“มิลินท์เสร็จหรือยังลูก”
ฉันที่กำลังจัดของอยู่เงยหน้าขึ้นมาจากกระเป๋าก่อนจะรีบวิ่งไปที่ประตูห้อง เออ ทุกคนอาจจะงงๆ ใช่ไหม ว่าฉันคือใคร งั้นขออนุญาตแนะนำตัวนะจ๊ะ สวัสดี ฉัน มิลินท์ ชื่อจริง ธมลวรรณ พงศ์ศิริโชติ เป็นลูกคนโต คุณแม่ชื่อ มิ้ม คุณพ่อชื่อ วาโย อะ เริ่มคุ้นกันแล้วใช่อะเปล่า คริคริ หากใครงงๆ ลองไปหาข้อมูลคุณพ่อและคุณแม่ฉันได้นะ (อาจารย์ครับ…ที่รักของผม) คริคริ แล้วรู้ใช่ไหมว่าคุณพ่อฉันคลั่งรักคุณแม่มาก รักลูกเท่าไหนรักคุณแม่มากกว่าหลายเท่ามากๆ อ๋อ ตอนนี้ฉันไม่ใช่เด็กน้อยตัวอ้วนปากเลอะเค้กแล้วนะจ๊ะ ตอนนี้โตเป็นสาวแล้วจ่ะ และที่สำคัญชอบเค้กคุณแม่มากๆ เหมือนเดิม ต้องกินวันเว้นวันอะ ตอนนี้ฉันอายุ 16 ปี ส่วนสูง 165 น้ำหนัก 48 สัดส่วนคือ 36 26 39 ผมสีดำยาวและตรงมาก ตอนนี้ผมฉันจะถึงเอวแล้ว ผิวขาว ตาโตปากนิด จมูกหน่อย จัดฟันด้วยจ้า ยางฟันสีชมพูอ่อน และฉันกำลังศึกษาอยู่ที่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เรียนอยู่ที่โรงเรียนเอกชน CC ระบบการสอนก็ไม่ต่างจากโรงเรียนรัฐบาลเท่าไหร่แทบจะคล้ายกันเลยด้วยซ้ำ แต่คงต่างกันตรงค่าเทอมแล้วก็ความสะดวกสบายของสถานที่ต่างๆ ภายในโรงเรียนที่พร้อมใช้งานมากๆ นั่นแหละ แล้วพวกฉันชอบมาก เพราะผู้อำนวยการคือวัยรุ่นมาก ทุกอย่างเลยทันสมัย อีกอย่างที่นี่คือใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารกันค่อนข้างเยอะเกือบจะทุกคนเลยพูดกันคล่องมาก เพราะเค้าสอนตั้งแต่เด็กตัวน้อยๆ เลยอะ คือไม่ได้ให้ท่องจำตามหนังสืออะไรแบบนั้นนะ คือเขาสื่อสารเลยอะ พูดบ่อยก็จะพูดได้แล้วก็เข้าใจ บางคนอาจจะงงๆ กับอายุ คือฉันเกิดต้นปีเลยแล้วเข้าเรียนเร็วถ้าถึงวันเกิดฉันก็จะอายุเท่าเพื่อน ตอนนี้ฉันดำรงตำแหน่งหัวหน้าห้องดูแลและรับผิดชอบเพื่อนๆ ในห้อง คือเป็นมาตั้งแต่อยู่มัธยมปีที่ 1 ยันปัจจุบัน นิสัยฉันเหรอ ฉันนิสัย เฟรนลี่ พูดเก่ง เข้ากับคนง่าย แต่ไม่ชอบให้ใครพูดหรือนินทาลับหลังถ้ารู้ก็จัดการ เวลาโมโหก็สุดเหมือนกัน ช่วยเหลือและทำกิจกรรมของโรงเรียนทุกอย่าง ผูกผ้าตามเวทีให้โรงเรียน จัดสถานที่ จัดดอกไม้ ดรัมเมเยอร์ นางรำ นักร้อง แข่งทักษะวิชาการ คือถ้าครูเรียกไปไหนทำอะไรก็ไปหมดอะยกเว้นเล่นกีฬา