แชร์

บทที่ 182

ผู้เขียน: กระต่ายน้อยใต้ดวงจันทร์
ในชาตินี้ พวกเขายังจะกลับมาอีกหรือไม่?

อันที่จริง นางยังไม่ได้เตรียมตัวพร้อมเลยว่าจะเป็นมารดาอย่างไร นางหวาดหวั่น หวาดกลัว วิตก กังวลว่าตนจะสอนลูกได้ไม่ดี เป็นมารดาที่เหมาะสมไม่ได้

เซี่ยซางชอบลูกสาว มิน่าชาติก่อนเขาถึงได้รักและตามใจลูกสาวของซูถิงหว่านขนาดนั้น

เขาจะเป็นบิดาที่ดีของลูกๆ นางหรือไม่กันนะ? เพราะชาติที่แล้วเขารังเกียจลูกๆ ของนางนัก ไม่เคยอบรมสั่งสอนพวกเขาอย่างใส่ใจเหมือนที่เขาสอนลูกคนอื่นมาก่อน

เจียงเฟิ่งหัวเหน็ดเหนื่อยจนหลับลึกไป ในความฝัน นางเห็นเด็กน้อยที่ชักสีหน้าใส่นางอย่างโกรธเคืองสองคนนั้น

“เหตุใดท่านถึงได้ไร้ประโยชน์เช่นนี้กันนะ พวกเราไม่มีมารดาอย่างท่าน เหตุใดจึงเป็นท่านที่คลอดพวกเราออกมา แต่ไม่ใช่ซูฮองเฮากัน”

“พวกเราเกลียดท่าน ท่านออกไปนะ พวกเราไม่ต้องการให้ท่านมายุ่ง ไม่ต้องการให้ท่านตลอดกาล”

“ไสหัวไปสิ! พวกเรารู้สึกขายหน้านักที่มีมารดาแบบท่าน”

“ข้าแค้นท่าน แค้นท่านแทบตายแล้ว เหตุใดท่านถึงไม่ไปตายนะ เป็นท่านที่เป็นตัวถ่วงทำให้พวกเราเดือดร้อนไปด้วย”

“ยังคงเป็นซูฮองเฮาที่ดีต่อพวกเรา ท่านทำเป็นแต่เรียกให้พวกเราเรียนหนังสืออยู่ตลอด พวกเราก็ไม่ใช่พวกสามัญชนชั้
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 183

    เซี่ยซางจะไปจุดตะเกียง แต่นางรีบดึงเขาไว้แล้วกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “อย่า อย่าจุดตะเกียงเพคะ หม่อมฉันเกรงว่าหากจุดตะเกียงจะทำให้ทรงเห็นสภาพที่ไม่น่ามองของหม่อมฉันเข้า หม่อมฉันอยากรักษาภาพลักษณ์ที่งดงามที่สุดไว้ยามอยู่ต่อหน้าท่าน” คำพูดด้านหลังเป็นข้อแก้ตัวของนาง นางไม่อยากให้เขาเห็นความแข็งกร้าวในดวงตาของนางต่างหาก“เด็กโง่ มีสภาพแบบใดของเจ้าที่ข้าไม่เคยเห็นกัน ตอนเจ้าร้องไห้ไม่น่าเกลียดเลยสักนิด ยังคงงดงามอย่างมาก” เซี่ยซางพูดอย่างเป็นห่วง“หม่อมฉันฝันร้ายเพคะ หม่อมฉันกลัว อย่าทรงไปจากหม่อมฉัน กอดหม่อมฉันได้ไหมเพคะ?” เจียงเฟิ่งหัวหาข้ออ้าง นางคิดไม่ถึงว่าจะฝันถึงเรื่องในชาติก่อนเซี่ยซางกอดนางไว้ในอ้อมกอดอย่างอ่อนโยน “ความฝันล้วนกลับเป็นตรงข้าม เจ้าไม่ต้องกลัว มีข้าอยู่ข้างกายเจ้า ข้าจะปกป้องเจ้าเอง นอกจากนี้ เจ้าเป็นพระชายาของเหิงอ๋องไม่ต้องเกรงกลัวสิ่งใดทั้งนั้น”นางหัวเราะทั้งน้ำตา กล่าวอย่างนุ่มนวลว่า “เยี่ยงนั้น ท่านอ๋องจะอยู่ข้างกายหรวนหร่วนตลอดไปไหมเพคะ จะทรงปกป้องหรวนหร่วนตลอดไปไหมเพคะ”เซี่ยซางไม่แม้แต่จะคิด “แน่นอน”เจียงเฟิ่งหัวมุดเข้าไปในอ้อมกอดของเขา เหตุใดในชาติก่อน

