โจ๊กร้อนมากจนจ้าวเจินเจินกรีดร้องขึ้นมาในทันทีองค์ชายคังตะโกนด้วยความโกรธ “ใครก็ได้ จัดการไอ้อันธพาลนี่ซะ!”องครักษ์หลายคนรีบวิ่งเข้าไปจัดการชายร่างกำยำอย่างดุเดือดชายร่างกำยำหลบอย่างว่องไว พลางเอื้อมมือออกไปคว่ำตะกร้าหลายใบที่บรรจุหมั่นโถวไว้แล้วตะโกน“องค์ชายน่ารังเกียจนี่… ตนเองมีอาหารมีที่อยู่แล้วไม่สนใจความเป็นความตายของคนยากจนเยี่ยงพวกเรา! เขาเอาหมั่นโถวบูดมาแจกพวกเรา…”“ทุกคนมาร่วมมือกัน… หากพวกเขาไม่ให้ทางรอดให้เรา เราก็แสดงให้พวกเขาเห็นไปเลยว่าเราไม่ยอมถูกรังแกง่าย ๆ...”เมื่อเห็นว่าทหารองครักษ์ขององค์ชายคังกำลังจะจับชายร่างกำยำไว้ ชายร่างกำยำจึงหลบไปที่อีกฟากหนึ่งของเตา แล้วยกหม้อโจ๊กขึ้นมาโยนใส่พวกเขาในหม้อนั้นยังคงมีโจ๊กร้อน ๆ อยู่เต็มหม้อ หากถูกลวกไป ผิวหนังจะไม่ลอกออกหรือ?เหล่าองครักษ์ตื่นตระหนกกลัวว่าจะถูกโจ๊กลวกจึงจับผู้ลี้ภัยที่อยู่ข้าง ๆ มากั้นไว้ข้างหน้าตนผู้ลี้ภัยเหล่านั้นมีหรือจะสู้องครักษ์ที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีได้ พวกเขาไม่สามารถหลบหลีกได้เลย ได้แต่มองโจ๊กร้อน ๆ สาดเข้าหน้าพวกเขาอย่างหวาดกลัวผู้ลี้ภัยที่อยู่ด้านหลังไม่รู้สถานการณ์ เมื่อเห็นหมั่
ยังไม่ทันที่นางจะตอบสนองอะไร ไป๋ผิงก็ลากนางออกไปหลายก้าวแล้วโครม...ตอนนี้ศาลาโจ๊กได้พังทลายลงอย่างสมบูรณ์แล้ว ฝุ่นที่คละคลุ้งตกลงมาบนตัวทั้งสอง จนหน้าเปรอะเปื้อนทันที...จ้าวเจินเจินตกใจมากจนนิ่งค้างไป ได้ยินเพียงเสียงใครบางคนตะโกนอย่างบ้าคลั่ง “รีบมาช่วยคนเร็วเข้า… ยังมีคนอยู่ติดข้างใต้อีกมาก...”“ท่านพ่อ… ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่? ท่านอยู่ที่ใดกัน!”“ลูก… รีบช่วยลูกชายข้าที… เขาติดอยู่ข้างใน!”“พระชายา ไป๋ฮุ่ยยังอยู่ข้างในเจ้าค่ะ…”เสียงกรีดร้องโหยหวนดังเข้ามาในหูของจ้าวเจินเจินในหัวนางมีเพียงสองคำเท่านั้น… แย่แล้ว!เหตุใดศาลาโจ๊กดี ๆ ถึงกลายเป็นหายนะเช่นนี้ไปได้เล่า?จ้าวเจินเจินสั่นไปทั้งตัว สมองก็ว่างเปล่าไปหมด...“รีบไปช่วยคนเร็วเข้า…”“อันเจ๋อ… พาองครักษ์มาสองสามคน ไปหาของมาค้ำด้านนี้ไว้ก่อน!”เซียวหลินเทียนกังวลมากแล้วสั่งให้องครักษ์ช่วยคนทันใดนั้น หลิงอวี๋ก็เห็นฟางที่พังลงมาตกลงบนเตาโจ๊ก จากนั้นควันก็ลอยขึ้นมาจากตรงกลาง...“เซียวหลินเทียน เร่งพวกเขาให้เร็วขึ้นหน่อย ไฟไหม้แล้ว!”หลิงอวี๋เตือนเซียวหลินเทียนอย่างร้อนใจเซียวหลินเทียนเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็เห็นว่า
เขายังคงตะโกนอะไรบางอย่างกับตนเอง แต่นางได้ยินไม่ชัดว่าเขาพูดสิ่งใด!แต่คาดเดาว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดีอะไร!กลุ่มพระชายาผิงหนานที่อยู่ไม่ไกลเร่งรีบเข้ามาอยากจะช่วยชีวิตผู้คน แล้วก็เห็นภาพนี้เข้าพระชายาผิงหนานมองใบหน้าที่ดุร้ายขององค์ชายคังอย่างรังเกียจ แล้วเห็นว่ากระโปรงของจ้าวเจินเจินเปื้อนเลือดสีแดงอยู่ นางทั้งโกรธทั้งสงสารจ้าวเจินเจิน“ซินเอ๋อร์ ไปเรียกหมอมาทำแผลให้พระชายาคัง!”เดิมทีอันซินไม่อยากไปเลย เมื่อครู่นางเห็นจ้าวเจินเจินใช้หมั่นโถวแป้งขาวมาดึงดูดผู้ลี้ภัยไปหมดจึงรู้สึกเกลียดชังมากตอนนี้เมื่อเห็นจ้าวเจินเจินอยู่ในสภาพเละเทะเช่นนี้ นางก็รู้สึกยินดี… สมน้ำหน้า!แต่เมื่อเห็นว่าขาของจ้าวเจินเจินมีเลือดออกอยู่ ความจิตใจดีของอันซินก็ยังคงเกิดขึ้นมาอยู่ดี จึงวิ่งไปที่ศาลาตรวจรักษาหลี่ชุงกับพวกแพทย์ที่ติดตามหลิงอวี๋มารีบไปช่วยคนกันแล้ว มีเพียงอวี๋หลานเท่านั้นที่เฝ้ากระท่อมยาอยู่พอได้ยินว่าอันซินมาหาหลิงอวี๋เพื่อไปรักษาจ้าวเจินเจิน อวี๋หลานก็ตะโกนขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์ “สตรีสารเลวเช่นนั้นเหตุใดต้องรักษาให้นางด้วย? ปล่อยให้นางตายไปเสียเถิด!”“เจ้าดูสิ ที่นี่มีผู้บาดเจ็บต
หากเผยอวี้แต่งงานกับหลิงหว่าน มันจะกระทบต่อความก้าวหน้าในตำแหน่งของเขา!แม้ว่าฮูหยินเผยอยากจะให้ลูกชายแต่งงานก่อนออกเดินทาง แต่นางก็ไม่อยากให้การแต่งงานส่งผลกระทบต่ออนาคตของลูกชายเช่นกันตอนนั้นฮูหยินเผยไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกไป แต่หลังจากกลับไปก็ไปพูดเรื่องนี้กับสามีของนางใต้เท้าเผยจึงเอ่ย “หลิงเสียงกังเป็นคนซื่อตรง อุปนิสัยของบุตรสาวที่เขาเลี้ยงดูก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร!”“แต่ความกังวลของเจ้าก็ถูกเช่นกัน หากแต่งงานกับหลิงหว่านไป ชีวิตภายหน้าของอวี้เอ๋อร์จะต้องได้รับผลกระทบเป็นแน่! เรื่องนี้ยังต้องพิจารณากันก่อน!”ทันทีที่ได้ยินสิ่งนี้ฮูหยินเผยล้มเลิกความคิดไป!วันนี้ฮูหยินเผยตามมาแจกโจ๊กด้วย จึงอยากจะมาดูว่ามีตัวเลือกอื่นอีกหรือไม่เรื่องพวกสหายสนิทของอันซิน ฮูหยินเผยได้ไปสอบถามจากพระชายาผิงหนานมาแล้วอวี๋หลานเป็นคนอารมณ์ดี มีนิสัยนุ่มนวลเผยอวี้เป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเผย ภรรยาของเขาจะต้องเป็นฮูหยินของตระกูลในภายหน้า อุปนิสัยที่นุ่มนวลนี้ไม่ใช้ตัวเลือกที่เหมาะจะเป็นนายหญิงของตระกูลส่วนเจียงอวี้เกิดมาในครอบครัวขุนนางฝ่ายบู๊ แต่ฮูหยินเผยรู้สึกว่าเจียงอวี้แข็งแกร่งเกินไป นางกล
