LOGINผมตามเหมือนดาวกับแฟนกลับคอนโด ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงสนใจอยากรู้ว่าสองคนนั้นจะไปทำอะไรที่คอนโด ประกอบกับหงุดหงิดตั้งแต่เช้าที่เหมือนดาวแกล้งทำเป็นจำเรื่องราวอะไรไม่ได้
โชคดีที่เหมือนดาวกันแฟนออกมายืนคุยที่ระเบียง ทำให้ผมได้ยินทุกอย่างที่สองคนนั้นพูดกัน
‘เหมือนดาวเป็นฝ่ายบอกเลิกแฟนก่อน?’
แฟนเธอตะโกนพูดประโยคหนึ่งออกมา แล้วสักพักก็มีเสียงเหมือนดาวร้องอู้อี้ ผมสังหรณ์ใจว่าต้องใช่ เลยเข้าไปเคาะห้องเพื่อช่วยเธอ และคุยกับเหมือนดาวเรื่องที่เกิดขึ้น
เท่าที่ฟังดูที่ระเบียงเหมือนเธอจะอยากเก็บครั้งแรกของเธอไว้คืนแต่งงาน แต่ผมดันเป็นคนพรากมันไป
รู้สึกผิดยังไงตะหงิดๆ แต่กลับกลายเป็นว่าเธอปฏิเสธความรับผิดชอบจากเดือนมหาวิทยาลัยที่โคตรหล่อและโคตรรวยจากผม
ผมโดนปฏิเสธเป็นครั้งแรก จากผู้หญิงอ้วนหน้าตาธรรมดา แถมเธอยังพูดติดตลกว่าลีลาผมไม่น่าจดจำ
‘เหมือนจะโกรธก็ไม่ใช่ จะเสียใจก็ไม่เชิง’
‘แต่ไม่ได้รับผิดชอบ เราก็ต้องดีใจดิว่ะ’
‘แต่ทำไมดีใจไม่ออก?’
‘หลงชอบยัยอ้วนนั่นไปแล้ว?....’
‘คงไม่อ่ะ คิดอะไรบ้าบอ ตลกละกู’
*********************
หลังจากวันนั้นเหมือนดาวก็ทำตัวเหมือนปกติจนผมคิดว่า ทำไมเธอเข้มแข็งได้ขนาดนี้
‘น่าสนใจ’
เวลามีเรียนคลาสเดียวกัน ผมมองไปทางเหมือนดาวบ่อยขึ้น
เวลาตากผ้าที่ระเบียง ผมมองไปที่ระเบียงของเหมือนดาวทุกครั้ง เหมือนอยากเจอหน้า
วันนี้อาจารย์ให้แบ่งกลุ่มทำควิซในคลาส โดยอาจารย์จัดให้เอง ผมอยู่กลุ่มเดียวกับเหมือนดาว
ผมนั่งจ้องท่าทาง คำพูด สีหน้าเหมือนดาวที่จริงจังกับการเรียน รอยยิ้มเมื่อเธอเผลอยิ้มออกมาเมื่อตอนที่หาคำตอบได้ แล้วเอามือเสยผมที่ตกลงมาข้างหน้าขึ้นไปเหน็บไว้ที่หู ใจผมเต้นแรงกับภาพตรงหน้า
ผมเคยได้ยินคนเขาบอกว่าเมื่อเรารักใครสักคน เราจะมองเห็นเขาเป็นภาพสโลว์ ผมคิดว่าไร้สาระมาโดยตลอด จนมาเจอกับตัวเองวันนี้
ภาพที่เหมือนดาวยิ้มพร้อมกับเอาผมขึ้นมาเหน็บหู ตอนนี้ภาพนี้คือภาพสโลว์ของผม
‘เหมือนดาวเป็นภาพสโลว์ของเรา...ไม่จริงงงง!!!’
