LOGINภีรดาแทบจะทนไม่ไหวกับการปลุกเร้าอย่างจงใจของเขา เธอเกือบจะหลุดเสียงครางออกมาหลายครั้ง ตัวเธอเริ่มสั่นเทาจากการสะกดความต้องการไม่ให้มันพุ่งทะยานออกมาภายนอกให้เขาเห็น
“พอ พอแล้ว” เสียงของภีรดาสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
“หายแล้วเหรอ”
“หายแล้ว” หน้าเธอแดงก่ำแต่พยามยามควบคุมเสียงให้เป็นปกติ
“หึ หึ” ภวินท์หัวเราะอย่างเย้ยหยัน ยิ่งทำให้ภีรดาแทบอยากจะกรี๊ดที่ดูเหมือนว่าเขาจะรู้ว่าเธอรู้สึกอย่างไร
“นายหัวเราะอะไร” เธอยังทำเสียงดัง
“เปล่า” เขาตอบสั้นๆ
ภีรดายิ่งขัดใจและไม่พอใจมากยิ่งขึ้นที่ถูกเขาหัวเราะเยาะแบบนั้น
“นี่นาย!” ความโมโหทำให้ภีรดากระชากคอเสื้อเขาให้ลุกขึ้นในทันที โดยที่ภวินท์ไม่ได้ตั้งตัวจึงล้มลงไปทาบทับร่างของเธอไว้บนโซฟาตัวยาว ริมฝีปากของเธอกับเขาอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ
ภีรดาตัวแข็งทื่อเพราะไม่คิดว่าสถานการณ์จะเป็นแบบนี้ หัวใจของเธอเต้นแรงไม่เป็นส่ำจนกลัวเขาจะได้ยิน เธอมองใบหน้าที่เคยเย็นชาของเขาอย่างเผลอไผล ริมฝีปากเผยอน้อยๆ อย่างลืมตัว
ในขณะที่ภวินท์นึกก่นด่าตัวเองอยู่ในใจที่ตอนนี้ดูเหมือนเขาใกล้จะตบะแตกเพราะยัยคุณหนูขี้วีนนี้ไปซะแล้ว
“พี่ไก่” เธอเรียกเขาอย่างนุ่มนวล จนภวินท์คิดว่าเขาหูฝาด
เขาค่อยๆ กดริมฝีปากลงบนริมฝีปากเย้ายวน ภีรดาตัวชาไปทั้งร่างกับกระแสไฟที่วิ่งตรงไปที่หัวใจของเธออย่างรุนแรงเมื่อถูกริมฝีปากของเขาแตะลงบนริมฝีปากของเธอเป็นครั้งแรก
ริมฝีปากของเขาค่อยๆ แตะลงบนริมฝีปากบนและล่างของเธอสลับกันเบาๆ ก่อนจะค่อยเพิ่มความร้อนแรงขึ้นเมื่อภีรดาจูบตอบเขาอย่างไร้เดียงสา
ความวาบหวามก่อตัวขึ้นในช่องท้องของภีรดาอย่างรุนแรง จูบของเขาแรงเหมือนพายุบุแคมที่กำลังจะพัดพาเธอไปตกที่แห่งหนใดก็ไม่อาจทราบได้ ลมหายใจของเธอถูกเขาสูบเอาไว้จนภีรดาแทบจะสำลักและต้องขาดอากาศหายใจในตอนนั้นถ้าเขาไม่ถอนริมฝีปากออก
ภวินท์ถอนลมหายใจยาวๆ ก่อนดึงร่างบางของเธอให้ลุกขึ้นตามเขา หน้าใสๆ ของเธอตอนนี้แดงก่ำด้วยแรงพิศวาสที่ก่อตัวขึ้นในขณะที่ผมของเธอยุ่งเหยิงน้อยๆ แต่เป็นภาพที่ช่างเซ็กซี่และเย้ายวนอารมณ์เป็นที่สุด ภวินท์แทบจะคลั่งกับภาพความเย้ายวนนั้น
“ผมขอโทษ” เขาพูดประโยคนั้น ก่อนจะเดินออกไปอย่างหงุดหงิดตัวเองในขณะที่ภีรดายังไม่ตื่นจากภวังค์
ภีรดายกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเอง และรู้สึกว่ามันบวมขึ้นเล็กน้อยเพราะปากของเขาเมื่อสักครู่นี้ เธอไม่ได้ฝันไปภีรดาบอกตัวเองก่อนจะยิ้มอย่างเขินอาย
