“จะให้ข้าคิดอย่างไรเล่าจี้ฮูหยิน ในเมื่อชานั่นก็ของท่าน คนก็ของท่าน จะว่าท่านมิเกี่ยวข้อง แล้วเหตุใดบ่าวของท่าน จึงอาจหาญต่อข้าถึงเพียงนี้เล่า ในเมื่อข้ามิเคยรู้จักกับพวกท่านมาก่อน ข้าหาได้ทำเรื่องหมางใจกับครอบครัวจี้ แต่พอข้าก้าวมานี่งในจวน ยังมิถึงครึ่งชั่วยาม กลับถูกมาดร้ายเช่นนี้ ข้าต้องคิดให้เป็นเยี่ยงไรได้”มู่ไฉอ้าย ชี้แจงให้อีกฝ่ายได้ทบทวน ว่าทุกอย่างนั้น นางยากจะเชื่อได้ เพราะตนเองเป็นเพียงแขกผู้มาเยือน เพียงก้าวเข้าบ้านมานั่ง ชาสักอึกยังไม่ลงท้อง กลับเกือบต้องตายเพราะถูกวางยา เช่นนี้แล้วก็น่าจะพอบอกจุดประสงค์ของเจ้าบ้านได้ดี ว่าจงใจที่จะสังหารนางนั่นเอง“องค์หญิงหม่อมฉันไม่รู้เรื่องนะเจ้าคะ ทุกอย่างเป็นคำสั่งของฮูหยินทั้งสิ้น”สาวใช้ที่ถูกเรียกให้มานวดขา รีบเอ่ยออกมาด้วยความหวาดกลัว นางเพิ่งเข้ามาทำงานในจวนเจ้าเมืองได้ไม่นาน กลับจะต้องมาตายเพียงเพราะถูกสั่งให้ทำร้ายเชื้อพระวงศ์ ไยนางต้องยินยอมที่จะตายด้วยเล่า“นังไพร่ชั้นต่ำ! เจ้ากล้าเยี่ยงไรมาใส่ความข้า”จี้ฮูหยินคิดที่จะพุ่งเข้าหาสาวใช้ตัวน้อย ทว่ากลับต้องหยุดความคิดลง เมื่อปลายกระบี่มาขวางหน้าเอาไว้เสียก่อน เรื่องนี้ต้องร
“คนเราย่อมมีความผิดพลาดกันได้ ข้าเองก็มาโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ก็นับว่าเสียมารยาทอยู่”มู่ไฉอ้าย ตอบกลับอย่างมีมารยาทไม่แพ้กัน ในเมื่อคิดสวมหน้ากากเข้าหานาง ไยนางที่สวมหน้ากากอยู่ก่อนแล้ว จะต้องถอดมันออก เพื่อทำให้เหยื่อตื่นกลัวไปเล่า นางชื่นชอบนัก! คนที่เห็นผู้อื่นโง่เขลาเสมอในสายตามีหรือนางจะมองไม่ออกว่าสามีภรรยาสกุลจี้ กำลังมองว่านางเป็นสตรีที่ใช้เพียงอำนาจ แต่มิได้ฉลาดมากพอจะมองคนออก เพียงเพราะนางอ่อนวัยกว่า ประหนึ่งทารกยังไม่หย่านม ในสายตาของผัวเมียคู่นี้ พากันแสร้งกลัวนางแค่บางเรื่องเท่านั้น แต่ลับหลังก็พร้อมที่จะพิฆาตนางเสียให้ตายคามือ นี่คือความน่าตื่นเต้น ที่นางชื่นชอบสำหรับการออกล่า “ชามาแล้วเพคะ”สาวใช้ของจี้ฮูหยิน ยกชาถ้วยใหม่เข้ามา ก่อนจะหยุดอยู่ต่อหน้าของชายหนุ่ม เพื่อให้เขาตรวจความเรียบร้อย แน่นอนว่าการยืนนิ่งเฉยของเขา ทำให้สาวใช้ผู้มากวัยกว่าคนแรก กระหยิ่มอยู่ในใจ มีหรือนางจะมองไม่ออก ว่าถ้ามีครั้งแรก ที่เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้น คนพวกนี้จะมั่นใจ ว่าย่อมไม่เกิดซ้ำเป็นครั้งที่สอง เพราะคิดว่าผู้ลงมือต้องไม่กล้าทำอีก“ส่งมานี่เถอะ”มู่ไฉอ้ายเดาสายตาของสาวใช้ผู้นี้ออก นางจึง
