LOGINวันนี้งานที่สำนักพิมพ์มีปัญหาเล็กน้อยทำให้วราลีต้องอยู่แก้งานกับพิษณุและทีมงานคนอื่นๆ จนเลยเวลาเลิกงานไปเกือบชั่วโมงกว่างานที่มีปัญหาจะถูกแก้ไขเสร็จ ทุกคนในทีมต่างเหน็ดเหนื่อยและก็ยิ้มออกมาเมื่อทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี พิษณุกล่าวขอบคุณทุกคนก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับ วราลีเดินกลับที่โต๊ะของเธอและเก็บของเพื่อเตรียมตัวกับบ้านเช่นเดียวกับคนอื่นๆ
“วันนี้ขอบใจไหมมากนะ ไหมคงเหนื่อยมาก” พิษณุเดินตามมาและพูดกับเธอหลังจากที่คนอื่นๆ กลับออกไปกันหมดแล้ว
“จะขอบคุณทำไมล่ะคะ มันเป็นหน้าที่ ที่ไหมจะต้องช่วยอยู่แล้ว” เธอยิ้มให้เขาเมื่อพูดประโยคนั้น
“ไหมน่ารักเสมอ” เขาพูดในสิ่งที่หัวใจของเขารู้สึกกับเธอเป็นครั้งแรก
“น่ารักแล้วรักมั้ยคะ” วราลีถามพร้อมกับหัวเราะอย่างขี้เล่นเมื่อเห็นเขาทำท่าจริงจัง
“รักสิครับ” พิษณุบอกก่อนจะดึงวราลีไปกอดไว้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่รู้จักกับเธอมา
“พี่ณุ” วราลีตกใจเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าพิษณุจะทำแบบนั้น
“ขอโทษที่มาขัดจังหวะ” เสียงดุๆ ของภีรวัจน์ที่ดังขึ้น ทำให้วราลีผละออกจากอ้อมกอดของพิษณุทันที
“พี่เคน” วราลีอุทานอย่างตกใจเพราะไม่คิดว่าภีรวัจน์จะเข้ามาเห็นภาพนั้น เขาจะคิดยังไงกันนะ ช่างเขาสิจะคิดยังไงก็ช่างเขา วราลีบอกตัวเองก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับคนที่เข้ามาอย่างไม่ได้รับเชิญ
“ขอโทษด้วยนะครับคุณพิษณุ แต่ผมมีธุระกับเพื่อนของน้องสาว” เขาพูดก่อนจะดึงแขนของวราลีให้ตามเขาไปที่รถอย่างรวดเร็ว โดยที่พิษณุได้แต่มองตามอย่างสงสัยเพราะเขาไม่เคยรู้จักภีรวัจน์มาก่อน แต่ภีรวัจน์กลับเรียกชื่อเขาถูก เขาเดินตามออกมาเมื่อรู้สึกไม่ไว้ภีรวัจน์ แต่ก็ช้ากว่าภีรวัจน์ที่พาวราลีขึ้นรถไปแล้ว
กริ๊ง...ง
เสียงโทรศัพท์ของวราลีดังขึ้น หลังจากที่ภีรวัจน์ออกรถมาได้สักพักหนึ่ง
“ค่ะพี่ณุ” เธอกดรับพร้อมกับที่ใบหน้าของภีรวัจน์ที่บึ้งตึงอยู่แล้วเคร่งขรึมขึ้นไปอีก
“ไหมมีอะไรหรือเปล่า” พิษณุถามกลับมาตามสายอย่างเป็นห่วง
“เอ่อ ไม่มีอะไรค่ะพี่ณุไม่ต้องห่วงนะคะ” วราลีพยายามทำเสียงให้เป็นปกติทั้งที่ในใจนึกหวาดหวั่นอารมณ์ของภีรวัจน์อยู่ไม่น้อย
ภีรวัจน์ดึงโทรศัพท์จากมือของวราลีพร้อมทั้งกดวางสาย
“อย่างนี้นี่เอง” เขาพูดขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากที่เงียบมาตลอดทาง
“เอาโทรศัพท์ไหมคืนมานะ” วราลีหันไปแหวใส่เขาอย่างไม่พอใจ
“กลัวไอ้หมอนั่นมันจะเป็นห่วงมากนักหรือไง”
เขาไม่ยอมคืนโทรศัพท์ให้เธอแต่เอาไปวางไว้ที่ช่องข้างประตูคนขับ ก่อนจะหักรถเลี้ยวไปตามเส้นทางที่มุ่งหน้าไปยังภาคตะวันออก
