ติ๊ด! ติ๊ด! เสียงสมาร์ทโฟนดังขึ้น
“ค่ะ ลุงอดัม”
“คุณหนูยังไม่กลับเข้าบ้านอีกหรือครับ”
“อีกสองชั่วโมงเดี๋ยวกลับ บอกพี่ลูคัสด้วยแล้วกันค่ะคุณลุง”
ไรลีย์เหลือบมองบุรุษผู้หนึ่งที่เธอได้ช่วยเหลือไว้ เขายังคงไม่ได้สติ นอนบนโซฟาภายในร้านของเธอ เธอได้ปฐมพยาบาลเขาเบื้องต้นแล้ว และกำลังรอดูอาการของเขา ถ้าเขาไม่ตื่น เธอก็ยังกลับบ้านไม่ได้
“แต่นี่เวลาเย็นแล้วนะครับคุณหนู คุณลูคัสโทรมาที่บ้าน ถามถึงคุณหนูสองรอบแล้วนะครับ”
“อีกสองชั่วโมงค่ะ ถ้าพี่ลูคัสโทรมาอีก ก็บอกไปอย่างนี้ค่ะ คือพอดีไรลีย์ติดธุระกับเพื่อนอยู่ค่ะ ลุงอดัมไม่ต้องเป็นห่วงไรลีย์ค่ะ”
“ครับ งั้น อีกสองชั่วโมงคุณหนูคงกลับมาที่บ้านนะครับ ถ้าไม่กลับมา คุณลูคัสอาจต้องให้คนไปตามคุณหนูแน่นอนครับ”
“โอเคค่ะ ตามนั้นค่ะคุณลุง”
“ครับ”
ตู๊ด! ตู๊ด! ปลายสายสนทนาถูกตัดไป ไรลีย์หันไปมองชายนิรนามที่นอนบนโซฟา ลมหายใจของเขายังคงสม่ำเสมอ เขาเป็นใครกันนะ ทำไมต้องมาหมดสติอยู่ตรงร้านของเธอ
“คุณ คุณ...” ไรลีย์ตัดสินใจเรียกเขา ขืนปล่อยให้เขานอนอยู่แบบนี้ล่ะก็ ไรลีย์คงไม่ได้กลับบ้านอย่างแน่นอน และถ้าเป็นเช่นนั้นพี่ลูคัสก็จะต้องส่งคนมาตาม และเขาอาจจะได้รับอันตรายเพราะเธอเป็นแน่
“เฮ้ คุณ คุณคะ คุณ...” ไรลีย์สะกิดไปที่แขนของเขา
“อืม...” เสียงพึมพำดังขึ้น เหมือนอีกฝ่ายเริ่มที่จะรู้สึกตัวแล้ว ไรลีย์มองใบหน้าคมคายของชายนิรนาม สันนิฐานว่า ชายคนนี้น่าจะเป็นคนแถบเอเชียอย่างแน่นอน
“คุณ”
“อืม คะ-ครับ” ปากขานรับเป็นภาษาไทยตามสัญชาตญานเมื่อมีคนเรียก เปลือกตาของเขาค่อยๆ เปิดออกเมื่อรู้สึกตัว เหมือนถูกใครเรียกจากที่ไหนสักแห่ง ร่างกายของเขาร้าวระบมไปหมด เขาปวดหนึบไปทั่วทั้งศีรษะราวกับโดนของแข็งทุบอย่างแรง
“คุณ ตื่นเถอะ” ไรลีย์เขย่าไปที่แขนเขาอีกครั้ง
“ครับ” ชายหนุ่มค่อยๆ พยุงตัวเองขึ้นจากโซฟา สายตาของเขาจ้องมองไปยังหญิงต่างชาติคนหนึ่ง ‘นี่ไม่ใช่ความฝัน เธอคนนี้เป็นใครกัน’
“คุณนอนหมดสติตรงข้างๆ ร้านของฉัน และฉันก็เลยพาคุณเข้ามาพักที่นี่” ไรลีย์เปิดสนทนากับเขาทันที
“ขอบคุณครับ” ศรากรขอบคุณหญิงสาวที่มีนัยน์ตาสีฟ้า เธอคงเป็นคนที่ช่วยเขาไว้สินะ
“คุณโอเคแล้วหรือยัง?”