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 184

    นับแต่เจียงเฟิ่งหัวดูแลเรื่องในจวน หงซิ่วก็รับช่วงต่อเรื่องในวังมาจำนวนมาก นางจึงเปลี่ยนเป็นสุขุมมากขึ้นเรื่อยๆพ่อบ้านเฉิงกล่าวว่า “หงซิ่วไม่ต้องรีบร้อน”เมื่อหงซิ่วเข้าไปในห้องชั้นใน เห็นพระชายาลืมตาทว่ายังไม่ลุกจากเตียง “จวนสกุลซูส่งเทียบมา เวลานี้ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลซูกำลังรออยู่ที่ห้องโถงด้านหน้า พระชายาจะทรงออกไปต้อนรับไหมเพคะ?”เหลียนเย่ตามเข้ามาติดๆ “ปล่อยให้นางรอสักพักค่อยว่ากันเถอะ บ่าวได้ข่าวมานานแล้วว่า สองเดือนก่อนฮูหยินผู้เฒ่าสกุลซูก็เริ่มออกเดินทางจากชายแดนแล้ว ไม่กี่วันก่อนเพิ่งกลับถึงจวนสกุลซู คิดว่าคงเป็นเพราะได้รับข่าวที่ซูกุ้ยเฟยถูกส่งเข้าตำหนักเย็นถึงได้กลับมาเพคะ ที่มาเยือนถึงจวนในเวลานี้ ก็เกรงจะเป็นเพราะเรื่องของชายารองซูเพคะ”เจียงเฟิ่งหัวคลานขึ้นมาจากเตียง พูดเรียบๆ ว่า “แต่งตัวเถอะ แขกสำคัญมาเยือน พวกเราไม่อาจละเลยเด็ดขาด” ในที่สุด สกุลซูก็มีความเคลื่อนไหวเสียที“แล้วทางชายารองซูจะทำอย่างไรเพคะ ต้องไปแจ้งความหรือไม่เพคะ?” เหลียนเย่ถาม“เป็นท่านอ๋องที่ต้องการกักบริเวณนาง ข้าไม่มีอำนาจไปยกเลิกการกักบริเวณของนางได้ ขังต่อไปเถอะ!” จากนั้นนางก็กล่าวต่อว่า “ฮูหย

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 185

    เจียงเฟิ่งหัวราวกับไม่ได้ยิน แล้วเรื่องที่หลานสาวของเจ้าทำในเมืองหลวงถูกต้องตามกฎประเพณีแล้วหรือไร? สถานะสูงต่ำนั้นไม่เกี่ยวข้องกับอายุหรอกนะ เจ้าแก่แล้วเอาความอาวุโสมาข่มผู้อื่นก็เหมาะสมแล้วหรือไร“ข้าเพิ่งกับเมืองหลวงมาก็ได้ยินว่าหลานสาวของข้าถูกขังเสียแล้ว” เมื่อเห็นนางไม่ตอบคำถาม ใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าซูก็ไม่พอใจขึ้นมาเจียงเฟิ่งหัวยิ้มบางๆ ว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าอาจไม่ทราบ ชายารองซูกระทำความผิดและทำให้ท่านอ๋องทรงพิโรธหนัก ท่านอ๋องถึงได้มีบัญชาให้กักบริเวณนาง ทว่านางก็อยู่ในเรือนของนาง กินดีอยู่ดี ไม่นับว่าเป็นการถูกขังไว้ เพียงแค่ให้นางฝึกตนขัดเกลานิสัยเพิ่มเท่านั้น”เห็นนางมีท่าทางอ่อนโยนเช่นนี้ ยามกล่าววาจาก็ยังมีจังหวะจะโคนมีเหตุมีผล จุดสำคัญคือเป็นเหิงอ๋องที่ต้องการกักบริเวณชายารอง ไม่เกี่ยวอันใดกับนาง ฮูหยินผู้เฒ่าซูจึงเสมือนกลายเป็นคนใบ้ แม้แต่คำพูดก็ไม่อาจกล่าวต่อแล้ว ในดวงตาปรากฏความประหลาดใจออกมา“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ขอพระชายาโปรดให้นางออกมาพบหน้าข้าเถิด!” ฮูหยินผู้เฒ่าซูกล่าว“นี่…” เจียงเฟิ่งหัวลังเล “ท่านอ๋องของข้ากล่าวว่า ในสามเดือนไม่อนุญาตให้นางออกจากเรือนถานเซียง

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 186

    ดวงตาของซูถิงหว่านพลันสาดประกายจริงจังออกมา “ท่านย่า เป็นเจียงเฟิ่งหัวเจ้าค่ะ เป็นนางที่ต้องการทำร้ายหวานหว่าน ล้วนเป็นนาง…สองเดือนมานี้ ข้าได้ครุ่นคิดอย่างมากมาย และก็พิจารณาจนกระจ่างยิ่ง หากมิใช่เพราะเจียงเฟิ่งหัวเจ้าเล่ห์เกินไป ข้าก็ไม่มีทางถูกนางเล่นงานได้ ท่านป้าก็ถูกนางให้ร้ายเช่นกันเจ้าค่ะ”สามปีมานี้ นางลุ่มหลงอยู่ในความอ่อนโยนและการรักใคร่ตามใจอันไร้ขีดจำกันของเซี่ยซาง นางคิดว่าเซี่ยซางจะไม่เหมือนผู้อื่น ชั่วชีวิตนี้จะชอบนางเพียงผู้เดียว เป็นเพราะนางมั่นใจในตนเองมากเกินไป จนลืมไปว่า แท้ที่จริงแล้วบุรุษในใต้หล้าล้วนแล้งน้ำใจและไร้คุณธรรมทั้งสิ้นนางยิ่งลืมฐานะของตนเองไป นางเป็นเพียงลูกสาวที่กำเนิดจากอนุของสกุลซูเท่านั้น เป็นหนึ่งในลูกสาวอนุจำนวนมากของสกุลซู นางก็แค่ถูกเลือกจากมารดาเอก จากนั้นถูกเลี้ยงอยู่ข้างกายของมารดาเอกในฐานะบุตรสาวของภริยาเอกเท่านั้นหลังกลับมาที่เมืองหลวง นางก็ทำเหมือนตนเองเป็นบุตรสาวของภริยาเอกมาโดยตลอด ท่านป้าให้นางไปใกล้ชิดเซี่ยซาง นางก็ดึงดูดความสนใจจากเขาได้สำเร็จ พวกเขาพูดคุยกันทุกเรื่องอย่างเพลิดเพลิน อิสรเสรีไร้กฎเกณฑ์ นางเล่าเรื่องธรรมเนียมประเ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 187

    ในเวลาเดียวกัน เซี่ยซางที่ได้รับข่าวก็ตรงกลับจวนอ๋องทันที เมื่อเห็นเจียงเฟิ่งหัวรออยู่ที่ห้องโถงด้านหน้า เขาก็ถามว่า “เกิดสิ่งใดขึ้นหรือ?”เจียงเฟิ่งหัวเล่าถึงที่ไปที่มา แล้วกล่าวต่อว่า “หม่อมฉันได้ให้คนนำทางฮูหยินผู้เฒ่าซูไปหาชายารองซูแล้วเพคะ พวกนางสองย่าหลานไม่ได้พบกันนาน เกรงว่าคงมีความในใจที่ต้องการสนทนากันมากอยู่เพคะ”เซี่ยซางกล่าวว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าซูอยู่ที่ชายแดนมาตลอด และก็เป็นวีรสตรีในหมู่อิสตรีอีกด้วย และยังเคยได้รับการแต่งตั้งเป็นฮูหยินบรรดาศักดิ์จากเสด็จพ่อ ยามนี้เมื่อกลับมา ตามหลักแล้วข้าก็ควรต้อนรับเป็นอย่างดี บอกให้ห้องครัวจัดเตรียมอาหารเถอะ”“หม่อมฉันให้คนไปเตรียมไว้นานแล้วเพคะ รอเพียงท่านอ๋องกลับมาเท่านั้น ขอเพียงพวกเราไม่ได้เสียมารยาทแขกคนสำคัญก็พอ” เจียงเฟิ่งหัวกล่าวอย่างรู้ใจในเวลานั้นเอง ฮูหยินผู้เฒ่าซูก็ออกมาจากเรือนถานเซียงพอดีเช่นกัน นางเดินไปที่เบื้องหน้าของเซี่ยซาง “หม่อมฉันขอคารวะเหิงอ๋องเพคะ”“ฮูหยินผู้เฒ่าซูรีบลุกขึ้นเถิด ตัวข้ามีงานราชการจำนวนมาก ทว่าพอได้ยินว่าฮูหยินผู้เฒ่ากลับมาเมืองหลวงจึงได้รีบเร่งมา” เซี่ยซางอธิบายฮูหยินผู้เฒ่าซูเหลือบมองเจียง

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 188

    เซี่ยซางมิได้แสดงออก รอจนซูถิงหว่านถูกคนนำตัวมาที่ห้องโถงด้านหน้า สายตาของเขาถึงได้ตบไปอยู่บนตัวนางเช่นกันเห็นนางสวมกระโปรงผ้าไหมสีเรียบ บนมวยผมก็มิได้มีเครื่องประดับมากนัก นางประทินโฉมอย่างบางเบา ดุจดั่งสาวงามจากครอบครัวเล็กๆ ราวกับว่าความสดในเริงร่าในอดีตไม่เคยปรากฏขึ้นบนร่างนางมาก่อนเมื่อเซี่ยซางพินิจนาง ก็รู้สึกราวกับนางเปลี่ยนไปเป็นอีกคนซูถิงหว่านยอบกายคารวะไปทางเซี่ยซางและเจียงเฟิ่งหัวอย่างเคารพ “หม่อมฉันคารวะท่านอ๋องและพระชายาเพคะ”เซี่ยซางกล่าวเรียบๆ ว่า “ลุกขึ้นเถอะ”“เพคะ” ซูถิงหว่านหยัดกายขึ้นอย่างอ่อนช้อย สายตาก็มิได้ตกอยู่บนตัวเซี่ยซาง หากแต่เหลือบมองไปทางฮูหยินผู้เฒ่าซูคราหนึ่ง“พระชายานั้นเป็นบุตรสาวของราชครู มากด้วยวิชาความรู้นัก หวานหว่านยังคงต้องรู้จักศึกษาจากพระชายาให้มาก ไม่อาจทำตัวไร้กฎเกณฑ์มารยาทเหมือนเมื่อก่อนเด็ดขาด” ฮูหยินผู้เฒ่าซูย่อมมาเพื่อช่วยนาง ขอเพียงนางได้รับการยกเลิกการกักบริเวณ เรื่องในภายหลังก็จะง่ายขึ้นมากแล้วจู่ๆ ซูถิงหว่านก็คุกเข่าลงที่ด้านหน้าของเจียงเฟิ่งหัวอีกครั้ง จากนั้นก็โขกศีรษะให้นาง “เมื่อก่อนหม่อมฉันไม่รู้ระเบียบมารยาท หม่อมฉัน

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 189

    ซูถิงหว่านมิได้ติดตามฮูหยินผู้เฒ่าซูไป แต่กลับหอหล่านเยว่ไปพร้อมเจียงเฟิ่งหัวแทน ใช้ข้ออ้างอันไพเราะว่ามาเรียนรู้เรื่องกฎระเบียบกับธิดาของราชครูต่อหน้าเซี่ยซาง ฮูหยินผู้เฒ่าซูยกยอเจียงเฟิ่งหัวไว้สูงส่งนัก ราวกับว่าที่ชายารองไม่รู้กฎระเบียบเป็นเพราะสกุลซูของนางสั่งสอนได้ไม่ดี นางไหว้วานให้เจียงเฟิ่งหัวที่รู้เรื่องกฎเกณฑ์มารยาทเป็นผู้อบรมซูถิงหว่านแล้วเมื่อสาวใช้ทั้งสองฟังมาถึงตรงนี้ ก็โมโหจะกระทืบเท้า ทว่าเจียงเฟิ่งหัวกลับสงบอ่อนโยนเช่นเดิม หนังหน้าของคนสกุลซูช่างหนายิ่งหนัก ถึงกับใช้วิธีนี้ ซูถิงหว่านคิดว่าแล่นมาถึงหอหล่านเยว่ รั้งอยู่ไม่ยอมจากไปก็จะหาโอกาสใกล้ชิดเซี่ยซางได้หรือ?นางหัวเราะหยัน เยี่ยงนั้นก็รอดูไปเถิด!ซูถิงหว่านมองหอหล่านเยว่ที่งดงามหรูหรา โอ่อ่าและอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพรรณไม้ แล้วนึกถึงเรือนถานเซียงอันเดียวดายไร้ชีวิตชีวาที่นางพำนัก ในใจของนางก็รู้สึกย่ำแย่อย่างยิ่ง เดิมที่นี่ควรจะเป็นของนางต่างหากนางสาวเท้า ก้าวน้อยๆ ตามไปอย่างชดช้อยระมัดระวังเจียงเฟิ่งหัวให้คนอุ้มหนังสือมาให้นางกองหนึ่ง แล้วกล่าวอย่างอบอุ่นว่า “ชายารองตั้งใจเรียนให้ดีเถิด! พวกนี้ล้วนเป็นธรรมเน

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 190

    “ลุกขึ้นมาเถิด ไม่ต้องคุกเข่าแล้ว” เซี่ยซางกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ“เพคะ” นางตอบกลับอย่างอ่อนโยนกล่าวจบเขาก็เข้าไปในห้องนอนหลักของเจียงเฟิ่งหัว เจียงเฟิ่งหัวเหลือบมองนางทีหนึ่ง บังเอิญสบเข้ากับสายตาของนางพอดี นางกำลังยั่วยุ ทำให้ซูถิงหว่านโมโหจนต้องหยิกต้นขาตนเองสุดแรงเจียงเฟิ่งหัวมิได้กล่าวสิ่งใดอีก นางตรงจากไปแล้ว กลับเข้าไปในห้องหลักเหลียนเย่และหงซิ่วที่เฝ้าอยู่หน้าประตู ใช้มือกุมท้องกลั้นหัวเราะเบิกบานไม่หยุด สีหน้าในตอนที่พระชายารองซูเห็นหนังสือกองนั้นเมื่อครู่ จนถึงบัดนี้พวกนางก็ยังรู้สึกสาแก่ใจนักยังคงเป็นพระชายาที่ร้ายกาจ หากฮูหยินผู้เฒ่าซูที่ให้นางมาตามติดข้างกายพระชายา รู้ว่าพระชายาจะสอนชายารองอ่านหนังสือ เกรงว่าคงเสียใจจนหน้าเขียวแล้วนับจากวันนี้ไป ชายารองซูต้องตั้งใจอ่านหนังสือ แล้วนางยังจะเหลือความคิดไปยั่วยวนท่านอ๋องได้อีกหรือพวกคำพูดไม่รู้เรื่อง กำกวมคลุมเครือไม่ชัดเจนพวกนั้น แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว ไม่รู้ว่าพระชายาทรงศึกษาเข้าใจได้อย่างไรเจียงเฟิ่งหัวเพิ่งกลับมาถึงห้องชั้นใน ก็เห็นเซี่ยซางกำลังผลัดชุดขุนนางออกเตรียมหาชุดอื่นมาเปลี่ยน นางจึงรีบก้าวเข้าไปช่วย “

บทล่าสุด

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 376  

    เหลียนเย่หยิบมาลองดม รู้สึกเพียงกลิ่นหอมสดชื่นโชยปะทะจมูก หอมยิ่งนัก “หากว่าคุณหนูมีของสิ่งนี้ตั้งแต่เมื่อเยาว์วัยก็คงดี ตอนเด็ก ๆ จะได้ไม่ต้องฝันร้ายบ่อย ๆ อีก” อ้าวเสวี่ยถามเหลียนเย่ “เกิด อะไรขึ้นกับพระชายากันแน่ พวกเจ้ารับใช้พระชายามาตั้งแต่ยังเล็ก เคยเกิดเรื่องน่าสะพรึงกลัวใดขึ้นกับนางมาก่อนหรือไม่?” “ไม่มี คุณหนูมีชีวิตเป็นสุขดีมาตลอด หากว่ายาหอมคืนเรือนสามารถช่วยให้คุณหนูไม่ต้องฝันร้ายอีกเช่นนั้นก็ดีมากแล้วจริง ๆ” ที่เหลียนเย่กล่าวมาเป็นความจริง เช้าตรู่วันต่อมา หลังจากเจียงเฟิ่งหัวตื่นขึ้นมาแล้วนางดูปกติคล้ายว่าไม่เคยมีเรื่องใดเกิดขึ้นมาก่อน เห็นอ้าวเสวี่ยและเหลียนเย่เฝ้าอยู่ในห้องของนาง นางก็เหยียดตัวบิดขี้เกียจพลางกล่าวว่า “เมื่อคืนหลับสบายจริง ๆ ข้ารู้สึกจิตใจปลอดโปร่ง ร่างกายสดชื่นดีมาก พวกเจ้าได้จุดกำยานอะไรเอาไว้หรือไม่?” เหลียนเย่เห็นนางลืมเรื่องเมื่อคืนที่ละเมอร้องไห้ในความฝันไปก็ถามขึ้นว่า “พระชายาจำอะไรไม่ได้เลยหรือเพคะ?” “ข้าต้องจำอะไรได้หรือ?” เจียงเฟิ่งหัวประคองท้องของตนเองเดินลงมาจากเตียงพลางเอ่ยว่า “ข้าจำได้ว่าเมื่อคืนข้ากับเจ้านอนด้วยกัน” “ใช่แล้วเพค

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 375  

    ครั้นส่งสี่หมัวมัวออกไปแล้ว เจียงเฟิ่งหัวเองก็มิอาจใจเย็นอยู่เฉยได้ ซูถิงหว่านต้องมีความทรงจำจากเมื่ออดีตชาติแล้วแน่ ซูถิงหว่านรู้แล้วว่าหลังจากนี้นางจะได้เป็นฮองเฮา เพราะฉะนั้นนางถึงได้ไม่เกรงกลัวเพราะมีสิ่งยึดเหนี่ยว หากมิใช่เพราะการตายของจีเฉินทำให้การเดินทางของนางล่าช้า นางอาจจะมุ่งหน้าไปเขตชายแดนเพื่อรวมตัวกับคนสกุลซูแล้วก็ได้ นางมิอาจเอาความโปรดปรานของเซี่ยซางมาเดิมพันว่าตำแหน่งของนางจะมั่นคง เมื่อวานฝ่าบาทนอกจากพระราชทานสิ่งล้ำค่าให้กับนางเพื่อเป็นรางวัลแล้ว ยังพระราชทานป้ายอาญาสิทธิ์ทองคำส่วนพระองค์ป้ายหนึ่งให้กับนางด้วย ด้านบนมีอักษรเขียนว่า ‘เสมือนฮ่องเต้เสด็จ’ มีมันแล้ว นางก็สามารถเดินผ่านได้ทุกที่ในวังหลวงแม้กระทั่งทั่วทั้งใต้หล้า ตอนแรกนางงุนงงอยู่เล็กน้อย ต่อมาเฉากงกงถึงได้เร่งให้นางรีบกล่าวขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทได้ สัญลักษณ์ของผู้ที่ได้รับป้ายทองอาญาสิทธิ์อันนี้ก็คืออำนาจ คือความไว้เนื้อเชื่อใจที่ฝ่าบาทมีต่อนาง “พระชายา ท่านเป็นอะไรไปเพคะ หน้าซีดเชียวเพคะ” เหลียนเย่เห็นนางเงียบไปนาน เหม่อลอยอยู่ตามลำพัง “เปล่า อาจเพราะเหนื่อยล้าเกินไปหน่อยกระมัง ข

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 374  

    สี่หมัวมัวตกใจกลัวตัวสั่น รีบยั้งปากทันใด ครั้นมาถึงด้านในตำหนักเฉินซี เจียงเฟิ่งหัวก็สั่งให้เหลียนเย่ปิดประตูทันที ทิ้งให้อยู่ในห้องกับสี่หมัวมัวลำพัง เห็นเพียงนางสีหน้าเยือกเย็น พร้อมเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “สี่หมัวมัว เจ้าคงจะทราบดีว่าคำพูดเมื่อครู่ของเจ้ามีโทษหนักถึงขั้นตัดศีรษะ บัดนี้เสด็จพ่อมีพระพลานามัยแข็งแรงดี ตำแหน่งองค์รัชทายาทยังมิได้แต่งตั้ง เจ้ากลับเผยแพร่คำพูดเหล่านี้โดยพลการ มิเพียงเจ้าจะรักษาศีรษะของเจ้าไว้ไม่ได้ แม้แต่เสด็จแม่ ท่านอ๋องและข้าก็จะพลอยได้รับเคราะห์จากคำพูดประโยคนี้ของเข้าไปด้วย” สี่หมัวมัวตกใจกลัวจนเหงื่อเย็นไหลพราก ๆ “บ่าวทราบเพคะ ดังนั้นบ่าวถึงได้เก็บงำไว้ในใจมาตลอด บางคำมิได้พูด บ่าวเองก็ทุกข์ใจเพคะ หนนี้ถึงได้อยากแจ้งพระชายา อยากให้พระชายาช่วยโน้มน้าวฮองเฮาด้วยเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวกล่าวอย่างจงใจ “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าถ้อยคำเหล่านี้พระชายารองซูเอ่ยกับเสด็จแม่ เจ้ามิได้โป้ปดจริงแน่หรือ” สี่หมัวมัวเล่าอย่างละเอียดไม่มีปิดบัง “ถ้อยคำเหล่านี้บ่าวมิได้เป็นคนพูดเพคะ บ่าวจะกล้าพูดแบบนี้ออกไปได้อย่างไรเพคะ และมิใช่ฮองเฮาเป็นคนตรัสด้วยเพคะ ถ้อยคำเห

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 373  

    ผ่านไปสองวัน ซูถิงหว่านยังไม่กลับมา สุดท้ายแล้วนางเลือกเดินซ้ำรอยเดิมของชาติก่อนติดตามเซี่ยซางไปที่เขตชายแดน และที่น่าขันคือข่าวนี้เฉิงฮองเฮาเป็นคนมาบอกนางด้วยตนเอง ได้ยินเฉิงฮองเฮากล่าวว่า “พระชายารองซูไปที่เขตชายแดนเพื่อช่วยซางเอ๋อร์ทำศึก ซางเอ๋อร์เองก็จำเป็นต้องมีสตรีสักคนคอยดูแลอยู่เคียงข้างกาย ส่วนเจ้าก็ท้องแก่แล้ว ข้าจึงอนุญาตให้นางไป หรวนหร่วนเจ้าคงไม่กล่าวโทษข้ากระมัง” เจียงเฟิ่งหัวผุดยิ้มน้อย ๆ พลางเอ่ยว่า “เสด็จแม่ทรงคิดรอบคอบ ท่านอ๋องมีคนเอาใจใส่อยู่เคียงข้างกายสักคนก็นับว่าดีเพคะ เพียงแต่เหมันต์ฤดูอากาศข้างนอกหนาวเย็นยิ่งนัก และอีกไม่นานก็จะถึงวันปีใหม่แล้ว พระชายารองซูเป็นสตรีตัวคนเดียวเดินทางไปเช่นนั้นจะปลอดภัยหรือเพคะ” “นางมีวรยุทธ์ติดตัว และมีกองทัพสกุลซูปกป้องคุ้มครอง ปลอดภัยไร้กังวล เราเห็นว่านางก็มิได้มีท่าทีอิดออดอะไร” “เป็นเช่นนี้ก็ดียิ่งนักเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ฮองเฮาเปลี่ยนใจรวดเร็วเสียจริง ตอนแรกยังคัดค้านเซี่ยซางอย่างสุดกำลังไม่ให้พาสตรีไปออกศึก อ้างว่าจะไม่เป็นสิริมงคล ถึงขั้นทำลายความองอาจน่าเกรงขามของหัวหน้าแม่ทัพ ทว่าบัดนี้กลับอ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 372  

    เจียงเฟิ่งหัวออกจากตำหนักคุนหนิงก็ตรงไปยังตำหนักเฉินซีทันที ในตอนนั้น เห็นนางกำนัลคนหนึ่งท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ ก็โพล่งเสียงตำหนิออกไป “ใคร” อ้าวเสวี่ยตั้งรับทันที ไม่รอให้นางเดินเข้าไปใกล้ อวิ๋นฟางก็เดินงก ๆ เงิ่น ๆ มาหยุดเบื้องหน้าเจียงเฟิ่งหัว “บ่าวคารวะเพคะพระชายา” เจียงเฟิ่งหัวเห็นนางชัดถนัดตาแล้วก็แอบคิดเงียบ ๆ ในใจ นางมีฝีมือไม่เบาเลยทีเดียว แอบลอบกลับวังมาได้ ทว่าด้วยสถานการณ์ของนางตอนนี้ ซูถิงหว่านไม่มีทางปล่อยนางไปแน่ นางจนตรอกไม่มีทางถอยแล้ว จำต้องวิ่งเข้ามาหลบในวังถึงจะไม่ถูกคนไล่ล่า อ้าวเสวี่ยและเหลียนเย่เองก็ชะงักงันไปแล้วเช่นกัน อวิ๋นฟางช่างกล้าหาญยิ่งนัก กล้ากลับเข้ามาในวังหลวงอีก พวกนางคิดว่าหลังจากอวิ๋นฟางหนีไปทางประตูหลังของเขตเมืองหลวงแล้ว นางจะหนีออกไปจากเมืองเซิ่งจิง อย่างน้อยก็ต้องหนีให้ห่างไกลจากเรื่องวุ่นวาย ปกป้องชีวิตไว้เป็นสำคัญ “เข้ามาเถิด!” เจียงเฟิ่งหัวกล่าว อวิ๋นฟางตามเข้าไปในตำหนักเฉินซี นางกำนัลได้ต้มน้ำร้อนเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว ภายในห้องอบอุ่นเป็นอย่างยิ่ง ภายใต้แสงตะเกียงสว่างรุบรู่ อวิ๋นฟางก็เริ่มขะมักเขม้นทำงานสารพัดทั้งยกน้ำเทน้ำ นางยังกระตือ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 371  

    เฉิงฮองเฮาเปิดเปลือกตา ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบว่า “มาแล้ว จัดการเรื่องข้างนอกวังเรียบร้อยดีแล้วหรือยัง? ออกจากวังไปครึ่งเดือนแล้วมิใช่หรือ!” เจียงเฟิ่งหัวท่าทางมิได้หยิ่งยโสเกินควรแต่ก็มิได้ถ่อมตัวจนเกินเหตุ “ทูลเสด็จแม่ จัดการเหมาะสมเรียบร้อยดีแล้วเพคะ” “ข้าได้ยินว่าเมื่อสิบวันก่อนสินค้าและวัตถุดิบถูกส่งไปหมดแล้ว” แม่สามีของนางก็ดูจะวางมาดขึ้นเช่นกัน ราวกับต้องการให้นางยอมเชื่อฟังคำสั่งสอน เหมือนกับเมื่อชาติก่อนไม่มีผิด “เพคะ เพียงแต่ของที่ส่งออกไปเมื่อสิบวันก่อนเป็นแค่ชุดแรกเพคะ เพราะมีจำนวนมากเกินไป ชุดต่อไปจะต้องทยอยลำเลียงออกไปเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวกล่าวอย่างละเอียด มองแล้วอ่อนโยนนอบน้อม สงบเสงี่ยมเรียบร้อยมารยาทเพียบพร้อมไร้ที่ติ แม้แต่เฉิงฮองเฮายังมิอาจหาจุดใส่ไฟได้เลย “ลุกขึ้นมานั่งเถิด” น้ำเสียงของเฉิงฮองเฮาฟังดูดีขึ้นเล็กน้อย “ซางเอ๋อร์มีสกุลซูคอยจุนเจือ บัดนี้เด็กในครรภ์ของเจ้าสำคัญเหนือสิ่งใด อย่ามัวเพ่นพ่านด้านนอกมากนัก อย่าไปข้องเกี่ยวกับสตรีในหมู่ขุนนางราชสำนักมากเกินไป ที่สำคัญจงอย่าได้มัวละโมบใฝ่หาความดีความชอบจนลำดับความสำคัญผิดไป” เจียงเฟิ่งหัวคิดในใจ ตอนอ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 370

    “เพคะ สะใภ้รับบัญชา”จากนั้น เจียงเฟิ่งหัวก็วางหมากลงไปตัวหนึ่ง “เสด็จพ่อ ทรงแพ้แล้วเพคะ”ฮ่องเต้เหลือบมองกระดานหมากคราหนึ่ง เริ่มจากความตกตะลึง ตามด้วยสีหน้ามืดครึ้มที่มองไม่ออก จากนั้นก็ทรงหัวเราะออกมาว่า “ดูเหมือนเราไม่อาจไม่ตกรางวัลนี้แล้ว มาเล่นอีกตา หากเจ้าชนะเราอีก เราก็จะมอบรางวัลให้อีกครั้ง”เจียงเฟิ่งหัวเก็บหมากบนกระดานขึ้นมาอย่างเยือกเย็น ไร้ความลนลาน “ลูกก็ชนะมาได้อย่างหวุดหวิดเพคะ ต้องเป็นเพราะเมื่อครู่เสด็จพ่อทรงฟังลูกพูดเพลิน จึงได้ออมมือให้ลูกแน่เลยเพคะ”“เจ้าคงไม่รู้สินะ หลายวันมานี้เรามีราชโองการเรียกตัวบิดาของเจ้าเข้าวังมาเดินหมากเป็นเพื่อนเราทุกวัน เขากลับไม่เคยชนะเราเลยสักตา ช่างน่าเบื่อนัก แต่เขาบอกว่าบุตรสาวของเขาเป็นยอดฝีมือในการเดินหมาก เรายังคิดว่าเขาพูดเกินจริงเสียอีก แต่วันนี้ หลังได้เดินหมากไปกระดานหนึ่งเราก็เชื่อแล้ว”“ท่านพ่อก็เหมือนยายหวังขายแตง ที่ชอบขายเองชมเองเพคะ ต่อให้บุตรสาวของท่านจะทำสิ่งใดไม่เป็นเลย ท่านก็รู้สึกว่าดีอยู่ดีเพคะ”“ยังถ่อมตัวเข้าเสียแล้ว เมื่อมาเป็นลูกสะใภ้ของราชวงศ์เรา แค่การถ่อมตนอย่างเดียวไม่พอหรอกนะ ในอนาคตยังต้องช่วยซางเอ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 369

    เมื่อเจียงเฟิ่งหัวกลับวังก็ถูกฮ่องเต้เรียนตัวไปที่ห้องทรงอักษร หลังนางรายงานเรื่องภารกิจที่ฮ่องเต้มอบหมายให้นาง ก็วางแผนจะกลับตำหนักคุนหนิงไปคารวะฮองเฮาแต่จู่ๆ ฮ่องเต้ก็ตรัสขึ้นมาว่า “ได้ยินว่าพระชายาของเหิงอ๋องชำนาญการวางหมาก เราอยากหาคนมาเล่นด้วยสักตาพอดี ว่าอย่างไร จะอยู่เล่นเป็นเพื่อนเราสักตาหรือไม่”เจียงเฟิ่งหัวคารวะลงรอบหนึ่งด้วยมารยาที่พอเหมาะ ไม่ถ่อมตัวไม่เย่อหยิ่ง แล้วกล่าวอย่างเคารพว่า “เคารพมิสู้เชื่อฟัง สะใภ้ย่อมทำตามพระบัญชาของเสด็จพ่อเพคะ แต่หากเสด็จพ่อทรงเป็นฝ่ายปราชัย ลูกจะขอรางวัลจากเสด็จพ่อสักอย่างได้ไหมเพคะ”ฮ่องเต้ตรัสว่า “อยากได้อะไรก็พูดมาได้เลย หากเจ้าเอาชนะข้าได้ ก็ถือเป็นรางวัลที่เจ้ามีผลงานใดการทำคดี แต่หากพ่ายแพ้ รางวัลก็จะไม่มีแล้วนะ”เจียงเฟิ่งหัวแอบคิดว่า “ฮ่องเต้ยังคงเป็นพวกที่ไม่ยอมเสียเปรียบ ถึงกับเอารางวัลของนางมาใช้เดิมพันหมาก หากนางชนะหมากควรนับเป็นรางวัลพิเศษไม่ใช่หรือ!”“เพคะ” นางตอบอย่างว่าง่ายเพราะในท้องของเจียงเฟิ่งหัวมีเด็กอยู่ เพื่อดูแลเด็กในท้องของนาง จึงให้หัวหน้าขันทีเฉายกโต๊ะที่สูงขึ้นเล็กน้อยเข้ามาตัวหนึ่งมาใช้แก้ขัด และยังเตรียม

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 368

    คนทั้งสองเท้าสะเอวหัวเราะขึ้นมา “คนที่คิดจะช่วยคุณหนูหลินของเราไถ่ตัวมีเต็มไปหมด ท่านต่อแถวไม่ทันหรอก อีกอย่าง ท่านก็ไม่มีคุณสมบัตินั้นด้วย อย่าได้เพ้อฝันอีกเลย” คุณหนูหลินไม่ขาดแคลนเงินทอง ทั่วทั้งหออี๋ชุนล้วนอยู่ใต้การตัดสินใจของนาง ไม่จำเป็นต้องไถ่ตัวเพราะนางไม่มีสัญญาขายตัว“ข้าจะต้องแต่งนางเป็นภรรยาให้ได้ พวกเจ้ารอก่อนเถอะ” กัวเซี่ยวตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าจะแต่งกับหลินอวี่ให้ได้ในบรรดาเหล่าคุณชายตระกูลใหญ่ กัวเซี่ยวก็พอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง เขาหน้าตาไม่เลว ชาติตระกูลก็ไม่เลว เขาจึงคิดว่าหลินอวี่ไม่มีทางปฏิเสธแน่ได้ยินเขาพูดเช่นนั้น จื่อฮุ่ยจึงเอ่ยบ้างว่า “หากคิดจะแต่งกับคุณหนูของข้า นอกเสียจากว่าท่านจะเป็นจอหงวน นั่นอาจพอมีโอกาสบ้าง ไม่เช่นนั้นก็อย่าได้เสียเวลาอีกเลย”กัวเซี่ยวตะลึงงันไปแล้ว ที่เขาไม่ชอบที่สุดก็คือการอ่านตำรานี่แหละเห็นเขายังคงไม่ยอมจากไปอีก พวกนางก็ไม่อยากเปลืองน้ำลายกับเขาแล้ว จึงตีกัวเซี่ยวจนสลบแล้วโยนเขาออกไปนอกหออี๋ชุนเสียเลย “ช่างน่ารำคาญเหลือเกิน คนที่อยากแต่งงานกับคุณหนูของข้าตอนนี้ต่อแถวไปถึงนอกประตูเมืองนู่นแล้ว ค่อยๆ ไปต่อแถวเถอะ” พวกนางย่อมไม่เห็น

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status