จูบแรกของเขากับเธอมันช่างไม่มีความนุ่มนวลอ่อนหวานสักนิดแต่มันกลับร้อนแรงและเรียกร้องจนภีรดาแทบจะหยุดตัวเองไม่ได้หากเขาไม่หยุดก่อนในตอนนั้น ผู้ชายเย็นชาอย่างเขาจูบได้ร้อนแรงขนาดนี้เลยเหรอ ภีรดายิ้มแทบไม่หุบกับสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นกับเธอ
เช้านี้เป็นเช้าวันจันทร์วราลีมาถึงโรงเรียนแต่เช้าก่อนที่ภีรดาจะมาถึง เธอก้าวลงจากรถและเดินเข้าไปหาวราลีก่อนจะยิ้มให้โดยที่ดวงตาของเธอเปล่งประกายอย่างประหลาดจนวราลีสังเกตได้
“วันนี้ดูพิมอารมณ์ดีเป็นพิเศษเลยนะ” วราลีทัก
“ก็ได้หยุดสองวันนี่จ๊ะ” ภีรดาพูดแก้เก้อ
“เมื่อวานพี่ไก่ไปสอนเป็นไงบ้าง”
คำว่า ‘พี่ไก่’ ทำเอาภีรดาหน้าแดงขึ้นมาทันทีเมื่อนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเธอเมื่อวานนี้
“เอ่อ ก็ดีจ้ะ”
“ค่อยยังชั่วหน่อยไหมกลัวพี่ไก่จะดุพิม”
“วันศุกร์ไหมไปค้างกับพิมนะ คุณพ่อคุณแม่ไม่อยู่พิมไม่มีเพื่อน” ภีรดาเอ่ยชวน
“เอ่อ” วราลีพูดอย่างลำบากใจ
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า พี่เคนก็ไม่อยู่ รายนั้นก็ไปต่างจังหวัดกับเพื่อนเหมือนกัน” ภีรดารีบบอกเพราะรู้ถึงสาเหตุของความลำบากใจของวราลี
“งั้นก็ได้จ้ะ”
ภีรดาโทรไปขออนุญาตพ่อแม่ของวราลีเพื่อให้วราลีไปค้างด้วยในคืนวันศุกร์ เธอเตรียมเสื้อผ้ามาตั้งแต่เช้า และตอนเย็นหลังเลิกเรียนคนขับรถที่บ้านของภีรดาก็ขับรถมารับ
บ้านของภีรดาเงียบไปถนัดตาเมื่อพ่อแม่และพี่ชายของเธอไม่อยู่ หลังจากทานข้าวเย็นเสร็จแล้ว ทั้งภีรดาและวราลีก็เข้าห้องนอน โดยวราลีทบทวนหนังสือให้กับภีรดาก่อนนอน
วราลีตื่นมากลางดึกเพราะเธอรู้สึกกระหายน้ำ เธอจึงเดินลงมาข้างล่างและเข้าห้องครัวเพื่อเอาน้ำในตู้เย็นออกมาดื่ม หลังจากดื่มเสร็จแล้วเธอก็เดินออกจากห้องครัวเพื่อกลับขึ้นไปยังชั้นสองที่เป็นห้องนอนของภีรดา
ในขณะที่เธอกำลังจะเดินจะขึ้นชั้นสองท่ามกลางความมืดของบรรยากาศในตอนกลางคืนเพราะเธอไม่ได้เปิดไฟ วราลีตกใจจนแทบจะร้องกรี๊ดเมื่ออยู่ๆ ก็มีใครสักคนดึงเธอเข้าไปกอดจากทางด้านหลัง
“ผมเอง” เสียงคุ้นหูของใครบางคนกระซิบบอกในขณะที่สองแขนของเขาโอบเอวเธอไว้แน่น
“ปล่อยนะ” หญิงสาวพยายามจะดิ้นรนเพื่อให้พ้นจากวงแขนแข็งแกร่งของเขา
“ไม่ปล่อยหรอก อยากกอดมานานแล้ว” เขาบอกหน้าตาเฉย
“นี่ ไหนพิมบอกว่าพี่เคนไปต่างจังหวัดกับเพื่อนไง”
“ก็บอกพิมไว้อย่างนั้น แต่เปลี่ยนใจ”
“ปล่อยไหมนะ” เธอประท้วงเขาอีกรอบ
“อย่าเสียงดังไปสิ อยากให้ยัยพิมลงมาเห็นหรือไง”
“เห็นก็ดี พิมจะได้รู้ว่าพี่ชายของตัวเองหื่นขนาดไหน”
“หึ หึ” เขาหัวเราะกับคำพูดที่วราลีช่างสรรหามาต่อว่าเขา
“อยู่นิ่งๆ สักพักน่า ไม่ทำอะไรหรอก” เขาบอกก่อนจะดึงเธอเข้าไปใกล้มากขึ้นและกระชับวงแขนให้แน่นขึ้นกว่าเดิม
