แชร์

บทที่ 2

ผู้เขียน: กระต่ายน้อยใต้ดวงจันทร์
เมื่อครู่ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วเวลากะพริบตาเดียวเท่านั้น ความเคลื่อนไหวของเซี่ยซางนับว่าว่องไว ดึงผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวที่ร่วงลงมาตรงอกเจียงเฟิ่งหัวคลุมศีรษะให้นางใหม่ หลังจากนั้นเขาก็กลับไปมีท่าทางห่างเหินที่ห้ามคนแปลกหน้าใกล้ชิดอีกครั้ง ไอเย็นห่อหุ้มรอบกาย แววตายิ่งเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง ปราศจากความรู้สึกแม้เศษเสี้ยว น้ำเสียงหนักแน่นเปี่ยมเสน่ห์ดึงดูดดังขึ้นริมโสตนาง “เจ้ายังดำเนินพิธีต่อได้หรือไม่?”

เจียงเฟิ่งหัวพยักหน้าน้อยๆ “เพคะ”

นางรู้ว่าถึงเซี่ยซางจะไม่ยินดีแต่งงานกับนาง แต่ก็ไม่มีทางเห็นคนประสบอันตรายแล้วไม่ช่วยเหลือ พวกเขาไม่เคยพบกันมาก่อน เจอกันครั้งแรกก็วีรบุรุษช่วยสาวงาม เท่านี้ก็พอให้ซูถิงหว่านที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางฝูงชนถือสาแล้ว ส่วนว่าความเคลื่อนไหวของนางจะทำให้แม่สามีไม่พอใจหรือไม่นั้น มิได้อยู่ในขอบเขตการพิจารณของนาง

ยามนั้นขุนนางผู้ดำเนินพิธีรีบเอ่ยว่า “ยิ่งไฟลุกยิ่งรุ่งโรจน์ ยิ่งโหมไหม้ยิ่งเป็นมงคล ชีวิตของพระชายากับท่านอ๋องจะต้องรุ่งโรจน์โชติช่วง เจริญรุ่งเรืองเป็นแน่แท้ ดำเนินพิธีมงคลสมรสต่อไปได้...”

ทุกคนเห็นเจ้าสาวเพียงแวบเดียวก็เอ่ยวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความประหลาดใจว่า “คิดไม่ถึงว่าในบ้านราชครูเจียงจะซุกซ่อนยอดพธูเอาไว้คนหนึ่ง”

ถึงขั้นมีคนร่ายบทกวีออกมาว่า “พันสารทไร้ผู้งามเลิศในปฐพี รื่นตาไซร้คือหญิงงาม โฉมล่มแคว้นล่มเมือง คนทั้งใต้หล้าพานตะลึง ที่พูดถึงคงเป็นพระชายาของเหิงอ๋องเองสินะ!”

ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ฮองเฮาที่ชมพิธีจากข้างๆ ก็ปาดเหงื่อแทนพวกเขา นางไม่ได้พูดอะไร ในไม่ช้าสีหน้าก็กลับไปเป็นปกติ แสร้งยิ้มเอ่ยว่า “ซางเอ๋อร์เผชิญอันตรายโดยมิพรั่น ภายภาคหน้าจะต้องปกป้องภรรยาได้ดีเป็นแน่แท้”

คนข้างๆ ก็เอ่ยเสริม “เหิงอ๋องตอบสนองรวดเร็ว หากมิใช่เขาปกป้องพระชายา ถ้าสะดุดล้มลงไปบนกองไฟทั้งอย่างนั้นเกรงว่า...คงเสียโฉมแล้ว”

พิธีมงคลสมรสดำเนินต่อไป เมื่อเสร็จสิ้นพิธีแล้ว เจียงเฟิ่งหัวก็ถูกสาวใช้กับแม่นมประคองไปยังห้องหอ ส่วนเจ้าบ่าวรั้งอยู่รับแขกที่โถงหน้า

เจียงเฟิ่งหัวเข้าไปในห้องหอก็ไล่ข้ารับใช้ออกไป ในห้องเหลือเพียงหงซิ่วกับเหลียนเย่สาวใช้ที่ติดตามนางออกเรือนมา รอจนข้ารับใช้ปิดประตูแล้ว ประสาทที่ตึงเครียดของนางค่อยผ่อนคลายลง นางยกมือขึ้นเปิดผ้าคลุมหน้า ทุบสองขาและหลังส่วนล่างที่ปวดเมื่อย สั่งความว่า “เหลียนเย่ไปบอกให้สวีหมัวมัวเตรียมน้ำที ข้าจะอาบน้ำ”

