LOGIN“พี่เคนนั่นแหละทำเสียเรื่อง พิมอุตส่าห์วางแผนแทบตายกว่าไหมจะยอมมาด้วย” ภีรดาเริ่มโวยวายกับพี่ชายเป็นครั้งแรก
“อ้อ...ที่เขามานี่เพราะเราวางแผนหรอกเหรอ” ภีรวัจน์เริ่มหงุดหงิดเมื่อรู้ว่าวราลีไม่ได้เต็มใจที่จะมารับเขา
“ก็ใช่น่ะสิคะ แต่พี่เคนก็ยังอุตส่าห์ควงยัยแอนนี่อะไรนั่นมาให้เขาเห็น”
“พี่กับแอนนี่เป็นแค่เพื่อนกันนะ” ภีรวัจน์อธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแอนนี่ให้ภีรดาเข้าใจ
“เพื่อนนอนด้วยหรือเปล่าคะ” ภีรดายังไม่ยอมเชื่อ
“ชักจะแก่แดดไปทุกทีแล้วนะเรา” ภีรวัจน์หัวเราะน้อยๆ ก่อนจะหันมาเอ็ดภีรดา
“รู้อย่างนี้เชียร์ให้ไหมรักกับพี่ณุซะแต่แรกก็ดี” เธอหันมาค่อนขอดพี่ชาย แต่เหมือนประโยคนั้นกลับกลายเป็นจุดไฟแค้นในใจของเขาให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่เขาพยายามจะดับมันเมื่อหลายเดือนก่อน ภีรดาเพิ่งรู้สึกตัวว่าพูดอะไรผิด เมื่อภีรวัจน์หน้าเครียดไปทันทีและเขาก็นั่งเงียบมาตลอดทางหลังจากนั้น
วราลีกลับมาถึงบ้านเธออาบน้ำและทานข้าวเย็นกับพ่อแม่อย่างเป็นปกติก่อนจะเข้านอนแต่หัวค่ำ ทันทีที่ประตูห้องนอนปิดลงน้ำตาที่พยายามจะสะกดกลั้นเอาไว้หลายชั่วโมงก็ไหลออกมาทันที
ภาพของภีรวัจน์กับผู้หญิงของเขามันสั่นคลอนหัวใจของเธอได้ขนาดนี้เลยหรือ ทั้งๆ ที่แต่ก่อนเขาก็เคยควงผู้หญิงให้เธอเห็นเป็นประจำอยู่แล้ว ครั้งนี้มันมีอะไรแตกต่างกับครั้งก่อนๆ ทำไมเธอถึงจะต้องมาร้องไห้ด้วย วราลีถามตัวเอง หรือว่าในส่วนลึกเธอแอบหวังอะไรอยู่ หรืออาจจะเป็นเพราะประโยคสุดท้ายของเขาก่อนจากกันวันนั้นทำให้เธอตั้งหน้าตั้งตารอวันเขากลับมา
แล้วนี่เหรอคือผลการรอคอยของเธอ เธอหวังลมๆ แล้งๆ ไปเองต่างหาก ผู้ชายคนนั้นไม่เคยคิดที่จะจริงจังอะไรกับเธอ วราลีบอกตัวเองก่อนจะใช้มือเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม
เย็นวันนี้พิษณุอาสาทำหน้าที่มาส่งวราลีอีกครั้ง ซึ่งวันนี้หญิงสาวไม่ได้ปฏิเสธเหมือนครั้งก่อนๆ เธอรู้สึกเหนื่อยล้าในหัวใจจนไม่คิดอะไรมากอีกแล้วกับการที่มีพิษณุคอยดูแล
“ไหมเป็นอะไรไปครับ” พิษณุถามเมื่อสังเกตเห็นวราลีมีอาการเหม่อลอยและเงียบขรึมผิดปกติ
“ไหมแค่เหนื่อยๆ น่ะค่ะพี่ณุ” วราลีหันมาบอกเขาก่อนจะฝืนยิ้มให้เขาเพื่อให้เขาสบายใจ
รถของพิษณุมาจอดเทียบหน้าบ้านของวราลี แต่มีรถอีกคันหนึ่งจอดรออยู่ก่อนแล้ว วราลีกล่าวขอบคุณพิษณุที่มาส่งเธอก่อนที่เขาจะออกรถไป