ความอบอุ่นจากวงแขนของเขาทำให้วราลีเหมือนถูกมนตร์สะกดให้อยู่นิ่งๆ ตามคำขอร้องของเขา
“คุณเมธิน” เขาตอบเรียบๆ“แล้วยังไงคะ” เธอถามเขาต่อแต่ลำคอเริ่มตีบตัน“ถ้าคุณจะถอนหมั้นแล้วไปคบกับเขาผมก็ยินดีนะ” น้ำเสียงที่พูดราวกับไม่รู้สึกยินดียินร้ายของเขาบาดลึกลงไปในหัวใจของภีรดาอย่างไม่เคยรู้สึกเท่านี้มาก่อน ความรู้สึกที่เขาคิดจะผลักไสเธอให้คนอื่นมันเหมือนเธอไม่เคยมีความหมายอะไรต่อเขาเลย ทำให้ภีรดาต้องเมินหน้าหนีจากใบหน้าเข้มๆ ของเขาภวินท์มาจอดรถส่งเธอที่หน้าบ้านหลังจากที่ภีรดานั่งเงียบมาตลอดทาง“ถ้าคุณพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกผม” เขาหันมาพูดก่อนที่ภีรดาจะเปิดประตูรถลงไป“พิมไม่เคยมีความหมายอะไรกับพี่เลยใช่ไหมคะ” เธอหันไปถามเขาอย่างเจ็บปวด น้ำเสียงสั่นเครือ“พิม” เขาเรียกเธอย่างตกใจ“พี่ไก่มีหัวใจบ้างหรือเปล่า” เสียงหวานเอ่ยอย่างตัดพ้อ น้ำตาที่สกัดกั้นไว้ตลอดทางเริ่มไหลออกมาเต็มสองแก้ม พร้อมกับกำปั้นน้อยๆ ที่หันไปทุบที่หน้าอกเขาติดๆ กันเพื่อระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในหัวใจมาตลอด เขารวบมือของเธอไว้“ปล่อยนะ” เธอหันไปแหวใส่เขาทั้งๆ ที่ยังไม่หยุดร้องไห้“หยุดร้องไห้ก่อนแล้วพูดกันดีๆ” น้ำเสียงเขาอ่อนโยนลง“ไม่หยุด พิมเกลียดพี่ไก่ ใช่...พิมมันบ้า บ้าที่หลงรักพี่ ทั้งๆ ที่พี่ไม่เคยเห็นพิมอ
“พิมเป็นเหน็บค่ะสงสัยจะนั่งนาน”เขาช้อนร่างบางของเธอไว้ในวงแขน ก่อนจะเดินไปที่โซฟาตัวยาวที่อยู่ใกล้ๆ และวางลง ภวินท์นั่งลงข้างล่าง ถอดรองเท้าเธอออก แล้วนวดให้อย่างเบามือ ทำให้ภีรดานึกไปถึงเมื่อสี่ปีก่อนที่เธอเคยแกล้งเขาและเขาต้องนวดให้เธอแบบนี้ หญิงสาวเริ่มหน้าแดงเมื่อนึกถึงตอนที่เขาจูบเธอเป็นครั้งแรกหลังจากนั้น“ดีขึ้นหรือยัง”“ก็เอ่อค่ะ” ในยามนี้ภีรดาเหมือนนางอายทำอะไรก็ดูขัดเขินไปหมด เพราะไม่คิดว่าเขาจะอ่อนโยนกับเธอได้ขนาดนี้ภวินท์จึงหัวเราะกับท่าทางเงอะงะของคู่หมั้นสาว“พิมครับเป็นอะไรไปครับ” คำพูดของเขายิ่งทำเอาเธออ่อนยวบจนแทบละลาย คนอย่างเขาพูดเพราะกับเธอได้ขนาดนี้เลยเหรอ“พี่ไก่คะ”“ครับว่าไง”“ไม่ว่าอะไรพิมใช่ไหมคะที่พิมจะเรียกว่าพี่ไก่”“ไม่ว่าครับเพียงแต่มันไม่ชิน”“แล้วถ้าถอนหมั้นกันแล้ว พิมยังจะเรียกเหมือนเดิมได้หรือเปลา” ภีรดาถามต่อแต่คำถามของเธอทำให้เขาหน้าตึงขึ้นมาทันที“ตามใจสิ” เขาตอบห้วนๆ และทำท่าจะเดินไปจากตรงนั้น ภีรดาลุกขึ้นและดึงแขนเข้าไว้“เดี๋ยวก่อนค่ะ โกรธพิมเหรอคะ” เธอพูดอย่างงอนง้อ“ไม่ได้โกรธ”“แล้วทำไมต้องเดินหนีพิมล่ะคะ”“ก็แค่คู่หมั้นกำมะลอจะใส่ใจอะไรกั
“ไม่นะคะพี่เคน” เธอปฏิเสธทันที“พี่คงไม่ยอมให้เรื่องมันผ่านแล้วผ่านเลยไปอย่างแน่นอน พิมไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ แล้วถ้าเรื่องนี้ถึงหูคุณพ่อคุณแม่ท่านคงไม่ทำแค่ที่พี่ทำแน่”คำพูดที่เด็ดขาดของภีรวัจน์ทำให้เธอรู้ว่าเธอหมดทางปฏิเสธ แล้วภวินท์ล่ะจะเป็นอย่างไรบ้าง เขาจะรู้สึกอึดอัดแค่ไหนที่ต้องหมั้นกับเธอทั้งๆ ที่ไม่ได้รักภีรดาถูกภีรวัจน์สั่งให้ย้ายแผนกมาฝึกงานกับฝ่ายบัญชีหลังจากนั้น หากเป็นแต่ก่อนเธอคงไม่ยอมพี่ชายง่ายๆ แบบนี้แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่านั่นเป็นการดีสำหรับเธอ เพราะเธอยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับภวินท์ในตอนนี้วราลีทราบข่าวเรื่องนี้จากปากของภีรดา ทำให้เธอตื่นเต้นไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าจะได้เพื่อนรักมาเป็นพี่สะใภ้ในที่สุด เธอรู้ว่าภีรดาแอบชอบภวินท์มาหลายปีแล้ว แต่พี่ชายของเธอก็เอาแต่เมินเฉยและเย็นชาใส่ภีรดามาตั้งแต่แรกเช่นกัน เธอรู้สึกดีใจแทนภีรดาอย่างมากแต่ก็รู้สึกไม่ชอบใจนักที่รู้ว่าภีรวัจน์เป็นผู้บังคับให้ภวินท์หมั้นกับภีรดา คนร้ายกาจนั่นชอบวางอำนาจและชอบสั่งให้คนนั้นคนนี้ทำตามที่ตัวเองต้องการอยู่ร่ำไป โดยที่ไม่ได้ถามความสมัครใจเขาสักนิดความห่างเหินระหว่างภวินท์กับภีรดาเริ่มมากขึ้นเ
ภวินท์เป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั้งบริษัท เพราะนอกจากเขาจะหน้าตาหล่อเหลาแล้ว เขายังวางตัวได้ดีและทำงานเก่งจนมีความก้าวหน้า ในหน้าที่การงานมากกว่าคนหนุ่มที่อายุรุ่นราวคราวกัน ภีรดาเองก็เคยเห็นผู้หญิงมองตามเขาหลายครั้งหญิงสาวลุกขึ้นและเดินตรงมาหาเขาที่โต๊ะ เธอยืนอยู่ข้างหน้าโต๊ะและไม่ยอมขยับไปไหน ภวินท์เงยหน้าขึ้นมองเธอนิดหนึ่งก่อนจะก้มหน้าลงสนใจงานตรงหน้าต่อ“งานของคุณเสร็จแล้วเหรอ” ภีรดารู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกที่เขาพูดกับเธอแต่ไม่ยอมมองหน้าสักนิด“ยัง”“อ้อลืมไปว่าคุณเป็นลูกสาวเจ้าของบริษัท แต่อยากทำอะไรก็ทำเถอะ ส่วนผมมันแค่ลูกจ้างต้องทำงานให้คุ้มเงินเดือน” ภีรดาหน้าชาเพราะเหมือนเขากำลังย้อนสิ่งที่เธอเคยพูดเอาไว้เพราะอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น“ก็บอกแล้วไงว่าฉันขอโทษ” ภีรดาพูดอย่างงอนง้อ“ขอโทษเรื่องอะไร”“ก็ที่ฉันพูดไม่ดีกับนายวันก่อน”“คุณก็พูดถูกนี่” เขาพูดเหมือนไม่ใส่ใจคำขอโทษของเธอสักนิด“เมื่อไหร่นายจะหายโกรธฉันซักที”“ผมคงไม่บังอาจไปโกรธลูกสาวนายจ้างอย่างคุณหรอกครับ” น้ำเสียงเขาราบเรียบและห่างเหินจนภีรดาเริ่มจะหมดความอดทน“งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันอยากสั่งอะไรนายก็ได้ใช่ไหม” เธอพู
