INICIAR SESIÓNภีรวัจน์เดินไปส่งพัชราวดีที่รถในตอนบ่ายในขณะที่วราลียังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เดิม เมื่อรถของพัชราวดีขับพ้นบริเวณบ้านไปแล้ว เขาเดินย้อนกลับมาตรงที่วราลีนั่งอยู่ เธอเตรียมเก็บหนังสือทันทีที่เห็นเขาเดินเข้ามา
“รีบหลบเลยสิ”
“หาเรื่อง”
“ถ้าเป็นนายภวินท์คงไม่ทำแบบนี้” เขาเริ่มอารมณ์ไม่ดี
“พี่ไก่ไม่เหมือนพี่เคนนี่”
“ใครจะไปดีเหมือนแฟนไหมล่ะ” เขาประชด
“ถ้าหมายถึงพี่ไก่ล่ะก็ใช่ พี่ไก่ดีกับไหมเสมอนั่นแหละค่ะ”
เขายิ่งหงุดหงิดมากขึ้นที่เธอไม่คิดจะปฏิเสธข้อกล่าวหาของเขา
“ไวไฟ” เขาว่าเธออย่างไม่เกรงใจ
“ปากร้าย”
“ยัยเด็กแสบ”
“คนพาลชอบหาเรื่องชาวบ้าน”
“ปากเก่งขึ้นเยอะเลยนะไหม”
“ไหมแค่พูดเรื่องจริง พี่เคนชอบหาเรื่อง” เธอพูดใส่หน้าเขา
“ไม่ได้คิดจะหาเรื่อง แต่ไหมชอบทำให้ผมหงุดหงิด”
“ไหมไปทำอะไรให้”
“ทำสิ” เขาตอบอย่างไม่ลังเล
“เมื่อไหร่”
“ตลอดเวลาเลยล่ะยัยเชย”
“หงุดหงิดเหรอคะ ไหมก็นั่งของไหมอยู่ตรงนี้ไม่ได้ไปขัดคออะไรพี่กับพี่แพทสักนิดนี่คะ”
“แต่สายตาของไหมทำให้ผมหมดอารมณ์”
“ไหม” เสียงเรียกของภวินท์ที่ดังขึ้น ทำให้วราลีดีใจที่เขามาช่วยเธอให้พ้นจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจนี้ไว้ได้ ในขณะที่ภีรวัจน์กลับหน้าตึงลง
“พี่ไก่”
เสียงเรียกพี่ไก่แบบสนิทสนมของวราลียิ่งทำให้ภีรวัจน์หงุดหงิด
ภีรดาเดินมาพร้อมกับภวินท์ เธอเดินเข้าไปเกาะแขนพี่ชายไว้
“กำลังคุยอะไรกับไหมอยู่คะพี่ชาย” หันไปถามภีรวัจน์แต่ดูจากสีหน้าของทั้งคู่แล้วคงไม่ได้คุยกันดีๆ อยู่แน่ๆ แต่ภีรวัจน์ไม่ยอมตอบ
“ไหมกลับก่อนนะพิม”วราลีหันไปบอกภีรดาพร้อมกับเลยไปมองภีรวัจน์ แต่หน้าเขายังคงบึ้งตึง
“เดี๋ยวผมไปส่ง” อยู่ๆ ภีรวัจน์ก็พูดขึ้น
“ไม่เป็นไรครับเรากลับกันเองได้” ภวินท์หันไปบอกเรียบๆ
ภีรดาแอบมองค้อนคนหยิ่งนั่น จะหยิ่งอะไรนักหนาก็ไม่รู้ แล้วกับเธอก็ยังทำหน้าเย็นชาใส่ไม่เลิก
“แต่ไหมมาอยู่เป็นเพื่อนพิม ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ผมที่ต้องไปส่ง” ภีรวัจน์ไม่ยอม
“ผมคงไม่รบกวน” ภวินท์ไม่ยอมแพ้เช่นกัน
“ช่างเขาเถอะค่ะพี่เคน เขาคงดูแลไหมได้” ภีรดาเป็นฝ่ายพูดขึ้นบ้าง