เหลียนเย่เอ่ยเสียงเบา “คุณหนูแต่งหน้าประณีตปานนี้ หากล้างออกทั้งอย่างนี้ก็น่าเสียดายแย่ ชั่วชีวิตผู้หญิงมีเพียงวันแต่งงานที่งดงามที่สุดแล้ว”

เจียงเฟิ่งหัวเข้าใจความคิดของอีกฝ่าย นางคลี่ยิ้มบาง “เหิงอ๋องมิใช่คนที่เห็นหญิงงามแล้วขาดความยับยั้งชั่งใจ อีกอย่างเมื่อครู่ก็เห็นไปแล้ว ไม่มีอันใดน่าค้นหาอีก หากไม่ใช่คนที่ใช่แล้วไซร้ จะทุ่มเทความคิดเท่าใดล้วนไร้ประโยชน์”

ชุดพิธีการที่หนาหนักรุ่มร่ามสวมอยู่บนร่างมีแต่จะทำให้นางรู้สึกหายใจไม่ออก

เหลียนเย่ยังคงรู้สึกเสียดาย เมื่อครู่ไฉนหงซิ่วจึงไม่ประคองคุณหนูให้ดีๆ จนทำให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น นางไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงออกไปจัดการเรื่องน้ำ

หงซิ่วกล่าว “พระชายา บ่าวช่วยถอดมงกุฎหงส์และเครื่องประดับ นวดไหล่คลายเมื่อยให้ท่านนะเพคะ” พวกนางติดตามคุณหนูมาตั้งแต่เด็ก ทราบว่านิสัยคุณหนูพูดคำไหนคำนั้น ก่อนที่จะมีราชโองการประทานสมรสลงมา คุณหนูก็ให้พวกนางไปตรวจสอบเหิงอ๋องอย่างลับๆ จึงรู้มาแต่แรกแล้วว่าเหิงอ๋องมีสตรีที่ชอบอยู่คนหนึ่ง

“อืม ถอดออกเถอะ!” อย่างไรเสียเซี่ยซางก็คงไม่กลับมาไวปานนั้น นางเหนื่อยมาทั้งวันแล้วจึงหมดแรงมาแต่แรก

เจียงเฟิ่งหัวอาบน้ำเสร็จก็เตรียมเข้านิทราอย่างสบายอารมณ์ ทั้งกำชับหงซิ่วว่าให้ปลุกนางตอนเที่ยงคืน เนื่องจากเซี่ยซางจะมาตอนเที่ยงคืนหนึ่งเค่อ ชาติก่อนนางนั่งรอจนเอวแทบหัก เขาถึงจะกลับมา

หงซิ่วไม่ประหลาดใจในความสามารถรู้ล่วงหน้าของคุณหนูเลยสักนิด คุณหนูเฉลียวฉลาดมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว

เที่ยงคืนหนึ่งเค่อ เสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังมาจากในโถงทางเดิน หงซิ่วเกาะประตูส่องผ่านร่องประตูออกไปก็เห็นองครักษ์ประคองเหิงอ๋องตรงมายังห้องหอดังคาด นางรีบวิ่งไปข้างเตียง “คุณหนูทายแม่นนักเจ้าค่ะ ท่านอ๋องกลับมาเวลานี้จริงๆ ด้วย แต่คุณหนูถอดเครื่องประดับออกหมดแล้ว อาภรณ์ไม่มิดชิด ท่านอ๋องจะรู้สึกว่าคุณหนูไม่สุภาพเรียบร้อยหรือเปล่าเจ้าคะ? ยามนี้คุณหนูคือพระชายาเหิงอ๋องเชียวนะเจ้าคะ ไม่อาจทำอะไรตามอำเภอใจเหมือนตอนที่ยังไม่ออกเรือนได้อีกแล้ว”