ภีรวัจน์เดินออกมาดักรอเธออยู่ที่หน้าบ้าน วราลียืนตัวแข็งไปชั่วขณะเมื่อถูกสายตาคมกริบของเขามองมายังเธอราวกับสิงโตสะกดเหยื่อ แต่สักพักหนึ่งเธอก็เมินหลบและเดินผ่านหน้าเขาราวกับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา
“เดี๋ยวก่อนสิ”
วราลีหันกลับมามองเขาอย่างไม่พอใจเมื่อแขนของเธอถูกมือแข็งแรงกระชากเอาไว้
“นี่มันที่บ้านไหม ทำอะไรให้กรุณาเกียรติพ่อแม่ไหมด้วย” เธอพูดกับเขาเสียงเย็นชา
“อ้อ ทำอะไรก็ต้องระวังเกียรติไปหมดสินะว่าที่ภรรยาหม่อม” ภีรวัจน์ขบกรามแน่นและเค้นเสียงพูดกับเธอ
“ที่นี่ไม่ใช่ที่ของพี่เคน กลับไปซะเถอะค่ะ” วราลีเชิดใส่และมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า ภีรวัจน์โกรธจนแทบคลั่งที่ยัยเชยทำท่าแบบนี้ใส่เขา ทั้งๆ ที่เขาอุตส่าห์ทั้งรักทั้งคิดถึงและดั้นด้นมาหาเธอที่นี่
“แล้วมันที่ของใคร ไอ้หน้าจืดนั่นเหรอ”
“หยุดหาเรื่องคนอื่นซะที แล้วกลับไปหาคนของพี่” วราลีเริ่มเสียงดังกับเขาบ้าง ความรู้สึกที่ถูกเก็บกดอยู่ในหัวใจเริ่มถูกระบายออกมา
“คนของผมก็ยืนอยู่ตรงหน้าผมนี่แล้วไง แต่ว่าตอนนี้คงไม่ใช่ของผมอีกต่อไปแล้วสิ” ภีรวัจน์เริ่มเสียงไม่หนักแน่นเมื่อพูดประโยคนั้น
“ไหมต่างหากที่ควรจะพูดประโยคนี้” วราลีเสียงสั่นเครือ เขาจับเธอหันมาและจ้องลึกลงไปในดวงตาคู่สวยนั้น
“ที่พูดนี่เพราะหึงเรื่องเมื่อวานใช่ไหม”
วราลีผลักเขาออกเมื่อเขาพูดแทงใจดำของเธอ “ไม่เคยคิดจะหึงคนเจ้าชู้อย่างพี่เคนหรอก จะไปไหนก็ไปสิ อย่ามายุ่งกับไหม”
“ปากแข็ง” ภีรวัจน์เริ่มอารมณ์ดีเมื่อเห็นท่าทางแง่งอนของเธอ เขาเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่กำลังคลอเบ้าให้เธออย่างอ่อนโยน แต่วราลีปัดมือเขาออกและหันหลังให้
“ผมกับเขาเป็นแค่เพื่อนกัน” ภีรวัจน์บอกก่อนจะเดินตามเธอมาและจับไหล่เธอให้หันมาเผชิญหน้ากับเขา
“ไหมไม่สนใจหรอกมันเรื่องของพี่เคน”
“ไม่สนใจแล้วทำไมต้องร้องไห้ด้วย” เขาพูดอย่างรู้ทัน
“ช่างไหมเถอะ กลับไปได้แล้ว แล้วก็ห้ามมายุ่งกับไหมอีก” เธอไล่เขาตรงๆ
“กลับน่ะได้ แต่ห้ามยุ่งกับไหมคงไม่ได้ ต่อไปห้ามให้นายนั่นมาส่งอีก” เขาพูดเหมือนออกคำสั่งกับเธอ
“มันเรื่องของไหม พี่เคนไม่มีสิทธิ์มาสั่งอะไรไหมทั้งนั้น”
“ก็ได้ไหม ถ้าอยากลองดีก็ลองทำดู” เขาขู่เธอไว้ก่อนจะเดินหันหลังกลับไปที่รถของเขา
วราลีมองตามก่อนจะถอนหายใจ สิ่งที่มันหนักอึ้งที่เธอแบกเอาไว้ทั้งวันรู้สึกว่ามันหายไปทันทีเมื่อเขามาที่นี่ เขามีอิทธิพลกับหัวใจเธอมากขนาดนี้เลยหรือ วราลีถามตัวเองเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ในรอบวัน
“คุณเมธิน” เขาตอบเรียบๆ“แล้วยังไงคะ” เธอถามเขาต่อแต่ลำคอเริ่มตีบตัน“ถ้าคุณจะถอนหมั้นแล้วไปคบกับเขาผมก็ยินดีนะ” น้ำเสียงที่พูดราวกับไม่รู้สึกยินดียินร้ายของเขาบาดลึกลงไปในหัวใจของภีรดาอย่างไม่เคยรู้สึกเท่านี้มาก่อน ความรู้สึกที่เขาคิดจะผลักไสเธอให้คนอื่นมันเหมือนเธอไม่เคยมีความหมายอะไรต่อเขาเลย ทำให้ภีรดาต้องเมินหน้าหนีจากใบหน้าเข้มๆ ของเขาภวินท์มาจอดรถส่งเธอที่หน้าบ้านหลังจากที่ภีรดานั่งเงียบมาตลอดทาง“ถ้าคุณพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกผม” เขาหันมาพูดก่อนที่ภีรดาจะเปิดประตูรถลงไป“พิมไม่เคยมีความหมายอะไรกับพี่เลยใช่ไหมคะ” เธอหันไปถามเขาอย่างเจ็บปวด น้ำเสียงสั่นเครือ“พิม” เขาเรียกเธอย่างตกใจ“พี่ไก่มีหัวใจบ้างหรือเปล่า” เสียงหวานเอ่ยอย่างตัดพ้อ น้ำตาที่สกัดกั้นไว้ตลอดทางเริ่มไหลออกมาเต็มสองแก้ม พร้อมกับกำปั้นน้อยๆ ที่หันไปทุบที่หน้าอกเขาติดๆ กันเพื่อระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในหัวใจมาตลอด เขารวบมือของเธอไว้“ปล่อยนะ” เธอหันไปแหวใส่เขาทั้งๆ ที่ยังไม่หยุดร้องไห้“หยุดร้องไห้ก่อนแล้วพูดกันดีๆ” น้ำเสียงเขาอ่อนโยนลง“ไม่หยุด พิมเกลียดพี่ไก่ ใช่...พิมมันบ้า บ้าที่หลงรักพี่ ทั้งๆ ที่พี่ไม่เคยเห็นพิมอ
“พิมเป็นเหน็บค่ะสงสัยจะนั่งนาน”เขาช้อนร่างบางของเธอไว้ในวงแขน ก่อนจะเดินไปที่โซฟาตัวยาวที่อยู่ใกล้ๆ และวางลง ภวินท์นั่งลงข้างล่าง ถอดรองเท้าเธอออก แล้วนวดให้อย่างเบามือ ทำให้ภีรดานึกไปถึงเมื่อสี่ปีก่อนที่เธอเคยแกล้งเขาและเขาต้องนวดให้เธอแบบนี้ หญิงสาวเริ่มหน้าแดงเมื่อนึกถึงตอนที่เขาจูบเธอเป็นครั้งแรกหลังจากนั้น“ดีขึ้นหรือยัง”“ก็เอ่อค่ะ” ในยามนี้ภีรดาเหมือนนางอายทำอะไรก็ดูขัดเขินไปหมด เพราะไม่คิดว่าเขาจะอ่อนโยนกับเธอได้ขนาดนี้ภวินท์จึงหัวเราะกับท่าทางเงอะงะของคู่หมั้นสาว“พิมครับเป็นอะไรไปครับ” คำพูดของเขายิ่งทำเอาเธออ่อนยวบจนแทบละลาย คนอย่างเขาพูดเพราะกับเธอได้ขนาดนี้เลยเหรอ“พี่ไก่คะ”“ครับว่าไง”“ไม่ว่าอะไรพิมใช่ไหมคะที่พิมจะเรียกว่าพี่ไก่”“ไม่ว่าครับเพียงแต่มันไม่ชิน”“แล้วถ้าถอนหมั้นกันแล้ว พิมยังจะเรียกเหมือนเดิมได้หรือเปลา” ภีรดาถามต่อแต่คำถามของเธอทำให้เขาหน้าตึงขึ้นมาทันที“ตามใจสิ” เขาตอบห้วนๆ และทำท่าจะเดินไปจากตรงนั้น ภีรดาลุกขึ้นและดึงแขนเข้าไว้“เดี๋ยวก่อนค่ะ โกรธพิมเหรอคะ” เธอพูดอย่างงอนง้อ“ไม่ได้โกรธ”“แล้วทำไมต้องเดินหนีพิมล่ะคะ”“ก็แค่คู่หมั้นกำมะลอจะใส่ใจอะไรกั
“ไม่นะคะพี่เคน” เธอปฏิเสธทันที“พี่คงไม่ยอมให้เรื่องมันผ่านแล้วผ่านเลยไปอย่างแน่นอน พิมไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ แล้วถ้าเรื่องนี้ถึงหูคุณพ่อคุณแม่ท่านคงไม่ทำแค่ที่พี่ทำแน่”คำพูดที่เด็ดขาดของภีรวัจน์ทำให้เธอรู้ว่าเธอหมดทางปฏิเสธ แล้วภวินท์ล่ะจะเป็นอย่างไรบ้าง เขาจะรู้สึกอึดอัดแค่ไหนที่ต้องหมั้นกับเธอทั้งๆ ที่ไม่ได้รักภีรดาถูกภีรวัจน์สั่งให้ย้ายแผนกมาฝึกงานกับฝ่ายบัญชีหลังจากนั้น หากเป็นแต่ก่อนเธอคงไม่ยอมพี่ชายง่ายๆ แบบนี้แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่านั่นเป็นการดีสำหรับเธอ เพราะเธอยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับภวินท์ในตอนนี้วราลีทราบข่าวเรื่องนี้จากปากของภีรดา ทำให้เธอตื่นเต้นไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าจะได้เพื่อนรักมาเป็นพี่สะใภ้ในที่สุด เธอรู้ว่าภีรดาแอบชอบภวินท์มาหลายปีแล้ว แต่พี่ชายของเธอก็เอาแต่เมินเฉยและเย็นชาใส่ภีรดามาตั้งแต่แรกเช่นกัน เธอรู้สึกดีใจแทนภีรดาอย่างมากแต่ก็รู้สึกไม่ชอบใจนักที่รู้ว่าภีรวัจน์เป็นผู้บังคับให้ภวินท์หมั้นกับภีรดา คนร้ายกาจนั่นชอบวางอำนาจและชอบสั่งให้คนนั้นคนนี้ทำตามที่ตัวเองต้องการอยู่ร่ำไป โดยที่ไม่ได้ถามความสมัครใจเขาสักนิดความห่างเหินระหว่างภวินท์กับภีรดาเริ่มมากขึ้นเ
ภวินท์เป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั้งบริษัท เพราะนอกจากเขาจะหน้าตาหล่อเหลาแล้ว เขายังวางตัวได้ดีและทำงานเก่งจนมีความก้าวหน้า ในหน้าที่การงานมากกว่าคนหนุ่มที่อายุรุ่นราวคราวกัน ภีรดาเองก็เคยเห็นผู้หญิงมองตามเขาหลายครั้งหญิงสาวลุกขึ้นและเดินตรงมาหาเขาที่โต๊ะ เธอยืนอยู่ข้างหน้าโต๊ะและไม่ยอมขยับไปไหน ภวินท์เงยหน้าขึ้นมองเธอนิดหนึ่งก่อนจะก้มหน้าลงสนใจงานตรงหน้าต่อ“งานของคุณเสร็จแล้วเหรอ” ภีรดารู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกที่เขาพูดกับเธอแต่ไม่ยอมมองหน้าสักนิด“ยัง”“อ้อลืมไปว่าคุณเป็นลูกสาวเจ้าของบริษัท แต่อยากทำอะไรก็ทำเถอะ ส่วนผมมันแค่ลูกจ้างต้องทำงานให้คุ้มเงินเดือน” ภีรดาหน้าชาเพราะเหมือนเขากำลังย้อนสิ่งที่เธอเคยพูดเอาไว้เพราะอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น“ก็บอกแล้วไงว่าฉันขอโทษ” ภีรดาพูดอย่างงอนง้อ“ขอโทษเรื่องอะไร”“ก็ที่ฉันพูดไม่ดีกับนายวันก่อน”“คุณก็พูดถูกนี่” เขาพูดเหมือนไม่ใส่ใจคำขอโทษของเธอสักนิด“เมื่อไหร่นายจะหายโกรธฉันซักที”“ผมคงไม่บังอาจไปโกรธลูกสาวนายจ้างอย่างคุณหรอกครับ” น้ำเสียงเขาราบเรียบและห่างเหินจนภีรดาเริ่มจะหมดความอดทน“งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันอยากสั่งอะไรนายก็ได้ใช่ไหม” เธอพู