ภวินท์หันมามองภีรดาและรู้สึกถึงน้ำเสียงที่แฝงการประชดประชันปนน้อยใจของเธอ เขากลับรู้สึกหงุดหงิดแปลกๆ ที่รู้สึกว่าน้ำเสียงแบบนั้นของภีรดาเข้ามากระแทกหัวใจของเขา
“อาทิตย์หน้าฉันจะสอบแล้วนะ” ภีรดาบอกเมื่อภวินท์มาสอนพิเศษให้อีกครั้งในสัปดาห์ต่อมา
“ก็ไม่เห็นมีอะไรน่ากังวล” เขาพูดน้ำเสียงราบเรียบ
“นายไม่คิดจะอวยพรฉันหน่อยเหรอ”
“ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเอง”
“อีตาบ้า ไม่รู้จะเย็นชาไปถึงไหน” เธอบ่นออกมาตรง เขายังทำหน้าเฉยกับคำพูดหาเรื่องของเธอ
“ฉันถามจริงๆ เถอะนายเคยรักใครบ้างหรือเปล่า”
“ไร้สาระ” ภวินท์สวนกลับมาทันที
“นี่นายเห็นเรื่องความรักเป็นเรื่องไร้สาระเหรอ”
“อย่าพูดมากได้ไหม จะเรียนหรือเปล่า” เขาเริ่มหงุดหงิด
“นายแอบชอบไหมใช่ไหม” เธอถามตรงๆ และกลั้นใจรอฟังคำตอบ
“ถ้าคุณยังไม่หยุดพูด ผมจะกลับตอนนี้เลย”
“ทำไมฉันถามแทงใจดำหรือไง”
เขาเงียบแต่อาการเงียบของเขาทำให้ภีรดาคิดว่าเขายอมรับในสิ่งที่เธอพูด
“หึ นึกว่าเป็นคนดีที่ไหนได้ก็สมภารอยากกินไก่วัด”
“พูดพอหรือยัง” เสียงเขาเริ่มดุดัน
“ไม่พอจะพูดอีก” ภีรดายังดื้อดึง
“งั้นพูดไปคนเดียว ผมกลับแล้ว” เขาบอกพร้อมกับเดินออกจากห้องไป ภีรดายิ่งรู้สึกโมโหที่เขาเดินหนีเธอแบบนี้
“นี่กลับมาเดี๋ยวนี้นะ” เธอเรียกเขาเสียงดัง พร้อมกับวิ่งไปขวางหน้าเขาไว้ เขามองเธออย่างรำคาญ
“ถอยไป” น้ำเสียงที่เคยทุ้มนุ่มตอนนี้ดุดัน แววตาเจือไว้ด้วยการตำหนิกึ่งหงุดหงิด
“ไม่จนกว่าจะพูดกันรู้เรื่อง” ภีรดามีหรือจะยอมถอยในยามนี้เธอหมดความยับยั้งชั่งใจที่จะเก็บความรู้สึกไว้เหมือนที่ผ่านมาแล้ว
“ผมไม่มีเรื่องไร้สาระอะไรจะคุย”
“ทำไมนายเกลียดอะไรฉันนักหนาเหรอ” เธอจ้องหน้าเขาและมองอย่างคาดคั้น
“ไม่ได้เกลียดแต่รำคาญ” เขาตอบเน้นทีละคำอย่างหงุดหงิด
“นายคงดีใจสินะ ที่ต่อไปจะได้ต้องมาสอนฉันอีก”
“ใช่” เขาประชดกลับมา
“นึกว่านายคนเดียวเหรอที่รำคาญเป็น ฉันก็รำคาญหน้าตาเย็นชาไร้อารมณ์ของนายเต็มทีแล้วเหมือนกัน” ภีรดาตอบโต้อย่างไม่ต้องการเสียหน้า
“ก็ดี งั้นก็ถอย”
“ไม่ถอยนายจะทำไม”
“ที่ท้าทายนี่ต้องการอะไรหรือเปล่า”
“พูดดีๆ นะนายหมายความว่าอะไร”