“ก็...โอเคแล้วครับ นี่ผมหลับไปนานหรือเปล่า”
ศรากรมองไปรอบๆ และเขาก็พบว่า ที่นี่น่าจะเป็นร้านขายกาแฟอย่างแน่นอน อุปกรณ์ต่างๆ วางเรียงรายบนเคาน์เตอร์บาร์ แต่ทว่ากลับไม่มีพนักงานเลย มีแต่เธอคนนี้คนเดียว
“นานแล้วค่ะ แล้วคุณทำไมถึงมาหมดสติตรงนี้คะ ฉันดูเอกสารในตัวคุณก็ไม่เจออะไรเลย จะพาคุณไปหาหมอ ฉันก็พาคุณไปไม่ได้ ก็เลยพาคุณเข้ามานอนในร้านนี่แหละค่ะ”
“ขอบคุณครับ ผมเป็นคนไทยครับ ผมมาตามหาพ่อของผมที่นี่ แล้วโดนโจรขโมยกระเป๋าและของมีค่าไปจนหมดครับ ไม่เหลือแม้กระทั่งโทรศัพท์ครับ”
“พระเจ้า! แล้วคุณแจ้งตำรวจหรือยังคะ นี่ผ่านมากี่วันแล้วคะ ติดต่อสถานทูตประเทศไทยหรือยัง”
“แจ้งตำรวจแล้วครับ แต่ว่าสถานทูตผมยังไม่ได้ไปครับ ตอนแรกผมคิดว่าจะตามไอ่พวกโจรนั่นด้วยตัวเอง เพราะตำรวจยังไม่มีความคืบหน้าเลยครับ อืม มันคงเป็นเพราะความประมาทของผมเองแหละครับ”
“ทำไมทางตำรวจถึงไม่ช่วยคุณค่ะ ฉันหมายถึง ทำไมตำรวจถึงไม่ติดต่อสถานทูตให้คุณคะ”
“ผมเองครับ ที่ยังไม่ให้ตำรวจทำแบบนั้น”
เหตุผลของศรากรก็คือ เขาไม่รู้ว่าพ่อของเขามาทำอะไรที่ลาสเวกัสกันแน่ แต่จากข้อสันนิฐานและข้อมูลที่เขาได้จากแม่นั้น มันส่อไปในทางที่ผิดกฎหมายอย่างแน่นอน ศรากรก็เลยไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นข่าว เขากลัวว่าอาจจะเกิดผลกระทบกับพ่อเขาก็เป็นได้
“แล้วนี่คุณจะทำยังไงต่อคะ”
“ผมยังไม่รู้เลยครับ ไม่มีเงิน ไม่มีอะไรสักอย่างเลยครับ”
“งั้น เดี๋ยวฉันจะช่วยคุณเองค่ะ คุณต้องการอะไรบ้างคะ เงิน ที่พัก หรือความช่วยเหลืออย่างอื่น”
“คุณไม่กลัวผมเหรอครับ”
ศรากรจ้องไปที่ดวงหน้าเนียนของหญิงสาวชาวอเมริกัน หนึ่งในร้อยเท่านั้นที่จะเจอคนใจดีแบบนี้
“แล้วคุณจะทำอะไรฉันหรือเปล่าคะ ฉันช่วยคุณนี่ แต่ว่าถ้าคุณรู้ว่าฉันเป็นใคร คุณจะไม่ทำแน่นอน”
“ผมแค่สงสัยครับ ทำไมคุณถึงไว้ใจคนแปลกหน้าง่ายจัง”
“ถ้าฉันเป็นอะไรไป ไม่เกินหนึ่งชั่วโมง พี่ชายฉันก็จะจัดการทุกอย่างเรียบร้อย”
ไรลีย์เคยเจอเหตุการณ์ที่เพื่อนชายของเธอ พาเธอไปเที่ยวนอกเมือง หายไม่ยังไม่ถึงสองชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ พี่ชายทั้งสองก็ตามไล่ล่าจนเจอตัวเธอ และคงไม่ต้องพูดถึงเพื่อนของเธอเลย รายนั้นเจ็บหนักปางตาย จากนั้นมาเธอไม่กล้าที่จะไปไหนกับใครอีกเลย
“งั้น ก็แสดงว่าคุณเป็นน้องสาวของผู้มีอิทธิพลน่ะสิครับ”
“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ อืม ตกลงคุณจะทำยังไงต่อไปคะ เรื่องที่ฉันจะช่วยเหลือคุณ ฉันยินดีนะ ถ้าคุณไม่สบายใจเรื่องเงิน ฉันจะให้คุณยืมก็ได้ ถ้าคุณเรียบร้อยเมื่อไหร่ ค่อยมาคืนฉันทีหลังก็ได้”
ไรลีย์ก็ช่วยเหลือผู้คนออกบ่อย ไม่ใช่เขาคนแรก
“ผมคงต้องรับความช่วยเหลือจากคุณจริงแหละครับ เอาเป็นว่าผมขอยืมเงินคุณ และ เอ่อ ถ้าคุณจะให้ได้ ผมขออาศัยอยู่ที่นี่ก่อนได้มั้ยครับ ผมหมายถึงสำหรับคืนนี้น่ะครับ”
“คุณจะอยู่ในร้านของฉันเนี่ยนะ มันไม่มีที่นอนนะ มีแค่โซฟาแค่นั้นเอง คุณจะอยู่ได้เหรอคะ”
“ถ้าคุณสะดวก ผมอยู่ได้ครับ”
“ทำไมคุณไม่ไปพักที่โรงแรมล่ะคะ ฉันไม่ได้หมายถึงว่าจะไม่ให้คุณพักที่นี่นะคะ นอนโซฟามันไม่ได้สบายเลยนะ”
“เงินผมยังต้องขอยืมคุณ ถ้าผมไปพักโรงแรมอีก ผมคงต้องยืมคุณเยอะแน่นอน พักที่นี่จะได้ประหยัดครับ ร้านคุณยังไม่ได้เปิดนี่ครับ”
ศรากรมองไปรอบ ข้าวของส่วนใหญ่ยังใหม่เอี่ยม บางอย่างยังไม่ได้แกะเลยด้วยซ้ำ
“งั้นได้เลยค่ะ ร้านฉันยังไม่มีกำหนดเปิดแน่นอนหรอกค่ะ และไม่รู้ว่าจะได้เปิดหรือเปล่า”
ถ้าพี่เบนจามินคุยกับพี่ลูคัสไม่สำเร็จ เธอเองก็คงไม่ได้เปิดร้านนี้เป็นแน่
“ทำไมเหรอครับ อย่าบอกนะว่าคุณเงินหมด”
“เปล่าค่ะ พี่ชายฉันไม่ให้เปิดน่ะ เขาไม่อยากให้ฉันทำงาน เหตุผลแค่นี้แหละค่ะ”
“อ่อ เหรอครับ ผมว่าคุณเปิดได้แน่นอนครับ ถ้ามันเป็นความฝันและสิ่งที่คุณรัก เชื่อผมเถอะครับ”
“ฉันก็หวังว่ามันคงจะเป็นอย่างนั้นนะ...โอเค ฉันมีเงินสดติดตัวไม่มาก คุณเอาไปแค่นี้ก่อนค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะแวะเข้ามา อยู่ในร้านนี้ได้ตามสบายเลยนะคะ ถ้าคุณอยากจะดื่มกาแฟก็เชิญบริการได้เองเลยนะ ของทุกอย่างพร้อมหมดค่ะ”
“ขอบคุณ...เอ่อ...คุยกันมาตั้งนาน ผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย ผมชื่อ ศรากรครับ เรียกผมว่าไตเติ้ล หรือเติ้ลก็ได้ครับ”
“อุ้ยตายจริง ฉันก็ลืมค่ะ ฉันชื่อไรลีย์ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณเติ้ล เดี๋ยวฉันต้องรีบกลับบ้านแล้วนะคะ ไว้พรุ่งนี้ฉันมาใหม่ค่ะ ฉันไปแล้วนะคะ”
“ครับผม ขอบคุณครับ...คุณไรลีย์”
ศรากรมองหญิงสาวชาวอเมริกันผู้ใจดีเดินจากไป อย่างน้อยบนความโชคร้ายของเขา ก็ยังพอมีความโชคดีอยู่บ้าง วันนี้ขอเขาพักเอาแรงก่อน แล้วพรุ่งนี้เขาจะเริ่มจากโทรหาแม่ แต่ก่อนที่จะโทรเขาก็คงต้องเข้าอินเทอร์เน็ตให้ได้เสียก่อน เขาจำเบอร์ของทุกคนไม่ได้เลย คงต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่แหละนะ ศรากรมองเงินจำนวนปึกหนึ่งที่หญิงสาวคนนั้นทิ้งไว้ให้กับเขา
.....................