“อย่าทำอะไรบ้าๆ อีกนะ” วราลีหันกลับมาค้อนขวับพร้อมทั้งพูดกับเขาเสียงดุๆ“ไหมก็รู้ว่าห้ามผมไม่ได้”“ถ้าคิดจะล่วงเกินไหมอีก ไหมจะ..” เธอหยุดพูดไว้แค่นั้นเพราะไม่รู้ว่าคนอย่างเธอจะสามารถทำอะไรเขาได้“จะ..อะไรครับยาหยี”“ถอยไปนะ ไหมจะไปอาบน้ำ” เธอพูดจะสะบัดตัวออกแต่ครั้งนี้กลับเป็นอิสระอย่างง่ายดาย เพราะเขายอมปล่อยเธอแต่โดยดีวราลีรีบเดินตัวปลิวเข้าห้องน้ำอย่างไม่ยอมเสียเวลาเพราะกลัวคนบ้านั่นจะทำอะไรบ้าๆ กับเธออีก อาบน้ำเสร็จกลับออกมาพร้อมกับใส่เสื้อคลุมอย่างมิดชิดและดวงตากลมโตของเธอหันมามองเขาที่ยังคงนอนสบายใจอยู่บนที่นอนเช่นเดิม สายตาของเขามองเธอทุกอิริยาบถจนเธอแทบจะเดินขาขวิดภีรวัจน์หัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนที่จะลุกจากเตียงแล้วแกล้งเดินเฉียดเธอไปเข้าอาบน้ำบ้างวราลีแต่งตัวเสร็จและนั่งรอเขาอยู่ที่เตียง เธอหันหลังให้เขาตั้งแต่เห็นเขาเดินออกมาจากห้องน้ำ คนบ้านั่นหน้าไม่อายสักนิดกับการที่ต้องเปลื้องผ้าต่อหน้าเธอ แต่เธอเขินอายเกินกว่าจะมองภาพนั้นได้ภีรวัจน์เดินเข้ามาใกล้หญิงสาวหลังจากที่เขาแต่งตัวเสร็จ เขามานั่งซ้อนข้างหลังและสอดมือเข้ามาที่เอวคอดของเธอ“พี่เคน”เขาไม่ตอบแต่ฝังจมูกลงบนซอกคอข
เขาผละลุกขึ้นจากร่างเปลือยเปล่าของเธออย่างรวดเร็วก่อนจะตรงเข้าไปยังห้องน้ำ และเปิดฝักบัวเพื่อให้สายน้ำเย็นๆ ดับความร้อนระอุและความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับร่างกายเขาจนรวดร้าวในตอนนี้ภาพการตอบสนองที่ร้อนแรงอย่างไม่รู้ตัวของวราลียังตามหลอกหลอนเขาทำเอาเขาแทบคลั่งและต้องใช้ความอดทนอย่างมากที่จะไม่เปิดประตูห้องน้ำกลับออกไปหาเธออีกครั้งวราลีควานหาเสื้อนอนมาใส่อย่างอับอาย ร่างกายเธอยังสั่นเทาจากพิษของแรงปรารถนาที่เพิ่งดับมอดลง เธอไม่รู้จะสู้หน้าเขาอย่างไรทั้งๆ ที่ปากตะโกนบอกว่าเกลียดเขา แต่ร่างกายเธอกลับตอบสนองเขาอย่างร้อนแรงราวกับสาวร้อนรักไม่มีผิดภีรวัจน์กลับออกมาอีกครั้ง หลังจากที่สายน้ำช่วยบรรเทาความร้อนระอุของเขาลงไปได้จนเกือบเป็นปกติวราลีนั่งอยู่ที่เตียงโดยใช้ผ้าห่มพันร่างของตัวเองเอาไว้อย่างหนาแน่น ตาสองคู่ประสานกันเป็นครั้งแรกหลังจากที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์อันวาบหวามไปหญิงสาวหน้าแดงและเสหลบตาเขาอย่างอับอายเมื่อนึกถึงปฏิกิริยาอันน่าอับอายของตัวเองเขาหัวเราะน้อยๆ กับท่าทางของเธอ ก่อนจะเดินลงมานั่งที่เตียงข้างๆ เธอ วราลีสะดุ้งและตะครุบชายผ้าห่มเอาไว้แน่น“ตลกน่าไหม นึกว่าผ้าห่มแค่นี้จะช่







