็นึกถึงประโยคยอดฮิตในยุคปัจจุบันอย่างรู้สึกขบขันเป็นคนอัปลักษณ์ไม่ใช่ความผิดของคุณ แต่ออกมาทำให้คนตกใจกลัวนั้นเป็นความผิดของคุณ!เพียงแต่พวกนางยังไม่ได้ไปถึงครัว ความโกลาหลก็ได้แพร่กระจายไปหลังเรือนอย่างเร็วรี่และเรือนริมวารีที่เซียวหลินเทียนกำลังพำนักอยู่“เป็นไปไม่ได้… เส้นลมปราณหัวใจของพระชายาล้วนสูญสิ้นไปหมดแล้วนี่ มีชีวิตเดินออกมาได้เยี่ยงไร!”หลังไป่สือได้ฟังองครักษ์แจ้งให้ทราบ ก็รุดออกไปพร้อมกับเสียงตื่นตระหนกเซียวหลินเทียนสีหน้าผันเปลี่ยนเ
มือของไป๋สือเพิ่งเอื้อมออกไปผลัวะ!ไม้ตะบองในมือหลิงอวี๋ไร้ความปรานีแม้แต่น้อย ฟาดลงหลังมือไป่สือเน้น ๆไป่สือชักมือกลับเนื่องถูกตี แหงนหน้ามองก็เห็นหลิงอวี๋มองเขาด้วยใบหน้าเยาะหยัน“จะจับอะไรหรือ? เจ้าไม่รู้หรือว่าไม่เหมาะสมที่บุรุษสตรีจะใกล้ชิดกัน?”“กระ… กระผมแค่อยากตรวจชีพจรท่าน กระผมไม่มีความหมายอื่น!” ไป่สืออธิบายตะกุกตะกัก“ข้ารักษาอาการป่วยของตัวเองได้! ยิ่งกว่านั้นข้าก็มิต้องคำนับอ้อนวอนให้พวกเจ้ารักษาข้าด้วยซ้ำ ฉะนั้นไม่ต้องลำบากสอดมือ!”หลิงอวี๋เหน็บแนมแม่นมลี่ได้บอกทุกเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากที่นางสลบไสลมาหมดแล้ว!ในครั้นนั้น แม่นมลี่อุ้มหลิงเยว่ไปขอร้องไป่สือแม่นมลี่โขกศีรษะกับพื้นไปหลายหน และอ้อนวอนอย่างขมขื่นอยู่นอกเรือนไปครึ่งค่อนวันไป่สือถึงมอบโอสถเม็ดกลม ๆ ให้อย่างไม่เต็มใจ เขาไม่สนใจออกมาตรวจอาาการของเสี่ยวเมาด้วยซ้ำตาต่อตา ฟันต่อฟัน!นี่คือหลักการของหลิงอวี๋ตั้งไว้เมื่อครั้นที่ตัวเองก้าวเข้าเรือนบุหงา!ตั้งแต่วันนี้ไป คนในจวนอ๋องอี้จะมิมีผู้ใดคิดรังแกนางกับคนของนางอีก!“หลิงอวี๋ ท่านอ๋องทรงห้ามให้เจ้าย่างกรายออกเรือนบุหงาแล้ว เจ้ายังขวัญกล้าออกมา
หลิงอวี๋คลี่ยิ้ม ตะบองในมือจงใจทุ่มลงพื้น“ท่านอ๋องทรงชอบประมือนัก! อย่างนั้นตัวหม่อมฉันผู้เป็นคุณหนูคนนี้ก็จะสละชีวิตเป็นเพื่อนสุภาพชนอย่างท่าน!”ลู่หนานกับองครักษ์ตามมาต่างก็มองหลิงอวี๋ราวกับนางบ้องตื้อก็มิปานหลิงอวี๋ไม่ได้ลิ้มรสความเก่งฉกาจของเซียวหลินเทียนในคราก่อนแล้วหรอกหรือ?คราก่อนเซียวหลินเทียนก็ไม่ได้อยากฆ่านางจากใจจริง ไม่เช่นนั้นถึงหลิงอวี๋จะมีอีกหลายชีวิตก็ต้านเซียวหลินเทียนลงมือได้มิพอ!พวกเขาเหล่าองครักษ์ล้วนมีฝีมือวรยุทธทั้งสิ้น รวมถึงจ้าวซวนที่ไปเยี่ยมญาติยังไม่กลับมา แต่อย่างไรเสียหากเพิ่มพวกเขามาหมดก็ล้วนลงมือเซียวหลินเทียนได้ไม่เกินสองสามครั้งเท่านั้นหลิงอวี๋สตรีน้อยที่ออกเรือนแล้วผู้นี้ไม่ได้มีฝีมือวรยุทธ มิคาดว่าจะกล้าคุยโวยั่วยุเซียวหลินเทียนอย่างไม่กระดากอาย!เสียสติไปแล้วจริง ๆ !“เซียวหลินเทียน ไม่เช่นนั้นเรามาเดิมพันกันดีหรือไม่? ข้าเดิมพันได้เลยว่า เจ้าต้านการลงมือของช้าไม่ได้เลยสักหนเดียว! เจ้าเชื่อหรือไม่?”ประโยคที่หลิงอวี๋กล่าวออกมายิ่งทำให้ลู่หนานและคนอื่น ๆ ตะลึง!คน… คนผู้นี้ไร้ยางอายเสียจริง!ลู่หนานยืนยันเลยว่า หลิงอวี๋เสียสติไปแล้วจริง
