ณ เรือนมรกตพระที่นั่งทองคำแห่งวังหลวง โดดเด่นด้วยเรือนขนาดใหญ่ที่ประดับประดาด้วยหลังคาชายคาหลายชั้นและกระเบื้องเคลือบสีทองดูสง่างามเป็นพิเศษภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่องหลังคาสีทองและประตูสีแดงของวังหลวง รูปแบบโบราณเหล่านี้ทำให้หลิงอวี๋ที่เดินเล่นไปตามทางเต็มไปด้วยความรู้สึกเยาะเย้ยในใจนางคือคนที่ได้เห็นประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาห้าพันปีแล้ว ความมั่งคั่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้นางตกใจนัก ในความคิดของนางก็เป็นเพียงเมฆหมอกที่ผ่านตาเท่านั้นเอง!คนที่ได้ดีบนความเสียสละของคนอื่น ในวังที่ดูคล้ายจะงดงาม มันเต็มไปด้วยคาวเลือด ทั้งยังฝังหญิงสาววัยรุ่นไว้อีกจำนวนมากด้วย!หลิงเยวี่ยถูกแม่นมลี่สั่งสอนมาอย่างดีมาก สายตาไม่ว่อกแว่ก และท่าทีนอบน้อมทุกย่างก้าวหลิงอวี๋ภูมิใจในตัวเขามาก เด็กคนนี้เรียนรู้อะไรก็เป็นเช่นนั้นเลย!เซียวหลินเทียนตาบอด ไม่เห็นหรือว่าใบหน้าเล็ก ๆ ของเขานั้น ช่วงตาเหมือนกับเซียวหลินเทียนทุกประการ?แม้ว่าทั้งสามคนจะบอกว่าเป็นการเดินเล่น แต่เพราะว่ามาเข้าร่วมงานฉลองวันพระราชสมภพของไทเฮา จึงไม่อาจชะล่าใจได้ จึงเดินไปที่ศาลาในสวนตามเส้นทางคดเคี้ยวนั้นไป“พระชายา ท่านอ๋องอยู่ทางนั้นเจ
"พระชายาผิงหยาง… ชุดนี้ของเจ้าสวยมาก! จ่ายไปหลายพันตำลึงเลยสินะ!" เพื่อจะระบายความโกรธที่แพ้เดิมพันเสียเงินไป เสิ่นจวนกับเจิงจื่ออวี้จึงได้ผูกมิตรกับพระชายาผิงหยาง และชมเชยประจบสอพลอ"แน่นอนสิ ข้าจ่ายไปทั้งหมดห้าพันตำลึงเงิน! นี่สั่งตัดที่เรือนหลินหลางเชียวนะ!" "เพื่อเข้าร่วมงานฉลองวัพระราชสมภพของไทเฮา ข้าสั่งทำล่วงหน้าสามเดือนเลย!" ชุดที่เสิ่นจวนใส่วันนี้ก็งดงามมากเช่นกันกระโปรงสีชมพูอ่อนตรงชายมีระบายพลิ้ว มีปักลวดลายผีเสื้อตรงชายกระโปรงนางเหลือบมองหลิงอวี๋ แล้วพูดเยาะเย้ย"พระชายาผิงหยาง ลูกพี่ลูกน้องของข้าไม่สามารถเทียบเจ้าได้เลย! นางน่ะ เป็นหนี้เงินกู้ตั้งมากถึงเพียงนั้น แต่ไม่มีเงินตัดชุด ทำได้เพียงใส่ชุดเก่ามา!" ทันทีที่พระชายาผิงหยางได้ยิน ก็ยิ่งเย่อหยิ่งขึ้นมา แล้วพูดดูถูก "ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง! หลิงอวี๋ เจ้าก็รีบบอกสิ! หากรีบบอกข้าจะได้ส่งชุดที่ข้าไม่เคยใส่ไปให้เจ้าสักชุด!"น้ำเสียงที่ดูสงเคราะห์นั้นทำให้สาว ๆ ที่อยู่รอบ ๆ ล้วนหัวเราะออกมาพระชายาผิงหยางยิ้มอย่างดูถูก "ข้าอยากจะส่งชุดที่เรือนหลินหลางตัดให้พระชายาอ๋องอี้…"พวกสาว ๆ ไ