“ท่านอ๋องไม่โปรดคนที่เรียบร้อยเกินไป” เขาคร้านจะมองตนเองด้วยซ้ำ ยิ่งไม่มีทางสนใจว่านางจะแต่งกายอย่างไร ยามนี้นางแค่หวังให้ตนเองผ่อนคลายสบายใจเท่านั้น

ผมดำสนิทของเจียงเฟิ่งหัวปกคลุมไหล่ประหนึ่งน้ำตก กระโปรงเกาะอกสีแดงเข้มขับเน้นทรวงอกอวบอิ่มของนาง เอวคอดดุจกิ่งหลิว อ้อนแอ้นกำได้รอบ ผ้าโปร่งสีแดงเข้มคลุมไว้บนร่างอย่างหลวมๆ เผยให้เห็นนวลไหล่ขาวผ่องวับแวม ดวงหน้าประณีตซับสีแดงเรื่อ ผิวนุ่มดุจเต้าหู้ปราศจากตำหนิแม้เพียงจุดเดียว ดวงตาปรือปรอย ดุจดั่งภูตน้อยพราวเสน่ห์

หงซิ่วเห็นคุณหนูที่น่าหลงใหลปานนี้ก็กลืนน้ำลายอย่างอดไม่ได้ ถึงคุณหนูไม่แต่งหน้าก็ยังงามมากอยู่ดี ได้ยินบานประตูข้างนอกถูกคนผลักเปิดอย่างแผ่วเบา นางรีบคลุมผ้าคลุมหน้าให้เจียงเฟิ่งหัว

ลมราตรีพรูเข้ามา กลิ่นสุราเข้มข้นกระจายไปทั่ว เง่าร่างสูงโปร่งสายหนึ่งเดินอ้อมฉากกันลมไม้จันทน์แดงลายเมฆเข้ามา

ภายในห้องแสงเทียนสลัว ม่านเตียงสีแดงเข้มล้อแสงและเงา เงาร่างคนบนเตียงสว่างไสว แลดูงดงามวาบหวามอย่างบอกไม่ถูก

สิ่งที่เซี่ยซางมองเห็นเป็นอย่างแรกก็คือเท้าเปลือยขาวผ่องคู่หนึ่งบนพรมปูพื้นสีแดง นิ้วเท้านางจิกแน่น ท่าทางเหมือนตื่นเต้นสุดขีด เมื่อเห็นภาพนั้น ความเย็นชาก็ฉาบย้อมใบหน้าหล่อเหลาของเขา คิ้วขมวดมุ่น ดวงตาทอประกายเย็นเยียบ ทำให้คนสะท้านเยือกในใจอย่างอดไม่อยู่

หงซิ่วก็เห็นแล้วเช่นกันว่าคุณหนูไม่ได้สวมถุงเท้า นางพลันสะดุ้งตกใจ ลืมเท้าไปได้อย่างไรกันนะ แต่ตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว นางแข็งใจเดินอ้อมฉากกันลมออกไปทางประตูห้อง

เทียบกับสาวใช้ เจียงเฟิ่งหัวสงบผ่อนคลายกว่ามาก นางคลุมผ้าคลุมหน้านั่งตัวตรงอย่างเรียบร้อย เงาดำสายหนึ่งทอดลงแทบเท้าเจียงเฟิ่งหัว นางหดปลายเท้าเข้ามาอีก เกร็งหลังเท้า ท่าทางน่ารักทั้งแลดูขวัญอ่อน

เซี่ยซางเหลือบมองเตียงที่ยับย่นแวบหนึ่ง นึกเหน็บแนมในใจ เห็นทีบุตรีราชครูเจียงผู้นี้ก็ไม่ได้รู้ธรรมเนียมมารยาทเหมือนที่เสด็จแม่บอก ผลัดอาภรณ์แล้ว เครื่องประดับก็ถอดออกแล้ว คงเพิ่งตื่นนอนด้วยกระมัง

แต่งกายแบบนั้น นางคิดจะยั่วยวนอย่างนั้นรึ? นางมีดีอะไรกัน หรือนางคิดว่าอาศัยเพียงใบหน้านั้นของนางก็สามารถยั่วยวนให้เขาร่วมหอกับนางได้แล้ว

เขาไม่แน่ใจว่าเรื่องเมื่อตอนกลางวันเป็นเจียงเฟิ่งหัวจงใจให้เกิดขึ้นหรือไม่ทันระวังกันแน่ แต่เขามั่นใจว่าถึงนางงามกว่านี้ก็ไม่อาจสั่นคลอนความรักที่เขามีต่อหว่านเอ๋อร์ได้