“อย่านึกนะว่าผมจะจูบคุณอีก ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว” เขาพูดอย่างเย้ยหยันทำเอาภีรดาหน้าชา
“ไอ้พี่ไก่บ้า ไอ้คนเย็นชา ปากร้าย”
เขาไม่ได้ตอบโต้อะไรเพียงแค่ปรายตามองก่อนจะจับเธอให้ขยับหลบเขาแล้วเขาก็เดินออกไป
ภีรดาได้แต่มองตามอย่างขัดใจและหงุดหงิด
ในที่สุดวันที่วราลีและภีรดาต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็มาถึง ผลการสอบปรากฏว่าทั้งสองสอบได้คณะที่ตัวเองเลือกโดยภีรดาเลือกเรียนบริหาร ส่วนวราลีเลือกคณะอักษรศาสตร์ แต่ที่น่ายินดีที่สุดสำหรับเพื่อนรักทั้งสองคือทั้งสองคนสอบได้มหาวิทยาลัยเดียวกัน
ครอบครัวของภีรดาจัดเลี้ยงฉลองที่ภีรดาสอบได้รวมกับงานวันเกิดให้กับเธอ งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นที่บ้าน ในงานนี้มีทั้งเพื่อนของภีรดาและเพื่อนของภีรวัจน์มาร่วมงานด้วยหลายคน
วราลีถูกภีรดาจับแต่งตัวด้วยชุดแซ็กสีม่วงผมที่เคยถูกรวบไว้ถูกปล่อยสยายยาว และแว่นตาที่เคยใส่เป็นประจำถูกถอดออก ทำให้วราลีดูเป็นสาวเต็มตัว เธอมองตัวเองในกระจกอย่างแปลกตา ในขณะที่ภีรดาได้แต่ยิ้มอย่างพอใจในผลงานของตัวเอง
“คุณเมธิน” เขาตอบเรียบๆ“แล้วยังไงคะ” เธอถามเขาต่อแต่ลำคอเริ่มตีบตัน“ถ้าคุณจะถอนหมั้นแล้วไปคบกับเขาผมก็ยินดีนะ” น้ำเสียงที่พูดราวกับไม่รู้สึกยินดียินร้ายของเขาบาดลึกลงไปในหัวใจของภีรดาอย่างไม่เคยรู้สึกเท่านี้มาก่อน ความรู้สึกที่เขาคิดจะผลักไสเธอให้คนอื่นมันเหมือนเธอไม่เคยมีความหมายอะไรต่อเขาเลย ทำให้ภีรดาต้องเมินหน้าหนีจากใบหน้าเข้มๆ ของเขาภวินท์มาจอดรถส่งเธอที่หน้าบ้านหลังจากที่ภีรดานั่งเงียบมาตลอดทาง“ถ้าคุณพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกผม” เขาหันมาพูดก่อนที่ภีรดาจะเปิดประตูรถลงไป“พิมไม่เคยมีความหมายอะไรกับพี่เลยใช่ไหมคะ” เธอหันไปถามเขาอย่างเจ็บปวด น้ำเสียงสั่นเครือ“พิม” เขาเรียกเธอย่างตกใจ“พี่ไก่มีหัวใจบ้างหรือเปล่า” เสียงหวานเอ่ยอย่างตัดพ้อ น้ำตาที่สกัดกั้นไว้ตลอดทางเริ่มไหลออกมาเต็มสองแก้ม พร้อมกับกำปั้นน้อยๆ ที่หันไปทุบที่หน้าอกเขาติดๆ กันเพื่อระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในหัวใจมาตลอด เขารวบมือของเธอไว้“ปล่อยนะ” เธอหันไปแหวใส่เขาทั้งๆ ที่ยังไม่หยุดร้องไห้“หยุดร้องไห้ก่อนแล้วพูดกันดีๆ” น้ำเสียงเขาอ่อนโยนลง“ไม่หยุด พิมเกลียดพี่ไก่ ใช่...พิมมันบ้า บ้าที่หลงรักพี่ ทั้งๆ ที่พี่ไม่เคยเห็นพิมอ