“อย่าทำอะไรบ้าๆ อีกนะ” วราลีหันกลับมาค้อนขวับพร้อมทั้งพูดกับเขาเสียงดุๆ“ไหมก็รู้ว่าห้ามผมไม่ได้”“ถ้าคิดจะล่วงเกินไหมอีก ไหมจะ..” เธอหยุดพูดไว้แค่นั้นเพราะไม่รู้ว่าคนอย่างเธอจะสามารถทำอะไรเขาได้“จะ..อะไรครับยาหยี”“ถอยไปนะ ไหมจะไปอาบน้ำ” เธอพูดจะสะบัดตัวออกแต่ครั้งนี้กลับเป็นอิสระอย่างง่ายดาย เพราะเขายอมปล่อยเธอแต่โดยดีวราลีรีบเดินตัวปลิวเข้าห้องน้ำอย่างไม่ยอมเสียเวลาเพราะกลัวคนบ้านั่นจะทำอะไรบ้าๆ กับเธออีก อาบน้ำเสร็จกลับออกมาพร้อมกับใส่เสื้อคลุมอย่างมิดชิดและดวงตากลมโตของเธอหันมามองเขาที่ยังคงนอนสบายใจอยู่บนที่นอนเช่นเดิม สายตาของเขามองเธอทุกอิริยาบถจนเธอแทบจะเดินขาขวิดภีรวัจน์หัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนที่จะลุกจากเตียงแล้วแกล้งเดินเฉียดเธอไปเข้าอาบน้ำบ้างวราลีแต่งตัวเสร็จและนั่งรอเขาอยู่ที่เตียง เธอหันหลังให้เขาตั้งแต่เห็นเขาเดินออกมาจากห้องน้ำ คนบ้านั่นหน้าไม่อายสักนิดกับการที่ต้องเปลื้องผ้าต่อหน้าเธอ แต่เธอเขินอายเกินกว่าจะมองภาพนั้นได้ภีรวัจน์เดินเข้ามาใกล้หญิงสาวหลังจากที่เขาแต่งตัวเสร็จ เขามานั่งซ้อนข้างหลังและสอดมือเข้ามาที่เอวคอดของเธอ“พี่เคน”เขาไม่ตอบแต่ฝังจมูกลงบนซอกคอข
เขาผละลุกขึ้นจากร่างเปลือยเปล่าของเธออย่างรวดเร็วก่อนจะตรงเข้าไปยังห้องน้ำ และเปิดฝักบัวเพื่อให้สายน้ำเย็นๆ ดับความร้อนระอุและความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับร่างกายเขาจนรวดร้าวในตอนนี้ภาพการตอบสนองที่ร้อนแรงอย่างไม่รู้ตัวของวราลียังตามหลอกหลอนเขาทำเอาเขาแทบคลั่งและต้องใช้ความอดทนอย่างมากที่จะไม่เปิดประตูห้องน้ำกลับออกไปหาเธออีกครั้งวราลีควานหาเสื้อนอนมาใส่อย่างอับอาย ร่างกายเธอยังสั่นเทาจากพิษของแรงปรารถนาที่เพิ่งดับมอดลง เธอไม่รู้จะสู้หน้าเขาอย่างไรทั้งๆ ที่ปากตะโกนบอกว่าเกลียดเขา แต่ร่างกายเธอกลับตอบสนองเขาอย่างร้อนแรงราวกับสาวร้อนรักไม่มีผิดภีรวัจน์กลับออกมาอีกครั้ง หลังจากที่สายน้ำช่วยบรรเทาความร้อนระอุของเขาลงไปได้จนเกือบเป็นปกติวราลีนั่งอยู่ที่เตียงโดยใช้ผ้าห่มพันร่างของตัวเองเอาไว้อย่างหนาแน่น ตาสองคู่ประสานกันเป็นครั้งแรกหลังจากที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์อันวาบหวามไปหญิงสาวหน้าแดงและเสหลบตาเขาอย่างอับอายเมื่อนึกถึงปฏิกิริยาอันน่าอับอายของตัวเองเขาหัวเราะน้อยๆ กับท่าทางของเธอ ก่อนจะเดินลงมานั่งที่เตียงข้างๆ เธอ วราลีสะดุ้งและตะครุบชายผ้าห่มเอาไว้แน่น“ตลกน่าไหม นึกว่าผ้าห่มแค่นี้จะช่