เมื่อพิศดูอีกครั้ง นางกลับผ่อนคลายสบายอารมณ์เสียจริง เสียแรงที่เขาต้อนรับขับสู้แขกเหรื่ออยู่ข้างนอก ยุ่งจนหัวหมุน สุดท้ายยังถูกบรรดาอ๋องผู้พี่ผู้น้องกรอกสุรา เซี่ยซางอึดอัดคับข้องใจ ที่เขาแต่งงานกับนางก็เพราะเป็นประสงค์ของเสด็จแม่ เป็นแผนรับมือชั่วคราวเท่านั้นแหละ

เดิมเขาไม่อยากเข้ามา แต่พอนึกถึงว่าเสด็จแม่รับปากให้เขาแต่งหว่านเอ๋อร์เป็นชายารองได้ เขาจึงยังต้องให้เกียรติความสัมพันธ์นี้บ้าง มาบอกเจียงเฟิ่งหัวให้ชัดเจนย่อมเป็นการดีสำหรับทั้งสองฝ่าย ถ้านางสงบเสงี่ยมเจียมตัว ตนเองก็ย่อมจะปฏิบัติกับนางด้วยดี

เขาปรับอารมณ์แล้วเอื้อมมือเปิดผ้าคลุมหน้าของนาง

แล้วก็เห็นใบหน้าเล็กๆ ของเจียงเฟิ่งหัวแดงก่ำ ก้มหน้าน้อยๆ ร่างกายสั่นสะท้านเบาๆ พริบตานั้นยังไถลลงไปคุกเข่าบนพื้นอย่างขวัญอ่อน น้ำเสียงเบาหวิว “หม่อมฉันคารวะท่านอ๋องเพคะ”

เซี่ยซางคิดไม่ถึงว่าเจียงเฟิ่งหัวจะเป็นสตรีอ่อนแอขวัญอ่อนถึงเพียงนี้ ล้างเครื่องสำอางออกแล้ว รู้สึกว่าเครื่องหน้าของนางยิ่งประณีตพริ้มเพรากว่าเดิม ผิวพรรณขาวผ่อง ประหนึ่งเครื่องกระเบื้องหยกขาวชั้นดี คิ้วตาอ่อนโยน ละมุนละไมสง่างาม นางสงบนิ่งดุจหญิงพรหมจรรย์ ปานประหนึ่งนางเซียนที่ระหกระเหินมายังแดนมนุษย์

คิดถึงท่าทางหวาดกลัวของนางเมื่อกลางวัน เหมือนกวางน้อยที่ได้รับความตกใจกระนั้น นางโอบรอบคอเขาแน่น ดวงตาไร้เดียงสาหวาดหวั่น ท่าทางน่าสงสารพานให้คนรู้สึกรักหยกถนอมบุปผาขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่

เขาได้สติคืนมา ท่าทางสงบหนักแน่น กล่าวเสียงทุ้ม “ลุกขึ้นมาเถอะ! เจ้ากับข้าเป็นสามีภรรยา ไม่ต้องแสดงคารวะ”

เจียงเฟิ่งหัวหยัดกายขึ้นประหนึ่งต้นหลิวล้อลม ยืนฝั่งตรงข้ามกับเขา “เพคะ”
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
สิริรัตน์
น่าอ่านมาก
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 495