“จะพาไหมไปไหน” วราลีถามอย่างหวาดหวั่นเมื่อรถแล่นไกลออกมาจากกรุงเทพมากขึ้นเรื่อย
“ไปข่มขืนมั้ง” เสียงวางอำนาจของเขาพูดกับเธอย่างดุดัน
“หยุดรถเดี๋ยวนี้นะพี่เคน”
“โทรไปบอกที่บ้านว่าจะไปทำงานต่างจังหวัด” เขาออกคำสั่งพร้อมทั้งยื่นโทรศัพท์ให้เธอ
“ไม่โทร ไหมจะไม่ไปไหนกับพี่ทั้งนั้น”
“ก็ตามใจถ้าไหมอยากให้ที่บ้านเป็นห่วงเพราะลูกสาวหายตัวไปเฉยๆ” น้ำเสียงเขาจริงจังจนวราลีรู้สึกกลัว
ภีรวัจน์ขับรถประมาณสองชั่วโมงก็ถึงจุดหมายปลายทาง รถของเขามาจอดที่โรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่งที่อยู่ติดทะเล วราลีไม่ยอมลงจากรถเขาก้าวไปเปิดประตูรถก่อนจะไปดึงมือเธอลงมา
“ปล่อยนะ” วราลีพยายามจะสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของเขา
“อยากขายหน้าคนมากหรือไง”
“ไหมไม่ยอมไปกับพี่เคนหรอก”
“เอาสิงั้นก็ทำอะไรๆ กันตรงนี้เลย” เขาพูดให้วราลีรู้สึกกลัว เธอรู้ว่าคนอย่างเขาทำได้ทุกอย่างโดยไม่กลัวเธอจะขายหน้าอยู่แล้ว
“อย่ามาทำอะไรบ้าๆ กับไหมนะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ตามมาดีๆ” เขาพูดอย่างวางอำนาจก่อนจะจูงมือเธอให้เดินถามเข้าไปในโรงแรม
ภีรวัจน์ไปติดต่อจองห้องพักที่หน้าประชาสัมพันธ์ ก่อนจะเดินกลับมาหาวราลีและพาเธอขึ้นไปยังห้องพัก
“มันเหลือแต่ห้องนี้แหละ” เขาบอกและหันหน้ามาหาเธอ
ห้องนี้ที่ว่าเป็นห้องเตียงเดี่ยว นั่นหมายความว่าคืนนี้เธอต้องนอนร่วมเตียงกับเขาอย่างนั้นเหรอ แล้วคนอย่างเขาคงจะไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆ แน่ วราลีมองหน้าเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อกับสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ตอนนี้ แต่ภีรวัจน์ทำราวกับไม่เดือดร้อนกับการที่ถูกเธอมองแบบนั้น
“ไหมจะกลับ” เธอทำท่าจะวิ่งออกจากห้อง เขาตามมารวบตัวเธอเข้าไปกอดไว้ วราลีพยายามดิ้นให้หลุดพ้นจากอ้อมแขนแข็งแรงของเขา
“ปล่อยนะคนบ้า” วราลีทั้งผลักทั้งตะโกนไล่เขาแต่เหมือนไม่มีทางที่จะเขาจะยอมปล่อยเธอง่ายๆ
“อย่าทำให้ผมโกรธนะไหม ความอดทนของผมมันเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ ตั้งแต่ที่เห็นคุณพลอดรักกับไอ้หมอนั่นแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นผมจะปล้ำคุณเดี๋ยวนี้” คำขู่ของเขาทำให้วราลีชะงักไป
“หมายความว่าพี่เคนจะข่มขืนไหมอย่างนั้นเหรอ” เธอถามอย่างหวาดหวั่น
“ถ้าไม่แล้วจะพามาที่นี่ทำไม” เขาก้มต่ำลงมาพูดชิดริมฝีปากของเธอ
“ไอ้พี่เคนบ้า ไอ้บ้ากาม” วราลีเริ่มหวาดกลัว
“ใครจะไปรู้ บางทีมันอาจจะไม่ได้เป็นการข่มขืนก็ได้นะ ไหมอาจจะเต็มใจที่จะรักกับผมก็ได้” คำพูดที่โจ่งแจ้งของเขาทำเอาภีรดาหน้าแดงซ่านทันที
“ไม่มีทาง ไหมไม่มีวันเต็มใจ”