“พิมเป็นเหน็บค่ะสงสัยจะนั่งนาน”เขาช้อนร่างบางของเธอไว้ในวงแขน ก่อนจะเดินไปที่โซฟาตัวยาวที่อยู่ใกล้ๆ และวางลง ภวินท์นั่งลงข้างล่าง ถอดรองเท้าเธอออก แล้วนวดให้อย่างเบามือ ทำให้ภีรดานึกไปถึงเมื่อสี่ปีก่อนที่เธอเคยแกล้งเขาและเขาต้องนวดให้เธอแบบนี้ หญิงสาวเริ่มหน้าแดงเมื่อนึกถึงตอนที่เขาจูบเธอเป็นครั้งแรกหลังจากนั้น“ดีขึ้นหรือยัง”“ก็เอ่อค่ะ” ในยามนี้ภีรดาเหมือนนางอายทำอะไรก็ดูขัดเขินไปหมด เพราะไม่คิดว่าเขาจะอ่อนโยนกับเธอได้ขนาดนี้ภวินท์จึงหัวเราะกับท่าทางเงอะงะของคู่หมั้นสาว“พิมครับเป็นอะไรไปครับ” คำพูดของเขายิ่งทำเอาเธออ่อนยวบจนแทบละลาย คนอย่างเขาพูดเพราะกับเธอได้ขนาดนี้เลยเหรอ“พี่ไก่คะ”“ครับว่าไง”“ไม่ว่าอะไรพิมใช่ไหมคะที่พิมจะเรียกว่าพี่ไก่”“ไม่ว่าครับเพียงแต่มันไม่ชิน”“แล้วถ้าถอนหมั้นกันแล้ว พิมยังจะเรียกเหมือนเดิมได้หรือเปลา” ภีรดาถามต่อแต่คำถามของเธอทำให้เขาหน้าตึงขึ้นมาทันที“ตามใจสิ” เขาตอบห้วนๆ และทำท่าจะเดินไปจากตรงนั้น ภีรดาลุกขึ้นและดึงแขนเข้าไว้“เดี๋ยวก่อนค่ะ โกรธพิมเหรอคะ” เธอพูดอย่างงอนง้อ“ไม่ได้โกรธ”“แล้วทำไมต้องเดินหนีพิมล่ะคะ”“ก็แค่คู่หมั้นกำมะลอจะใส่ใจอะไรกั
“ไม่นะคะพี่เคน” เธอปฏิเสธทันที“พี่คงไม่ยอมให้เรื่องมันผ่านแล้วผ่านเลยไปอย่างแน่นอน พิมไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ แล้วถ้าเรื่องนี้ถึงหูคุณพ่อคุณแม่ท่านคงไม่ทำแค่ที่พี่ทำแน่”คำพูดที่เด็ดขาดของภีรวัจน์ทำให้เธอรู้ว่าเธอหมดทางปฏิเสธ แล้วภวินท์ล่ะจะเป็นอย่างไรบ้าง เขาจะรู้สึกอึดอัดแค่ไหนที่ต้องหมั้นกับเธอทั้งๆ ที่ไม่ได้รักภีรดาถูกภีรวัจน์สั่งให้ย้ายแผนกมาฝึกงานกับฝ่ายบัญชีหลังจากนั้น หากเป็นแต่ก่อนเธอคงไม่ยอมพี่ชายง่ายๆ แบบนี้แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่านั่นเป็นการดีสำหรับเธอ เพราะเธอยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับภวินท์ในตอนนี้วราลีทราบข่าวเรื่องนี้จากปากของภีรดา