แชร์

บทที่ 215

ผู้เขียน: กระต่ายน้อยใต้ดวงจันทร์
“ฮ่องเต้และฮองเฮาเสด็จ” เสียงตะโกนแหลมสูงของขันทีดึงสายตาของทุกคนกลับมา

ทุกคนพากันถวายความเคารพต่อฮ่องเต้และฮองเฮาอย่างนอบน้อม

รอจนฮ่องเต้และฮองเฮานั่งลงบนตำแหน่งที่อยู่เหนือขึ้นไปแล้ว คนทั้งหลายจึงได้กลับไปนั่งที่ตำแหน่งของตน

หลังจากสนทนาทักทายตามมารยาทอีกรอบ เสียงวงดนตรีที่ประกอบไปด้วยเครื่องขลุ่ย ซอเอ้อหู และผีผาก็ค่อยๆ ดังอ้อยอิ่งขึ้นมาอย่างช้าๆ

ไม่ว่าฮองเฮาจะได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้หรือไม่ นางย่อมนั่งอยู่ข้างกายของฮ่องเต้เสมอ วินาทีถัดมา เจียงเฟิ่งหัวก็เห็นฉากที่ทำให้นางรู้สึกทั่วร่างแตกเป็นเสี่ยงๆ นางเห็นฮ่องเต้ทรงปอกส้มลูกหนึ่งด้วยพระองค์เอง จากนั้นชิมด้วยตนเองก่อนครึ่งหนึ่ง แล้วจึงยื่นอีกครึ่งให้ฮองเฮา ฮองเฮาคร้านจะรับจึงยื่นหน้าเข้าไป ส้มครึ่งชิ้นนั่นจึงเข้าสู่ปากของฮองเฮาไปอย่างง่ายดายเช่นนั้น

เจียงเฟิ่งหัวตกตะลึงจนอ้าปากค้าง ไม่ได้เข้าวังมาไม่กี่เดือน ในวังหลวงเกิดสิ่งใดขึ้นกันนี่?

ต่อให้นางกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งนางก็รู้สึกว่าไม่มีสิ่งใดให้ประหลาดใจแล้ว เนื่องจากโลกนี้กว้างใหญ่นัก เรื่องแปลกอัศจรรย์นั้นมีมากมายนับไม่ถ้วน ทว่าการกระทำนี้ของฮ่องเต้กับฮองเฮา ทำให้น
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 216

    เจียงเฟิ่งหัวพบว่าซูถิงหว่านและซูชิงชิงล้วนหายตัวไปแล้ว คิดว่าพวกนางหมายมั่นที่จะช่วงชิงให้เป็นแน่ต่อมา ผู้ที่หลั่งไหลเข้ามาลงชื่อยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่พระชายาขององค์ชายสามและพระชายาขององค์ชายสี่ก็คิดจะแสดงทักษะของตนออกมาเช่นกันเหล่านางสนมก็ไม่ยอมน้อยหน้า ทุกคนล้วนมองอย่างตื้นเขินว่า ขอแค่ได้รับรางวัลจากฝ่าบาทก็เพียงพอให้พวกนางโอ้อวดไปได้ชั่วชีวิตแล้วเจียงเฟิ่งหัวกับเซี่ยซางปรึกษากันไว้แต่แรกแล้วว่าจะบรรเลงเพลง ‘ถ้อยวจีแห่งผีผา’ ร่วมกัน แม้บทเพลงจะจบลงแล้ว ทว่าความซาบซึ้งที่สั่นสะเทือนไปถึงดวงจิตทำให้ทุกคนไม่อาจถอนสติกลับคืนมาได้เป็นเวลานาน เสมือนหนึ่งว่าพวกเขาได้เข้าสู่สภาวะลืมตน แม้แต่ผีเสื้อในอุทยานหลวงได้ฟังก็ยังตกอยู่ในห้วงแห่งความหลงใหล พวกมันเกาะอยู่บนไหล่ของคนทั้งสอง ถึงกับลืมเลือนที่จะกระพือปีกโบยบินเสียงร้องของพระชายาเหิงอ๋องยิ่งราวกับเสียงคีตาจากสรวงสวรรค์ ท่วงทำนองบนปลายนิ้วของนางราวทะลุผ่านชั้นเมฆา ท่องผ่านภูผาสูง ไปปลุกความฝันอันหลับใหลทุกคนถึงกับลืมปรบมือและส่งเสียงร้องชื่นชม ตราบจนเหิงอ๋องและพระชายาเหิงอ๋องจับมือกันลงจากเวที ทุกคนจึงได้สติกลับคืนมา จากนั้นก