เพราะฉันไม่ชอบ มันเหนื่อยแล้วก็ร้อนอะ ถ้าใครชอบเล่นก็อยากจะหยุมหัวฉันใช่ปะล่ะ แต่กิจกรรมเริ่ดแล้วการเรียนต้องเริ่ดกว่าจ่ะ เกรดเฉลี่ยเทอมล่าสุดคือ 3.95 ได้ของขวัญจากคุณพ่อและคุณแม่เยอะมาก ไหนจะจากคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย ปู่ทวด ย่าทวดของฉันด้วย เงินในคลังของฉันเองเลยเพิ่มขึ้นมาเยอะมากๆ ฉันลืมบอกไปเลยว่าฉันมีน้อง 3 คน สองคนแรกเป็นฝาแฝดชายหญิงห่างจากฉัน 3 ปี ผู้ชายชื่อมาวิน ผู้หญิงชื่อมาหยา ตอนนี้อายุ 13 ปี และน้องเล็กสุดเป็นผู้ชาย ชื่อ มาร์ค ตอนนี้อายุ 9 ขวบ ห่างกับฉัน 7 ปี เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันหมด แต่คุณพ่ออยากมีน้องอีกนะ แต่คุณแม่บอกว่าไม่มีแล้วคุณพ่อก็ต้องทำไมจ๊ะ ต้องตามใจคุณแม่จ่ะ เพราะคุณพ่อแพ้ทางคุณแม่ตลอด และหากจะมีแฟนฉันก็ต้องรักฉันเหมือนที่คุณพ่อรักคุณแม่นี่แหละ ฉันขอตัวไปคุยกับคุณแม่ก่อนดีกว่าเนาะ อธิบายซะยาวเหยียดเลย คริคริ ฉันเปิดประตูก่อนจะยิ้มและถามคุณแม่ “มิลินท์เตรียมของใกล้จะเสร็จแล้วค่ะคุณแม่” “จ่ะ ยกไหวหรือเปล่าลูก ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวให้คุณพ่อมาช่วยยก” อ๋อ ฉันลืมบอกไปว่าตอนนี้เพิ่งเปิดเทอม และพอเปิดเทอมฉันจะไปอยู่ที่คอนโดที่คุณพ่อเป็นเจ้าของ คือเดินไม่ถึง 15 นาทีก็ถึงโรงเรียนแล้วอะ เพื่อนฉันก็มาเช่าอยู่เหมือนกันเพราะบางคนบ้านไกลฉันเลยไม่เหงา แต่น้องๆ ก็ยังอยู่ที่บ้านคุณพ่อกับคุณแม่ไปรับไปส่งตามปกติ ที่คุณแม่ให้ไปฉันไปอยู่นั่นเพราะฉันมีกิจกรรมเยอะกว่าจะเลิกแล้วกว่าจะได้พัก ฉันก็เลยจะกลับบ้านทุกวันศุกร์ตอนเย็นแล้วคุณพ่อจะไปส่งเช้าวันจันทร์ ถ้าอาทิตย์ไหนมีกิจกรรมก็ไม่ได้กลับ อ๋อ คุณพ่อฉันทำร้านป้ายกับพวกอสังหาริมทรัพย์ โครงการหมู่บ้าน คอนโดอะไรพวกนี้แหละ ฉันพยักหน้าก่อนจะยิ้มและตอบคุณแม่กลับไป “ได้ค่ะคุณแม่ สบายมาก” “พี่มิลินท์ไม่ต้องครับ ถ้าเสร็จแล้วเรียกวินได้เลย” “ใช่ครับ เรียกมาร์คได้เลยครับ มาร์คจะช่วยพี่มิลินท์เอง” “ขอบใจนะจ๊ะน้องชายที่น่ารักของพี่” “มาหยาจะช่วยด้วยค่ะ” ฉันใช้ยิ้มและใช้มือลูบหัวน้องสาวที่เดินเข้ามากอดเอวฉันไว้แน่นๆ คุณแม่เลยหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะบอกกับพวกฉันที่ยืนอยู่หน้าห้อง “จ้าๆ งั้นเดี๋ยวหนูให้น้องๆ ช่วยยกนะลูก เดี๋ยวคุณแม่ไปดูคุณพ่อก่อน ป่านนี้ยังไม่เสร็จเลย” “คุณพ่อยังไม่เสร็จหรอกครับถ้าคุณแม่ไม่เดินไปเรียกคุณพ่อ” “คริคริ ใช่แล้วค่ะ อันนี้น้องพูดถูกค่ะคุณแม่” “หึหึ เด็กแสบ ถ้าทำอะไรเสร็จแล้วก็ไปนั่งรอที่โต๊ะทานข้าวนะลูก เดี๋ยวคุณแม่กับคุณพ่อตามลงไป” “ค่ะคุณแม่” ฉันเดินเข้ามาเก็บของต่อแล้วก็มีน้องชายสองคนที่ช่วยกันถือของลงมาและนั่งรอคุณพ่อกับคุณแม่ มันเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ที่ฉันซื้อมาใหม่นั่นแหละ อ๋อ ถ้าปิดเทอมรายได้อีกหนึ่งทางคือช่วยงานที่ร้านของคุณพ่อนะจ๊ะ แต่พอเปิดเทอมก็จะช่วยในวันหยุด แต่คุณพ่อก็ไม่อยากให้ทำหรอกแต่ฉันชอบ ตอนรับเงินมันฟินมากนะ พอคุณแม่ลงมาฉันกับน้องๆ ก็ช่วยกันเตรียมแก้วแล้วก็เทน้ำวางไว้บนโต๊ะอาหาร ส่วนคุณพ่อก็จะช่วยคุณแม่ยกจานข้าวออกมาให้ และพอกินอิ่มก็ต้องเก็บของตัวเอง เพราะบ้านฉันไม่มีบ้านเลยช่วยกันเอง เรื่องราวคร่าวๆ ของครอบครัวฉันก็แบบนี้แหละ “มิลินท์ลูก” “คะคุณพ่อ” ฉันนั่งเบาะหลังคู่กับน้องสาวก็เงยหน้าและถามคุณพ่อออกไปก่อนจะยิ้มหลังจากได้ยินคำถามของคุณพ่อ “เงินค่าขนมพอหรือเปล่าลูก ถ้าไม่พอบอกคุณแม่ได้เลยนะ หนูทำกิจกรรมเยอะ เรียนก็เยอะ ต้องซื้อของกินบำรุงร่างกายตัวเองรู้ไหมลูก แล้วไม่ต้องเสียดายเงินนะลูก หนูอยากกินอะไร หนูอยากซื้ออะไรถ้าเงินไม่พอบอกคุณแม่ได้้เลยนะ” “แล้วบอกคุณพ่อไม่เหรอครับ” “ไม่ได้ครับผม” “คริคริ ทำไมเหรอคะคุณพ่อ” “เพราะเงินของคุณพ่ออยู่ที่คุณแม่หมดแล้วน่ะสิ” “ที่รักอะ” “ฮ่าๆ” “ไม่ต้องห่วงนะคะคุณพ่อ แค่ค่าขนมที่คุณพ่อกับคุณแม่ให้ก็เยอะมากๆ แล้วค่ะ” “หนูต้องดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะลูก ถ้ากิจกรรมไหนมันหนักเกินไปเราก็ไม่ต้องทำนะลูก แล้วไม่ต้องเครียดเรื่องเรียนรู้ไหมคะลูก คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้ซีเรียสกับตรงนี้นะลูก หนูแค่ใช้ชีวิตในแบบที่หนูชอบ แล้วก็หาความสุขให้ตัวเองก็พอแล้วรู้ไหม แม่ไม่ได้บอกพี่มิลินท์คนเดียวนะลูก พวกหนูด้วยนะคะ ลูกๆ ของคุณแม่กับคุณพ่อเก่งอยู่แล้ว