หลิงอวี๋โกรธมากจนอยากจะตบฟางเจียอี๋ในทันที!มีคนจำนวนมากที่ได้รับบาดเจ็บกว่านางหลายสิบเท่ารอให้ตนช่วยชีวิตอยู่ ฟางเจียอี๋กล้าดีอย่างไรถึงให้นางมาที่นี่เพียงเพราะอาการบาดเจ็บเช่นนี้?ผู้ลี้ภัยที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเหล่านั้นกังวลเพียงว่าพวกเขาจะมีชีวิตรอดหรือไม่ แต่ฟางเจียอี๋กลับกังวลว่าตนจะเสียโฉมหรือไม่!“พระชายาอ๋องอี้ รีบรักษาคุณหนูของข้าเร็วเข้าเถิด! เหตุใดจึงยืนงงงันอยู่เล่า?”นางรับใช้ของฟางเจียอี๋เห็นหลิงอวี๋ยืนนิ่งไม่ไหวติง ก็ผลักนางอย่างไม่อดทน“ใบหน้าคุณหนูของข้าใช้เงินดูแลไปเป็นจำนวนมาก หากเสียโฉมแล้วล่ะก็ ต่อไปพวกท่านก็อย่าคิดว่าคุณหนูของข้าจะบริจาคข้าวปลาอาหารให้อีกเลย!”หลิงอวี๋ทนไม่ไหวอีกต่อไป ความโกรธที่สั่งสมมาทำให้นางอยากหาคนระบายมานานแล้วด้วยนางรับใช้ผู้นี้แกว่างเท้าหาเสี้ยนเอง เช่นนั้นก็นับว่านางโชคร้ายก็แล้วกัน!หลิงอวี๋ยกมือขึ้นตบนางรับใช้อย่างแรง พลางตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว “ผู้ใดบอกให้เจ้ากล้ามาผลักข้า?”“เจ้ามันเป็นสุนัขรับใช้ที่ชอบกลั่นแกล้งผู้อื่นจนเป็นนิสัย ไม่แหกตาดูบ้างหรือว่าข้าเป็นใคร?”“ข้าใช่คนที่เจ้าสามารถจิกหัวใช้ได้รึ?”ขณะที่หลิงอวี๋ก่นด่าอ
นางรับใช้ทั้งสองคนของฟางเจียอี๋เองก็อายจนหน้าแดงกับพฤติกรรมที่น่าขายหน้าของเจ้านายเช่นกัน จนลืมแสดงละครแล้วรีบก้าวไปช่วยพยุงฟางเจียอี๋ลุกขึ้นนางรับใช้คนหนึ่งปัดฝุ่นตามร่างกายของนาง จากนั้นนางรับใช้อีกคนก็รีบช่วยนางจัดผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงของนางให้ตรงดีที่ฟางเจียอี๋ไม่ใช่คนโง่แล้วตั้งสติได้ในทันทีจากนั้นก็ร้องพลางเอ่ยกับเซียวหลินเทียนอย่างเสียใจ“ท่านพี่หลินเทียน… ท่านดูแลพระชายาของท่านด้วยเถิด นางมาถึงก็ทุบตีนางรับใช้ของหม่อมฉันอย่างดุร้ายเลยเพคะ!”“สตรีที่วางท่าอวดดีเช่นนี้จะคู่ควรกับการเป็นพระชายาของท่านได้เยี่ยงไรกันเพคะ? หากท่านมิจัดการนาง… นางจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของท่านอ๋องนะเพคะ!”