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 217

    หมอหลวงก็มาถึงอย่างรวดเร็ว สายตาขอเฉิงฮองเฮาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง นางเดินมาที่ด้านหน้าของซูชิงชิง “หมอหลวงหวัง รีบดูอาการให้ซูเจี๋ยอวี๋เร็วเข้า เหตุใดมือของนางจึงได้มีเลือดออกมาขนาดนี้ โธ่ นี่น่าสงสารเกินไปแล้ว”ซูชิงชิงพยายามหลบเลี่ยงไม่หยุด “ไม่ต้องแล้ว ข้าไม่เป็นไร แค่ถูกสายพิณบาดนิ้วเท่านั้น ข้าให้นางกำนัลหยุดเลือดและทำแผลครู่เดียวก็พอแล้ว”นางกำนัลในตำหนักของซูชิงชิงถูกประหารไปหมดแล้ว คนที่ส่งไปยังตำหนักของนางในเวลานี้ย่อมเป็นคนของเฉิงฮองเฮาทั้งสิ้น ไม่ว่านางจะทำสิ่งใดในตำหนัก เฉิงฮองเฮาล้วนล่วงรู้อย่างชัดเจนเฉิงฮองเฮากล่าวอย่างห่วยใยว่า “ถึงอย่างไรก็ต้องให้หมอหลวงหวังช่วยตรวจอาการให้ซูเจี๋ยอวี๋สักครั้งจึงจะวางใจได้”ในเวลานี้เอง สี่หมัวมัวและพวกก็ก้าวเข้าไปจับมือของซูชิงชิงไว้แล้วยื่นไปที่เบื้องหน้าของหมอหลวงหวังหลังจากที่หมอหลวงหวังโรยผงห้ามเลือดและทำแผลให้นางเสร็จ ซูชิงชิงคิดว่านี่นับว่าจบลงแล้ว ผู้ใดจะคาดว่า ในหมู่ผู้คน มีคนร้องตะโกนขึ้นมาว่า “นี่มันกลิ่นอะไรกันถึงได้เหม็นขนาดนี้!”มีคนชะโงกจมูกไปดมบนร่างของซูชิงชิง “กลิ่นโชยมาจากตัวของพระสนม ยิ่งดมก็ยิ่งเหม็น”ซูชิง

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 218

    ฮูหยินผู้เฒ่าซูก็รู้ว่าสถานการณ์ร้ายแรงเช่นกัน จึงรีบคุกเข่าลงเบื้องหน้าฮ่องเต้ “ขอฝ่าบาททรงลงพระอาญา ทว่าที่ชิงชิงเป็นเช่นนี้ก็เพราะถูกคนให้ร้าย ที่แท้คนร้ายที่อยู่เบื้องหลังการทำลายนางเป็นใคร ขอฝ่าบาทโปรดทรงตรวจสอบอย่างเข้มงวดด้วยเถิดเพคะ” แน่นอนว่าผู้ที่นางหมายถึงย่อมเป็นเฉิงฮองเฮาฮูหยินผู้เฒ่าซูยังคิดว่าฮ่องเต้จะเห็นแก่หน้าสกุลซู แล้วมอบความยุติธรรมให้กับซูชิงชิง“ฮ่าๆๆ…” จู่ๆ ซูชิงชิงก็กระชากมวยผมของนางจนยุ่งเหยิง ดึงปิ่นระย้าเต็มศีรษะทิ้งแล้วหัวเราะเสียงดังออกมา “กรรมสนอง กรรมสนอง!”ผ่านไปเพียงครู่เดียว ซูชิงชิงก็วิ่งชนไปมาอย่างบ้าคลั่ง ทั่วทั้งราชอุทยานถูกนางทำจนยุ่งเหยิงไปหมดเฉิงฮองเฮาขึ้นเสียงว่า “ทหาร รีบหยุดซูเจี๋ยอวี๋ไว้เร็วเข้า” ซูชิงชิงคิดจะแสร้งเสียสติให้ผู้ใดดูกันนางเผด็จการเอาแต่ใจอยู่ในวังหลวงมาสิบกว่าปี เหล่าสนมนางในในวังได้รับความอัปยศจากนางทุกรูปแบบ ดังนั้นในเวลานี้ จึงไม่มีแม้แต่ผู้เดียวที่เห็นใจนาง ทุกคนล้วนชมละครอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาเย็นชาองค์หญิงเก้าเซี่ยหลิงเอ๋อร์ร้องไห้พลางพุ่งไปอยู่ข้างกายนาย “เสด็จแม่ ทรงเป็นอันใดไปเพคะ?”ซูชิงชิงราวกับเปลือกอันกลว