ทำให้เธอตื่นเต้นไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าจะได้เพื่อนรักมาเป็นพี่สะใภ้ในที่สุด เธอรู้ว่าภีรดาแอบชอบภวินท์มาหลายปีแล้ว แต่พี่ชายของเธอก็เอาแต่เมินเฉยและเย็นชาใส่ภีรดามาตั้งแต่แรกเช่นกัน เธอรู้สึกดีใจแทนภีรดาอย่างมากแต่ก็รู้สึกไม่ชอบใจนักที่รู้ว่าภีรวัจน์เป็นผู้บังคับให้ภวินท์หมั้นกับภีรดา คนร้ายกาจนั่นชอบวางอำนาจและชอบสั่งให้คนนั้นคนนี้ทำตามที่ตัวเองต้องการอยู่ร่ำไป โดยที่ไม่ได้ถามความสมัครใจเขาสักนิดความห่างเหินระหว่างภวินท์กับภีรดาเริ่มมากขึ้นเ
ภวินท์เป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั้งบริษัท เพราะนอกจากเขาจะหน้าตาหล่อเหลาแล้ว เขายังวางตัวได้ดีและทำงานเก่งจนมีความก้าวหน้า ในหน้าที่การงานมากกว่าคนหนุ่มที่อายุรุ่นราวคราวกัน ภีรดาเองก็เคยเห็นผู้หญิงมองตามเขาหลายครั้งหญิงสาวลุกขึ้นและเดินตรงมาหาเขาที่โต๊ะ เธอยืนอยู่ข้างหน้าโต๊ะและไม่ยอมขยับไปไหน ภวินท์เงยหน้าขึ้นมองเธอนิดหนึ่งก่อนจะก้มหน้าลงสนใจงานตรงหน้าต่อ“งานของคุณเสร็จแล้วเหรอ” ภีรดารู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกที่เขาพูดกับเธอแต่ไม่ยอมมองหน้าสักนิด“ยัง”“อ้อลืมไปว่าคุณเป็นลูกสาวเจ้าของบริษัท แต่อยากทำอะไรก็ทำเถอะ ส่วนผมมันแค่ลูกจ้างต้องทำงานให้คุ้มเงินเดือน” ภีรดาหน้าชาเพราะเหมือนเขากำลังย้อนสิ่งที่เธอเคยพูดเอาไว้เพราะอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น“ก็บอกแล้วไงว่าฉันขอโทษ” ภีรดาพูดอย่างงอนง้อ“ขอโทษเรื่องอะไร”“ก็ที่ฉันพูดไม่ดีกับนายวันก่อน”“คุณก็พูดถูกนี่” เขาพูดเหมือนไม่ใส่ใจคำขอโทษของเธอสักนิด“เมื่อไหร่นายจะหายโกรธฉันซักที”“ผมคงไม่บังอาจไปโกรธลูกสาวนายจ้างอย่างคุณหรอกครับ” น้ำเสียงเขาราบเรียบและห่างเหินจนภีรดาเริ่มจะหมดความอดทน“งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันอยากสั่งอะไรนายก็ได้ใช่ไหม” เธอพู