ไม่ต้องกดดันตัวเองเพื่อคุณพ่อคุณแม่นะลูก คุณพ่อกับคุณแม่ภูมิใจในตัวลูกๆ มากๆ อยู่แล้ว” “ใช่แล้วลูก หนูแค่มีความสุข สุขภาพแข็งแรง ทำสิ่งที่ตัวเองชอบก็พอแล้วลูก แค่นี้คุณพ่อกับคุณแม่ก็มีความสุขมากๆ แล้ว” “ครับ” “ค่ะ” “แต่มาหยามีแฟนแล้วครับ” “คริคริ มาหยามีแฟนอีกแล้วเหรอ ไหนบอกพี่สิว่ารอบนี้คือใครเอ่ย” “พี่มิลินท์ดูพี่วินสิคะ เพื่อนผู้ชายคนไหนมาคุยกับมาหยาพี่วินก็อาการหนักตลอด ทีตัวเองมีแฟนเค้ายังไม่พูดเลยนะ” “เพราะพี่ไม่มีมาหยาจะพูดได้ไง ใช่ไหมน้องมาร์ค” “มาร์คก็ไม่แน่ใจครับ” “นั่นเห็นไหม ตัวอะปิดบัง แฟนพี่วินอะชื่อ มาญ่า ม.ม้า เหมือนเราด้วย” “หึหึ เจ้าแฝด นี่เราผลัดกันมีแฟนมาตั้งแต่สองขวบนิดๆ แล้วนะลูก รอบนี้ของจริงหรือเปล่าคุณพ่อกับคุณแม่จะได้เตรียมตัวต้อนรับลูกเขยกับลูกสะใภ้” “ฮ่าๆ” ฉันกับน้องชายคนเล็กแล้วก็คุณพ่อพากันหัวเราะออกมา แล้วครอบครัวฉันไม่ได้เคร่งขนาดนั้นหรอกนะ แต่คบกันก็ต้องอยู่ในสายตา แบบนี้แหละฉันเลยชอบมาก เพราะฉันคุยกับคุณพ่อและคุณแม่ น้องๆ เรียกว่าครอบครัวใหญ่ของฉันเลยดีกว่า คือคุยได้ปรึกษาได้ทุกเรื่องอะ ฉันมีอะไรก็บอกคุณพ่อกับคุณแม่ตลอดเพราะอยากให้พวกท่านรู้เป็นคนแรกในการตัดสินใจของฉัน ส่วนน้องๆ ก็คุยกันทุกเรื่องไม่ว่าจะน้องผู้หญิงหรือผู้ชาย เลยทำให้สนิทกันมากๆ “สวัสดีค่ะคุณพ่อ สวัสดีค่ะคุณแม่” “จ้า ลูกสาวคนโตคนเก่งของคุณแม่ ถ้ามีอะไรก็โทรไปหาพ่อกับแม่รู้ไหมลูก” ฉันกอดคุณแม่เอาไว้แน่นๆ ก่อนจะพยักหน้าพร้อมกับยิ้มตอบคุณแม่กลับไป “ค่ะคุณแม่ มิลินท์รักคุณแม่แล้วก็คุณพ่อมากๆ เลยนะคะ” “หึหึ เด็กแสบ คุณพ่อกับคุณแม่ก็รักเรามากๆ รู้ไหมลูก” “ผมก็รักพี่มิลินท์” “ผมด้วย” “หนูด้วย” ฉันหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วตอนนี้คือหน้าโรงเรียนนะแต่ครอบครัวฉันกอดกันกลมไปหมด คุณพ่อกอดไหล่คุณแม่แล้วก็ใช้มือลูบศีรษะฉันเบาๆ ส่วนน้องๆ ตัวแสบก็พากันมากอดฉันแล้วก็คุณพ่อคุณแม่ไว้ สรุปก็คือกอดกันทุกคน ฉันยิ้มก่อนจะตอบน้องทุกคนกลับไป “จ้า พี่มิลินท์ก็รักน้องๆ ของพี่มิลินท์มากๆ เลยจ้า” “หึหึ พากันเข้าโรงเรียนได้แล้วลูก คนอื่นมองกันหมดแล้ว โตกันหมดแล้วนะยังมากอดคุณพ่อกับคุณแม่เป็นเด็กน้อยๆ กันอยู่อีก ไม่กลัวเพื่อนล้อหรือไงเด็กแสบทั้งหลายของแม่” “ถ้าเพื่อนล้อเรื่องนี้มิลินท์ก็จะเลิกคบเลยค่ะ มิลินท์รักคุณพ่อกับคุณแม่แล้วก็น้องๆ นี่คะ ใครล้อมิลินท์จะจัดการเองค่ะ” “คริคริ ใช่ค่ะ พี่มิลินท์โหดมาก เพื่อนๆ แล้วก็ทุกคนกลัวพี่มิลินท์ยอมพี่มิลินท์กันหมดเลยค่ะ” “แต่กับน้องๆ ของพี่ พี่เป็นยังไงนะ” “พี่มิลินท์ใจดีมากๆ ค่ะ” “พี่มิลินท์ใจดีครับ” “หึหึ พากันเข้าโรงเรียนกันได้แล้วลูกจะได้ไม่ต้องรีบ” “ค่ะ มิลินท์กับน้องๆ เข้าโรงเรียนก่อนนะคะ” ฟอด ฟอด ฉันยิ้มก่อนจะหอมแก้มคุณแม่แล้วก็คุณพ่อ คือฉันไม่อายอะ แล้วบ้านฉันก็หอมกันบ่อย มันเป็นการแสดงความรักอะ จากนั้นคุณพ่อกับคุณแม่ก็หอมแก้มฉันแล้วก็น้องๆ ด้วย จะผู้หญิงหรือผู้ชายฉันก็หอม มันเป็นความเคยชินไปแล้วอะ อีกอย่างหอมได้อีกไม่กี่ปีก็จะหอมน้องชายไม่ได้แล้วเพราะน้องโตขึ้น ฉันสลับกันหอมแก้มจนครบแล้วก็บ๊ายบายคุณพ่อกับคุณแม่จากนั้นก็พากันเดินเข้าโรงเรียน อ๋อ ส่วนของคุณพ่อกับคุณแม่บอกว่าจะเอาไปไว้ที่คอนโดให้เอง พอเดินมาได้สักพักก็ได้ยินเสียงน้องชายกับน้องชายพูดขึ้นมาพร้อมกับยกมือบ๊ายบายฉัน “พี่มิลินท์ผมไปหาเพื่อนก่อนนะครับ วันศุกร์พี่มิลินท์กลับบ้านด้วยนะครับ” “ผมด้วยครับ” “มาหยาด้วยค่ะ พี่มิลินท์อย่าลืมนะคะ” “จ้าๆ มีอะไรมาหาพี่เลยนะ” “ครับ” “ค่ะ บ๊ายค่ะพี่มิลินท์” “บ๊ายบายครับพี่มิลินท์” “บ๊ายบายจ่ะน้องๆ ที่น่ารักของพี่มิลินท์” “ครับ!” “ค่ะ” “หึหึ เจ้าเด็กน้อยตัวแสบ”11.45 นาที“เซทท์ ตอนนี้ฉันเลิกเรียนแล้ว นายเลิกหรือยัง”“เลิกพอดี อาจารย์ปล่อยพอดี เธอนั่งรออยู่กับเพื่อนก่อนนะ เดี๋ยวฉันรีบไปรับ”“โอเค งั้นแค่นี้นะ ฉันรอที่เดิม”“เคๆ”“ว่ายังไงคะสาว พ่อเลิกยัง”“เลิกแล้วจ้า ตอนนี้เซทท์กำลังมารับ”“โอเค งั้นมาค่ะ มานั่งรอ”ฉันพยักหน้าแล้วก็พากันมานั่งรอคนตัวสูงอยู่ที่โต๊ะหน้าคณะ อ๋อ เธอ ตอนนี้ฉันอยู่มหาวิทยาลัยกันแล้วนะ แต่ไม่ได้เรียนในจังหวัดหรอก เพราะจังหวัดฉันไม่มีมหาวิทยาลัยเลยมาเรียนที่จังหวัดใกล้เคียงเหมือนที่ตั้งโปรแกรมเอาไว้ตั้งแต่แรก คนตัวสูงเรียนวิศวะ สาขาวิศวกรรมเครื่องกล มีพวกอาร์มแล้วก็เพื่อนเก่าเขามาเรียนด้วย สอบเข้าได้ แล้วก็มีคะแนนจากการแข่งขันพวกกีฬาที่เข้ามาช่วย