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 219

    ในเวลานั้นเอง ซูถิงหว่านราวกับได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจ นางชี้หน้าเจียงเฟิ่งหัวได้ก็ด่าออกมาทันทีว่า “เจียงเฟิ่งหัว เป็นเจ้า เป็นเจ้าที่ต้องการทำร้ายข้า ที่ใบหน้าของข้างกลายเป็นเช่นนี้จะต้องเป็นฝีมือของเจ้าแน่ ทุกวันนี้ข้าอุตส่าห์ไปเรียนเขียนอ่าน เรียนกฎเกณฑ์มารยาทกับเจ้าทุกวัน ข้าเคารพเจ้าเป็นพระชายาแล้วแต่ทำไมเจ้ายังไม่อาจยอมรับข้าอีก และถึงกับจะทำร้ายข้าด้วย”เจียงเฟิ่งหัวก็ไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นเช่นกัน บนใบหน้าเต็มไปด้วยความคาดไม่ถึง “ชายารองหมายความว่าอย่างไร ข้าจะไปทำร้ายเจ้าได้อย่างไร”“จะต้องเป็นเจ้าแน่ เจ้าชอบเสแสร้งแกล้งทำ ยามอยู่ต่อหน้าท่านอ๋องเจ้ามักแสร้งทำเป็นอ่อนโยน อ่อนแอ แต่แท้ที่จริงแล้วเจ้าไม่ได้เป็นแบบนั้น เจียงเฟิ่งหัว ข้าอุตส่าห์ยอมถอยทำตัวอ่อนน้อมถ่อมตนกับเจ้าแล้ว เหตุใดเจ้าถึงยังไม่ยอมละเว้นข้าอีก เหตุใดเจ้าต้องทำร้ายข้า ทำลายโฉมของข้า”เพื่อวันนี้ นางตั้งใจเตรียมตัวมาเป็นเวลานานมาก นางฝึกซ้อมการร่ายรำ ไม่ว่าจะเหน็ดเหนื่อยเพียงใดนางก็อดทนจนผ่านมาได้แล้ว นางทำสำเร็จแล้วชัดๆ เซี่ยซางถูกนางดึงดูดมาได้สำเร็จแล้ว คิดไม่ถึงว่าวิธีการของเจียงเฟิ่งหัวจะอำมหิตเช่

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 220

    พระชายาอวี้อ๋องได้ยินเซี่ยอวี้พูดถึงเรื่องนี้มานานแล้ว นางจึงชัดแจ้งเป็นอย่างดี ตอนนั้นนางก็เพียงฟังเป็นเรื่องขำขันเท่านั้น ทว่าต่อมา เมื่อก็นางถูกเซี่ยอวี้ทรมานจนแทบทนมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ไหวนานแล้ว เซี่ยอวี้ให้ท้ายอนุทำร้ายภรรยา เซี่ยซางก็เป็นเช่นเดียวกันพวกเชื้อพระวงศ์ชายพวกนี้ คิดว่าสตรีรังแกได้ง่ายจริงๆ อย่างนั้นหรือในเมื่อคิดจะโวยวาย เช่นนั้นก็เปิดโปงออกมาให้เป็นเรื่องใหญ่ไปเสียเลย นางมีลูกไม่ได้ดังนั้นจึงไม่กลัวสิ่งใดอีก ถึงอย่างไรแม่สามีก็ไม่ชอบนาง และสามีก็ไม่รักนางอีก ช้าเร็วก็ต้องแก่ตายอย่างโดดเดี่ยว กระทั่งถูกเซี่ยอวี้ทุบตีจนตายก็เป็นไปได้หลังจากที่ทุกคนได้ฟังก็รู้สึกประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าจะยังมีเรื่องเช่นนี้ฮ่องเต้เป็นผู้ที่รู้เรื่องนี้ แม้เขาจะตำหนิเซี่ยซางไปหลายประโยค แต่เมื่อมิได้ก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ใดขึ้นมา เขาจึงได้ปล่อยไปสายตาที่เซี่ยซางมองเจียงเฟิ่งหัวยิ่งรู้สึกผิดขึ้นไปอีก เรื่องในวันนั้น ยังเป็นเจียงเฟิ่งหัวที่ช่วยพวกเขาคลี่คลายจนสงบด้วยเขาจึงหันไปกล่าวกับซูถิงหว่านอย่างเย็นชาว่า “เจ้าอย่าได้กล่าวหาพระชายาอย่างไร้มูล ข้าอยู่กับพระชายาตลอดเวลา ดังนั้นเป็นไ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 221  

    ในตอนนี้เอง หมอหลวงหวังรีบร้อนวิ่งเข้ามาพร้อมกล่าวว่า “เจอแล้ว กระหม่อมเจอแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ทุกคนต่างหันมองมาทางเขา ทันใดนั้นหมอหลวงหวังพลันสืบเท้าไปถึงเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาท “ทูลฝ่าบาท สิ่งนี้ก็คือต้นเหตุที่ทำให้พระชายารองซูมีตุ่มพุพองขึ้นเต็มตัวพ่ะย่ะค่ะ” เห็นเพียงในมือของเขาถือชามใบหนึ่งไว้ ภายในถ้วยมีบางสิ่งเป็นก้อนสีดำมืดขยับได้ มองแล้วน่าสะอิดสะเอียนยิ่งนัก ขนลุกขนชันไปทั้งตัว ฝ่าบาทเห็นเช่นนั้นหัวคิ้วก็ขมวดขึ้นทันที “สิ่งนี้คืออะไรหรือ?” “สิ่งนี้คือหนอนชนิดหนึ่งซึ่งใช้สำหรับรักษากามโรคพ่ะย่ะค่ะ พระสนมทรงใช้เทียบยาพื้นบ้านของสามัญชนรักษาโรคดังกล่าว เป็นเหตุให้ตัวอ่อนในพระครรภ์ของนางจากไปทั้งที่ยังอยู่ในพระครรภ์พ่ะย่ะค่ะ วันนี้พระชายารองซูได้สัมผัสพระสนมเจี๋ยอวี๋ กระหม่อมจึงคาดว่าที่ใบหน้าพระชายารองซูมีตุ่มพุพองก็เป็นเพราะมันพ่ะย่ะค่ะ” สิ้นเสียงของหมอหลวงหวัง คนที่รุมล้อมอยู่รอบข้างทั้งหมดล้วนตกใจกลัวจนต้องถอยตัวออกห่าง ถอยออกไปไกล ราวกับว่าพระชายารองซูก็เป็นกามโรคเหมือนกับท่านป้าของนางและจะติดต่อมาสู่พวกเขาได้อย่างไรอย่างนั้น เฉิงฮองเฮายิ่งดึงตัวเซี่ยซางให้ห่างออกมา “หากต

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 222  

    เซี่ยซางสืบเท้าไปด้านหน้า อุ้มนางขึ้นมาพร้อมเอ่ยว่า “หมอหลวงหวัง รีบมาดูอาการพระชายาเร็วเข้าเถิด” หมอหลวงหวังยุ่งจนปลีกตัวไม่ได้ วันนี้เป็นเทศกาลไหว้พระจันทร์ด้วยพอดี และมีเพียงเขาคนเดียวที่เข้าเวรในสำนักหมอหลวง เขามองพระชายารอง ก่อนจะหันมามองพระชายาอีกครั้ง ร้อนรนจนเหงื่อท่วมศีรษะแล้ว เหลียนเย่อยู่อีกด้านหนึ่ง ในแววตาก็ฉายประกายร้อนใจเช่นกัน ขอบตาแดงก่ำแล้ว นางคุกเข่าลงเบื้องหน้าเจียงเฟิ่งหัว พลางบ่นพึมพำต่อหน้าเซี่ยซาง “เหตุใดต้องให้พระชายาของพวกบ่าวมารับชะตากรรมทั้งหมดนี้โดยไม่จำเป็นด้วย” เซี่ยซางได้ยินเสียงสาวใช้บ่น เผลอกำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว เหตุใดหวานหว่านถึงได้สอนไม่เชื่อฟัง ทั้งที่เจียงเฟิ่งหัวปฏิบัติต่อนางด้วยความตั้งใจ ทว่านางกลับไม่รู้ผิดชอบชั่วดีถึงเพียงนี้ ขณะที่หมอหลวงหวังกำลังจะจับชีพจรให้เจียงเฟิ่งหัว เหลียนเย่ก็ล้วงผ้าเช็ดหน้าสีขาวบริสุทธิ์ออกมาจากตัวและคลุมบนข้อมือของนาง กั้นด้วยผ้าเช็ดหน้า หมอหลวงหวังสงบจิตใจจับชีพจรให้เจียงเฟิ่งหัวอย่างระมัดระวัง ภายหลังจากนั้น แววตาของหมอหลวงหวังก็สว่างวาบขึ้น “ชีพจรมงคลพ่ะย่ะค่ะ”  “ยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง พระชายาทรงม

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 223  

    “ท่านอ๋อง” เจียงเฟิ่งหัวเอ่ยด้วยเสียงอ่อนแอ “พระชายารองซูเป็นอย่างไรบ้างเพคะ หม่อมฉันมิได้ทำร้ายนางจริง ๆ นะเพคะ ยิ่งไปกว่านั้นหม่อมฉันมิได้มีความสัมพันธ์ใดกับชายอื่นทั้งสิ้น ภาพชาตินี้ของหรวนหร่วนพึงใจเพียงท่านอ๋องผู้เดียว ท่านเชื่อหม่อมฉันหรือไม่เพคะ?” ประโยคสุดท้ายแสดงออกชัดเจนว่านางกำลังหวาดหวั่น และระมัดระวังอย่างยิ่ง เซี่ยซางเห็นท่าทีเช่นนี้ของนางก็เอ่ยว่า “ข้าเชื่อเจ้า” ยามนั้นเรื่องราวยังมิได้ตรวจสอบให้กระจ่าง เขาเองก็ลังเลอยู่บ้าง เขามิได้เชื่อนางสนิทใจ บางคนก็พึงใจพระชายาของเขา นั่นเป็นสิ่งยืนยันว่านางมีคุณค่ามากพอ ทั้งที่นางไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น แต่เขาเกือบหลงเชื่อลมปากของซูถิงหว่านแล้ว และไปเคลือบแคลงกล่าวโทษนาง เขาสมควรตายจริง ๆ “ท่านอ๋อง มีเพียงเรื่องเดียวที่หม่อมฉันปิดบังท่าน” แววตาของเจียงเฟิ่งหัวฉายประกายหวาดหวั่นออกมา “ความจริงพี่ชายใหญ่ของหม่อมฉันเคยพาหม่อมฉันไปที่หออี๋ชุน และหม่อมฉันก็ยังได้พบท่านอ๋องที่หออี๋ชุน…เมื่อคืนนั้นท่านอ๋องกลับจวนไปในสภาพดื่มหนักจนเมามาย หม่อมฉันเคยบอกท่านอ๋องไปในตอนที่หม่อมฉันดูแลท่านอ๋อง แต่เหมือนว่าท่านจะลืมไปแล้ว” เจียงเฟิ่งหัว

บทล่าสุด

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 376  

    เหลียนเย่หยิบมาลองดม รู้สึกเพียงกลิ่นหอมสดชื่นโชยปะทะจมูก หอมยิ่งนัก “หากว่าคุณหนูมีของสิ่งนี้ตั้งแต่เมื่อเยาว์วัยก็คงดี ตอนเด็ก ๆ จะได้ไม่ต้องฝันร้ายบ่อย ๆ อีก” อ้าวเสวี่ยถามเหลียนเย่ “เกิด อะไรขึ้นกับพระชายากันแน่ พวกเจ้ารับใช้พระชายามาตั้งแต่ยังเล็ก เคยเกิดเรื่องน่าสะพรึงกลัวใดขึ้นกับนางมาก่อนหรือไม่?” “ไม่มี คุณหนูมีชีวิตเป็นสุขดีมาตลอด หากว่ายาหอมคืนเรือนสามารถช่วยให้คุณหนูไม่ต้องฝันร้ายอีกเช่นนั้นก็ดีมากแล้วจริง ๆ” ที่เหลียนเย่กล่าวมาเป็นความจริง เช้าตรู่วันต่อมา หลังจากเจียงเฟิ่งหัวตื่นขึ้นมาแล้วนางดูปกติคล้ายว่าไม่เคยมีเรื่องใดเกิดขึ้นมาก่อน เห็นอ้าวเสวี่ยและเหลียนเย่เฝ้าอยู่ในห้องของนาง นางก็เหยียดตัวบิดขี้เกียจพลางกล่าวว่า “เมื่อคืนหลับสบายจริง ๆ ข้ารู้สึกจิตใจปลอดโปร่ง ร่างกายสดชื่นดีมาก พวกเจ้าได้จุดกำยานอะไรเอาไว้หรือไม่?” เหลียนเย่เห็นนางลืมเรื่องเมื่อคืนที่ละเมอร้องไห้ในความฝันไปก็ถามขึ้นว่า “พระชายาจำอะไรไม่ได้เลยหรือเพคะ?” “ข้าต้องจำอะไรได้หรือ?” เจียงเฟิ่งหัวประคองท้องของตนเองเดินลงมาจากเตียงพลางเอ่ยว่า “ข้าจำได้ว่าเมื่อคืนข้ากับเจ้านอนด้วยกัน” “ใช่แล้วเพค

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 375  

    ครั้นส่งสี่หมัวมัวออกไปแล้ว เจียงเฟิ่งหัวเองก็มิอาจใจเย็นอยู่เฉยได้ ซูถิงหว่านต้องมีความทรงจำจากเมื่ออดีตชาติแล้วแน่ ซูถิงหว่านรู้แล้วว่าหลังจากนี้นางจะได้เป็นฮองเฮา เพราะฉะนั้นนางถึงได้ไม่เกรงกลัวเพราะมีสิ่งยึดเหนี่ยว หากมิใช่เพราะการตายของจีเฉินทำให้การเดินทางของนางล่าช้า นางอาจจะมุ่งหน้าไปเขตชายแดนเพื่อรวมตัวกับคนสกุลซูแล้วก็ได้ นางมิอาจเอาความโปรดปรานของเซี่ยซางมาเดิมพันว่าตำแหน่งของนางจะมั่นคง เมื่อวานฝ่าบาทนอกจากพระราชทานสิ่งล้ำค่าให้กับนางเพื่อเป็นรางวัลแล้ว ยังพระราชทานป้ายอาญาสิทธิ์ทองคำส่วนพระองค์ป้ายหนึ่งให้กับนางด้วย ด้านบนมีอักษรเขียนว่า ‘เสมือนฮ่องเต้เสด็จ’ มีมันแล้ว นางก็สามารถเดินผ่านได้ทุกที่ในวังหลวงแม้กระทั่งทั่วทั้งใต้หล้า ตอนแรกนางงุนงงอยู่เล็กน้อย ต่อมาเฉากงกงถึงได้เร่งให้นางรีบกล่าวขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทได้ สัญลักษณ์ของผู้ที่ได้รับป้ายทองอาญาสิทธิ์อันนี้ก็คืออำนาจ คือความไว้เนื้อเชื่อใจที่ฝ่าบาทมีต่อนาง “พระชายา ท่านเป็นอะไรไปเพคะ หน้าซีดเชียวเพคะ” เหลียนเย่เห็นนางเงียบไปนาน เหม่อลอยอยู่ตามลำพัง “เปล่า อาจเพราะเหนื่อยล้าเกินไปหน่อยกระมัง ข

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 374  

    สี่หมัวมัวตกใจกลัวตัวสั่น รีบยั้งปากทันใด ครั้นมาถึงด้านในตำหนักเฉินซี เจียงเฟิ่งหัวก็สั่งให้เหลียนเย่ปิดประตูทันที ทิ้งให้อยู่ในห้องกับสี่หมัวมัวลำพัง เห็นเพียงนางสีหน้าเยือกเย็น พร้อมเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “สี่หมัวมัว เจ้าคงจะทราบดีว่าคำพูดเมื่อครู่ของเจ้ามีโทษหนักถึงขั้นตัดศีรษะ บัดนี้เสด็จพ่อมีพระพลานามัยแข็งแรงดี ตำแหน่งองค์รัชทายาทยังมิได้แต่งตั้ง เจ้ากลับเผยแพร่คำพูดเหล่านี้โดยพลการ มิเพียงเจ้าจะรักษาศีรษะของเจ้าไว้ไม่ได้ แม้แต่เสด็จแม่ ท่านอ๋องและข้าก็จะพลอยได้รับเคราะห์จากคำพูดประโยคนี้ของเข้าไปด้วย” สี่หมัวมัวตกใจกลัวจนเหงื่อเย็นไหลพราก ๆ “บ่าวทราบเพคะ ดังนั้นบ่าวถึงได้เก็บงำไว้ในใจมาตลอด บางคำมิได้พูด บ่าวเองก็ทุกข์ใจเพคะ หนนี้ถึงได้อยากแจ้งพระชายา อยากให้พระชายาช่วยโน้มน้าวฮองเฮาด้วยเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวกล่าวอย่างจงใจ “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าถ้อยคำเหล่านี้พระชายารองซูเอ่ยกับเสด็จแม่ เจ้ามิได้โป้ปดจริงแน่หรือ” สี่หมัวมัวเล่าอย่างละเอียดไม่มีปิดบัง “ถ้อยคำเหล่านี้บ่าวมิได้เป็นคนพูดเพคะ บ่าวจะกล้าพูดแบบนี้ออกไปได้อย่างไรเพคะ และมิใช่ฮองเฮาเป็นคนตรัสด้วยเพคะ ถ้อยคำเห

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 373  

    ผ่านไปสองวัน ซูถิงหว่านยังไม่กลับมา สุดท้ายแล้วนางเลือกเดินซ้ำรอยเดิมของชาติก่อนติดตามเซี่ยซางไปที่เขตชายแดน และที่น่าขันคือข่าวนี้เฉิงฮองเฮาเป็นคนมาบอกนางด้วยตนเอง ได้ยินเฉิงฮองเฮากล่าวว่า “พระชายารองซูไปที่เขตชายแดนเพื่อช่วยซางเอ๋อร์ทำศึก ซางเอ๋อร์เองก็จำเป็นต้องมีสตรีสักคนคอยดูแลอยู่เคียงข้างกาย ส่วนเจ้าก็ท้องแก่แล้ว ข้าจึงอนุญาตให้นางไป หรวนหร่วนเจ้าคงไม่กล่าวโทษข้ากระมัง” เจียงเฟิ่งหัวผุดยิ้มน้อย ๆ พลางเอ่ยว่า “เสด็จแม่ทรงคิดรอบคอบ ท่านอ๋องมีคนเอาใจใส่อยู่เคียงข้างกายสักคนก็นับว่าดีเพคะ เพียงแต่เหมันต์ฤดูอากาศข้างนอกหนาวเย็นยิ่งนัก และอีกไม่นานก็จะถึงวันปีใหม่แล้ว พระชายารองซูเป็นสตรีตัวคนเดียวเดินทางไปเช่นนั้นจะปลอดภัยหรือเพคะ” “นางมีวรยุทธ์ติดตัว และมีกองทัพสกุลซูปกป้องคุ้มครอง ปลอดภัยไร้กังวล เราเห็นว่านางก็มิได้มีท่าทีอิดออดอะไร” “เป็นเช่นนี้ก็ดียิ่งนักเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ฮองเฮาเปลี่ยนใจรวดเร็วเสียจริง ตอนแรกยังคัดค้านเซี่ยซางอย่างสุดกำลังไม่ให้พาสตรีไปออกศึก อ้างว่าจะไม่เป็นสิริมงคล ถึงขั้นทำลายความองอาจน่าเกรงขามของหัวหน้าแม่ทัพ ทว่าบัดนี้กลับอ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 372  

    เจียงเฟิ่งหัวออกจากตำหนักคุนหนิงก็ตรงไปยังตำหนักเฉินซีทันที ในตอนนั้น เห็นนางกำนัลคนหนึ่งท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ ก็โพล่งเสียงตำหนิออกไป “ใคร” อ้าวเสวี่ยตั้งรับทันที ไม่รอให้นางเดินเข้าไปใกล้ อวิ๋นฟางก็เดินงก ๆ เงิ่น ๆ มาหยุดเบื้องหน้าเจียงเฟิ่งหัว “บ่าวคารวะเพคะพระชายา” เจียงเฟิ่งหัวเห็นนางชัดถนัดตาแล้วก็แอบคิดเงียบ ๆ ในใจ นางมีฝีมือไม่เบาเลยทีเดียว แอบลอบกลับวังมาได้ ทว่าด้วยสถานการณ์ของนางตอนนี้ ซูถิงหว่านไม่มีทางปล่อยนางไปแน่ นางจนตรอกไม่มีทางถอยแล้ว จำต้องวิ่งเข้ามาหลบในวังถึงจะไม่ถูกคนไล่ล่า อ้าวเสวี่ยและเหลียนเย่เองก็ชะงักงันไปแล้วเช่นกัน อวิ๋นฟางช่างกล้าหาญยิ่งนัก กล้ากลับเข้ามาในวังหลวงอีก พวกนางคิดว่าหลังจากอวิ๋นฟางหนีไปทางประตูหลังของเขตเมืองหลวงแล้ว นางจะหนีออกไปจากเมืองเซิ่งจิง อย่างน้อยก็ต้องหนีให้ห่างไกลจากเรื่องวุ่นวาย ปกป้องชีวิตไว้เป็นสำคัญ “เข้ามาเถิด!” เจียงเฟิ่งหัวกล่าว อวิ๋นฟางตามเข้าไปในตำหนักเฉินซี นางกำนัลได้ต้มน้ำร้อนเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว ภายในห้องอบอุ่นเป็นอย่างยิ่ง ภายใต้แสงตะเกียงสว่างรุบรู่ อวิ๋นฟางก็เริ่มขะมักเขม้นทำงานสารพัดทั้งยกน้ำเทน้ำ นางยังกระตือ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 371  

    เฉิงฮองเฮาเปิดเปลือกตา ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบว่า “มาแล้ว จัดการเรื่องข้างนอกวังเรียบร้อยดีแล้วหรือยัง? ออกจากวังไปครึ่งเดือนแล้วมิใช่หรือ!” เจียงเฟิ่งหัวท่าทางมิได้หยิ่งยโสเกินควรแต่ก็มิได้ถ่อมตัวจนเกินเหตุ “ทูลเสด็จแม่ จัดการเหมาะสมเรียบร้อยดีแล้วเพคะ” “ข้าได้ยินว่าเมื่อสิบวันก่อนสินค้าและวัตถุดิบถูกส่งไปหมดแล้ว” แม่สามีของนางก็ดูจะวางมาดขึ้นเช่นกัน ราวกับต้องการให้นางยอมเชื่อฟังคำสั่งสอน เหมือนกับเมื่อชาติก่อนไม่มีผิด “เพคะ เพียงแต่ของที่ส่งออกไปเมื่อสิบวันก่อนเป็นแค่ชุดแรกเพคะ เพราะมีจำนวนมากเกินไป ชุดต่อไปจะต้องทยอยลำเลียงออกไปเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวกล่าวอย่างละเอียด มองแล้วอ่อนโยนนอบน้อม สงบเสงี่ยมเรียบร้อยมารยาทเพียบพร้อมไร้ที่ติ แม้แต่เฉิงฮองเฮายังมิอาจหาจุดใส่ไฟได้เลย “ลุกขึ้นมานั่งเถิด” น้ำเสียงของเฉิงฮองเฮาฟังดูดีขึ้นเล็กน้อย “ซางเอ๋อร์มีสกุลซูคอยจุนเจือ บัดนี้เด็กในครรภ์ของเจ้าสำคัญเหนือสิ่งใด อย่ามัวเพ่นพ่านด้านนอกมากนัก อย่าไปข้องเกี่ยวกับสตรีในหมู่ขุนนางราชสำนักมากเกินไป ที่สำคัญจงอย่าได้มัวละโมบใฝ่หาความดีความชอบจนลำดับความสำคัญผิดไป” เจียงเฟิ่งหัวคิดในใจ ตอนอ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 370

    “เพคะ สะใภ้รับบัญชา”จากนั้น เจียงเฟิ่งหัวก็วางหมากลงไปตัวหนึ่ง “เสด็จพ่อ ทรงแพ้แล้วเพคะ”ฮ่องเต้เหลือบมองกระดานหมากคราหนึ่ง เริ่มจากความตกตะลึง ตามด้วยสีหน้ามืดครึ้มที่มองไม่ออก จากนั้นก็ทรงหัวเราะออกมาว่า “ดูเหมือนเราไม่อาจไม่ตกรางวัลนี้แล้ว มาเล่นอีกตา หากเจ้าชนะเราอีก เราก็จะมอบรางวัลให้อีกครั้ง”เจียงเฟิ่งหัวเก็บหมากบนกระดานขึ้นมาอย่างเยือกเย็น ไร้ความลนลาน “ลูกก็ชนะมาได้อย่างหวุดหวิดเพคะ ต้องเป็นเพราะเมื่อครู่เสด็จพ่อทรงฟังลูกพูดเพลิน จึงได้ออมมือให้ลูกแน่เลยเพคะ”“เจ้าคงไม่รู้สินะ หลายวันมานี้เรามีราชโองการเรียกตัวบิดาของเจ้าเข้าวังมาเดินหมากเป็นเพื่อนเราทุกวัน เขากลับไม่เคยชนะเราเลยสักตา ช่างน่าเบื่อนัก แต่เขาบอกว่าบุตรสาวของเขาเป็นยอดฝีมือในการเดินหมาก เรายังคิดว่าเขาพูดเกินจริงเสียอีก แต่วันนี้ หลังได้เดินหมากไปกระดานหนึ่งเราก็เชื่อแล้ว”“ท่านพ่อก็เหมือนยายหวังขายแตง ที่ชอบขายเองชมเองเพคะ ต่อให้บุตรสาวของท่านจะทำสิ่งใดไม่เป็นเลย ท่านก็รู้สึกว่าดีอยู่ดีเพคะ”“ยังถ่อมตัวเข้าเสียแล้ว เมื่อมาเป็นลูกสะใภ้ของราชวงศ์เรา แค่การถ่อมตนอย่างเดียวไม่พอหรอกนะ ในอนาคตยังต้องช่วยซางเอ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 369

    เมื่อเจียงเฟิ่งหัวกลับวังก็ถูกฮ่องเต้เรียนตัวไปที่ห้องทรงอักษร หลังนางรายงานเรื่องภารกิจที่ฮ่องเต้มอบหมายให้นาง ก็วางแผนจะกลับตำหนักคุนหนิงไปคารวะฮองเฮาแต่จู่ๆ ฮ่องเต้ก็ตรัสขึ้นมาว่า “ได้ยินว่าพระชายาของเหิงอ๋องชำนาญการวางหมาก เราอยากหาคนมาเล่นด้วยสักตาพอดี ว่าอย่างไร จะอยู่เล่นเป็นเพื่อนเราสักตาหรือไม่”เจียงเฟิ่งหัวคารวะลงรอบหนึ่งด้วยมารยาที่พอเหมาะ ไม่ถ่อมตัวไม่เย่อหยิ่ง แล้วกล่าวอย่างเคารพว่า “เคารพมิสู้เชื่อฟัง สะใภ้ย่อมทำตามพระบัญชาของเสด็จพ่อเพคะ แต่หากเสด็จพ่อทรงเป็นฝ่ายปราชัย ลูกจะขอรางวัลจากเสด็จพ่อสักอย่างได้ไหมเพคะ”ฮ่องเต้ตรัสว่า “อยากได้อะไรก็พูดมาได้เลย หากเจ้าเอาชนะข้าได้ ก็ถือเป็นรางวัลที่เจ้ามีผลงานใดการทำคดี แต่หากพ่ายแพ้ รางวัลก็จะไม่มีแล้วนะ”เจียงเฟิ่งหัวแอบคิดว่า “ฮ่องเต้ยังคงเป็นพวกที่ไม่ยอมเสียเปรียบ ถึงกับเอารางวัลของนางมาใช้เดิมพันหมาก หากนางชนะหมากควรนับเป็นรางวัลพิเศษไม่ใช่หรือ!”“เพคะ” นางตอบอย่างว่าง่ายเพราะในท้องของเจียงเฟิ่งหัวมีเด็กอยู่ เพื่อดูแลเด็กในท้องของนาง จึงให้หัวหน้าขันทีเฉายกโต๊ะที่สูงขึ้นเล็กน้อยเข้ามาตัวหนึ่งมาใช้แก้ขัด และยังเตรียม

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 368

    คนทั้งสองเท้าสะเอวหัวเราะขึ้นมา “คนที่คิดจะช่วยคุณหนูหลินของเราไถ่ตัวมีเต็มไปหมด ท่านต่อแถวไม่ทันหรอก อีกอย่าง ท่านก็ไม่มีคุณสมบัตินั้นด้วย อย่าได้เพ้อฝันอีกเลย” คุณหนูหลินไม่ขาดแคลนเงินทอง ทั่วทั้งหออี๋ชุนล้วนอยู่ใต้การตัดสินใจของนาง ไม่จำเป็นต้องไถ่ตัวเพราะนางไม่มีสัญญาขายตัว“ข้าจะต้องแต่งนางเป็นภรรยาให้ได้ พวกเจ้ารอก่อนเถอะ” กัวเซี่ยวตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าจะแต่งกับหลินอวี่ให้ได้ในบรรดาเหล่าคุณชายตระกูลใหญ่ กัวเซี่ยวก็พอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง เขาหน้าตาไม่เลว ชาติตระกูลก็ไม่เลว เขาจึงคิดว่าหลินอวี่ไม่มีทางปฏิเสธแน่ได้ยินเขาพูดเช่นนั้น จื่อฮุ่ยจึงเอ่ยบ้างว่า “หากคิดจะแต่งกับคุณหนูของข้า นอกเสียจากว่าท่านจะเป็นจอหงวน นั่นอาจพอมีโอกาสบ้าง ไม่เช่นนั้นก็อย่าได้เสียเวลาอีกเลย”กัวเซี่ยวตะลึงงันไปแล้ว ที่เขาไม่ชอบที่สุดก็คือการอ่านตำรานี่แหละเห็นเขายังคงไม่ยอมจากไปอีก พวกนางก็ไม่อยากเปลืองน้ำลายกับเขาแล้ว จึงตีกัวเซี่ยวจนสลบแล้วโยนเขาออกไปนอกหออี๋ชุนเสียเลย “ช่างน่ารำคาญเหลือเกิน คนที่อยากแต่งงานกับคุณหนูของข้าตอนนี้ต่อแถวไปถึงนอกประตูเมืองนู่นแล้ว ค่อยๆ ไปต่อแถวเถอะ” พวกนางย่อมไม่เห็น

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status