“ข้าไม่ชอบเสียเวลา กับเรื่องไร้สาระนี้หรอกนะ”มู่ไฉอ้าย จงใจให้ชายชรา คิดไปว่านางกับสามี หาได้ลงรอยกันไม่ เพื่อถ่วงเวลาให้คนของนาง ที่เข้ามาในจวนก่อนหน้านี้แล้ว มันก็เป็นเพียงการเดินหมาก ที่ยอมเสียเบี้ย ให้ตนเองเป็นรองสักหน่อย ค่อยกวาดเรียบในคราเดียวกลยุทธนี้มิใช่ว่านางเก่งกาจในเวลาสั้นๆ แต่นางฝึกฝนร่ำเรียนมาตั้งแต่จำความได้ ด้วยฐานะของบุตรสาวฮ่องเต้ ต้องสามารถแบ่งเบาภาระของพ่อแม่ได้ จึงจะคู่ควรยืนให้ผู้อื่นก้มหัวให้“ท่านพี่”เสียงเรียกท่านเจ้าเมืองจากหน้าประตู ทำให้องค์หญิงมู่ไฉอ้าย ทำเพียงชำเลืองมองด้วยหางตาเท่านั้น ทว่าใบหน้างามเฉิดฉายยังคงเชิดสูงแต่พองาม อย่างผู้มีอำนาจมาแต่กำเนิด“เจ้ามาแล้วหรือ องค์หญิงทรงเสด็จมาเยือน เจ้ามานั่งสนทนากับพระนางรอข้าสักครู่เถิด”เมื่อภรรยามาถึงแล้ว ท่านเจ้าเมืองจึงหาหนทาง ที่จะออกไปจัดการเรื่องบางอย่าง ก่อนที่จะเกิดความเสียหายใหญ่หลวงไปกว่านี้ ทว่าครานี้มู่ไฉอ้ายไม่คิดทัดทานใดๆ เพราะคนของนาง ที่ยืนเฝ้ายามอยู่ด้านนอก ส่งสัญญาณมาแล้ว ว่าคนของนางที่เขามาก่อนหน้า ได้พบสิ่งที่ต้องการแล้ว“เยี่ยอิ๋นเชียว ถวายพระพรองค์หญิงเพคะ”ภรรยาท่านเจ้าเมืองเหนือ ไ
“หลานสาวกระหม่อม หาได้คิดเช่นนั้นแม้แต่น้อยพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงกับราชบุตรเขย คงเข้าใจนางผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ท่านเจ้าเมือง ยังคงแก้ตัวให้แก่หลานสาว ด้วยเขารักและถนอมนางมาตั้งแต่นางยังเป็นทารก และนางคือตัวเชื่อมสัมพันธ์ในภายหน้า กับสกุลที่จะผลักดันให้ครอบครัวของเขารุ่งโรจน์ ทว่าใบหน้าของนางในตอนนี้ เรียกว่าเสียหายไปมากทีเดียว แล้วแบบนี้ยังจะให้เขาไม่แค้นเคืองคนลงมืออยู่อีกหรือ“ท่านคือลุงหลาน ย่อมรู้ใจกันดีเป็นธรรมดา แต่ท่านก็ควรสอนนาง ให้รู้ว่าสิ่งใดเหมาะสมหรือไม่ เป็นอย่างที่องครักษ์ของข้ากล่าวมา หากนางพูดจาเยี่ยงนี้กับเชื้อพระวงศ์คนอื่นๆ ที่มียศสูงกว่าข้า หรือต่ำกว่าข้าเพียงเล็กน้อย ในเขตวังหลวง หรือแม้แต่เมืองหลวงเองก็ตาม ท่านคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนาง และต่อให้นางคือบุตรสาวขุนนางใหญ่ ก็ใช่จะทำได้ตามอำเภอใจแม้โทษตายอาจละเว้นได้ แต่โทษอื่นนั้นย่อมอยากหลีกเลี่ยง และมันจะหนักกว่าที่นางได้รับในตอนนี้ อีกหลายเท่าตัวทีเดียว ขนาดตัวข้าที่เป็นถึงองค์หญิง ยังมิอาจกระทำเรื่องไร้มารยาท ต่อผู้ที่มีศักดิ์สูงกว่า หรือแม้แต่เท่าเทียม มิเว้นแม้กระทั้งผู้อื่นโดยทั่วไป หากข้าเสียมารยาทด้วย ฮ่องเต้ก็ลง
จวนเจ้าเมืองแดนเหนือ จี้ถิง รถม้าได้มาหยุดยังหน้าประตู ผู้ที่ก้าวลงมาเป็นสาวใช้ขององค์หญิง ก่อนที่หญิงสาวจะมองไปยังรถม้าอีกคัน ซึ่งเวลานี้ทหารได้นำร่างบอบบาง ของคุณหนูจี้ลงมา โดยที่ทหารสองนาย ยังคงประคองแขนสองข้างของจี้ผิง ในลักษณ์หิ้วปีก หาได้ถนอมนางอย่างที่บุรุษ ควรถนอมสตรีแม้แต่น้อย “ดูท่าจวนอันใหญ่โตนี้ จะถูกสร้างไว้เป็นส่วนตัวมิน้อยเลย” มู่ไฉอ้ายที่ก้าวลงมายืนข้างสาวใช้เอ่ยขึ้น เพราะตลอดสองข้างทางที่รถม้าผ่านเข้ามาตามถนน ไร้ซึ่งบ้านเรือนของชาวบ้านอื่นใดเลย หากจะกล่าวว่าถนนทั้งเส้นเป็นของท่านเจ้าเมืองก็ไม่ผิด ดูท่าเงินเดือนอันน้อยนิดของเขา มันงอกขึ้นมาใหม่ด้วยกระมัง “คุณหนู!” เพียงประตูจวนเปิด ก็ได้มีบ่าวชายวิ่งถลาออกมา ก่อนที่ร่างชรานั้น จะรีบมุ่งไปที่สาวน้อย ที่ถูกหิ้วปีกอยู่ ตุบ! แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ถึงตัวหญิงสาว ทหารทั้งสองนาย เลือกที่จะปล่อยมือทันที ทำให้ร่างนั้นฟุบลงกับพื้นอันเย็นเยียบ เพิ่มความเจ็บร้าวให้แก่หญิงสาวขึ้นไปอีก นับเท่าทวีคูณ เพราะมันคือส่วนใบหน้าของนาง ที่กระแทกกับพื้นหิน “คุณหนูเป็นอันใดไปขอรับ พวกเจ้าบังอ
“เช่นนั้นข้าต้องขอบใจ สำหรับน้ำใจที่คุณหนูจี้ และท่านเจ้าเมืองมอบให้แก่สามีของข้า ส่วนเรื่องที่ท่านพี่จะไปไหนหรือไม่ ข้ามิอาจตัดสินใจแทนได้” มู่ไฉอ้ายเอ่ยกับจี้ผิง ด้วยน้ำเสียงอ่อนละมุน ไร้ซึ่งความหยิ่งยโสเช่นชาติกำเนิดอันสูงส่ง นางเชื่อมั่นในสามี จึงไม่จำเป็นต้องแสดงความหึงหวง หรือถ้าเขาจะปันใจ นางก็แค่กลับเข้าวังหลวง ใช้ชีวิตของตนเองให้ดี เท่านี้ก็เพียงพอต่อการได้เกิดมาแล้ว “ท่านราชบุตรเขยว่าอย่างไรเจ้าคะ ท่านลุงจัดเตรียมอาหารขึ้นชื่อของแดนเหนือไว้ด้วยนะเจ้าคะ อีกอย่างคืนนี้มีแขกสำคัญ มาร่วมมื้อค่ำ เพื่อทำความรู้จักกับท่านราชบุตรเขยเจ้าค่ะ” จี้ผิง ไม่ได้คิดที่จะใส่ใจกับคำขอบคุณขององค์หญิง นางยังคงพุ่งเป้าไปยังราชบุตรเขย ไม่คิดสนใจว่าภรรยาของชาย หนุ่มจะรู้สึกอย่างไร เพราะเป้าหมาย ของนางคือเขาเพียงผู้เดียวเท่านั้น “ข้าจะไป! แต่ตอนนี้...ข้าอยากให้เจ้าได้เรียนรู้ ว่าการล่วงเกินเชื้อพระวงศ์ มีโทษอย่างไรบ้าง ทหาร! ลากไปตบปากนางยี่สิบครั้ง หากยังมิหลาบจำ ตบเพิ่มเป็นสองเท่า มิต้องออมมือ” ต้วนอี้หลางไม่ได้มีเวลามาเล่นสนุกกับผู้ใด ในเมื่อท่านเจ้าเมือง ไม่คิดถึงศีลธรรม เช่นนั้นเขาก็ไม่จำเ