“อย่าทำอะไรบ้าๆ อีกนะ” วราลีหันกลับมาค้อนขวับพร้อมทั้งพูดกับเขาเสียงดุๆ“ไหมก็รู้ว่าห้ามผมไม่ได้”“ถ้าคิดจะล่วงเกินไหมอีก ไหมจะ..” เธอหยุดพูดไว้แค่นั้นเพราะไม่รู้ว่าคนอย่างเธอจะสามารถทำอะไรเขาได้“จะ..อะไรครับยาหยี”“ถอยไปนะ ไหมจะไปอาบน้ำ” เธอพูดจะสะบัดตัวออกแต่ครั้งนี้กลับเป็นอิสระอย่างง่ายดาย เพราะเขายอมปล่อยเธอแต่โดยดีวราลีรีบเดินตัวปลิวเข้าห้องน้ำอย่างไม่ยอมเสียเวลาเพราะกลัวคนบ้านั่นจะทำอะไรบ้าๆ กับเธออีก อาบน้ำเสร็จกลับออกมาพร้อมกับใส่เสื้อคลุมอย่างมิดชิดและดวงตากลมโตของเธอหันมามองเขาที่ยังคงนอนสบายใจอยู่บนที่นอนเช่นเดิม สายตาของเขามองเธอทุกอิริยาบถจนเธอแทบจะเดินขาขวิดภีรวัจน์หัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนที่จะลุกจากเตียงแล้วแกล้งเดินเฉียดเธอไปเข้าอาบน้ำบ้างวราลีแต่งตัวเสร็จและนั่งรอเขาอยู่ที่เตียง เธอหันหลังให้เขาตั้งแต่เห็นเขาเดินออกมาจากห้องน้ำ คนบ้านั่นหน้าไม่อายสักนิดกับการที่ต้องเปลื้องผ้าต่อหน้าเธอ แต่เธอเขินอายเกินกว่าจะมองภาพนั้นได้ภีรวัจน์เดินเข้ามาใกล้หญิงสาวหลังจากที่เขาแต่งตัวเสร็จ เขามานั่งซ้อนข้างหลังและสอดมือเข้ามาที่เอวคอดของเธอ“พี่เคน”เขาไม่ตอบแต่ฝังจมูกลงบนซอกคอข
เขาผละลุกขึ้นจากร่างเปลือยเปล่าของเธออย่างรวดเร็วก่อนจะตรงเข้าไปยังห้องน้ำ และเปิดฝักบัวเพื่อให้สายน้ำเย็นๆ ดับความร้อนระอุและความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับร่างกายเขาจนรวดร้าวในตอนนี้ภาพการตอบสนองที่ร้อนแรงอย่างไม่รู้ตัวของวราลียังตามหลอกหลอนเขาทำเอาเขาแทบคลั่งและต้องใช้ความอดทนอย่างมากที่จะไม่เปิดประตูห้องน้ำกลับออกไปหาเธออีกครั้งวราลีควานหาเสื้อนอนมาใส่อย่างอับอาย ร่างกายเธอยังสั่นเทาจากพิษของแรงปรารถนาที่เพิ่งดับมอดลง เธอไม่รู้จะสู้หน้าเขาอย่างไรทั้งๆ ที่ปากตะโกนบอกว่าเกลียดเขา แต่ร่างกายเธอกลับตอบสนองเขาอย่างร้อนแรงราวกับสาวร้อนรักไม่มีผิดภีรวัจน์กลับออกมาอีกครั้ง หลังจากที่สายน้ำช่วยบรรเทาความร้อนระอุของเขาลงไปได้จนเกือบเป็นปกติวราลีนั่งอยู่ที่เตียงโดยใช้ผ้าห่มพันร่างของตัวเองเอาไว้อย่างหนาแน่น ตาสองคู่ประสานกันเป็นครั้งแรกหลังจากที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์อันวาบหวามไปหญิงสาวหน้าแดงและเสหลบตาเขาอย่างอับอายเมื่อนึกถึงปฏิกิริยาอันน่าอับอายของตัวเองเขาหัวเราะน้อยๆ กับท่าทางของเธอ ก่อนจะเดินลงมานั่งที่เตียงข้างๆ เธอ วราลีสะดุ้งและตะครุบชายผ้าห่มเอาไว้แน่น“ตลกน่าไหม นึกว่าผ้าห่มแค่นี้จะช่