“งั้นคืนนี้เราจะได้รู้กัน” เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นในตอนนั้นภีรวัจน์เดินไปเปิดและเดินกลับมาพร้อมกับเสื้อผ้า
“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ” เขาบอกพร้อมทั้งส่งเสื้อผ้าให้เธอ วราลีมองมันก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองเขา
“ใครจะไปใส่ชุดแบบนี้ได้” เธอโวยวายและยิ่งหน้าแดงไปกว่าเดิมเมื่อชุดที่เขาเอามาให้ มันคือชุดนอนแบบเซ็กซี่ที่เธอไม่เคยคิดจะแตะต้องมันด้วยซ้ำไป
“คุณเมธิน” เขาตอบเรียบๆ“แล้วยังไงคะ” เธอถามเขาต่อแต่ลำคอเริ่มตีบตัน“ถ้าคุณจะถอนหมั้นแล้วไปคบกับเขาผมก็ยินดีนะ” น้ำเสียงที่พูดราวกับไม่รู้สึกยินดียินร้ายของเขาบาดลึกลงไปในหัวใจของภีรดาอย่างไม่เคยรู้สึกเท่านี้มาก่อน ความรู้สึกที่เขาคิดจะผลักไสเธอให้คนอื่นมันเหมือนเธอไม่เคยมีความหมายอะไรต่อเขาเลย ทำให้ภีรดาต้องเมินหน้าหนีจากใบหน้าเข้มๆ ของเขาภวินท์มาจอดรถส่งเธอที่หน้าบ้านหลังจากที่ภีรดานั่งเงียบมาตลอดทาง“ถ้าคุณพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกผม” เขาหันมาพูดก่อนที่ภีรดาจะเปิดประตูรถลงไป“พิมไม่เคยมีความหมายอะไรกับพี่เลยใช่ไหมคะ” เธอหันไปถามเขาอย่างเจ็บปวด น้ำเสียงสั่นเครือ“พิม” เขาเรียกเธอย่างตกใจ“พี่ไก่มีหัวใจบ้างหรือเปล่า” เสียงหวานเอ่ยอย่างตัดพ้อ น้ำตาที่สกัดกั้นไว้ตลอดทางเริ่มไหลออกมาเต็มสองแก้ม พร้อมกับกำปั้นน้อยๆ ที่หันไปทุบที่หน้าอกเขาติดๆ กันเพื่อระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในหัวใจมาตลอด เขารวบมือของเธอไว้“ปล่อยนะ” เธอหันไปแหวใส่เขาทั้งๆ ที่ยังไม่หยุดร้องไห้“หยุดร้องไห้ก่อนแล้วพูดกันดีๆ” น้ำเสียงเขาอ่อนโยนลง“ไม่หยุด พิมเกลียดพี่ไก่ ใช่...พิมมันบ้า บ้าที่หลงรักพี่ ทั้งๆ ที่พี่ไม่เคยเห็นพิมอ
“พิมเป็นเหน็บค่ะสงสัยจะนั่งนาน”เขาช้อนร่างบางของเธอไว้ในวงแขน ก่อนจะเดินไปที่โซฟาตัวยาวที่อยู่ใกล้ๆ และวางลง ภวินท์นั่งลงข้างล่าง ถอดรองเท้าเธอออก แล้วนวดให้อย่างเบามือ ทำให้ภีรดานึกไปถึงเมื่อสี่ปีก่อนที่เธอเคยแกล้งเขาและเขาต้องนวดให้เธอแบบนี้ หญิงสาวเริ่มหน้าแดงเมื่อนึกถึงตอนที่เขาจูบเธอเป็นครั้งแรกหลังจากนั้น“ดีขึ้นหรือยัง”“ก็เอ่อค่ะ” ในยามนี้ภีรดาเหมือนนางอายทำอะไรก็ดูขัดเขินไปหมด เพราะไม่คิดว่าเขาจะอ่อนโยนกับเธอได้ขนาดนี้ภวินท์จึงหัวเราะกับท่าทางเงอะงะของคู่หมั้นสาว“พิมครับเป็นอะไรไปครับ” คำพูดของเขายิ่งทำเอาเธออ่อนยวบจนแทบละลาย คนอย่างเขาพูดเพราะกับเธอได้ขนาดนี้เลยเหรอ“พี่ไก่คะ”“ครับว่าไง”“ไม่ว่าอะไรพิมใช่ไหมคะที่พิมจะเรียกว่าพี่ไก่”“ไม่ว่าครับเพียงแต่มันไม่ชิน”“แล้วถ้าถอนหมั้นกันแล้ว พิมยังจะเรียกเหมือนเดิมได้หรือเปลา” ภีรดาถามต่อแต่คำถามของเธอทำให้เขาหน้าตึงขึ้นมาทันที“ตามใจสิ” เขาตอบห้วนๆ และทำท่าจะเดินไปจากตรงนั้น ภีรดาลุกขึ้นและดึงแขนเข้าไว้“เดี๋ยวก่อนค่ะ โกรธพิมเหรอคะ” เธอพูดอย่างงอนง้อ“ไม่ได้โกรธ”“แล้วทำไมต้องเดินหนีพิมล่ะคะ”“ก็แค่คู่หมั้นกำมะลอจะใส่ใจอะไรกั
“ไม่นะคะพี่เคน” เธอปฏิเสธทันที“พี่คงไม่ยอมให้เรื่องมันผ่านแล้วผ่านเลยไปอย่างแน่นอน พิมไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ แล้วถ้าเรื่องนี้ถึงหูคุณพ่อคุณแม่ท่านคงไม่ทำแค่ที่พี่ทำแน่”คำพูดที่เด็ดขาดของภีรวัจน์ทำให้เธอรู้ว่าเธอหมดทางปฏิเสธ แล้วภวินท์ล่ะจะเป็นอย่างไรบ้าง เขาจะรู้สึกอึดอัดแค่ไหนที่ต้องหมั้นกับเธอทั้งๆ ที่ไม่ได้รักภีรดาถูกภีรวัจน์สั่งให้ย้ายแผนกมาฝึกงานกับฝ่ายบัญชีหลังจากนั้น หากเป็นแต่ก่อนเธอคงไม่ยอมพี่ชายง่ายๆ แบบนี้แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่านั่นเป็นการดีสำหรับเธอ เพราะเธอยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับภวินท์ในตอนนี้วราลีทราบข่าวเรื่องนี้จากปากของภีรดา ทำให้เธอตื่นเต้นไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าจะได้เพื่อนรักมาเป็นพี่สะใภ้ในที่สุด เธอรู้ว่าภีรดาแอบชอบภวินท์มาหลายปีแล้ว แต่พี่ชายของเธอก็เอาแต่เมินเฉยและเย็นชาใส่ภีรดามาตั้งแต่แรกเช่นกัน เธอรู้สึกดีใจแทนภีรดาอย่างมากแต่ก็รู้สึกไม่ชอบใจนักที่รู้ว่าภีรวัจน์เป็นผู้บังคับให้ภวินท์หมั้นกับภีรดา คนร้ายกาจนั่นชอบวางอำนาจและชอบสั่งให้คนนั้นคนนี้ทำตามที่ตัวเองต้องการอยู่ร่ำไป โดยที่ไม่ได้ถามความสมัครใจเขาสักนิดความห่างเหินระหว่างภวินท์กับภีรดาเริ่มมากขึ้นเ
ภวินท์เป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั้งบริษัท เพราะนอกจากเขาจะหน้าตาหล่อเหลาแล้ว เขายังวางตัวได้ดีและทำงานเก่งจนมีความก้าวหน้า ในหน้าที่การงานมากกว่าคนหนุ่มที่อายุรุ่นราวคราวกัน ภีรดาเองก็เคยเห็นผู้หญิงมองตามเขาหลายครั้งหญิงสาวลุกขึ้นและเดินตรงมาหาเขาที่โต๊ะ เธอยืนอยู่ข้างหน้าโต๊ะและไม่ยอมขยับไปไหน ภวินท์เงยหน้าขึ้นมองเธอนิดหนึ่งก่อนจะก้มหน้าลงสนใจงานตรงหน้าต่อ“งานของคุณเสร็จแล้วเหรอ” ภีรดารู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกที่เขาพูดกับเธอแต่ไม่ยอมมองหน้าสักนิด“ยัง”“อ้อลืมไปว่าคุณเป็นลูกสาวเจ้าของบริษัท แต่อยากทำอะไรก็ทำเถอะ ส่วนผมมันแค่ลูกจ้างต้องทำงานให้คุ้มเงินเดือน” ภีรดาหน้าชาเพราะเหมือนเขากำลังย้อนสิ่งที่เธอเคยพูดเอาไว้เพราะอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น“ก็บอกแล้วไงว่าฉันขอโทษ” ภีรดาพูดอย่างงอนง้อ“ขอโทษเรื่องอะไร”“ก็ที่ฉันพูดไม่ดีกับนายวันก่อน”“คุณก็พูดถูกนี่” เขาพูดเหมือนไม่ใส่ใจคำขอโทษของเธอสักนิด“เมื่อไหร่นายจะหายโกรธฉันซักที”“ผมคงไม่บังอาจไปโกรธลูกสาวนายจ้างอย่างคุณหรอกครับ” น้ำเสียงเขาราบเรียบและห่างเหินจนภีรดาเริ่มจะหมดความอดทน“งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันอยากสั่งอะไรนายก็ได้ใช่ไหม” เธอพู
“อย่าทำอะไรบ้าๆ อีกนะ” วราลีหันกลับมาค้อนขวับพร้อมทั้งพูดกับเขาเสียงดุๆ“ไหมก็รู้ว่าห้ามผมไม่ได้”“ถ้าคิดจะล่วงเกินไหมอีก ไหมจะ..” เธอหยุดพูดไว้แค่นั้นเพราะไม่รู้ว่าคนอย่างเธอจะสามารถทำอะไรเขาได้“จะ..อะไรครับยาหยี”“ถอยไปนะ ไหมจะไปอาบน้ำ” เธอพูดจะสะบัดตัวออกแต่ครั้งนี้กลับเป็นอิสระอย่างง่ายดาย เพราะเขายอมปล่อยเธอแต่โดยดีวราลีรีบเดินตัวปลิวเข้าห้องน้ำอย่างไม่ยอมเสียเวลาเพราะกลัวคนบ้านั่นจะทำอะไรบ้าๆ กับเธออีก อาบน้ำเสร็จกลับออกมาพร้อมกับใส่เสื้อคลุมอย่างมิดชิดและดวงตากลมโตของเธอหันมามองเขาที่ยังคงนอนสบายใจอยู่บนที่นอนเช่นเดิม สายตาของเขามองเธอทุกอิริยาบถจนเธอแทบจะเดินขาขวิดภีรวัจน์หัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนที่จะลุกจากเตียงแล้วแกล้งเดินเฉียดเธอไปเข้าอาบน้ำบ้างวราลีแต่งตัวเสร็จและนั่งรอเขาอยู่ที่เตียง เธอหันหลังให้เขาตั้งแต่เห็นเขาเดินออกมาจากห้องน้ำ คนบ้านั่นหน้าไม่อายสักนิดกับการที่ต้องเปลื้องผ้าต่อหน้าเธอ แต่เธอเขินอายเกินกว่าจะมองภาพนั้นได้ภีรวัจน์เดินเข้ามาใกล้หญิงสาวหลังจากที่เขาแต่งตัวเสร็จ เขามานั่งซ้อนข้างหลังและสอดมือเข้ามาที่เอวคอดของเธอ“พี่เคน”เขาไม่ตอบแต่ฝังจมูกลงบนซอกคอข
เขาผละลุกขึ้นจากร่างเปลือยเปล่าของเธออย่างรวดเร็วก่อนจะตรงเข้าไปยังห้องน้ำ และเปิดฝักบัวเพื่อให้สายน้ำเย็นๆ ดับความร้อนระอุและความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับร่างกายเขาจนรวดร้าวในตอนนี้ภาพการตอบสนองที่ร้อนแรงอย่างไม่รู้ตัวของวราลียังตามหลอกหลอนเขาทำเอาเขาแทบคลั่งและต้องใช้ความอดทนอย่างมากที่จะไม่เปิดประตูห้องน้ำกลับออกไปหาเธออีกครั้งวราลีควานหาเสื้อนอนมาใส่อย่างอับอาย ร่างกายเธอยังสั่นเทาจากพิษของแรงปรารถนาที่เพิ่งดับมอดลง เธอไม่รู้จะสู้หน้าเขาอย่างไรทั้งๆ ที่ปากตะโกนบอกว่าเกลียดเขา แต่ร่างกายเธอกลับตอบสนองเขาอย่างร้อนแรงราวกับสาวร้อนรักไม่มีผิดภีรวัจน์กลับออกมาอีกครั้ง หลังจากที่สายน้ำช่วยบรรเทาความร้อนระอุของเขาลงไปได้จนเกือบเป็นปกติวราลีนั่งอยู่ที่เตียงโดยใช้ผ้าห่มพันร่างของตัวเองเอาไว้อย่างหนาแน่น ตาสองคู่ประสานกันเป็นครั้งแรกหลังจากที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์อันวาบหวามไปหญิงสาวหน้าแดงและเสหลบตาเขาอย่างอับอายเมื่อนึกถึงปฏิกิริยาอันน่าอับอายของตัวเองเขาหัวเราะน้อยๆ กับท่าทางของเธอ ก่อนจะเดินลงมานั่งที่เตียงข้างๆ เธอ วราลีสะดุ้งและตะครุบชายผ้าห่มเอาไว้แน่น“ตลกน่าไหม นึกว่าผ้าห่มแค่นี้จะช่