เซียวหลินเทียนมองฟางเจียอี๋อย่างเย็นชา แล้วจู่ ๆ ก็เอ่ยออกมา “พระชายาของข้าไม่มีอะไรที่ไม่ดี! ไม่จำเป็นต้องจัดการหรอก!”“หา… ท่านพี่หลินเทียน ท่านได้ยินที่หม่อมฉันพูดไม่ชัดเจนหรือ? นางรังแกคนรับใช้เพคะ…”“คนรับใช้ก็เป็นคนเช่นกัน! นางจะทุบตีใครโดยไม่สอบถามได้เยี่ยงไรเพคะ?”ฟางเจียอี๋เอ่ยอย่างกังวล “นางเลวร้ายเช่นนี้จะคู่ควรกับท่านอ๋องได้เยี่ยงไรเพคะ?”เซียวหลินเทียนจึงตอบกลับไปอย่างเย็นชาอีกค
ในขณะนี้ หัวใจของจ้าวเจินเจินจมลึกลงไปถึงจุดต่ำสุดแล้ว!เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา จ้าวเจินเจินเพิ่งพบว่าองค์ชายคังทิ้งตนไว้ตามลำพังแล้วพาทหารองครักษ์จากไป!ตอนนั้นใจของนางว่างเปล่าไปหมด!แต่ตอนนี้ นางเพิ่งค้นพบว่าความผิดหวังที่เกิดขึ้นจากการที่เซียวหลินเทียนไม่สนใจตนนั้น มันมากกว่าความผิดหวังที่องค์ชายคังไม่สนใจตนเองมากนัก...จ้าวเจินเจินจ้องมองแผ่นหลังของเซียวหลินเทียนนิ่ง ๆคนที่เคยอุ้มตนไว กลับกลายเป็นคนแปลกหน้ากับตนไปเช่นนี้จริงหรือ?น้ำตาแห่งความคับข้องใจของนางร่วงหล่นลงมาทีละหยดโดยไม่รู้ตัวความเสียใจที่มีอยู่เต็มหัวใจไม่รู้จะไปคุยกับใคร!ตอนที่ศาลาโจ๊กพัง องค์ชายคังทิ้งนางไว้แล้วหนีไปเพียงลำพัง!หากเป็นเซียวหลินเทียน เขาจะไม่มีวันปล่อยมือนางในยามที่เกิดอันตรายแน่นอน!นางได้รับบาดเจ็บ แต่สามีของตนไม่ถามไถ่อะไรสักคำ ทั้งยังตบหน้าตนอีก!ตอนนี้ก็ทิ้งนางไว้ข้างหลังแล้วรีบร้อนเข้าวังไปหาพระชายาเส้าให้คิดวิธีแก้ไขสถานการณ์!เขาไม่รู้หรือว่าการที่ทิ้งตนไว้เผชิญหน้ากับผู้ลี้ภัยเหล่านี้ ตนอาจจะตายได้?จ้าวเจินเจินมาที่นี่เพราะอยากให้เซียวหลินเทียนจัดให้คนพาตนกลับ!แต่เซียวหลินเท
เมื่อนึกถึงผลที่ตามมาของการทำให้จ้าวเจินเจินขุ่นเคือง ฟางเจียอี๋ก็อ่อนลงแล้วยิ้มอย่างเอาใจจ้าวเจินเจินพลางเอ่ย“ท่านพี่ ข้าล้อเล่นหนา! ข้าจะทำร้ายท่านได้เยี่ยงไรกันเล่า! เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ท่านสบายพวกเราก็จะสบายไปด้วย!”เมื่อจ้าวเจินเจินเห็นว่าฟางเจียอี๋ยอมถอยแล้วจึงได้ปล่อยมือ นางเหลือบมองฟางเจียอี๋อย่างเย็นชา จากนั้นมองไปที่เซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋ที่กำลังยุ่งอยู่ไกล ๆ...มุมปากของจ้าวเจินเจินยกขึ้นยิ้มเยาะเซียวหลินเทียน เจ้าทำให้ข้าไม่มีความสุข เช่นนั้นเจ้าก็อย่าได้คิดจะอยู่อย่างสงบสุขได้เช่นกัน!รอข้าก่อนเถอะ ข้าไม่มีทางยอมแพ้ง่าย ๆ เช่นนี้หรอก!สักวันหนึ่ง ข้าจะทำให้เจ้าคุกเข่าตรงแทบเท้าแล้วขอร้องข้า!……“ท่านแม่… ท่านแม่...”หลิงหว่านกำลังยุ่งอยู่กับการพันผ้าพันแผลให้กับผู้บาดเจ็บ แต่แล้วก็ได้ยินเสียงร้องไห้อันเศร้าสร้อยของเด็กคนหนึ่งนางเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นเด็กอายุสี่ห้าขวบสวมชุดโทรม ๆ เดินเท้าเปล่า และร้องไห้อยู่ท่ามกลางผู้บาดเจ็บหลิงหว่านรีบพันผ้าพันแผลให้ผู้บาดเจ็บแล้ววิ่งไปจับเด็กคนนั้นไว้เด็กคนนั้นใบหน้าสกปรก ผมเผ้าติดกันราวกับฟาง ดูไม่ชัดเจนว่าเป็นเด็กผ
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี
ชีวิตนี้หาสหายรู้ใจได้ยากนัก!หลงเพ่ยเพ่ยยิ้ม นางก็รู้สึกว่าตนกับเย่หรงพูดคุยสื่อสารกันง่ายเช่นกันเย่หรงฉลาด ที่สำคัญที่สุดคือมิใช่บุรุษประเภทหัวโบราณคร่ำครึ มิเหมือนพวกพี่สามที่เอะอะก็วางตนเป็นผู้ใหญ่สั่งสอนนางเฮ้อ หากสามีในอนาคตของนางสามารถพูดคุยกันได้เหมือนเย่หรง เช่นนั้นสามีภรรยาจะมิรักใคร่กลมเกลียวกันมากหรอกหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยคิดแล้วพลันหน้าแดงเรื่อ นี่นางกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่!“พวกเรามาคิดกันก่อนดีกว่าว่าอีกประเดี๋ยวหากพบเสด็จย่าแล้วจะทำอย่างไรดี!”หลงเพ่ยเพ่ยมิกล้าคิดฟุ้งซ่านต่อไป รีบเปลี่ยนเรื่องคุย“ท่านกังวลว่าท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นจะก่อกวนหรือ?”เย่หรงก็ดึงความคิดกลับมา พวกเขาใกล้จะถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ต้องคิดหาข้ออ้างให้ดี“อืม ท่านหญิงชิงเฉิงมิใช่คนประเภทที่จะเจรจาด้วยง่าย ๆ ท่านหญิงอวิ๋นยังพอคุยง่ายอยู่บ้าง แต่ในเมื่อพวกนางรับคำสั่งจากชายาเจ้าแห่งทะเลมาเพื่อถ่วงเวลาเสด็จย่า ย่อมมิยอมให้ข้าบรรลุเป้าหมายแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยเผยสีหน้าอมทุกข์เย่หรงพลันนึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับท่านหญิงอวิ๋นขึ้นมา แม้ท่านหญิงอวิ๋นจะเป็นธิดาแท้ ๆ ของชายาเจ้าแห่งทะเล แต่ช่วงห