ซึ่งก็เยอะมากพอสมควร เพราะมหาวิทยาลัยนี้ก็เป็นมหาวิทยาลัยรัฐที่มีชื่อเสียงเหมือนกัน แต่การสอบแข่งขันก็ที่สุดอะ อย่างคณะของคนตัวสูงเปิดรับแค่ 80 คน ส่วนฉัน เจมมี่ แพร หยก เรียนคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ศิลปะและการออกแบบ สาขา สาขาวิชาออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ คะแนนของฉันก็เอาที่รวบรวมกิจกรรมให้โรงเรียนแล้วก็ที่เป็นตัวแข่งไปทักษะเอามาใส่ในพล็อตทั้งหมด คะแนนก็ค่อนข้างจะสูงพอสมคว
“ฉันว่าเราจอดโลตัสกันก่อนดีกว่า”“หื้อ นายจะซื้อของเหรอ”“ใช่ ไปหาพ่อแม่เมียที่บ้านครั้งแรกจะไปมือเปล่าได้ไง แบบนี้ต้องจัดเต็ม”“หึหึ คุณพ่อคุณแม่ฉันไม่ซีเรียสขนาดนั้นหรอก”“แต่ซื้อไปมันก็ดีกว่า ปะ”“เค”ผมชวนยัยตัวแสบลงไปที่ซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ เพราะตอนนี้เพิ่งจะ 8 โมงเช้า ห้างสรรพสินค้ามันก็ยังไม่เปิด แล้วเราจะไปมือเปล่ามันก็ไม่ใช่อะ ผมซื้อผลไม้ต่างๆ แบรนด์ แล้วก็นมรสชาติต่างๆ พอเสร็จแล้วผมก็ขับรถมาตามเส้นทางที่ยัยตัวแสบบอก พอขับเข้ามาในบ้านก็เห็นว่าบ้านใหญ่มากแล้วก็มีพื้นที่รอบๆ เยอะมากพอสมควร ต้นไม้ก็เยอะแล้วก็ร่มรื่นมาก แต่สิ่งที่สะดุดตาคือ“หื้อ พ่อเธอก็สะสมรถเหมือนกันเหรอ หรือน้องชายเธอ”“อ๋อ ของคุณพ่อทั้งหมดเลย ส่วนน้องชายคนโตคุณพ่อยังไม่ให้ขับ เพราะน้องยังเด็กเกินไปที่จะขับรถออกไปบนท้องถนน ซึ่งฉันก็เห็นด้วยแหละ เกิดอะไรขึ้นมามันไม่คุ้ม”“อือ ก็จริง แล้วเธอก็ขับรถยังไม่เป็น”ฉันปลดเข็มขัดนิรภัยออกหลังคนตัวสูงจอดรถก่อนจะตอบเขากลับไป“อือ ฉันยังไม่ได้ไปเรียนขับรถเลย ปิดเทอมนี้ว่าจะไปเรียน”ผมยิ้มมุมปากก่อนจะพยักหน้าแล้วรีบบอกยัยตัวแสบที่นั่งอยู่ข้างๆ ออกไป“เธอไม่ต้องไปเรียนห
ผมกับยัยตัวแสบพากันเดินมาในร้าน พอเดินเข้ามาที่โต๊ะมันทั้งชมรมอะ ไม่ว่าจะเป็นวอลเลย์ บาส ฟุตบอล คือมาด้วยกันหมด คนก็เยอะมากจนเหมือนเหมาร้านเขาอะ ผมเดินเข้ามาถึงผมกับยัยตัวแสบก็พากันเดินเข้ามาทักเพื่อนแล้วก็รุ่นพี่ที่อยู่ชมรมวอลเลย์ด้วยกัน“หวัดดีพี่”“สวัสดีค่ะ”“สวัสดีตอนเย็นครับผม มาๆ พากันนั่งเลย เราพี่น้องกันอยู่แล้วอย่าทำเหมือนเป็นคนอื่นไกล”“ไอ้กัน”“อะไรของมึงไอ้บอล”“มึงต้องชวนกันไปตักของกินครับ มึงจะให้น้องๆ มานั่งมองเตาเหรอ ไอ้รุ่นพี่ชั่ว”“เออวะ เฮ้ย งั้นเราเริ่มเลย”“เดี๋ยวพวกหนูหยิบจาน ช้อน ตะเกียบมาให้ทุกคนเองค่ะ”“ขอบคุณมากครับผม เออ น้องเค้ามาแป๊บเดียวคล่องกว่ากูอีก”“มึงมันไม่รู้เรื่อง”“หึหึ ปะ ไปดูของกัน”“อือ”ฉัน คนตัวสูง แล้วก็เพื่อนๆ พี่ๆ พากันเดินมาตักเนื้อสัตว์ต่างๆ แล้วเพื่อนฉันก็เตรียม จาน ช้อน ตะเกียบ ผัก ซึ่งถ้ามาร้านแบบนี้ฉันไม่กินหรอกฉันเน้นเนื้อสัตว์จ่ะ“อือหื้อ ไขมันเธอสะดุ้งวันนี้แหละ”ผมมองยัยตัวแสบที่ตักสามชั้นแบบเอาจริงเอาจังมากนะ ตักสองจานแล้วก็ฝากเพื่อนถือไป แล้วเหมือนตกลงกับเพื่อนไว้หมดแล้วอะว่าใครตักอะไร“ทำไม นายมีปัญหาเหรอห๊ะ”“ฮึ ฉันเหรอจะกล
พอกลับมาจากห้างสรรพสินค้าฉันก็เอาของที่ซื้อมาเก็บเข้าที่ ส่วนเสื้อผ้าที่ซื้อมาใหม่ก็เอาเครื่องซักผ้าทั้งของฉันแล้วก็ของเขานั่นแหละ พอใกล้จะได้เวลาฉันก็อาบน้ำ เพราะฉันเป็นคนแต่งตัวนานอะ หลังจากอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยฉันก็ใส่ชุดคลุมอาบน้ำเดินออกมาเรียกคนตัวสูงที่นอนเล่นเกมส์อยู่บนเตียง“เซทท์ ไปอาบน้ำได้แล้ว”“อือ”“อือแล้วลุกด้วยนะ ไม่ใช่อือแล้วยังนอนอยู่”“ครับแม่ กระผมกำลังจะออกจากเกมส์แล้วก็จะลุกแล้วครับ ฉันนี่มันตาถึงจริงๆ มีเมียแถมมีแม่”“ฮึ รู้แล้วก็รีบทำซะ”ผมมองยัยตัวแสบที่พูดจบก็ส่งสายตาขมขู่ใส่ผมแล้วก็เดินเข้าห้องแต่งตัวไป ผมมองก่อนจะบ่นพึมพำออกมา“ไอ้เมียตัวสั้น วันๆ แม่งข่มขู่แล้วก็สั่งแต่ผัว เตะแม่งให้ขาสั้นกว่าเดิมดีมั้ง เฮ้ย พวกมึงอย่าห้ามกูดิ๊ อารมณ์กูขึ้นแล้วเนี่ย สักทีดีมั้ง”[พรืด สัสเอ๊ย เก่งจังเนาะมึงอะ][เออ มา มึงมันพ่อบ้านใจกล้าอยู่แล้ว มาเล่นเกมส์อีกสักตาดิ๊ แค่เมียสั่งจะกลัวไรวะ][เออๆ เพื่อนกูคนจริงอยู่ละ มาเว้ย ต่อรอบ]“พวกมึงเกลียดกูหรือเปล่าห๊ะ มึงถึงหาเรื่องให้กูไม่มีลมหายใจ”[ฮ่าๆ ปากเก่ง การกระทำนี่แมวน้อยของเมียชัดๆ]“ใครแมวน้อย กูไม่อยากจะโหดเฉยๆ เว้ย เด
ฉันอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยก็มาแต่งตัว ฉันเลยหยิบกางเกงขาสั้นสีขาวแล้วก็เสื้อครอปคอสี่เหลี่ยมสีฟ้าอ่อนแขนตุ๊กตาแล้วก็มีเว้าด้านหลังนิดหน่อย มีโบว์ผูก ผมก็ปล่อยยาวไปเลย แต่งหน้าเบาๆ รองพื้น เขียนคิ้ว ทาลิปสติกสีชมพูอ่อนๆ ปัดแก้มนิดหน่อย ปัดขนทา ลงแป้ง ฉีดสเปรย์น้ำแร่ล็อกเครื่องสำอาง“ที่คาดผม โอเค เดี๋ยวไปตัดผมดีกว่า ยาวเกินไปละ”ฉันหมุนตัวอยู่หน้ากระจกพอเห็นผมตัวเองที่ตอนนี้คือยาวมาถึงจะถึงเอวอยู่แล้วอะ ถ้าดัดวอลลุ่มก็ไม่เท่าไหร่ แต่วันไหนที่ปล่อยผมตรงมันก็ยาวเกิน แล้วไดร์ผมแต่ทีแทบจะร้องขอชีวิต พอแต่งตัวเสร็จก็เดินออกมาที่ห้องนอนจากนั้นก็เปิดไฟกลางห้องก่อนจะเดินมาเรียกคนตัวสูงพร้อมกับเขย่าตัวเขาไปด้วย“เซทท์ เซทท์”“หื้อ”“ตื่นได้แล้ว ไปอาบน้ำจะได้มากินข้าว ถ้านายยังเมื่อยอยู่กินข้าวเสร็จนายค่อยมานอนใหม่ ลุก”“อือ”ผมรู้สึกตัวหลังจากได้ยินยัยตัวแสบเรียก เลยลุกขึ้นมานั่งอยู่บนเตียง แล้วพอสติมันเริ่มมาก็มองยัยตัวแสบที่ตอนนี้กำลังจัดตุ๊กตาเอาไว้บนหัวเตียง พอนึกขึ้นมาได้เลยรีบบอกยัยนี่เรื่องที่พี่ในชมรมเค้าชวนไปกินหมูกระทะ“เธอ”“หื้อ มีอะไร ลุก จะเก็บที่นอน”ฉันบอกคนตัวสูงหลังจากจัดตุ๊กตาแล
คือนายนี่กำลังจะพูดว่าเขาชอบฉัน ใช่ปะวะ หรือความหมายเป็นประโยคคำถาม ฉันมองหน้านายนี่ก่อนจะตัดสินใจถามออกไป“เดี๋ยวนะ คือ นายกำลังจะบอกว่านายชอบฉันเหรอ ฉันตีความหมายของประโยคถูกใช่ไหมวะ”“ฮึ อาการฉันขนาดนี้ละ แล้วที่ผ่านมาเธอคิดว่าฉันเข้าหาเธอทำไมไหนเธอบอกฉันสิ”“เอ้า ก็เป็นเพื่อนกันไง นายอาจจะไว้ใจฉันมากๆ อะไรทำนองนั้น”ผมเลิกคิ้วมองยัยตัวแสบซึ่งอาการผมแม่งออกตั้งแต่สองอาทิตย์แรกแล้วมั้ง ผมเลยหัวเราะออกมาในลำคอก่อนจะตอบยัยตัวแสบออกไป“ชีวิตกูเนาะ ทำให้ขนาดนี้แม่งยังถูกมองว่าเป็นเพื่อนอยู่อีก”“ก็ที่ผ่านมานายไม่ได้พูดปะ ฉันก็ไม่ได้คิดอะไร”ฉันตอบนายนี่ออกไปตามที่ตัวเองคิด เพราะเขาไม่ได้พูดจะให้เราคิดเข้าข้างตัวเองมันก็ไม่ใช่ บางทีเขาอาจจะมีเหตุผลแบบอื่นที่ทำให้ ถ้าไม่พูดให้ชัดเจนฉันก็ไม่คิดไปเอง มันอาจจะมีเขินบ้างในบางโมเมนต์แต่ก็ไม่ได้เอามาคิดเข้าข้างตัวเองขนาดที่ว่าคิดว่าเขาชอบอะ“แล้วถ้าฉันยังไม่พูดออกมาฉันก็ยังได้เป็นแค่เพื่อนเธออยู่แบบนั้นอะนะ”“ก็ใช่ไง ก็สถานะที่มันเป็นอยู่คือเพื่อน นายจะให้ฉันเป็นอะไรกับนายล่ะถ้านายไม่พูดไม่บอก”“อือหื้อ ยัยซาลาเปาสอดไส้อำมหิต”“เดี๋ยวนายจะโดนนะ