ส่วนพระชายาผิงหยาง วันนั้นก็เห็นชุดนี้ที่เรือนหลินหลางเช่นกัน ตอนนั้นก็จ้องอยู่ตาเป็นมันด้วย! แต่อ๋องผิงหยางเป็นอ๋องที่ว่างงาน นอกเสียจากเงินเดือนที่ได้ประจำแล้ว หนึ่งปีก็มีรายได้ไม่กี่หมื่นหรอกชุดที่พระชายาผิงหยางใส่นี้ก็แอบซื้อลับหลังอ๋องผิงหยางวันนี้นางได้ยินว่ามีการวางเดิมพันกัน ก็เอาตั๋วเงินสองหมื่นออกมาอย่างเงียบ ๆยังคิดอยู่ว่าจะชนะพนัน แล้วเงินค่าชุดนี้ก็จะได้กลับมา แล้วก็จะสามารถบอกกับอ๋องผิงหยางได้เต็มที่! ไหนเลยจะคิดว่าจะแพ้จนเสียไปทั้งหมด! พระชายาผิงหยางยังไม่รู้เลยว่าเดี๋ยวจะไปอธิบายกับอ๋องผิงหยางเยี่ยงไร!คิดอยู่ว่าหรือหลังจากจบงานเลี้ยงจะไปหลบอยู่ที่บ้านแม่สักสองสามวันดี!“ชุดนี้จะต้องเป็นของปลอมแน่!”ฉินรั่วซือเห็นสีหน้าของทั้งสามคนไม่สู้ดี จึงเอ่ยเตือน“ใช่ ๆ ชุดนั้นที่เรือนหลินหลางไม่ใช่แบบนี้…”ทันทีที่พระชายาผิงหยางถูกนางเตือน ก็ชี้ไปที่คอเสื้อแล้วพูดขึ้น“คอเสื้อที่เรือนหลินหลางเป็นแบบไขว้ ที่กระโปรงกับแขนเสื้อก็ใช้ดิ้นสีเงิน…”“หลิงอวี๋ เจ้าซื้อไม่ไหวก็อย่าทำของปลอมสิ! นี่ไม่ใช่การทำให้คนเขาหัวเราะกันรึ?”“คิดไม่ถึงเลยว่าพระชายาผู้สง่าจะใ
สาว ๆ คนอื่นมองบนตัวของตนเอง กระทั่งเข็มขัดก็ยังเทียบไม่ติดเลยจบ พลันรีบหุบปากกันทั้งหมด!คนเทียบกับคนยังทำให้โกรธได้! สิ่งของเทียบสิ่งของ ย่อมต้องมีทิ้งกันบ้างปะไร!“หลิงซิน เจ้าดูสิคนที่เขาดูของเป็นล้วนบอกว่าเป็นของจริง เช่นนั้นข้าก็วางใจแล้ว! เงินนี้จ่ายไปอย่างคุ้มค่าแล้ว!”“ไปเถอะ! ท่านอ๋องรอพวกเราอยู่ทางนั้น!”หลิงอวี๋กำลังจะก้าวเท้าเดินออกไปพระชายาผิงหยางก็เหลือบมองผ้าคลุมหน้าของนาง แล้วยื่นมือไปจับนางไว้ “พระชายาอ๋องอี้ ไม่ต้องรีบร้อนกระมัง! นี่ยังคุยไม่จบเลยมิใช่รึ?”“เมื่อสองวันก่อนข้าได้รับตำรับยาพื้นบ้านมา ได้ยินว่าถูกท่านอ๋องอี้ทุบตีจนบาดเจ็บไปทั้งหน้า ตำรับยาพื้นบ้านของข้าช่วยรักษารอยแส้ได้นะ!”นางพูดแล้วยื่นมือจะมาคว้าผ้าคลุมหน้าของหลิงอวี๋…หลิงอวี๋เห็นว่าพระชายาผิงหยางยื่นมือมา ก็หันหน้าหลบตามสัญชาตญาณพระชายาผิงหยางเห็นดังนั้นก็เอ่ยอย่างเยาะเย้ย “ผ้าคลุมหน้าผืนนี้ของเจ้าไม่ต้องคลุมแล้วกระมัง เจ้าไม่ให้ข้าดู ข้าจะรู้ได้เยี่ยงไรว่าตำรับยาพื้นบ้านเหมาะกับเจ้าหรือไม่!”“ใช่!” เจิงจื่ออวี้เห็นว่าหาโอกาสที่จะให้หลิงอวี๋อับอายได้อีกครั้งแล้ว มีหรือจะปล่อยโอกาสนี้
สาว ๆ คนอื่นที่ดูอยู่ก็หัวเราะออกมาเช่นกันมีคนพูดขึ้นมาอย่างเหยียดหยาม “ช่างไร้ยางอายจริง ๆ ที่สอนลูกเช่นนี้!”“แม่เป็นเยี่ยงไรลูกก็เป็นเยี่ยงนั้นสินะ! พระชายามีความหยิ่งผยอง ลูกชายที่นางเลี้ยงก็หยิ่งผยองตามนาง! เพื่อที่จะประจบนาง จึงแยกไม่ออกว่าอะไรคืองามอะไรคือน่าเกลียด!”พระชายาผิงหยางพูดอย่างเกรี้ยวกราด “พระชายาอ๋องอี้ เจ้าอย่าได้ปกปิดไว้เลย เปิดผ้าคลุมหน้าเถิด! พวกเราจะไม่หัวเราะเจ้าหรอก!”หัวเราะกันหมดนี่แหละ จะไม่หัวเราะได้หรือ!หลิงอวี๋มองใบหน้าที่เต็มไปด้วยกระของพระชายาผิงหยาง แป้งหนา ๆ ก็ยังปิดไม่มิด จึงหัวเราะพลางเอ่ย “ในเมื่อพระชายาพูดเช่นนี้แล้ว!”“พวกเจ้าอยากดูถึงเพียงนี้ เช่นนั้นก็ดูเถิด!”หลิงอวี๋ค่อย ๆ เปิดผ้าคลุมหน้า พวกของเสิ่นจวนเตรียมตัวจะระเบิดหัวเราะ เพื่อดึงดูดผู้คนให้เห็นใบหน้าที่น่าเกลียดของหลิงอวี๋มากขึ้นไหนเลยจะคิดว่า พอผ้าคลุมหน้าเปิดออก ใบหน้าของหลิงอวี๋ค่อย ๆ ปรากฏต่อหน้าทุกคน…เห็นว่าใบหน้าที่เมื่อสิบกว่าวันที่แล้วเห็นแต่รอยแส้เต็มหน้านั้น ได้เปลี่ยนเป็นในหน้าที่สวยดุจบัวผุดขึ้นเหนือน้ำใบหน้านี้ มีผิวหน้าที่เกลี้ยงเกลา ในความขาวก็ยังมีสีแดงอ
พระชายาผิงหยางรูปร่างอ้วน เมื่อใส่ชุดที่หนา ๆ เช่นนี้ ร้อนเสียจนเหงื่อกาฬออกแป้งหนา ๆ ที่อยู่บนใบหน้าชุ่มเหงื่อ แล้วก็หลุดออกไปบางส่วนแล้วแม้ว่าจะยังไม่ถึงขนาดที่เป็นด่างเป็นดวง แต่ถ้าอยู่อีกสักหน่อย มันจะกลายเป็นรอยด่างบนหน้าจริง ๆ แล้วเดิมทีหลิงอวี๋ก็ไม่ใช่คนใจร้าย เพียงแต่พอถูกคนคนนี้วุ่นวายมานานมากแล้วก็เลยรำคาญ ความใจร้ายของนาง ถึงได้พูดจาเยาะเย้ยไปสองสามประโยคแต่สองสามประโยคนี้ พระชายาผิงกลับหยางรับไม่ไหวแล้ว นางยกมือขึ้นจับหน้าตนเองโดยไม่รู้ตัว บนมือนั้นเช็ดแป้งออกมาเป็นชั้นเลยนางหน้าแดงหูแดงทันที รู้สึกว่าสายตาของทุกคนต่างก็กำลังเยาะเย้ยนาง!นางโกรธจนผลักหลิงอวี๋อย่างแรง พลางตะคอก “หลิงอวี๋ เจ้ารังแกข้ามากเกินไปแล้ว… เจ้า… เจ้ารอก่อนเถอะ… เจ้ากับข้าเห็นดีกันแน่!”พูดจบ พระชายาผิงหยางก็ปิดหน้าวิ่งไปอย่างตระหนก นางต้องไปหาที่แต่งหน้า!“เอ๊ะ เหตุใดจึงไปแล้วเล่า! ข้าเจตนาดีนะ! ข้ายังอยากจะแนะนำตำรับยาพื้นบ้านที่ใช้ดูแลความงามกับนางเลย!”“เห้อ พระชายาผิงหยางนี่ใจแคบนัก เมื่อครู่นางว่าข้าไว้ตั้งมากมายถึงเพียงนั้น ข้าก็มิได้โกรธอันใด! ข้าว่านางไปแค่สองประโยค นางก็รับมิได