    “ใช่แล้ว อีกหลายปีข้างหน้า ข้าก็อยากยกตำแหน่งนี้ให้เจ้า” ซูเต๋อไห่กล่าว “เซี่ยซางเป็นกษัตริย์องค์ถัดไป แม้แต่จุดนี้เราก็เดาไม่ผิด ก็แค่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เขาจึงไม่เชื่อใจพวกเราสกุลซูแล้ว อันที่จริงหากเซี่ยซางเป็นคนฉลาด เขาเพิ่งขึ้นครองตำแหน่งองค์รัชทายาท คิดอยากนั่งตำแหน่งองค์รัชทายาทอย่างมั่นคง หรือแม้กระทั่งอนาคตขึ้นครองบัลลังก์อย่างมั่นคง เขาก็ไม่ควรทอดทิ้งพวกเราสกุลซู”“ท่านพ่อ หวานหว่านบอกว่าเจียงเฟิ่งหัวไม่มีทางได้เป็นฮองเฮาของเซี่ยซางเด็ดขาด ตำแหน่งฮองเฮาของเซี่ยซางเป็นของสกุลซู แต่ดูสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ลูกรู้สึกว่าต้องมีจุดไหนที่เกิดปัญหาแน่ สิ่งดี ๆ ถูกคนสกุลเจียงยึดครองไปหมดแล้ว หวานหว่านกลายเป็นคนคนนั้นที่ถูกเซี่ยซางละเลย”“หวานหว่านหมดประโยชน์แล้ว” ซูเต๋อไห่ได้แต่รู้สึกอับโชค “เลือกคนที่สวยที่สุดมา หัวสมองกลับโง่ที่สุด แค่มัดใจผู้ชายคนหนึ่งยังทำไม่ได้ นางยังมีประโยชน์อะไรอีก ข้าบอกหลิ่วเอ๋อร์แล้วว่า ให้รับลูกสาวของนางมา ใช้สถานะของสกุลซูเรา หากรัชทายาทจะเลือกพระชายารอง ก็ส่งลูกสาวสกุลซูเข้าไปให้เขาอีกคน ถึงอย่างไรก็ยังมีโอกาสเสมอ”ซูเซวี่ยนกลับไม่มีความหวังนี้แล้ว เซี่

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 494

    ตกกลางคืน ทั้งถนนเงียบงันปราศจากเสียง มืดมิดไปหมด ที่หน้าประตูจวนสกุลเจียง สิงโตหินสองตัวจ้องมองอย่างองอาจ แสดงให้เห็นถึงความน่าเกรงขามและสูงศักดิ์ของจวนแม่ทัพดึกสงัดไร้ผู้คน ทุกคนหลับใหลหมดแล้ว ทันใดนั้นที่หน้าประตูจวนสกุลซูก็มีคนแบกโลงศพโลงหนึ่งมาวางขวางหน้าประตูจากนั้นก็มีเสียงทุบประตูตึง ๆ ดังขึ้นติดต่อกันยามเฝ้าประตูได้ยินเสียงเคาะประตูติด ๆ กันก็เปิดประตู พอเห็นก็ตกใจถอยกรูดจนล้มไปกองที่พื้น “โลงศพ?”เพียงไม่นาน คนสกุลซูก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวแล้ววิ่งออกมาดู ก็เห็นโลงศพโลงหนึ่งขวางอยู่ตรงกลางทางเวลานี้เอง ซูเต๋อไห่กับซูเซวี่ยนได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวก็เร่งรุดมา ทุกคนต่างไม่กล้าก้าวออกไปข้างหน้า ซูเต๋อไห่กล่าวเสียงเย็นชา “แค่โลงศพโลงหนึ่งก็กลัวจนเป็นเช่นนี้ รีบไปเปิดสิ”ซูเซวี่ยนก็รู้สึกว่าแปลกเขาก็กลัวว่ามีอะไรน่าตกใจจึงไม่กล้าก้าวออกไปข้างหน้า เลยให้ทหารจวนสกุลซูออกไป “เปิดมันเสีย ข้าก็อยากเห็นหน่อยเหมือนกันว่าในนั้นมีอะไรอยู่”ทหารรวบรวมความกล้าเปิดโลงศพออก ก็เห็นว่าข้างในมีชายคนหนึ่งที่ถูกโบยทั้งตัวจนร่างเละไปหมด ชายคนนั้นน่าจะขาดใจแล้วด้วย ทำให้ทหารตกใจจนฉี่