“โอ้ ใต้หล้านั้นแตกต่างจากใต้หล้าของพวกเราหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยถูกเย่หรงกระตุ้นความอยากรู้ จึงจ้องมองพลางถาม“อืม บ้านเรือนที่นั่นสูงเท่าภูเขา สูงที่สุดอาจถึงร้อยชั้นได้ ทั้งยังมีรถมากมายที่มิต้องใช้ม้าลาก วิ่งได้เร็วมาก!”เย่หรงเล่าให้หลงเพ่ยเพ่ยฟังไปเรื่อย ๆเมื่อพูดถึงเครื่องบินก็ทำให้หลงเพ่ยเพ่ยเบิกตากว้าง นางมองเย่หรงอย่างงง ๆ “เจ้าโกหกกระมัง จะมีเครื่องมือที่สามารถบรรทุกคนขึ้นไปบนฟ้าได้อย่างไร!”“มีจริง ๆ ข้ามิได้โกหกท่าน พี่หญิงหลิงหลิงจำได้มากกว่าข้าเสียอีก รอมีโอกาสให้นางเล่าให้ท่านฟัง ท่านก็จะเชื่อว่าข้ามิได้โกหกท่าน!”เย่หรงเริ่มตื่นเต้น “ท่านหญิง ท่านปู่มิได้บอกหรือว่าคันฉ่องคุนหลุนของตงกู่อวี้สามารถพลิกฟ้าคว่ำปฐพีได้?”“หากพวกเราได้คันฉ่องคุนหลุนมา มิต้องรอเวียนว่ายตายเกิด ข้าจะพาท่านไปดูใต้หล้านั้น! ท่านจะต้องชอบใต้หล้านั้นอย่างแน่นอน!”เย่หรงพูดจนหลงเพ่ยเพ่ยใจเต้นระรัว นางกล่าวออกไปโดยมิต้องคิด “ได้ เช่นนั้นรอพวกเราช่วยแดนเทพผ่านพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ พวกเราหาคันฉ่องคุนหลุนเจอแล้วก็ไปด้วยกัน ไปดูใต้หล้าที่เจ้าพูดถึงกัน!”“ตกลงตามนี้!”เย่หรงยกมือขึ้น หลงเพ่ยเพ่
คนหนึ่งคือคนที่ตนรัก อีกคนคือสหายที่ดีที่สุดของตน!แต่พวกเขากลับร่วมมือกันหลอกลวงตน!หยางหงหนิงหันหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง นางจะมิปล่อยชายชั่วหญิงโฉดคู่นี้ไปแน่!สิ่งที่นางมิได้มาครอบครอง ยอมทำลายทิ้งเสียดีกว่ายอมให้คนอื่นได้ไป!หยางหงหนิงกลับไปที่รถม้าของตน เค้นเสียงลอดไรฟันออกมาคำหนึ่ง “ไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”ด้านหน้า เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยต่างก็ร้อนใจดั่งไฟเผา ฮองเฮาเสด็จไปสองชั่วยามแล้ว พวกเขาจะตามทันพระนางหรือ?อีกทั้งต่อให้ตามทัน มีท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นอยู่ พวกนางต้องช่วยชายาเจ้าแห่งทะเลขัดขวางมิให้ฮองเฮาเรียกตัวหลิงอวี๋เข้าเฝ้าแน่“ท่านหญิง พวกเราจะไปทันหรือไม่? ชายาเจ้าแห่งทะเลจะลงมือกับพี่หญิงหลิงหลิงแล้วหรือไม่?”เย่หรงถามอย่างร้อนรนหลงเพ่ยเพ่ยก็ร้อนใจเช่นกัน หลิงอวี๋ยังรอให้นางช่วยชีวิตอยู่ แต่นางก็มิรู้ว่าจะสามารถทูลขอพระราชโองการจากฮองเฮาได้สำเร็จหรือไม่“พวกเราพยายามเต็มที่เถอะ! ขอเพียงตามเสด็จย่าทัน ต่อให้ข้าต้องคุกเข่าอ้อนวอนก็ต้องให้นางพาพี่หญิงหลิงหลิงออกมาให้ได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวปลอบใจเย่หรงเห็นหลงเพ่ยเพ่ยวิ่งวุ่นไปทั่วกับตนก็นับว่าพยายามเ
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร