“บอสคะ.. เออ ท่านประธานคะ.. ปล่อยฉันก่อนค่ะ” ถ้าเธอดิ้นรนเขาก็คงยิ่งจู่โจมหญิงสาวก็เลยต้องใช้วิธีอื่น
จริงๆ เขาแค่อยากจะลองดูว่า พอเห็นทุกอย่างที่เขาให้ไปเธอจะถ่างขาให้เลยไหม และเขาก็เห็นแล้วว่าเธอไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะเธอพยายามหาวิธีเอาตัวรอดจากเขาตลอด
“อะไรของเธออีก รู้ไหมว่าการถูกขัดอารมณ์บ่อยๆ มันหงุดหงิด”
“ไม่รู้ค่ะ ฉันยังไม่พร้อมนี่คะ”
“ไม่พร้อมแล้วเซ็นลงไปทำไม”
“ฉันหมายถึงตอนนี้ฉันยังไม่พร้อม ฉันเป็นวันนั้นของเดือน” เอาวะ..ยังไงก็ต้องเอาตัวรอดให้ได้ก่อน เขาคงไม่กล้าเช็คไปถึงประจำเดือนหรอกมั้ง
“วันนั้นของเดือน?” สายตาคมมองต่ำลงไปที่..
“ใช่คะ” หญิงสาวรีบดึงชายกระโปรงลงเพราะว่ามันเปิดขึ้นมาแทบจะเห็นกางเกงชั้นในอยู่แล้ว
“ไม่เป็นไร ฉันให้เวลาเธอไปล้าง แล้วค่อยมาต่อกัน”
“ไปล้าง?” ..ไอ้นี่มันบ้าหรือเปล่าวะ “คุณจะบ้าเหรอ ฉันเป็นรอบเดือนที่มีเลือดออกมานะ..คุณเข้าใจไหม” ฉันกำลังเจอกับอะไรอยู่เนี่ย
“ทำไมผมจะไม่รู้ ก็แค่ล้างออกแล้วก็ต่อกันได้” ว่าแล้วมือหนาก็ยื่นไปเปิดลิ้นชักหยิบอะไรบางอย่างออกมา “คุณไม่ต้องกลัวหรอก..เพราะผมมีไอ้นี่”
“ถุงยางอนามัย?!” รู้สึกว่าเขาจะพร้อมทุกอย่างเลยนะ “คุณเป็นผู้ชายคุณไม่รู้หรอกว่าการมีรอบเดือนมันหงุดหงิดแค่ไหน แล้วคุณยังจะเอาไอ้นั่นมาทิ่มฉันอีกเหรอ” เหอะ..เราพูดอะไรออกไปวะเนี่ย แต่ก็ช่างเถอะได้พูดไปแล้วนี่
เมื่อเธอยังไม่พร้อมที่จะเป็นของเขา พร้อมรบก็ไม่คิดจะบังคับ เขาก็เลยยอมปล่อยเธอกลับไปก่อน
[บริษัทเสรีวิวัฒน์]
“เธอช่วยแต่งตัวมาทำงานเหมือนพนักงานคนอื่นหน่อยได้ไหม” เกตุแก้วเรียกคะนึงหามาตำหนิ เมื่อเห็นว่าวันนี้เธอก็แต่งตัวล่อแหลมเหมือนเช่นเคย
“ทำไมคะบริษัทนี้ห้ามเรื่องการแต่งตัวเหรอคะ” เธอก็เห็นพนักงานหลายคนถึงแม้จะมียูนิฟอร์ม แต่ก็พยายามดัดแปลงให้สั้นมาก
“คนอื่นเขาทำงานที่นี่มานานแล้ว ส่วนเธอยังไม่ถึงอาทิตย์เลยด้วยมั้ง”
“มีอะไรเหรอครับคุณเกตุแก้ว” ต้นสนซึ่งเดินตามเจ้านายมาได้หยุดแล้วเอ่ยถาม ส่วนเจ้านายเดินเข้าไปในห้องทำงานแบบไม่สนใจ
“ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะคุณต้นสน แค่อบรมพนักงานใหม่ค่ะ”
“คุณคะนึงหาครับช่วยเอากาแฟเข้าไปให้บอสหน่อยนะครับ”
“ค่ะ”
“กาแฟของบอสคือกาแฟดำนะครับ” ในขณะที่ต้นสนเปิดประตูเข้าไปก็ได้หันกลับมาเมื่อนึกอะไรได้ เพราะกลัวว่าเธอจะชงเหมือนวันที่อยู่ในห้องประชุม
“ยืนทำอะไรอยู่ รีบไปจัดเตรียมกาแฟให้บอสสิ”
“ค่ะ” ที่เธอยังไม่ไป ก็เพราะรออยู่ว่าเกตุแก้วจะอบรมต่ออีกไหม
กาแฟแก้วนั้นได้ถูกนำเข้ามาบริการในห้องของท่านประธาน พอเธอวางมันลงต้นสนถึงกับทำหน้าไม่พอใจ
“ผมบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าบอสดื่มกาแฟดำ”
“กาแฟดำมันจะไปอร่อยอะไรคะ มันต้องมีการเพิ่มความหวานหน่อยสิ” มือเรียวยื่นไปลูบไล้ไหล่กว้างของคนที่นั่งอยู่เก้าอี้ประจำตำแหน่ง
“อุ๊ย!” หญิงสาวตกใจที่ถูกผู้ชายคนที่เธอกำลังลูบไล้อยู่กระชากตัวให้มานั่งลงที่ตัก “อี๊ดด” เขาไม่ได้ทำแค่ดึงตัวเธอให้นั่งลง แต่ใบหน้าของเขายังโน้มเข้ามาใกล้
“เออ..คือ.. ก็เราไม่ได้อยู่ในห้องนี้แค่สองคนนี่คะ” หญิงสาวรีบหาข้ออ้าง เพราะกลัวว่าเขาจะไม่พอใจที่เธอปฏิเสธแล้วปฏิเสธอีก
“ถ้าคุณหมายถึงต้นสน ไม่ต้องกลัวหรอกเขาเป็นแค่ต้นไม้”
“คะ??!” ดวงตากลมโตรีบตวัดมองไปดูคนที่กำลังพูดถึง “เขาเป็นต้นไม้จริงเหรอคะ”
“หึ” พร้อมรบนึกขำกับท่าทางที่เหมือนเธอจะเชื่อคำพูดของเขา
“ให้ผมออกไปก่อนไหมครับ” เห็นแค่สายตาของผู้เป็นนายที่จ้องมองสาวสวยคนนี้ก็รู้แล้วว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เพราะเรื่องแบบนี้ผู้ชายรู้กันดี
“ไม่ต้องหรอก”
“ปล่อยได้แล้วค่ะฉันเข้ามาในนี้นานเกินไปแล้ว” หญิงสาวสังเกตได้ว่าไอ้ที่เธอนั่งทับอยู่มันกำลังขยายตัว ถ้าขืนยังนั่งอยู่แบบนี้ต่อไปเธอคงไม่ปลอดภัยแน่
“อีกสองชั่วโมงไปเจอกันที่รถ” เขาปล่อยมือที่โอบรัดร่างของเธอออก
“เราจะไปไหนกันเหรอคะ”
“ก็ไปดูบ้าน ไปดูรถ หรือคุณอยากได้คอนโดหลังที่ค้างเมื่อคืนนี้ล่ะ”
ทุ่มจังเลยนะพ่อ “,,เออ ฉันขับรถไม่เป็นค่ะ ซื้อมาก็คงได้แค่เอามานั่งมอง” อันนี้เธอพูดเรื่องจริง เพราะที่บ้านไม่มีรถให้ขับ
“ถ้างั้นก็ไปดูบ้านก่อนว่าชอบไหม ถ้าไม่ชอบจะได้เปลี่ยนหลังใหม่ให้”
“เรื่องบ้านก็เหมือนกัน ตอนนี้ฉันพักอยู่คอนโดกับเพื่อนที่บริษัทนี้ ถ้าย้ายออกไปเพื่อนต้องสงสัยแน่”
“ก็ไม่เป็นไรไปซื้อไว้ก่อนเดี๋ยวโครงการเต็ม”
ต้นสนแอบสังเกตคำพูดคำจาของผู้เป็นนาย เขาไม่เคยมีความอดทนกับใครมากขนาดนี้มาก่อน ทั้งๆ ที่ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะไม่จริงจัง แถมปฏิเสธตลอดเวลาด้วย
“ค่ะ” ที่เธอไม่อยากจะออกไปข้างนอกกับเขา เพราะไม่อยากเปิดโอกาสให้เขาตอนอยู่นอกบริษัท ถ้าไม่งั้นเธอคงไม่ปลอดภัยแน่
ตอนที่เดินออกมาจากห้องของท่านประธานทุกคนที่อยู่ด้านนอกต่างก็มองมาด้วยสายตาที่ดูจะไม่เป็นมิตรเลย
สองชั่วโมงผ่านไป
“คุณคะนึงหาครับ มายกของลงไปข้างล่างช่วยผมหน่อยครับ” คนที่เรียกก็คือต้นสน
“ค่ะ” ใช้แผนนี้กันเลยเหรอ ถ้ากลัวคนรู้มากขนาดนี้แล้วจะทำทำไม ถึงแม้ในใจคิดตำหนิแต่เธอก็ต้องได้ทำตาม และบรรดาเลขาต่างก็พูดอะไรไม่ได้ เพราะคนที่ใช้ก็คือผู้ช่วยท่านประธาน
พอหญิงสาวเอาของลงไปช่วยต้นสนได้เพียงไม่นาน พร้อมรบก็ตามลงไป เขาเดินไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ ซึ่งมีเธอนั่งอยู่ในนั้นด้วย
“จอด” ขับรถออกมาจนถึงถนนด้านหน้า ชายหนุ่มก็สั่งให้ต้นสนหยุดรถ
“มีอะไรครับบอส”
“ตกลงธอเป็นผู้หญิงของฉันหรือผู้หญิงของนาย” เขาหันไปพูดกับลูกน้องคนสนิท
“ผู้หญิงของบอสครับ”
“แล้วทำไมไปนั่งหน้ากับนาย”
“งานเข้าแล้วไหมล่ะ” ต้นสนไม่คิดว่าเจ้านายจะคิดเล็กคิดน้อยแบบนี้ เพราะท่านไม่เคยเป็น
“เชิญคุณไปนั่งข้างหลังดีกว่าครับ”
คะนึงหาจำเป็นต้องได้ทำตาม เพียงไม่นานเธอก็มานั่งเคียงข้างคนที่อยู่ด้านหลัง
ต้นสนแอบมองกระจกเพื่อส่องดูใบหน้าของผู้เป็นนาย เพราะทำงานกับเขามาก็นานหลายปีแล้ว แต่ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้เลย
“คุณพาฉันมาผิดที่หรือเปล่าคะ” หญิงสาวมองดูบ้านหลังใหญ่ในโครงการวิลล่า
“ไม่ผิดหรอก โครงการนี้เหลือบ้านอยู่ห้าหลัง ผมจองไว้หมดแล้ว เผื่อให้คุณเลือกว่าอยากจะได้หลังไหน”
“คะ?! คุณซื้อบ้านห้าหลังไว้เผื่อให้ฉันเลือกเนี่ยนะคะ?”
“ทำไม..น้อยไปเหรอ”
คะนึงหาได้ยินคำถามนั้นเธอไม่ได้มองหน้าเขา แต่หญิงสาวมองไปกระจกด้านหน้าเพื่อมองดูหน้าตัวเอง เธอสวยขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมเขาถึงยอมเสียเงินกับเธอมากขนาดนี้
พอได้บ้านแล้ว พร้อมรบก็พาเธอมาที่โชว์รูม
“ฉันบอกแล้วไงคะว่าฉันขับรถไม่เป็น”
“ขับไม่เป็นก็หัดได้”
“คุณพูดเหมือนกับว่ามันหัดขับได้ง่ายๆ อย่างนั้นแหละ”
“ไม่มีใครเขาขับเป็นตั้งแต่อยู่ในท้องหรอก อยากได้คันไหนไปเลือกเอา”
คนที่พาเธอลงมาดูรถก็คือต้นสน แม้แต่ดูบ้านเขาก็ไม่ลงจากรถ เพราะเขาคงกลัวคนจะเห็น แล้วคาบข่าวไปบอกแฟนหรือเปล่าอันนี้เธอได้แต่คิดอยู่ในใจ
หญิงสาวเลือกรถคันที่แพงที่สุด พอได้ทุกอย่างครบ เขาก็พาเธอกลับมาที่คอนโด
“ทำไมเราไม่กลับบริษัทล่ะคะ”
“วันนี้ไม่เข้าแล้ว”
“ถ้าฉันไม่กลับไป พี่ๆ เลขาของคุณ ต้องเล่นงานฉันแน่เลย” เรื่องนั้นคะนึงหาไม่ได้กลัวเลย แต่เธอกลัวว่าจะได้ขึ้นคอนโดกับเขามากกว่า
“ไม่ต้องกลัวหรอกเดี๋ยวให้ต้นสนจัดการให้”
คะนึงหาจำเป็นต้องได้ตามเขาขึ้นมาข้างบน ส่วนต้นสนถูกสั่งให้กลับไปที่บริษัท
“เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเข้าไปอาบน้ำพร้อมกัน” ชายหนุ่มเดินไปหยิบเอาผ้าเช็ดตัวที่อยู่ในตู้ออกมาส่งให้กับเธอ
“คะ?!”
“ยังเป็นรอบเดือนอยู่ไม่ใช่เหรอ ถ้าทำอะไรในห้องน้ำก็คงจะสะดวกกว่า”
น้ำตาค่อยๆ คลอออกจากเบ้า เมื่อเห็นหน้าหลานชายคนแรก นางเป็นได้ทั้งย่าและยายของเด็กคนนี้ พ่อของเด็กก็คือลูกชายที่นางเลี้ยงมา และแม่ของเด็กก็คือลูกสาวแท้ๆ ของนางเอก"ยังเจ็บอยู่ไหมลูก""ไม่เจ็บแล้วค่ะ" คนึงหารู้ซึ้งก็วันนี้ ตอนที่อยู่ในห้องคลอด ถึงแม้ว่าจะกุมมือสามีไว้ แต่ขณะที่เจ็บมากๆ ก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงแม่ ถึงแม้แม่จะคลอดแล้วทิ้งเธอไป แต่แม่ก็คงทรมานไม่ต่างกัน ในระหว่างที่อุ้มท้องและเบ่งคลอด"คุณได้ชื่อหลานหรือยังล่ะ" วิวัฒน์ถามภรรยาเก่าที่เอาแต่เช็ดน้ำตา ทั้งสองยังพูดคุยกันตลอดมา แต่จะคุยแค่เรื่องลูกและหลาน เพราะความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาได้ขาดสะบั้นไปแล้ว"จะให้ฉันตั้งชื่อเหรอคะ""ใช่ครับคุณแม่" คนที่ตอบก็คือพร้อมรบ "คนึงบอกว่าจะรอให้แม่เป็นคนตั้งชื่อหลานให้" ในขณะที่พูดมือหนาของสามีก็กุมมือภรรยาไว้ตลอดเวลาคณิตมองดูลูกสาวที่นอนอยู่บนเตียงแล้วส่งยิ้มให้ทั้งน้ำตา"ยายบอกว่า ชื่อคนึงหา เป็นชื่อที่แม่ตั้งไว้ให้ค่ะ" คนึงหาเอ่ยพูดกับแม่เบาๆ ..ถึงแม้ชื่อนี้มันจะดูเศร้า แต่มันก็เป็นสิ่งเดียวที่เธอรู้สึกผูกพันกับแม่มาก หญิงสาวคิดว่าแม่อาจจะตั้งคล้องจองกับชื่อของท่านที่ชื่อคณิตแต่จริงๆ แล้ว
สองวันผ่านไป.. ก่อนที่จะกลับคนึงหาพาแม่มาไหว้ยายกับพ่อ ที่จริงคณิตก็มาไหว้ตั้งแต่วันถัดมาที่มาถึงแล้ว และนางก็มาทุกวัน ถึงแม้จะคิดได้ก็สายไปแล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ คณิตได้แต่สาบานกับตัวเองไว้ว่าจะไม่ทำตัวเหมือนแต่ก่อน โชคดีเท่าไรแล้วที่นางยังมีโอกาสได้กลับตัว ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายมากไปกว่านี้"คุณพ่อกับคุณยายต้องเข้าใจแน่ค่ะ คุณแม่อย่าคิดมากนะคะ"หึ..คณิตได้แต่ขำในใจ นางอายุขนาดนี้แล้ว ยังต้องให้ลูกเป็นคนคอยสอน เกิดมานางเคยมีดีอะไรบ้าง และนางก็ไม่คิดว่าลูกสาวที่นางทิ้งไป จะเป็นคนดีและกตัญญูได้ถึงเพียงนี้ ..ขอบคุณนะคะแม่ที่เลี้ยงคนึงหามาได้ดีขนาดนี้"ไปกันค่ะแม่" ก่อนที่จะเดินออกมาคนึงหาก็ได้หันไปคุยกับยายและพ่อว่าถ้ามีโอกาสจะพาแม่มาหาพวกท่านอีกพอทุกคนเสร็จธุระก็ออกมาที่รถตู้คันหรู ซึ่งมีต้นสนทำหน้าที่เป็นคนขับ[กรุงเทพฯ] ขับรถอยู่หลายชั่วโมงก็ได้มาถึงที่วิลล่าพอมาถึงก็เห็นลูกหว้าเตรียมของรอรับแม่กับพี่สาวและพี่ชายไว้แล้ว เพราะเธอติดต่อกับคนึงหาตลอดเวลา"คิดถึงคุณแม่จังเลยค่ะ" หญิงสาวเดินเข้าไปโอบกอดแม่ไว้ คนึงหาแอบมองที่น้องกับแม่กอดกัน เพราะลูกหว้าได้รับความอบอุ่นจากแม่แบบนี้เสมอ
ดวงตางามหลบสายตาคมที่มองแบบมีเลศนัย "คุณจะสอนยังไง" ลูกหว้าไม่ใช่คนที่ใฝ่หาเรื่องพวกนี้ ก็เลยไม่รู้ว่าถ้าจะช่วยผู้ชายต้องทำยังไง"ใช้ปาก"ยิ่งได้ยินคำพูดแบบนี้เธอก็ยิ่งอายไปกันใหญ่ ก็รู้แหละว่าการใช้ปากคือเอาไอ้นั่นเข้ามาในปากของตัวเอง เหมือนกับที่เขาใช้ลิ้นให้เธอ "เออ""ถ้าไม่ ก็ไม่เป็นไรนะครับ" โลกันตร์ไม่คิดจะบังคับเธออยู่แล้ว เพราะมันเป็นอะไรที่บางคนอาจจะรับไม่ได้หญิงสาวพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อเป็นการตอบว่าจะช่วยเขา ..เห็นเท่านั้นแหละ โลกันตร์รีบคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไปเพื่อทำความสะอาด เพราะทำงานมาทั้งวันชายหนุ่มใช้เวลาอาบน้ำอยู่เพียงไม่นานก็ออกมา ส่วนหญิงสาวที่นั่งอยู่ปลายเตียงถึงกับหน้าแดงก่ำ เมื่อเห็นเจ้ามังกรลำใหญ่มือแกร่งเอื้อมไปจับมือเรียวของเธอให้ขึ้นมาสัมผัสกับท่อนเอ็นอุ่น เขาใช้อุ้งมือของเธอเพื่อรูดมันขึ้นลง เพื่อให้เธอชินมือก่อน"ไม่ต้องอายผมนะ เราแต่งงานกันแล้ว" เห็นเธอหน้าแดงก็อดเอ็นดูไม่ได้ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาแบบนั้น เพราะเขาเริ่มเสียวซ่านเมื่อถูกมือเรียวกำแน่นขึ้นลูกหว้าเผยอปากขึ้นเมื่อเจ้าของท่อนเอ็นขยับมันเข้ามาใกล้แบบไม่ต้องให้บอก"อ๊าา เสียวจัง" เข้าไปได้แ
"แต่ลูกหว้า.." เธอเป็นลูกผู้หญิงที่คิดจะฆ่าท่าน แถมไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของท่านอีก แล้วเธอจะกล้ากลับไปได้ยังไง"ลูกจะทิ้งตาแก่ไว้ที่บ้านแบบนั้นคนเดียวได้ลงคอเหรอ""คะ?" ลูกหว้าไม่สามารถที่จะกลั้นน้ำตาไว้ได้ ทำไมท่านช่างดีกับเธอนัก ทั้งที่รู้ว่าเธอไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่ท่านก็ยังไม่เคยทำร้ายจิตใจของเธอเลยแม้แต่นิด"กลับบ้านเรานะลูก""ค่ะ คุณพ่อ" หญิงสาวโผล่เข้าไปกอดชายสูงวัยที่เลี้ยงเธอมาตั้งแต่คลอด ลูกหว้าไม่อยากรู้เลยด้วยซ้ำว่าใครเป็นพ่อแท้ๆ ของเธอ ขอแค่มีท่านคนเดียวก็พอแล้วเย็นวันเดียวกัน.. ที่คฤหาสน์เสรีวิวัฒน์ชายหนุ่มได้แต่ยืนมองคฤหาสน์หลังใหญ่ ที่ครั้งหนึ่งแม่ของเขาเคยอยู่ที่นี่ แต่ต้องหอบลูกในท้องออกจากบ้านของสามีไป เพราะความไม่รู้จักพอ ของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อ"เข้าบ้านกันค่ะ" มือเรียวเอื้อมไปกุมมือของสามีแล้วพูดกับเขาเบาๆ และมันก็ทำให้โลกันตร์ตื่นจากภวังค์ที่กำลังคิดอยู่คนร่างหนาเดินตามหญิงสาวตัวเล็กๆ ที่จูงแขนของเขาให้เดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่"ยินดีต้อนรับกลับบ้านทั้งสองคนเลยนะลูก" คนหนึ่งลูกชายในไส้ อีกคนลูกสาวที่เลี้ยงมากับมือ ไม่รู้ว่าจะเป็นความโชคดีหรือโชคร้ายกับสิ่งที่พบ
คนึงหาโทรกลับไปหารัตนาเพื่อวานให้ทำความสะอาดบ้านไว้รอ เพราะเธอจะพาแม่กลับไปส่วนพร้อมรบไม่ทิ้งให้พวกเธอกลับไปเพียงลำพังแน่ เขาก็เลยให้โลกันตร์อยู่ดูงานช่วยพ่อไปก่อนส่วนลูกหว้าอยากจะไปกับแม่และพี่สาว แต่ถ้าเธอไป สามีก็จะตามไปด้วย ลูกหว้าก็เลยจำเป็นต้องได้อยู่ที่นี่ไปก่อน แล้วค่อยตามไปอีกทีเมื่องานบริษัทเบาลงแล้วต้นสนทำหน้าที่ขับรถตู้คันที่เคยเป็นของคณิตมาก่อน เพราะถ้าเดินทางด้วยรถส่วนตัวก็จะสะดวกหน่อยขับรถอยู่หลายชั่วโมง ก็กลับมาถึงที่หมู่บ้านในช่วงเย็นหลายคนในหมู่บ้านที่ได้ยินข่าวว่าคณิตจะกลับมาต่างก็มารอรับ และทุกคนก็พูดแบบยินดีที่เห็นคณิตกลับมาบ้านเกิด"แม่นอนห้องนี้ได้ไหมคะ"คณิตมองดูบรรยากาศเก่าๆ บ้านหลังเก่า ห้องเก่าที่นางเคยนอนกับสามีพ่อของคนึงหา นางถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่"ไม่เป็นไรนะคะแม่ คนเราไม่จำเป็นต้องดีเสมอไป แต่ขอให้คิดได้ก็พอแล้ว" คนึงหาไม่รู้จะปลอบใจแม่ยังไง กลัวว่าอาการเดิมของแม่จะกลับมา"นอนได้สิจ๊ะ แต่ก่อนแม่ก็เคยนอนที่นี่แหละ"ในระหว่างที่ทั้งสองคุยกันอยู่ในห้อง ด้านนอกก็กำลังคุยเช่นกัน..."ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะพี่ต้น" จะไม่ให้ทักก็คงไม่ได้ แต่รัตนาก็รู้แล
"คุณแม่คะ" ลูกหว้าหันมองตามสายตาของโลกันตร์ไป ก็เห็นว่าเขากำลังมองแม่ของเธออยู่"ผมไปนะ" คำพูดนี้โลกันตร์พูดกับภรรยาก่อนที่จะหันหลังให้ ทำไมเขาถึงทำไม่ได้ เขาเองไม่ใช่เหรอที่เป็นคนพูดว่ามันคงเป็นเวรกรรมที่พวกท่านทำร่วมกันมา พอคิดได้แค่นั้น ชายหนุ่มร่างสูงก็ค่อยๆ หันกลับมาอีกครั้ง และสายตานั้นก็หันมองเห็นเธอกำลังเช็ดน้ำตาอยู่พอดี"คุณร้องไห้ทำไม"ลูกหว้าไม่ได้ขอร้องให้เขาหยุด เพราะคงไม่กล้าไปขอร้องเขาอภัยให้แม่ของเธอได้ ท่านทำกับครอบครัวของเขาไว้มากมายเหลือเกินชายหนุ่มรีบเดินกลับมาหาภรรยา มือหนาเอื้อมไปโอบเธอเข้ามาแนบอกตัวเองไว้"ไม่ร้องนะครับ"ที่ลูกหว้าร้องไห้เพราะไม่คิดว่าเขาจะหันกลับมา แต่พอเห็นเขาเดินกลับมาปลอบ มันยิ่งทำให้เธอเชื่อว่าผู้ชายคนนี้แคร์เธอมาก"แม่ขอคุยกับคุณโลกันตร์หน่อยได้ไหม""เอาไว้คุยวันหลังแล้วกันครับ" โลกันตร์พูดโดยที่ไม่หันไปมองนางเลยด้วยซ้ำ"แม่จะรอนะ""ไปพักดีกว่า" โลกันตร์มองต่ำลงมาพูดกับคนที่เขากำลังกอดอยู่ โดยที่ไม่สนใจประโยคนั้นของแม่เธอเลย"ไหนคุณบอกว่าจะกลับไปบริษัทไงคะ""ไม่กลับไปแล้ว" เรื่องงานเขาไม่ได้เป็นห่วงเลย สิ่งที่เป็นห่วงก็คือเธอกับลูกลูกหว้