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 493

    “แม้แต่หรวนหร่วนกับจิ่นเหยียนก็ยังรู้ ท่านยังปิดบังข้าอีก” เฝิงจิ้งย่วนไม่เคยรู้สึกเสียใจขนาดนี้มาก่อน น้ำตาไหลพรากเต็มหน้า อ่อนไหวไปหมดเดิมทีเจียงจิ่นเหยียนอยากอธิบายแทนพ่อ แต่ถูกเจียงเฟิ่งหัวลากออกไปนอกประตู แถมยังปิดประตูให้พวกเขาอีกด้วย“ท่านพ่อแก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้นแล้วจริงๆ” เจียงจิ่นเหยียนกล่าว“ท่านพ่อก็ไม่ได้มีหญิงอื่นเสียหน่อย มีอะไรให้ต้องแก้ตัวกัน” เจียงเฟิ่งหัวกล่าว “วางใจเถิด ไม่มีอะไรหรอก เรื่องแค่นี้ท่านพ่อยังจัดการไม่ได้อีกหรือ ท่านก็ดูถูกท่านพ่อเกินไปแล้ว พวกท่านอยู่กันมาจะสามสิบปีแล้ว มีเรื่องโกรธโมโหอะไรกันพวกท่านก็เข้าใจกันได้”“หรวนหร่วน คำพูดเจ้านี่ไม่เหมือนอายุสิบหกเลยนะ กลับเหมือนสามสิบหกเสียอย่างนั้น” เจียงจิ่นเหยียนกล่าวเจียงเฟิ่งหัวตะลึงงัน “ข้าแค่ตั้งครรภ์ก็ดูแก่ขนาดนี้เลยหรือ? พวกท่านผู้ชายเหมือนกันหมดหรืออย่างไร ผู้หญิงพอมีครรภ์ก็ไม่สวยแล้ว จากนั้นก็เริ่มรังเกียจ รอพี่สะใภ้ใหญ่ตั้งครรภ์แล้ว ท่านก็จะพูดกับนางเช่นนี้ใช่ไหม?”พูดจบเจียงเฟิ่งหัวก็ยกกระโปรงเดินจากไป นางทำตัวสุขุมเกินวัยขนาดนั้นเลยหรือ?ภรรยาสงสัยว่าสามีมีบ้านเล็กบ้านน้อยข้างนอกก็คว

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 492

    “สกุล…สกุลซูของซูเต๋อไห่นั่นน่ะหรือ?” เจียงหวยเพิ่งรู้ตัวทีหลัง “มิน่าเล่า เขาคอยเล่นงานข้าทุกจุดในท้องพระโรง”เจียงเฟิ่งหัวนึกถึงท่าทางที่พ่อโจมตีซูเต๋อไห่กลับ จงใจกล่าวว่า “เขาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่เชียวนะ ท่านพ่อไม่กลัวเขาเลยหรือเจ้าคะ”“กลัวสิ…กลัวอยู่แล้ว แต่พอข้าคิดว่าถ้าเขายืนยันได้จริงว่าข้ารับสินบน ไม่เพียงแค่การสอบของจิ่นเหยียนจะเป็นโมฆะ ศิษย์เหล่านั้นของข้าก็จะไม่รอดสักคน แล้วก็เจ้า หรวนหร่วน จะพลอยเดือดร้อนไปเพราะพ่อด้วย ต่อให้ตอนนั้นฝ่าบาทจะตัดหัวข้า ข้าก็ต้องพูดออกมา”“หลักแหลมนัก จุดนี้ท่านพ่อทำถูกเป็นอย่างยิ่ง โชคดีที่ตอนนั้นท่านโต้แย้งด้วยเหตุผล จึงทำให้ฝ่าบาททรงเชื่อท่านได้ หากท่านกลัวหัวหด เกิดความเกรงกลัวเขาในใจ พลาดโอกาสไป ถึงเวลาไม่ว่าท่านพูดอะไร คนเขาก็ต่างคิดว่าท่านกำลังแก้ตัว ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ท่านก็จะแพ้ นี่ก็คือโอกาสทองในการโจมตีกลับ ท่านทำได้แล้วเจ้าค่ะ”“อีกอย่างก็คือ จริง ๆ แล้วในใจฝ่าบาททรงลำเอียงเข้าข้างท่าน เพราะฉะนั้นพระองค์จะทรงอยากให้โอกาสท่านได้พูดเยอะ ๆ หน่อยโดยไม่รู้ตัว”เจียงหวยถูกลูกสาวชม ในใจเขาก็เกิดความรู้สึกภูมิใจขึ้นมาทันที เขาจ้องเจียงเฟ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 491

    จางอวี่มั่วก็ยังหวาดกลัวอยู่ โชคดีที่นางเตรียมใจไว้นานแล้ว แต่นางก็นึกไม่ถึงว่าคนที่ต้องการทำร้ายพวกนางจะคิดวิธีแบบนี้ได้ ที่เอาเงินสกปรกไปยัดไว้ในคลังของสกุลเจียง ศัตรูจ้องเล่นงานเรา จะป้องกันอย่างไรก็ป้องกันไม่ได้จริง ๆเจียงเฟิ่งหัวถาม “พี่หญิงรองมาแล้วใช่ไหม?”จางอวี่มั่วตอบ “มาแล้ว ที่บ้านยังมีลูกอยู่ นางไม่วางใจก็เลยกลับไปแล้ว แต่น้องหญิงสามไม่ต้องเป็นห่วง พวกเรากำชับเป็นอย่างดีแล้ว พี่หญิงรองบอกว่านางกลับไปแล้วก็จะเสริมการคุ้มกันในจวน”เจียงเฟิ่งหัวคิด ผ่านเรื่องนี้ไปแล้ว ทุกคนต่างก็มีความระแวดระวัง ดีเหมือนกัน ไม่เหมือนชาติที่แล้วที่พวกเขาไม่ได้เตรียมการไว้เลยแม้แต่น้อย ได้แต่ถูกกระทำฝ่ายเดียว ท้ายที่สุดแล้วทุกคนที่เกี่ยวข้องกับสกุลเจียงก็ล้วนถูกสกุลซูเล่นงานจนพังพินาศทั้งสิ้นนางยังคิดไว้ว่ารอคลอดลูกก่อนแล้วค่อย ๆ ขุดคุ้ยหาข้อผิดพลาดของสกุลซู ดูแล้วตอนนี้ก็ไม่ต้องรอให้ถึงเวลานั้นแล้ว สกุลซูก็ไม่ได้ย้ายไปชายแดนหมดทั้งบ้าน บ้านเดิมของสกุลซูก็ยังอยู่ที่เมืองเซิ่งจิง ฮูหยินผู้เฒ่าซูก็ไม่ได้มีซูเต๋อไห่เป็นลูกชายคนเดียวเสียหน่อยเวลานี้เจียงหวยก็ไม่กล้ากอดเฝิงจิ้งหยวนไว้เพื่อปล

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 490

    หลินเฟิงนำทหารไปส่งเจียงเฟิ่งหัวถึงหน้าประตูจวนสกุลเจียง จากนั้นก็ดึงเย่อิ่งไปอีกด้าน “องค์รัชทายาทให้ข้ากำชับเจ้า ว่าต้องปกป้องความปลอดภัยของพระชายารัชทายาทให้ดี อย่าให้เกิดเรื่องลอบสังหารแบบครั้งก่อนเป็นอีกอันขาด หากพระนางเป็นอะไรไป ให้เจ้าหิ้วหัวมาพบ เจ้าเองก็ระวังสักหน่อย ระวังหัวจะไม่ปลอดภัยเข้าล่ะ”ดวงตาของหลินเฟิงมีประกายอำมหิตสายหนึ่งวาบผ่าน มือทำสัญลักษณ์ปาดคอขึ้นมา เย่อิ่งรู้สึกเพียงว่าศีรษะเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดโปน นับตั้งแต่องครักษ์หลินเปลี่ยนจากองครักษ์ของท่านอ๋องกลายเป็นองครักษ์ของรัชทายาท คนก็เปี่ยมไปด้วยพลังเสียเหลือเกิน!สีหน้าของเย่อิ่งไม่เปลี่ยนแปลง และดูเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง ในอ้อมอกกอดกระบี่ไว้เล่มหนึ่ง “ได้ยินว่าในวังมีนางกำนัลหลายคนชอบเจ้า พวกนางล้วนอยากแต่งงานกับเจ้า”หลินเฟิงประหลาดใจ “หน้าน้ำแข็งก็ชอบพูดล้อเล่นแล้วหรือนี่ พระอาทิตย์คงขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วกระมัง”“ข้าไม่ได้ล้อเล่น” สีหน้าของเย่อิ่งดูทื่อๆ ทว่าจริงจังยิ่งหลินเฟิงตะลึงไป รีบหันไปดูที่หน้าประตูใหญ่ของจวนสกุลเจียงอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าเหลียนเย่กับพระชายารัชทายาทเข้าไปแล้ว ก็กระซิบเสียงเบา

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status