“ไม่ๆ ๆ ๆ” ผมเผลอส่งเสียงออกมา
“แต่เราว่าข้อนี้ใช่นะ” เหมือนดาวบอกผม คงเข้าใจว่าผมพูดเกี่ยวกับควิซ
“เราเข้าใจผิด โทษที” ผมบอก
พอเลิกคลาสผมเห็นนวพลเดินป้วนเปี้ยนเข้ามาใกล้เหมือนดาว เหมือนดาวไม่หลบแต่กลับคุยกับมัน แถมยังเอาเอกสารขึ้นมาอธิบายนั่นนี่ให้กันดู มันเหลือบมาทางผมทำสีหน้าเหมือนเยาะเย้ย
‘กวนตีนกูเหรอ มึงเจอกูแน่’
ผมกับเพื่อนเดินเข้าไปหาเหมือนดาวกับนวพล
“เหมือนดาว ติวให้เรากับเพื่อนได้ไหม สัปดาห์หน้าก็จะสอบแล้ว ยังไม่เข้าหัวเลย” ผมเดินเข้าไปใช้มุกติวสอบนี่แหละ
“เอาสิ ติวพร้อมๆ กันหลายคน จะได้ช่วยๆ กัน” เหมือนดาวยิ้มเต็มใจ
“โอ้ย ขอบคุณเพื่อนดาวมากครับ” ไอ้เขตพูดเสียงอ้อน
“อยากมีแฟนเรียนเก่ง น่ารัก ใจดีแบบนี้จัง” ไอ้ยูหยอดเหมือนดาว ผมเอาศอกกระทุ้งท้องมัน เหมือนดาวยิ้ม
“เราใจดีกับเพื่อนทุกคนแหละ แต่เราใจร้ายกับแฟน” เหมือนดาวพูดติดตลก แต่ผมรู้สึกว่าเธอเอาเรื่องจริงมาพูดเล่น เพราะเหมือนดาวใจดีกับทุกคน และใจแข็งกับไอ้นวพลมาก
‘สมน้ำหน้ามัน’
เหมือนดาวพาพวกเราไปนั่งติวที่ม้าหินอ่อนหลังคณะฯ ตอนนี้ภาพสโลว์ทยอยออกมาเรื่อยๆ ผมไม่มีสมาธิกับเนื้อหาที่ติวเลย นวพลก็ตั้งใจติวเอาใจเหมือนดาวจนออกนอกหน้า
‘น่าหมั่นไส้ฉิบ’
เหมือนดาวดูนาฬิกาแล้วบอกยุติการติวในวันนี้เพราะมีนัดแล้ว นวพลทำหน้าเสียดายที่ไม่ได้อยู่กับเหมือนดาวต่อ
“ดาวจะไปไหนเหรอ” นวพลถาม
“มีนัดกับเพื่อน” เหมือนดาวตอบเสียงปกติ
“เราไปด้วยได้ไหม”
“คงไม่ได้อ่ะ”
“แต่เมื่อก่อน เราก็ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดนี่ดาว” นวพลตัดพ้อ
“นั่นมันเมื่อก่อน ...ถ้าพลยังอยากเป็นเพื่อนกับเราต่อ อย่าทำตัวให้เราอึดอัดไปมากกว่านี้เลย” เหมือนดาวพูดเหมือนตัวเองสวยมาก ไอ้เขตไอ้ยูนี่นั่งฟังอ้าปากค้าง
“ไม่สวยแล้วยังเล่นตัวได้อีกนะ” เขตแซว เหมือนดาวอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรออกมา แต่ผมชิงพูดก่อน
“ไม่เกี่ยวกับสวยไม่สวย หรือรูปร่างภายนอกนะมึง เหมือนดาวเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีสิทธิ์จะเลือกสิ่งที่ดีให้กับตัวเอง” ผมพูดออกไป เหมือนดาวและนวพลคงรู้ว่าผมคงได้ยินที่ที่สนทนากันในวันนั้น ส่วนไอ้เพื่อนตัวดีสองคนถึงกับอึ้งเงียบ
“แล้วกูไม่ดีตรงไหน” นวพลพูดออกมาหลังจากผมพูดจบ
“มึงทำอะไรไว้ล่ะ” ผมใช้สรรพนามกูมึงกับมันบ้าง ปกติไม่สนิทผมไม่พูดแบบนี้ด้วย