คนที่ตามหลังท่านอดีตเสนาบดีมาติด ๆ คือหลิงเสียงเซิงพ่อของหลิงอวี๋ ผู้เป็นอาลักษณ์สำนักฮั่นหลินเขาอายุสี่สิบกว่าปี รูปร่างผอมเพรียว ที่กรามเรียว ๆ ของเขามีเคราบาง ๆ อยู่สองชั้นหลิงเสียงเซิงมองมาทางนี้จากที่ไกล ๆ เห็นหลิงอวี๋ก็เบือนหน้าหนีไปเหมือนเป็นคนแปลกหน้ากัน!ต่อจากหลิงเสียงเซิงก็คือหลิงเยี่ยนผู้เป็นน้องสาวต่างมารดาของหลิงอวี๋ เป็นเด็กสาวอายุประมาณสิบห้าปีนางสวมกระโปรงผ้าตาข่ายสีชมพู ที่เอวผูกผ้าสีเดียวกัน ผมสีดำสนิทประดับด้วยปิ่นติดผมหยกเขียวและไข่มุกติดสลับกัน ชุดนี้ดูหรูหราแต่ก็คงความมีชีวิตชีวาอยู่!ดูท่าทางแล้วเป็นที่รักของคนในครอบครัว!ใบหน้าที่งดงามของนางยังไม่ได้เปิดเผยออกมาเต็มที่ แต่ในความเยาว์วัยนั้นก็เผยเสน่ห์แล้ว!หลิงเยี่ยนเห็นหลิงอวี๋ ในแววตาก็ฉายแววประหลาดใจ จ้องมองจากทางนี้อยู่นาน ในสายตานั้นก็เปลี่ยนเป็นความดูถูก…ด้านหลังของหลิงเยี่ยนคือหลิงเฟิง ลูกชายคนโตของหลิงเสียงเซิง หลิงเฟิงได้รับการถ่ายทอดด้านรูปร่างหน้าตาของหลิงเสียงเซิงมา เขาผอมและสูงเขาจมูกโด่ง สายตาที่มองคนอื่นนั้นจะมีความมืดมนอยู่เล็กน้อย แค่มองก็รู้เลยว่าเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นยากเขาไม่
ต่อหน้าคนเยอะถึงเพียงนี้ มันไม่ดีที่หลิงอวี๋จะทะเลาะกับเซียวหลินเทียนนางจึงโน้มตัวเข้าไปใกล้เขาแล้วยิ้มเยาะพลางกระซิบ “เซียวหลินเทียน ท่านไม่ได้เห็นพวกเราเป็นคนในครอบครัว ก็อย่าคิดว่าพวกเราจะสนใจท่าน!”“สิ่งที่หม่อมฉันติดหนี้เจ้าไว้หม่อมฉันคืนหมดแล้ว! แต่เยวี่ยเยวี่ยไม่ได้ติดค้างอะไรท่านทั้งนั้น!”“ท่านถามใจตัวเองดูเถิดว่า เป็นผู้ชาย แม้ว่าจะเป็นคนแปลกหน้ากัน ท่านจะใจร้ายกับเด็กเยี่ยงนี้หรือไม่? ”“ตั้งแต่ที่เขาเกิดมา ท่านมิสนใจเขาก็ช่าง! แต่ตอนนี้เขาเพิ่งจะกี่ขวบเอง? ท่านก็ต้องการให้เขาไม่สะทกสะท้านอะไรเหมือนกับผู้ใหญ่ ท่านไม่คิดว่า ท่านบังคับใจคนอื่นมากไปหรือ?”“เซียวหลินเทียน จะตัดสินโทษว่าใครฆ่าใครก็ต้องมีหลักฐาน! ท่านมาพูดแบบปั้นน้ำเป็นตัวว่าหม่อมฉันเป็นขโมย ท่านมีหลักฐานหรือไม่?”“แค่เยวี่ยเยวี่ยเกิดเร็วไปสองเดือน ท่านก็สงสัยว่าเขาไม่ใช่ลูกท่านแล้ว! ท่านคิดว่ามันยุติธรรมกับเยวี่ยเยวี่ยหรือ?”“ไทเฮาเองก็ให้กำเนิดองค์จักรพรรดิตอนแปดเดือนมิใช่รึ? หรือว่าองค์จักรพรรดิเองก็เป็นลูกชู้เช่นกัน?”“หากวันหนึ่ง หม่อมฉันยืนยันได้ว่าเยวี่ยเยวี่ยเป็นลูกของท่าน ท่านคิดเอาเถิดว่า การกระ
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี