Masuk“ปล่อยได้แล้วค่ะไหมจะไปนอน” เธอบอกเมื่อผ่านไปสักพัก
“ยังไม่อยากปล่อย”
“พี่เคนเอาเปรียบไหมนานแล้วนะคะ” วราลีเริ่มโวยวาย
“ยัยเชยอย่างไหมก็ตัวนิ่มใช้ได้นี่” เขาพูดอย่างสบายใจ
“คงสู้สาวๆ ของพี่ไม่ได้หรอกค่ะ”
“งอนหรือหึง” เสียงทุ้มๆ ของเขาดังอยู่ใกล้ๆ หู
“ไม่ได้งอนและไม่ได้หึงค่ะ ปล่อยสิคะ” วราลีดิ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขายอมปล่อยแต่โดยดี เธอขยับออกห่างเขาทันที
“หึ หึ” เขาหัวเราะกับท่าทางตื่นๆ ของเธอ วราลีหน้าแดงซ่านท่ามกลางความมืด
“คนบ้า” เธอกระแทกเสียงใส่เขาก่อนจะรีบเดินแกมวิ่งขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ว
ภีรวัจน์มองตาม พลางถอนหายใจพร้อมกับยิ้มน้อยๆ เมื่อกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ได้จากตัวเธอยังติดตัวเขาอยู่ ใครจะรู้ว่าเขาโหยหายัยเชยนั่นแค่ไหน เธอเข้ามามีอิทธิพลกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่เขาเองก็ไม่รู้ตัว
แต่ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาได้ลิ้มรสความหอมหวานจากริมฝีปากของเธอมันก็ตราตรึงอยู่ในใจเขาเรื่อยมาจนสลัดไม่ออก
วราลีเป็นเพื่อนของน้องสาวที่ไม่เหมือนผู้หญิงคนไหน เธอออกจะเงียบๆ ไม่สนใคร ไม่เรียกร้องความสนใจเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เขาเคยพบและที่สำคัญยัยเชยนั่นชอบมองเขาแบบตำหนิและเชิดใส่ด้วย
เขาดึงเธอเข้ามากอดและจูบเธอทันทีที่มีโอกาสได้อยู่กับเธอตามลำพังครั้งแรก ถึงแม้จะรู้ว่าเธอยังเด็กแต่ความหวานจากริมฝีปากเรียวสวยของเธอที่เขาได้ลิ้มรสก็ทำให้เขาโหยหาและทุรนทุรายอยากจะได้ลิ้มลองมันอีกราวกับยาเสพติด แต่อีกฝ่ายกลับเอาแต่หนีหน้าและตั้งป้อมเกลียดเขา มิหนำซ้ำยังมีนายภวินท์คอยตามรับตามส่งจนเขาเข้าใกล้ไม่ได้ และภีรวัจน์รู้สึกร้อนรุ่มจนแทบจะทนไม่ได้ทุกครั้งที่เห็นผู้ชายคนอื่นเข้ามาสนิทสนมกับยัยเชยนั่น
ภวินท์มาสอนพิเศษภีรดาในตอนเช้าของวันเสาร์ตามปกติ ด้วยความเบื่อหน่ายแต่จำใจต้องทำเขาพยามทำให้มันผ่านๆ ไปให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้ไม่ต้องเจอหน้าคุณหนูไฮโซที่เรารู้สึกไม่ถูกชะตาเลย
“ไหมเรียนด้วยกันไหม” ภีรดาชวน
“ไม่ดีกว่า ไหมขอไปอ่านหนังสือรอข้างนอกแล้วกัน” วราลีเลือกที่จะอ่านหนังสือเองแทนเพราะอยากให้เพื่อนได้เรียนอย่างเต็มที่คนสอนจะได้ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง
“กลับพร้อมพี่เลยนะไหม” ภวินท์หันไปกำชับ
“ค่ะพี่ไก่ เรียนให้สนุกนะพิม” วราลีรับคำผู้เป็นผู้ชายแล้วหันไปยิ้มให้เพื่อนรักก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปข้างนอก
ภีรดารู้สึกขัดเขินอย่างบอกไม่ถูกเมื่อต้องอยู่กับภวินท์ตามลำพัง เหตุการณ์น่าอับอายระหว่างเธอกับเขาแม้มันจะผ่านไปได้อาทิตย์หนึ่งแล้วแต่เธอกลับรู้สึกว่ามันเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง
“พร้อมเรียนหรือยัง” เสียงของภวินท์ปลุกให้ภีรดาตื่นจากภวังค์ น้ำเสียงและสีหน้าที่เรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นของเขาทำเอาหัวใจที่กำลังพองโตของภีรดาหุบลงไปทันที
“ก็สอนสิ” เธอพูดกับเขาห้วนๆ เช่นกัน
ภวินท์ไม่คิดจะเถียงกับเธอเขาสอนเธอต่อ ในขณะที่ภีรดาก็เรียกสมาธิของตัวเองให้กลับมาอยู่กับการเรียนมากขึ้น
วราลีเดินเลี่ยงออกมาหามุมอ่านหนังสือข้างนอก เธอเดินไปที่โต๊ะริมสระน้ำ เพราะอากาศเย็นสบายมีลมพัดมาเอื่อยๆ หญิงสาวนั่งอ่านหนังสืออย่างตั้งใจจนไม่รู้ว่าตอนนี้ที่สระน้ำนี้ไม่ได้มีแค่เธออยู่ตามลำพังแล้ว
“อ่านหนังสือเหรอ” เสียงทุ้มของใครคนหนึ่งที่ทักขึ้นทำเอาเธอสะดุ้งตกใจและเมื่อได้สติอีกครั้งเจ้าของเสียงก็ยืนอยู่ตรงหน้าแล้ว
“แล้วคิดว่าไหมทำอะไรล่ะคะ” เธอตอบพร้อมกับก้มหน้าอ่านหนังสือต่อราวกับไม่สนใจการมาของเขา
“อ้อ” เขาแทบจุกเมื่อโดนวราลีย้อนแบบไม่คิดจะญาติดีด้วย
แล้ววราลีก็แทบจะกรี๊ดอย่างเมื่อภีรวัจน์ถอดเสื้อคลุมต่อหน้าเธอหน้าตาเฉยโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย ภาพที่เธอเห็นตอนนี้ทั้งนี้ทั้งตัวของเขามีเพียงกางเกงว่ายน้ำอยู่แค่ตัวเดียว หญิงสาวรีบปิดตาแล้วหันไปทางอื่น
“ไหม” เขาเดินเข้ามาใกล้อย่างจงใจ
“อย่าเข้ามานะ” เธอโวยวายพร้อมกับเก็บหนังสือมือสั่น
“กลัวอะไรผมนักหนา”
“คนบ้า คนลามก” เธอโวยวายใส่เขาอย่างกลัวระคนตกใจ
“มีแต่ผู้หญิงเห็นผมแล้วจะวิ่งเข้าใส่” เขาก้มลงมาพูดใกล้ๆ
“ถอยไปนะ”
“ทำไมผมต้องเชื่อไหมด้วย”
“พี่เคนบ้า” มือเรียวบางลนลานเก็บหนังสือแล้วรีบลุกขึ้นก่อนจะแทบวิ่งเพื่อหนีไปให้พ้นจากสถานการณ์ที่น่าอับอายนั่นให้ไวๆ ที่สุด
พัชราวดีมาหาภีรวัจน์ที่บ้านในตอนสายๆ เพราะรู้ข่าวจากเพื่อนว่าเขาไม่ได้ไปต่างจังหวัดเหมือนที่บอกกับเธอเอาไว้
“ไหนว่าจะไปต่างจังหวัดไงคะ” เธอถามเมื่ออยู่กับเขาตามลำพัง
“พอดีเป็นห่วงพิมครับ” เขาตอบไปตามตรง แต่ลึกๆ แล้วจะมีใครรู้ว่าเขาตั้งใจที่จะไม่ไปแต่แรกอยู่แล้วเพราะรู้ว่ายัยเชยจะมาค้างที่บ้านเขา
“แพทมีอะไรครับมาหาผมถึงที่นี่”
“คิดถึงสิคะ” เธอบอกพร้อมกับหอมแก้มเขา
วราลีมองดูภาพนั้นอย่างไม่ชอบใจ คนบ้านั่นทำอะไรต่อหน้าเธออีกแล้ว เธอเบือนหน้าหนีให้พ้นจากภาพดังกล่าวแต่ดูเหมือนภาพที่เขากับแฟนสาวกำลังคลอเคลียกันมันจะตามรบกวนจิตใจเธอจนเธอไม่มีสมาธิอ่านหนังสือเลย
ภีรวัจน์แอบมองมาทางวราลีบ่อยครั้ง ยิ่งยัยนั่นทำเป็นไม่สนใจเขายิ่งร้อนรนและทำสวีทกับพัชราวดีมากขึ้นราวกับจะเรียกร้องให้เธอหันมาสนใจ
พัชราวดีสังเกตได้ถึงอาการผิดปกติของเขา ถึงแม้ว่าภีรวัจน์จะพยายามซ่อนมันเอาไว้แค่ไหนก็ตามแต่เธอก็ดูออก ว่าเขากำลังให้ความสนใจกับวราลีมากกว่าปกติ
“คุณเมธิน” เขาตอบเรียบๆ“แล้วยังไงคะ” เธอถามเขาต่อแต่ลำคอเริ่มตีบตัน“ถ้าคุณจะถอนหมั้นแล้วไปคบกับเขาผมก็ยินดีนะ” น้ำเสียงที่พูดราวกับไม่รู้สึกยินดียินร้ายของเขาบาดลึกลงไปในหัวใจของภีรดาอย่างไม่เคยรู้สึกเท่านี้มาก่อน ความรู้สึกที่เขาคิดจะผลักไสเธอให้คนอื่นมันเหมือนเธอไม่เคยมีความหมายอะไรต่อเขาเลย ทำให้ภีรดาต้องเมินหน้าหนีจากใบหน้าเข้มๆ ของเขาภวินท์มาจอดรถส่งเธอที่หน้าบ้านหลังจากที่ภีรดานั่งเงียบมาตลอดทาง“ถ้าคุณพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกผม” เขาหันมาพูดก่อนที่ภีรดาจะเปิดประตูรถลงไป“พิมไม่เคยมีความหมายอะไรกับพี่เลยใช่ไหมคะ” เธอหันไปถามเขาอย่างเจ็บปวด น้ำเสียงสั่นเครือ“พิม” เขาเรียกเธอย่างตกใจ“พี่ไก่มีหัวใจบ้างหรือเปล่า” เสียงหวานเอ่ยอย่างตัดพ้อ น้ำตาที่สกัดกั้นไว้ตลอดทางเริ่มไหลออกมาเต็มสองแก้ม พร้อมกับกำปั้นน้อยๆ ที่หันไปทุบที่หน้าอกเขาติดๆ กันเพื่อระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในหัวใจมาตลอด เขารวบมือของเธอไว้“ปล่อยนะ” เธอหันไปแหวใส่เขาทั้งๆ ที่ยังไม่หยุดร้องไห้“หยุดร้องไห้ก่อนแล้วพูดกันดีๆ” น้ำเสียงเขาอ่อนโยนลง“ไม่หยุด พิมเกลียดพี่ไก่ ใช่...พิมมันบ้า บ้าที่หลงรักพี่ ทั้งๆ ที่พี่ไม่เคยเห็นพิมอ
“พิมเป็นเหน็บค่ะสงสัยจะนั่งนาน”เขาช้อนร่างบางของเธอไว้ในวงแขน ก่อนจะเดินไปที่โซฟาตัวยาวที่อยู่ใกล้ๆ และวางลง ภวินท์นั่งลงข้างล่าง ถอดรองเท้าเธอออก แล้วนวดให้อย่างเบามือ ทำให้ภีรดานึกไปถึงเมื่อสี่ปีก่อนที่เธอเคยแกล้งเขาและเขาต้องนวดให้เธอแบบนี้ หญิงสาวเริ่มหน้าแดงเมื่อนึกถึงตอนที่เขาจูบเธอเป็นครั้งแรกหลังจากนั้น“ดีขึ้นหรือยัง”“ก็เอ่อค่ะ” ในยามนี้ภีรดาเหมือนนางอายทำอะไรก็ดูขัดเขินไปหมด เพราะไม่คิดว่าเขาจะอ่อนโยนกับเธอได้ขนาดนี้ภวินท์จึงหัวเราะกับท่าทางเงอะงะของคู่หมั้นสาว“พิมครับเป็นอะไรไปครับ” คำพูดของเขายิ่งทำเอาเธออ่อนยวบจนแทบละลาย คนอย่างเขาพูดเพราะกับเธอได้ขนาดนี้เลยเหรอ“พี่ไก่คะ”“ครับว่าไง”“ไม่ว่าอะไรพิมใช่ไหมคะที่พิมจะเรียกว่าพี่ไก่”“ไม่ว่าครับเพียงแต่มันไม่ชิน”“แล้วถ้าถอนหมั้นกันแล้ว พิมยังจะเรียกเหมือนเดิมได้หรือเปลา” ภีรดาถามต่อแต่คำถามของเธอทำให้เขาหน้าตึงขึ้นมาทันที“ตามใจสิ” เขาตอบห้วนๆ และทำท่าจะเดินไปจากตรงนั้น ภีรดาลุกขึ้นและดึงแขนเข้าไว้“เดี๋ยวก่อนค่ะ โกรธพิมเหรอคะ” เธอพูดอย่างงอนง้อ“ไม่ได้โกรธ”“แล้วทำไมต้องเดินหนีพิมล่ะคะ”“ก็แค่คู่หมั้นกำมะลอจะใส่ใจอะไรกั
“ไม่นะคะพี่เคน” เธอปฏิเสธทันที“พี่คงไม่ยอมให้เรื่องมันผ่านแล้วผ่านเลยไปอย่างแน่นอน พิมไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ แล้วถ้าเรื่องนี้ถึงหูคุณพ่อคุณแม่ท่านคงไม่ทำแค่ที่พี่ทำแน่”คำพูดที่เด็ดขาดของภีรวัจน์ทำให้เธอรู้ว่าเธอหมดทางปฏิเสธ แล้วภวินท์ล่ะจะเป็นอย่างไรบ้าง เขาจะรู้สึกอึดอัดแค่ไหนที่ต้องหมั้นกับเธอทั้งๆ ที่ไม่ได้รักภีรดาถูกภีรวัจน์สั่งให้ย้ายแผนกมาฝึกงานกับฝ่ายบัญชีหลังจากนั้น หากเป็นแต่ก่อนเธอคงไม่ยอมพี่ชายง่ายๆ แบบนี้แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่านั่นเป็นการดีสำหรับเธอ เพราะเธอยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับภวินท์ในตอนนี้วราลีทราบข่าวเรื่องนี้จากปากของภีรดา ทำให้เธอตื่นเต้นไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าจะได้เพื่อนรักมาเป็นพี่สะใภ้ในที่สุด เธอรู้ว่าภีรดาแอบชอบภวินท์มาหลายปีแล้ว แต่พี่ชายของเธอก็เอาแต่เมินเฉยและเย็นชาใส่ภีรดามาตั้งแต่แรกเช่นกัน เธอรู้สึกดีใจแทนภีรดาอย่างมากแต่ก็รู้สึกไม่ชอบใจนักที่รู้ว่าภีรวัจน์เป็นผู้บังคับให้ภวินท์หมั้นกับภีรดา คนร้ายกาจนั่นชอบวางอำนาจและชอบสั่งให้คนนั้นคนนี้ทำตามที่ตัวเองต้องการอยู่ร่ำไป โดยที่ไม่ได้ถามความสมัครใจเขาสักนิดความห่างเหินระหว่างภวินท์กับภีรดาเริ่มมากขึ้นเ
ภวินท์เป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั้งบริษัท เพราะนอกจากเขาจะหน้าตาหล่อเหลาแล้ว เขายังวางตัวได้ดีและทำงานเก่งจนมีความก้าวหน้า ในหน้าที่การงานมากกว่าคนหนุ่มที่อายุรุ่นราวคราวกัน ภีรดาเองก็เคยเห็นผู้หญิงมองตามเขาหลายครั้งหญิงสาวลุกขึ้นและเดินตรงมาหาเขาที่โต๊ะ เธอยืนอยู่ข้างหน้าโต๊ะและไม่ยอมขยับไปไหน ภวินท์เงยหน้าขึ้นมองเธอนิดหนึ่งก่อนจะก้มหน้าลงสนใจงานตรงหน้าต่อ“งานของคุณเสร็จแล้วเหรอ” ภีรดารู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกที่เขาพูดกับเธอแต่ไม่ยอมมองหน้าสักนิด“ยัง”“อ้อลืมไปว่าคุณเป็นลูกสาวเจ้าของบริษัท แต่อยากทำอะไรก็ทำเถอะ ส่วนผมมันแค่ลูกจ้างต้องทำงานให้คุ้มเงินเดือน” ภีรดาหน้าชาเพราะเหมือนเขากำลังย้อนสิ่งที่เธอเคยพูดเอาไว้เพราะอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น“ก็บอกแล้วไงว่าฉันขอโทษ” ภีรดาพูดอย่างงอนง้อ“ขอโทษเรื่องอะไร”“ก็ที่ฉันพูดไม่ดีกับนายวันก่อน”“คุณก็พูดถูกนี่” เขาพูดเหมือนไม่ใส่ใจคำขอโทษของเธอสักนิด“เมื่อไหร่นายจะหายโกรธฉันซักที”“ผมคงไม่บังอาจไปโกรธลูกสาวนายจ้างอย่างคุณหรอกครับ” น้ำเสียงเขาราบเรียบและห่างเหินจนภีรดาเริ่มจะหมดความอดทน“งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันอยากสั่งอะไรนายก็ได้ใช่ไหม” เธอพู
“อย่าทำอะไรบ้าๆ อีกนะ” วราลีหันกลับมาค้อนขวับพร้อมทั้งพูดกับเขาเสียงดุๆ“ไหมก็รู้ว่าห้ามผมไม่ได้”“ถ้าคิดจะล่วงเกินไหมอีก ไหมจะ..” เธอหยุดพูดไว้แค่นั้นเพราะไม่รู้ว่าคนอย่างเธอจะสามารถทำอะไรเขาได้“จะ..อะไรครับยาหยี”“ถอยไปนะ ไหมจะไปอาบน้ำ” เธอพูดจะสะบัดตัวออกแต่ครั้งนี้กลับเป็นอิสระอย่างง่ายดาย เพราะเขายอมปล่อยเธอแต่โดยดีวราลีรีบเดินตัวปลิวเข้าห้องน้ำอย่างไม่ยอมเสียเวลาเพราะกลัวคนบ้านั่นจะทำอะไรบ้าๆ กับเธออีก อาบน้ำเสร็จกลับออกมาพร้อมกับใส่เสื้อคลุมอย่างมิดชิดและดวงตากลมโตของเธอหันมามองเขาที่ยังคงนอนสบายใจอยู่บนที่นอนเช่นเดิม สายตาของเขามองเธอทุกอิริยาบถจนเธอแทบจะเดินขาขวิดภีรวัจน์หัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนที่จะลุกจากเตียงแล้วแกล้งเดินเฉียดเธอไปเข้าอาบน้ำบ้างวราลีแต่งตัวเสร็จและนั่งรอเขาอยู่ที่เตียง เธอหันหลังให้เขาตั้งแต่เห็นเขาเดินออกมาจากห้องน้ำ คนบ้านั่นหน้าไม่อายสักนิดกับการที่ต้องเปลื้องผ้าต่อหน้าเธอ แต่เธอเขินอายเกินกว่าจะมองภาพนั้นได้ภีรวัจน์เดินเข้ามาใกล้หญิงสาวหลังจากที่เขาแต่งตัวเสร็จ เขามานั่งซ้อนข้างหลังและสอดมือเข้ามาที่เอวคอดของเธอ“พี่เคน”เขาไม่ตอบแต่ฝังจมูกลงบนซอกคอข
เขาผละลุกขึ้นจากร่างเปลือยเปล่าของเธออย่างรวดเร็วก่อนจะตรงเข้าไปยังห้องน้ำ และเปิดฝักบัวเพื่อให้สายน้ำเย็นๆ ดับความร้อนระอุและความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับร่างกายเขาจนรวดร้าวในตอนนี้ภาพการตอบสนองที่ร้อนแรงอย่างไม่รู้ตัวของวราลียังตามหลอกหลอนเขาทำเอาเขาแทบคลั่งและต้องใช้ความอดทนอย่างมากที่จะไม่เปิดประตูห้องน้ำกลับออกไปหาเธออีกครั้งวราลีควานหาเสื้อนอนมาใส่อย่างอับอาย ร่างกายเธอยังสั่นเทาจากพิษของแรงปรารถนาที่เพิ่งดับมอดลง เธอไม่รู้จะสู้หน้าเขาอย่างไรทั้งๆ ที่ปากตะโกนบอกว่าเกลียดเขา แต่ร่างกายเธอกลับตอบสนองเขาอย่างร้อนแรงราวกับสาวร้อนรักไม่มีผิดภีรวัจน์กลับออกมาอีกครั้ง หลังจากที่สายน้ำช่วยบรรเทาความร้อนระอุของเขาลงไปได้จนเกือบเป็นปกติวราลีนั่งอยู่ที่เตียงโดยใช้ผ้าห่มพันร่างของตัวเองเอาไว้อย่างหนาแน่น ตาสองคู่ประสานกันเป็นครั้งแรกหลังจากที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์อันวาบหวามไปหญิงสาวหน้าแดงและเสหลบตาเขาอย่างอับอายเมื่อนึกถึงปฏิกิริยาอันน่าอับอายของตัวเองเขาหัวเราะน้อยๆ กับท่าทางของเธอ ก่อนจะเดินลงมานั่งที่เตียงข้างๆ เธอ วราลีสะดุ้งและตะครุบชายผ้าห่มเอาไว้แน่น“ตลกน่าไหม นึกว่าผ้าห่มแค่นี้จะช่