“แต่กูก็ยังดีกว่ามึง เปลี่ยนผู้หญิงแทบทุกสัปดาห์ กูไปห้องดาวทีไร ผู้หญิงออกจากห้องมึงไม่เคยซ้ำหน้า” นวพลแดกดันผมคืน
“แต่อย่างน้อยกูก็ไม่เคยนอกใจแฟนไปเอากับเพื่อนของแฟนก็แล้วกัน” ผมเปิดศึกกับไอ้หน้าจืด เหมือนดาวส่ายหน้าแบบเซ็งๆ แล้วลุกหนีไป เขตกับยูมองผมกับนวพลที่ทำเหมือนจะเกิดศึกชิงนาง
“มึงคงไม่ได้คิดอะไรกับแฟนกูใช่ไหม”
จึ๊ก!!! คำถามของนวพลแทงใจผมอย่างจัง
‘เออว่ะ แล้วกูจะมาทะเลาะกับมันทำไมว่ะ’
เขตกับยูมองผมเป็นตาเดียว ผมนิ่งเงียบไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ปล่อยให้ไอ้นวพลมันคิดเอาเอง
“ห้ามยุ่งกับแฟนกู” นวพลพูดแล้วเดินไปอีกทาง
‘กูยุ่งไปแล้ว ยุ่งมากกว่าแฟนอย่างมึงอีก’
“อย่าบอกนะว่าช่วงนี้ที่สาวสวยๆ มาอ่อยแล้วมึงไม่สน เป็นเพราะมึงชอบอีอ้วนนั่น” ยูถามผมเสียงจริงจัง ผมรู้สึกไม่ดีที่ยูเรียกเหมือนดาวแบบนั้น
“อย่าเรียกเหมือนดาวแบบนี้ กูไม่ชอบ”
“นั่นไง ออกโรงปกป้องกันด้วย” เขตพูดขึ้น
“เออ คนนี้คนของกู อย่าเรียกแบบนี้อีก” ผมตัดสินใจพูดให้สองคนนั้นหยุดพูด เขตกับยูถึงกับอึ้งที่ผมออกตัวแทนเหมือนดาวได้ขนาดนี้
*********************
ตอนค่ำผมออกมาดื่มเหล้าร้านเดิมกับเพื่อนๆ และเจอคนที่ไม่คิดว่าจะมาอยู่ที่นี่ เหมือนดาวนั่งอยู่กับแหวนและหยกเพื่อนในเอกของผม วันนี้เป็นวันเกิดแหวน ที่ว่ามีนัดกับเพื่อน หมายถึงมางานวันเกิดแหวนนี่เอง
เขตกับยูชงเหล้าเข้มๆ ให้ผม พวกมันเหมือนจะแกล้งผม ผมหันไปดูเหมือนดาว ตอนนี้เริ่มเธอหน้าแดง คิดว่าเธอน่าจะมาถึงนานแล้ว ผมดื่มไปได้สักพักพอกรึ่มๆ ยังไม่เมา พวกแหวนก็จะพากันไปต่อที่ร้านคาราโอเกะ
“เออ ปัทม์วันนี้เราฝากดาวกลับด้วยนะ ขามาเราไปรับมันมาอ่ะ ขากลับว่าจะไปต่อคาราโอเกะ” แหวนบอก
“เออ ได้สิ” ผมรับปาก มองหน้าเหมือนดาวที่หน้าแดงๆ แต่ไม่น่าจะเมาเหมือนวันนั้น
“ไม่เป็นไร เรากลับแท็กซี่เองได้ เผื่อปัทม์อยากไปร้องคาราโอเกะ” เหมือนดาวปฏิเสธ
“ไอ้ปัทม์มันไม่ชอบร้องคาราโอเกะ เคยไปแล้วครั้งหนึ่ง สาวๆ ตบแย่งมัน” แหวนพูดกับเหมือนดาวและพูดแซวผม
“...”
“ถ้าแกลำบากใจฉันไปส่งแกเองก็ได้นะ” หยกเสนอตัว
“ไม่หรอก งั้นเรากลับกับปัทม์ก็ได้” เหมือนดาวคงจะเกรงใจเพื่อนเลยตอบตกลง
ขณะที่นั่งบนรถเหมือนดาวนิ่งเงียบ ผมเลยเป็นฝ่ายชวนคุย
“สัปดาห์หน้าก็เริ่มสอบล่ะ เริ่มอ่านหนังสือรึยัง?”
“อืม เราทำความเข้าใจไว้หมดล่ะ เหลือแค่ทบทวนเล็กน้อย” เหมือนดาวบอก หน้าแดงๆ นั้นบอกให้รู้ว่าคงมึนๆ เล็กน้อย
“โห ดีอ่ะ เกิดมาหัวดี แค่อ่านนิดๆ หน่อยๆ ก็ทำได้แล้ว”
“เราไม่ได้หัวดีอะไรหรอก มันอยู่ที่ความตั้งใจมากกว่า” เหมือนดาวพูดถ่อมตัว
“เหมือนดาว..”
“ทำไมปัทม์ชอบเรียกชื่อจริงเรา” เหมือนดาวพูดแทรกขึ้นมา
“เราว่าชื่อเหมือนดาวเพราะดี” ผมบอกตามความรู้สึก
“ขอบใจนะ” เหมือนดาวยิ้ม ภาพตรงหน้าคือคนที่แก้มแดงด้วยฤทธิ์เหล้า ส่งยิ้มมาที่ผมขณะเอามือหยิบกระเป๋าเตรียมตัวลงจากรถเมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงคอนโดแล้ว
‘เชี่ย ภาพสโลว์มาอีกแล้ว’ ผมจอดรถแล้วดึงแขนเหมือนดาวที่กำลังจะลงจากรถไป ด้วยฤทธิ์เหล้าและความรู้สึกลึกๆ ในใจ ทำให้ผมตัดสินใจพูดในสิ่งที่ผมไม่เคยคิดว่าจะพูดกับคนตรงหน้า
“เราจีบเธอได้ไหม?”
“ห๊ะ??!” เหมือนดาวอุทาน ทำหน้าตกใจ
“เมาเหรอปัทม์” ดาวถาม
“เราคิดว่าเราชอบเธอ”
“.....”
“เราจีบเธอนะ” ผมย้ำอีกรอบ
เหมือนดาวหัวเราะเหมือนมันเป็นเรื่องตลก
“ปัทม์ เราไม่ใช่สาวสวยแบบที่ปัทม์เคยควงนะ เมาแล้วมองเห็นเราเป็นใครเหรอ” เหมือนดาวพูดยิ้มๆ
ผมดึงเหมือนดาวเข้ามาจูบ เหมือนดาวเม้มปากพยายามดันผมออก ผมใช้มือกดหัวเหมือนดาวให้เข้ามาอีก เหมือนดาวผลักผมออกแรงๆ อีกครั้ง ผมมองหน้าเหมือนดาวที่ตอนนี้ทำหน้าตกใจ อ้าปากกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง ผมใช้โอกาสนี้จูบเหมือนดาวอีกรอบแล้วใช้ลิ้นดุนเข้าไป เหมือนดาวดิ้นอึกอัก สักพักก็พ่ายแพ้ต่อรสจูบของผม เหมือนดาวจูบตอบ เราจูบกันเนิ่นนานจนผมคิดว่าจะควบคุมอารมณ์เกือบไม่ได้ เลยค่อยๆ ผละออกจากปากนุ่มนิ่มนั้น
“เราไม่ได้เมา เราคิดว่า เราชอบเหมือนดาวจริงๆ”
เหมือนดาวไม่พูดอะไร เอามือปาดคราบน้ำลายที่ปาก หยิบกระเป๋าเดินลงจากรถไป ผมจึงตามเหมือนดาวไป เราเดินขึ้นลิฟต์ด้วยกันเงียบๆ เหมือนดาวไม่พูดอะไรกับผมสักคำ
เราเดินออกจากลิฟต์ ผมเดินผ่านห้องตัวเองไปส่งเหมือนดาวที่หน้าห้อง เหมือนดาวกำลังค้นหากุญแจห้องแล้วพูดกับผม
“ปัทม์ไม่จีบเรา เราก็ยังช่วยปัทม์ติวเหมือนเดิมแหละ” เหมือนดาวคงเข้าใจว่าผมจะจีบเพราะเรื่องนี้
“เราไม่ได้ต้องการผลประโยชน์จากเธอเลยนะ”
“งั้นถ้าอยากจะรับผิดชอบเรื่องนั้นไม่ต้องนะ เราจำได้ว่าเราเป็นฝ่ายเริ่มเอง และอีกอย่างสมัยนี้มันไม่มีใครมานั่งสนใจเรื่องแบบนี้กันแล้ว” เหมือนดาวพูดพร้อมกับเอากุญแจมาเปิดประตู
“เรายอมรับว่ามันก็เป็นเหตุผลหนึ่ง แต่การที่เราชอบดาวมันก็เป็นอีกเหตุผลนะ” ผมพูด นึกตลกตัวเองที่ต้องมาขอความรักจากยัยอ้วนที่ผมคิดว่าชาตินี้ยังไงก็ไม่มีวันลงเอยกัน
“เราไม่อยากเป็นของเล่นคนรวย ไม่อยากเป็นสาวในสต็อกของคาสโนว่าอย่างปัทม์ ถึงเราจะอ้วน ไม่สวย แต่เราไม่ได้โง่นะปัทม์ ถ้ายังอยากเป็นเพื่อนกันต่อ อย่ามาทำแบบนี้กับเราอีก” เหมือนดาวผลักประตูออก กำลังจะเดินเข้าห้องไป
“เราก็ไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับเหมือนดาวอยู่แล้ว!!”
*********************
“เราก็ไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับเหมือนดาวอยู่แล้ว!!” ผมพูดแล้วผลักประตูเดินตามเหมือนดาวเข้าไปในห้องก่อนจะปิดประตูและล็อกไว้“ถ้าคิดจะทำอะไรบ้าๆ หยุดความคิดไว้เลยนะ” เหมือนดาวหน้าแดง คงเพราะทั้งเมาและโกรธ“เราก็แค่จะคุยกับเหมือนดาว ว่าเราไม่ได้ต้องการผลประโยชน์จากเธอจริงๆ เราชอบเธอ ไม่รู้ตั้งแต่ตอนไหน ไม่ได้คิดให้เธอมาเป็นของเล่นของเรา” ผมพูดกับเหมือนดาวท่ามกลางแสงสลัวจากไฟที่สาดมาจากระเบียง“แต่ปัทม์ควงผู้หญิงขึ้นคอนโดไม่ซ้ำหน้า บางคนมาเคาะประตูร้องไห้ฟูมฟาย ขนาดสวยๆ แบบพวกนั้นยังต้องโดนนายหลอก แล้วเราล่ะ อ้วนๆ หน้าตาไม่ดี คิดเหรอว่าเราจะไม่ตกอยู่ในสภาพแบบนั้นในสักวัน อย่ามาดึงเราไปอยู่ในวงจรนั้นเลย แค่โดนแฟนสวมเขาแล้วต้องมาเสียความบริสุทธิ์ให้นาย แค่นี้เราก็รู้สึกแย่จะตายอยู่แล้ว ยังต้องมาฝืนทำตัวเข้มแข็ง ทำทุกอย่างให้ปกติ ทั้งๆ ที่ในใจแม่งโคตรเจ็บ อยากร้องไห้เหมือนนางเอกในละคร แต่เรามันแค่ตัวประกอบ เราต้องเข้มแข็ง เพราะยังไงตัวประกอบมันก็ไม่มีพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยปลอบเหมือนนางเอกหรอกนะ”เหมือนดาวร้องไห้ต่อหน้าผม พูดความในใจออกมาจนหมด เดินถอยหลังไปทิ้งตัวนั่งที่โซฟา เอามือกุมหน้าร้องไห้
ผมตามเหมือนดาวกับแฟนกลับคอนโด ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงสนใจอยากรู้ว่าสองคนนั้นจะไปทำอะไรที่คอนโด ประกอบกับหงุดหงิดตั้งแต่เช้าที่เหมือนดาวแกล้งทำเป็นจำเรื่องราวอะไรไม่ได้โชคดีที่เหมือนดาวกันแฟนออกมายืนคุยที่ระเบียง ทำให้ผมได้ยินทุกอย่างที่สองคนนั้นพูดกัน‘เหมือนดาวเป็นฝ่ายบอกเลิกแฟนก่อน?’แฟนเธอตะโกนพูดประโยคหนึ่งออกมา แล้วสักพักก็มีเสียงเหมือนดาวร้องอู้อี้ ผมสังหรณ์ใจว่าต้องใช่ เลยเข้าไปเคาะห้องเพื่อช่วยเธอ และคุยกับเหมือนดาวเรื่องที่เกิดขึ้นเท่าที่ฟังดูที่ระเบียงเหมือนเธอจะอยากเก็บครั้งแรกของเธอไว้คืนแต่งงาน แต่ผมดันเป็นคนพรากมันไปรู้สึกผิดยังไงตะหงิดๆ แต่กลับกลายเป็นว่าเธอปฏิเสธความรับผิดชอบจากเดือนมหาวิทยาลัยที่โคตรหล่อและโคตรรวยจากผมผมโดนปฏิเสธเป็นครั้งแรก จากผู้หญิงอ้วนหน้าตาธรรมดา แถมเธอยังพูดติดตลกว่าลีลาผมไม่น่าจดจำ‘เหมือนจะโกรธก็ไม่ใช่ จะเสียใจก็ไม่เชิง’‘แต่ไม่ได้รับผิดชอบ เราก็ต้องดีใจดิว่ะ’‘แต่ทำไมดีใจไม่ออก?’ ‘หลงชอบยัยอ้วนนั่นไปแล้ว?....’‘คงไม่อ่ะ คิดอะไรบ้าบอ ตลกละกู’*********************หลังจากวันนั้นเหมือนดาวก็ทำตัวเหมือนปกติจนผมคิดว่า ทำไมเธอเข้มแข็งได้ขนาดนี้
ฉันรู้สึกว่าหมอนข้างมันแข็งกว่าทุกวัน แต่ลองเอามือคลำๆ แล้วมันไม่ใช่หมอนข้าง ฉันตัวเกร็ง ค่อยๆ ลืมตาขึ้น‘ไอ้คาสโนว่าข้างห้อง’‘แล้วเรามานอนกอดปัทม์ได้ไงว่ะ’ฉันรู้สึกเย็นวาบ คลำดูไม่มีเสื้อผ้า อยากกรี๊ดออกมาแล้วทุบไอ้คนที่นอนข้างๆ ความสาวของฉันที่อุตส่าห์ถนอมกว่า20ปี แต่ต้องมาเสียให้ไอ้ผู้ชายสำส่อนข้างห้อง พอยกมือขึ้นจะทุบปัทม์ที่กำลังนอนหลับอยู่ ก็มีเหตุการณ์แวบเข้ามาในความคิด‘รู้สึกเหมือนเราเริ่มก่อน?’‘แต่เหมือนเราผลักออกแล้ว’ฉันเริ่มสับสน อีกทั้งยังปวดหัวจากฤทธิ์เหล้า ไม่อยากคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา‘เสียแล้วก็เสียไป’‘อย่างที่นวพลบอก สมัยนี้ไม่มีใครสนครั้งแรกของผู้หญิงหรอก’‘คนอย่างปัทม์คงไม่สำนึกอะไรเรื่องพวกนี้หรอก’ฉันค่อยๆ ย่องลงจากเตียง หาเสื้อผ้ามาสวมใส่ แล้วหยิบกระเป๋าออกจากห้องปัทม์ไปยังห้องของตัวเองพอถึงห้องฉันก็รีบอาบน้ำ สำรวจความผิดปกติ ดีที่ไม่มีรอยจ้ำตามคอเหมือนที่เคยเห็นเพื่อนบางคนเป็น แต่มีรอยดูดเล็กๆ ตรงเนินอกแทนฉันแต่งตัวขึ้นนอนหลับตาบนเตียง ตอนนี้ตีสี่แล้ว พรุ่งนี้ไม่มีเรียนเช้า นอนตื่นสายสักหน่อยคงไม่เป็นไร ส่วนยาคุมฉุกเฉินค่อยกินก่อนไปเรียนแล้วกัน ฉันคิด
ฉันขับรถกลับคอนโดที่เช่าไว้ด้วยความรู้สึกที่ทั้งโกรธและเสียใจ โกรธตัวเอง โกรธเพื่อน โกรธแฟน เสียใจกับทุกเรื่องที่เกิดขึ้นพอกลับถึงห้องฉันทิ้งตัวนอนบนเตียงแล้วน้ำตาก็ไหลออกมา ฉันเสียน้ำตาให้ความรักที่คิดว่าสวยงามมาตลอด คนอ้วนหน้าตาธรรมดาอย่างฉันมีคนเข้ามาจีบมันก็ต้องหวังผลประโยชน์อะไรสักอย่างอยู่แล้ว ฉันน่าจะเอะใจให้มากกว่านี้ สมัยนี้คนคบกันเพราะหน้าตา ฐานะ และผลประโยชน์ทั้งนั้น ความรักมันไม่มีอยู่จริง ฉันจะไม่เชื่อในความรักอีกต่อไปฉันนอนร้องไห้จนพอ อาบน้ำแต่งตัว ตัดสินใจไม่ขับรถไปแต่นั่งแท็กซี่ออกไปข้างนอกแทน เห็นในละครอกหักแล้วดื่มเหล้าจะทำให้ลืมไว ดังนั้นฉันอยากลืมความรักกับผู้ชายห่วยๆ ไวๆ ฉันต้องดื่มให้เมา‘คืนนี้ฉันต้องลืมไอ้คนที่ชื่อนวพล’ฉันโทรหากลุ่มเพื่อนสนิทที่ชอบดื่ม เป็นเพื่อนเก่าสมัยเรียนม.ปลายด้วยกัน เคยเรียนเอกเดียวกัน แต่พอซิ่วมาก็เรียนคนละเอกกับฉัน แต่เรายังคุยกันปกติ พวกนั้นงงๆ ที่ฉันโทรชวนไปร้านเหล้า แต่ก็พากันออกมาแต่โดยดี“นึกไงถึงชวนมากินเหล้าว่ะแก” หยกถาม“อยากเมา อยากลืมคน”“แกเลิกกับไอ้หน้าจืดนั่นแล้วเหรอ” แหวน เพื่อนอีกคนถาม “คงงั้น” ฉันตอบแล้วให้เพื่อนสั่ง
ผมชื่อ ปัทม์ อายุ20ปี ซิ่วมาจากมหาวิทยาลัยอื่น เป็นเดือนมหาวิทยาลัยที่ฮอตที่สุดในปีนี้ เกิดมาหล่อและรวยโดยกำเนิด ผู้หญิงมีให้เลือกมากมาย ชอบใช้เงินแก้ปัญหา ตามประสาลูกคนเดียวที่พ่อแม่โคตรรักและเอาใจเพราะการโดนพ่อแม่สปอยล์นี่แหละครับ ผมเลยได้ย้ายมาอยู่คอนโดเล็กๆ เพียงเพราะย่าไม่อยากให้ผมฟุ่มเฟือยเกินเหตุ แต่ท่านก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดที่ว่าจะให้ผมลำบากท่านยกคอนโดเล็กๆ ใกล้มหาวิทยาลัยให้ผมอยู่ ยกรถให้ผมหนึ่งคัน จ่ายค่าเทอมให้ จ่ายค่าน้ำค่าไฟให้และมีเงินค่าใช้จ่ายให้ผมบริหารด้วยตนเองเดือนละสามหมื่น ให้ตายเถอะเงินสามหมื่นผมเคยใช้หมดช้าสุดก็ภายใน10วัน แต่ผมต้องมานั่งบริหารเงินสามหมื่นให้อยู่ถึงเดือนคอนโดผมมีห้องนอนแยกเป็นสัดส่วนจากห้องโถง ที่มีทั้งห้องรับแขก ห้องครัว รวมกัน ห้องน้ำก็อยู่นอกห้องนอน ไม่ค่อยสะดวกเหมือนตอนอยู่บ้านเพื่อนบ้านข้างห้องก็ไม่ค่อยน่าอภิรมย์ เพราะด้านซ้ายก็ผู้ชายวัยทำงาน ด้านขวาก็ผู้หญิงอ้วนๆ คนหนึ่งที่อยู่วิทยาลัยเดียวกันกับผม เจอกันบ่อยสุดเพราะดันอยู่คณะเดียวกันกับผมคือคณะบริหารธุรกิจ แต่เรียนคนละเอกกับผมผมเรียนการตลาดเพราะคิดว่าง่ายที่สุด (แต่คิดผิด ทฤษฎีเยอะโคตร)