พวกของลู่หนานได้ยินเสียงคำรามนั้นก็ตกใจ ต่างก็รีบเงยหน้าไปมองเห็นหลิงอวี๋หัวเราะเยาะ โยนตะบองไม้ในมือนั้นไปอีกด้าน แล้วยกมือขึ้น ยกนาฬิกาข้อมือแบบพิเศษตรงข้อมือที่เอาออกมาจากมิติขึ้นนางกดที่ปุ่มกดบนนาฬิกาข้อมือ แล้วแสงสีเงินก็สาดส่องไปที่เซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนใช้ดาบแทงไปตามสัญชาตญาณ แต่แสงสีเงินนั้นกลับระเบิดออกกลางอากาศ แล้วกลายเป็นตาข่ายคลุมลงมา...เซียวหลินเทียนและรถเข็นต่างถูกตาข่ายคลุมเอาไว้ แล้วดึงขึ้นไปในอากาศ ในชั่วพริบตาก็ถูกแขวนอยู่บนต้นไม้ใหญ่ข้าง ๆ ทุกคนที่อยู่ในเรือนต่างเบิกตาโพลง เกือบจะอ้าปากค้างอย่างตกใจนี่มันคือของอะไรกัน?วรยุทธของเซียวหลนเทียนอยู่ในระดับสูงมาก แม้ว่าขาทั้งสองข้างของเขาจะพิการ แต่วรยุทธก็ยังอยู่!แต่เซียวหลินเทียนที่มีวรยุทธแข็งแกร่ง ยังไม่ทันได้เข้าใกล้หลิงอวี๋ ยังไม่ทันได้ออกกำลังทำอะไรเลย ก็ถูกตาข่ายนี่คลุมเขาไว้แล้วหรือ?คนที่อยู่ ณ ที่แห่งนั้นต่างไม่รู้ สิ่งที่หลิงอวี๋ปล่อยออกไปมันไม่ใช่ตาข่ายธรรมดา แต่เป็นตาข่ายลวดที่ทำขึ้นมาจากวัสดุพิเศษตาข่ายลวดชนิดนี้ไม่สามารถตัดขาดได้ นอกเสียจากว่าจะใช้เลเซอร์ตัดมัน มิฉะนั้น ดาบทั่วไปก็
เซียวหลินเทียนสงบลงทันทีเพราะว่าเขาเคยเป็นผู้บัญชาการกองทัพมาก่อน เขารู้ว่าเมื่อกองทัพสองฝ่ายต่อสู้กัน สิ่งต้องห้ามที่สุดคือ ความใจร้อนความโกรธและการใช้กำลังไม่ได้แก้ปัญหาได้จริง ๆ !เขามองหลิงอวี๋ที่อยู่ข้างล่าง!นางกล้าที่จะสู้สายตา!นางกล้าที่จะท้าทายการต่อสู้ระหว่างแม่นมกับหลิงผิง!นางกล้ากระทั่งยกดาบขึ้นมาทำให้เขาพินาศไปด้วยกัน!หลิงอวี๋ผู้นี้ ไม่ใช่ผู้หญิงคนที่โง่เขลาที่คิดหาทุกวิถีทางเพื่อเอาใจเขาอีกต่อไปแล้ว!จู่ ๆ เซียวหลินเทียนก็พบว่า...เขาหาความชื่นชมตัวเองในแววตาของหลิงอวี๋ไม่เจอแม้เพียงสักนิดแล้วสายตาที่หลงใหลในตัวเขาของหลิงอวี๋ ดูเหมือนว่าจะหายไปหลังจากที่นางถูกโบย!หลิงอวี๋...คนที่กล้าจ่อมีดกับตัวเขา!นางไม่ได้มีเขาอยู่สายตาอีกต่อไปแล้ว!นางกล้าที่พาคนของนางออกจากเรือนหลานย่วน มิใช่เรื่องง่ายที่จะส่งตัวเองมาถึงที่เพื่อให้โดนสังหาร!เซียวหลินเทียนน่าจะคิดถึงจุดนี้นานแล้ว เพียงแต่ก่อนหน้านี้เข้าใจหลิงอวี๋ผิดไป!เขาก็เหมือนกับทุก ๆ คน ไม่ได้สนใจความเปลี่ยนแปลงของหลิงอวี๋!ดังนั้นชิวเฮ่าถึงได้เสียเปรียบเช่นนี้!เขาถึงได้ประมาทแล้วตกลงในหลุมพรางของนาง!
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี