แชร์

ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา
ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา
ผู้แต่ง: กระต่ายน้อยใต้ดวงจันทร์

บทที่ 1

ผู้เขียน: กระต่ายน้อยใต้ดวงจันทร์
ภายในห้องหับวิจิตรงามสง่า สาวน้อยนางหนึ่งสวมชุดวิวาห์หรูหรานั่งอยู่หน้ากระจก ดวงหน้างามพิลาสของนางเผยรอยยิ้มอ่อนโยน

มารดาของสาวน้อยกำลังแต่งตัวให้นาง มองดูลูกสาวตรงหน้าอย่างทั้งปลาบปลื้มและปวดใจ ลูกสาวที่เลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่กำลังจะออกเรือนแล้ว ดวงตาของนางแดงเรื่ออย่างอดไม่อยู่ “เดิมทีแม่อยากให้เจ้าอยู่ข้างกายอีกสักสองปี คิดไม่ถึงว่าเพิ่งถึงวัยปักปิ่นก็มีราชโองการประทานสมรสของฝ่าบาทลงมาเสียแล้ว”

เจียงเฟิ่งหัวเอ่ยปลอบ “ลูกแต่งเข้าราชวงศ์ไปเป็นชายาอ๋อง พรั่งพร้อมด้วยเกียรติยศทรัพย์ศฤงคาร แพรพรรณอาหารชั้นเลิศ ชีวิตย่อมสุขสบายเป็นแน่แท้ ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ ลูกจะต้องมีชีวิตที่ดีแน่นอน”

“จ้ะๆๆ ลูกสาวแม่เป็นคนมีวาสนา คุณหนูสกุลใหญ่มีตั้งมากมาย ฮองเฮาทอดพระเนตรปราดเดียวก็เลือกเจ้าเป็นชายาของเหิงอ๋อง เขาเป็นลูกชายแท้ๆ ของฮองเฮา ฮองเฮายังโปรดเจ้ามากถึงเพียงนี้ วันหน้าจะต้องไม่ดูดายเจ้าแน่นอน” เฝิงจิ้งย่วนปีติยินดีจนน้ำตาไหล คิดถึงว่าเหิงอ๋องหล่อเหลาสง่างาม ความสามารถด้านศิลปศาสตร์โดดเด่น ทรงอำนาจบารมี ลูกสาวโฉมงามล่มเมือง เชี่ยวชาญทั้งดนตรี หมากล้อม เขียนพู่กันและวาดภาพ สกุลเจียงซึ่งเป็นตระกูลบัณฑิตก็ยังเหมาะสมกับเหิงอ๋อง

“ท่านแม่พูดถูกเจ้าค่ะ” เจียงเฟิ่งหัวตอบรับคล้อยตาม

เฝิงจิ้งย่วนเปลี่ยนจากเศร้าโศกเป็นยินดี กำชับอย่างละเอียดว่า “หรวนหร่วน ยามอยู่ในบ้านเจ้าคือแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ พวกเราย่อมทะนุถนอมเจ้าประหนึ่งของล้ำค่า แต่บัดนี้เจ้าจะออกเรือนแล้ว แต่งงานไปเป็นภรรยาผู้อื่นไม่เหมือนตอนอยู่ที่บ้าน สตรีแต่งงานก็คือการย้ายเข้าไปอยู่ในครอบครัวใหม่ แต่งเข้าไปเป็นสะใภ้ราชวงศ์ยิ่งแตกต่างจากแต่งเข้าครอบครัวคนธรรมดาทั่วไป ต่อไปเจ้าจะต้องรู้ความ รักษาธรรมเนียมมารยาท จัดการเรื่องราวต่างๆ ด้วยตนเอง สงบเสงี่ยมเจียมตัว สนับสนุนสามีอบรมบุตร กตัญญูต่อพ่อแม่สามี...”

“ลูกทราบแล้วเจ้าค่ะ” เจียงเฟิ่งหัวกอดมารดาของนาง ดวงตาฉายแววเย็นเยียบ ความเมตตาของราชวงศ์ก็แค่ลมปากเท่านั้น เย็นชาเป็นที่สุดแล้ว

ชาติก่อนนางก็รักษาธรรมเนียมมารยาท จัดการเรื่องราวต่างๆ ด้วยตนเอง สงบเสงี่ยมเจียมตัว อุทิศตนปรนนิบัติแม่สามี กระทั่งโอนอ่อนเอาใจ นางเป็นชายาที่เปี่ยมคุณธรรมและว่านอนสอนง่ายที่สุดแล้วในบรรดาชายาอ๋อง

น่าเสียดายที่ความอ่อนโยนโอนอ่อนรู้ความของนางไม่อาจแลกมาซึ่งความเสน่หาของสามี มีเพียงความเพิกเฉยเย็นชาของสามี ความเอ็นดูที่แม่สามีมีต่อนางก็ไม่ใช่เรื่องจริง ที่เลือกนางเป็นชายาของเหิงอ๋องก็เพราะบิดาพอนับได้ว่าเป็นขุนนางมือสะอาดในราชสำนัก สามารถลดความระแวงที่ฝ่าบาทมีต่อเหิงอ๋องได้ก็เท่านั้น รอจนนางหมดคุณค่าให้ใช้สอยเมื่อใดก็จะถูกเขี่ยทิ้งทันที

สุดท้าย เหิงอ๋องได้ครองบัลลังก์เป็นฮ่องเต้ แต่กลับแต่งตั้งชายารองซูถิงหว่านเป็นฮองเฮา ส่วนนาง แค่เพราะว่าให้กำเนิดทายาทสองคนจึงฝืนใจแต่งตั้งให้เป็นเสียนเฟย

ที่น่าขันกว่านั้นก็คือคืนเข้าหอของเขากับนางสำเร็จเสร็จสิ้นลงภายใต้ฤทธิ์ของยา มิฉะนั้นเขาคงไม่มีวันแตะต้องนางไปชั่วชีวิต ไม่ได้รับความรักจากสามี ทั้งยังต้องเผชิญกับความเย็นชารังเกียจของสามี ชีวิตของนางในจวนเหิงอ๋องจึงมิเป็นสุข

นางนึกว่าสวรรค์ยังเมตตาต่อนางบ้าง แค่ครั้งเดียวนางก็ตั้งครรภ์หน่อเนื้อราชวงศ์ นางเข้าใจว่าเมื่อมีลูกแล้ว สามีจะเอ็นดูนางเพราะเห็นแก่ลูกน้อยบ้าง อย่างน้อยก็ใกล้ชิดกับนางกว่านี้สักนิด แต่นางก็เข้าใจผิดไปอีกครั้ง การเกิดของลูกน้อยทำให้เขายิ่งชิงชังรังเกียจนางกว่าเดิม

สิ่งที่เลวร้ายกว่านั้นคือความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาไม่ปรองดอง ลูกทั้งสองก็เริ่มรังเกียจนาง ถึงขั้นไม่ยินดีเข้าใกล้นางผู้เป็นแม่บังเกิดเกล้า สิ่งที่นางเสียใจที่สุดก็คือชั่วชีวิตนี้ไม่เคยได้เลี้ยงดูลูกน้อยทั้งสอง สุดท้าย นางก็ตรอมใจตายไปด้วยวัยเพียงสามสิบห้าปี

อาจเป็นเพราะสวรรค์เวทนานางจึงให้นางย้อนกลับมาตอนอายุห้าขวบอีกครั้ง สิบปีมานี้นางไม่ข้องแวะกับโลกภายนอก พากเพียรพัฒนาและเปลี่ยนแปลงตัวเองก็เพื่อรอราชโองการประทานสมรสของฮ่องเต้นี่เอง

ในเมื่อเซี่ยซางถูกลิขิตไว้แล้วว่าจะได้เป็นบุรุษผู้สูงศักดิ์และทรงอำนาจที่สุดในใต้หล้า นางก็จะไม่ปล่อยให้อำนาจที่มาเคาะประตูถึงที่หลุดลอยไป ขณะเดียวกัน นางก็จะอาศัยอำนาจของเขากลายเป็นสตรีที่สูงศักดิ์ที่สุดในใต้หล้า ชาตินี้นางจะไม่ยอมก้มหน้ายอมจำนนอีกแล้ว ยิ่งไม่มีทางเปิดโอกาสให้ซูถิงหว่าน ไม่ว่าต้องใช้วิธีการแบบไหน นางก็จะต้องกลายเป็นมารดาของแผ่นดินให้จงได้

เมืองเซิ่งจิงในวันนี้ครึกครื้นเป็นพิเศษ เสียงตีฆ้องร้องป่าวดังก้องท้องถนน

ฮ่องเต้พระราชทานสมรสให้เจียงเฟิ่งหัวบุตรีคนรองของภรรยาเอกสกุลเจียงแต่งงานกับเหิงอ๋องเซี่ยซางเป็นชายาอ๋อง โดยให้คนจากกรมพิธีการจัดงานมงคลสมรส ขบวนรับเจ้าสาวยาวเหยียดมาหยุดลงตรงหน้าจวนสกุลเจียง ยิ่งใหญ่อลังการไม่เป็นรองผู้ใดในเซิ่งจิง

เจียงเฟิ่งหัวแต่งกายเต็มยศนั่งลงบนเกี้ยวเจ้าสาวของราชวงศ์ นับแต่วันนี้เป็นต้นไปนางก็คือสะใภ้ราชวงศ์ เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของราชสกุล เป็นชายาของเหิงอ๋องอย่างเป็นทางการ ว่าที่ชายารัชทายาท แม้แต่ตำแหน่งฮองเฮาของฮ่องเต้เซวียนจงนางก็จะกุมเอาไว้อย่างแน่นหนา

ขบวนสินเดิมแสนอลังการ รัตนชาติตระการตา ขบวนรับเจ้าสาวแสนยิ่งใหญ่มุ่งหน้าไปยังจวนเหิงอ๋องประดุจมังกรตัวยาว ผู้สัญจรไปมาหยุดเท้าชมแล้วก็ต้องอุทานว่าช่างยิ่งใหญ่อะไรเช่นนี้อย่างอดมิได้

นางคิด ถึงเซี่ยซางจะไม่ยินดีแต่งงานกับนางแค่ไหน วันนี้ก็ยังต้องสวมชุดเจ้าบ่าวมารอนางอยู่หน้าประตูจวนอ๋องแต่โดยดี ฮองเฮาจะเสด็จมาร่วมพิธีและประทานพร

ชาตินี้ นางจะไม่ก้มหน้ายอมจำนนงอมืองอเท้ารอความตายอีกแล้ว

นางรู้เพียงว่า ผู้ใดไม่เห็นแก่ตัวแล้วไซร้ ฟ้าดินจักลงทัณฑ์

ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าใด เสียงขุนนางผู้ดำเนินพิธีกล่าวว่า “เชิญท่านอ๋องเตะประตูเกี้ยว[1]” ดึงความคิดคำนึงของเจียงเฟิ่งหัวกลับคืนมา นางพลันหยัดแผ่นหลังตั้งตรง มงกุฎหงส์ที่ประดับทองฝังหยกกดจนลำคอนางปวดร้าว แต่นางก็ต้องอดทนเอาไว้

นางหนักแน่นสง่างามมาแต่ไหนแต่ไร วังหมัวมัวจากในวังมาสั่งสอนธรรมเนียมมารยาทให้นางในจวนเป็นเวลาหนึ่งเดือน ทุกคนกำชับย้ำแล้วย้ำอีกว่าห้ามนางทำผิดพลาดแม้แต่นิดเดียวในวันพิธีมงคลสมรส นางก็เพียงแต่พยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย

ประตูเกี้ยวเปิดออก ขุนนางผู้ดำเนินพิธีวางผ้าไหมแดงลงบนมือนาง ตามด้วยมือขาวผ่องที่เห็นข้อต่อชัดเจนยื่นเข้ามา นางวางนิ้วเรียวงามลงเบาๆ สัมผัสได้ถึงความเย็นเยียบจากปลายนิ้วของเขา นางสัมผัสได้ถึงความเย็นชาที่ไม่ต้องการให้คนแปลกหน้าเข้าใกล้จากบรรยากาศรอบกายเขา ชาติก่อนนางมัวแต่จมอยู่ในห้วงปีติยินดีจึงไม่ทันสังเกต ยามนี้จึงเข้าใจว่าเขาไม่ได้ตัวเย็น แต่เป็นสัญญาณที่ร่างกายเขาปฏิเสธสัมผัสของนางซึ่งแสดงออกมาโดยสัญชาตญาณต่างหาก แต่นางก็ไม่สนใจอีกแล้ว

เหิงอ๋องในชุดเจ้าบ่าวหรูหราเดินนำหน้านางด้วยฝีเท้าหนักแน่น เจียงเฟิ่งหัวมีสาวใช้ประคองให้เดินหน้าไปอย่างแช่มช้า นางไม่สนใจเสียงโห่ร้องของแขกเหรื่อด้านข้าง เพียงจดจ่อกับรองเท้าปักลายบุปผาของตนเอง

หลังจากนางก้าวข้ามกระถางไฟไป รองเท้าปักลายบุปผาของนางก็เหยียบลงบนชายชุดเจ้าบ่าวของเซี่ยซาง เห็นเขาโซเซวูบ ผ้าไหมแดงในมือหล่นลงในกระถางไฟแล้วติดไฟในบัดดล ต่อจากนั้นสะเก็ดไฟก็ลุกลามไปตามผ้าไหมแดงในมือเจียงหร่วน ทุกคนล้วนหลีกเลี่ยงโดยสัญชาตญาณ เจียงเฟิ่งหัวมองดูผ้าไหมแดงมีไฟลุกพรึ่บ ตกใจจนทำอันใดไม่ถูก ท่ามกลางความลนลานเหมือนว่านางไปสะดุดอะไรบางอย่างจนถลาล้มไปทางกระถางไฟโดยตรง

ชั่วขณะเดียวกัน เซี่ยซางเห็นดังนั้นก็ยื่นมือมารวบเอวนางไว้โดยสัญชาตญาณ เขาสัมผัสได้ว่าเอวของนางบอบบางอ้อนแอ้น อ่อนนุ่มราวไร้กระดูก

เจียงเฟิ่งหัวถลาเข้าซบแผงอกเขาโดยไม่เกรงใจแม้แต่น้อย ต่อจากนั้นชุดเจ้าสาวของนางก็ตกลงไปในกองไฟเช่นกัน เซี่ยซางเห็นอย่างนั้นก็หมุนตัวอุ้มคนขึ้นมา ความตั้งใจเดิมของเขาไม่ได้ต้องการใกล้ชิดกับนาง แต่ก็ไม่สามารถทำได้ถึงขั้นเห็นคนประสบอันตรายแล้วไม่ช่วยเหลือ ต่อหน้าธารกำนัล เขายิ่งไม่อาจผลักนางออกอย่างเสียกิริยา

ผู้ใดจะคาดว่าเจียงเฟิ่งหัวกลับแนบชิดเขามากกว่าเดิม โอบรอบคอเขาเหมือนหวาดกลัวสุดขีด กลิ่นกายหอมกรุ่นของหญิงสาวแทรกเข้ามาในโพรงจมูกเขา

เขาก้มลงมองก็เห็นดวงหน้าพิลาสล้ำที่เครื่องหน้าประณีตงดงามดวงหนึ่ง คิ้วนางดุจจันทร์เสี้ยว ขนตาไหวระริก ดวงตาคู่งามเบิกโพลงทอประกายหวั่นหวาดหลังได้รับความตกใจและความตื่นตระหนก ใครเห็นเป็นต้องหวั่นไหว ริมฝีปากแต้มชาดปานดอกอิงบานสะพรั่ง เป็นโฉมสะคราญดุจภาพวาดโดยแท้

----------------------------------------------

[1] ขั้นตอนหนึ่งในพิธีแต่งงานยุคศักดินาจีน เจ้าบ่าวเตะเกี้ยวเจ้าสาวเพื่อแสดงว่าตนเองมีอำนาจเหนือฝ่ายหญิง
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 466

    “เฮ้อ ก็ใครขอให้ฝ่ายนั้นเขามีบุตรีงดงามถึงขั้นได้เกาะบารมีรัชทายาทกันเล่า ครอบครัวพวกข้าไม่มีธิดาสักคน ชาตินี้อย่าได้วาดหวังว่าจะมีโอกาสงาม ๆ เช่นนี้เลย”“จากบัณฑิตธรรมดาคนหนึ่งจู่ ๆ ก็ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งในกรมคลัง แม้ตำแหน่งเขาจะยังไม่โดดเด่น ทว่าการใช้เส้นสายของเขากลับแย่งอาชีพทำมาหากินของคนอีกจำนวนไม่น้อยไป ตำแหน่งนี้รัชทายาทยังจัดสรรให้เขาตั้งแต่สมัยยังเป็นเหิงอ๋องด้วย”“แล้วต่อมาเขายังได้รับแต่งตั้งจากฝ่าบาทให้ดำรงตำแหน่งเป็นรองเจ้ากรมคลัง และเป็นเพราะรัชทายาทเป็นคนเรียกตัวเขาไปร่วมศึก แค่ออกรบศึกเดียวสุดท้ายก็ได้รับแต่งตั้งบรรดาศักดิ์เป็นโหวเจวี๋ยอย่างก้าวกระโดด หากมิได้เกาะชายกระโปรงอาศัยบารมีของน้องสาวคนอย่างเขาหรือจะก้าวมาถึงตำแหน่งนี้ได้”“หากต้องอาศัยเพียงความรู้ความสามารถที่แท้จริงของเขาสอบเข้าเป็นขุนนางในราชสำนักจริง เกรงจะยากกว่าการขึ้นสวรรค์เสียอีก”เพียงชั่วข้ามคืนคุณชายอันดับหนึ่งที่เคยมีพรสวรรค์สูงล้ำโดดเด่นกลับกลายเป็นคนเล่นเส้นสาย เป็นบุรุษที่อาศัยสตรีเลี้ยงดูในปากของคนอื่นไปแล้ว ไม่ต้องบอกว่าน่าอดสูเพียงใดครั้งนี้เขาสอบได้ที่สอง ทุกคนต่างก็เริ่มขยี้ตาแล้วมองเ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 465

    วันต่อมาขณะประชุมสภาขุนนางยามเช้า พานไท่ฟู่มาถึงพระตำหนักจินหลวนด้วยอาการร้อนรนกระวนกระวาย ประสิทธิภาพการทำงานของเขารวดเร็วฉับไว ขณะเดียวกันก็นำคำให้การของหวังชิงมาด้วยพานไท่ฟู่ทำความเคารพด้วยความนบนอบ “กระหม่อมถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”“ไท่ฟู่เชิญลุกขึ้นเถิด ท่านผู้เฒ่ามีเหตุอันใดจึงเข้าวังมาหรือ เฉาเต๋อเจ้ารีบไปหาที่นั่งให้พานไท่ฟู่เร็วเข้า” ฝ่าบาททรงรับสั่งด้วยเสียงเคร่งขรึม“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท กระหม่อมเข้าวังมาก็เพื่อจะกราบทูลฝ่าบาทถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในสนามสอบเคอจวี่ปีนี้พ่ะย่ะค่ะ” พานไท่ฟู่แม้อายุมากแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรงดี หัวหน้าขันทีเฉาย้ายเก้าอี้นุ่มมาให้แต่กระนั้นเขาก็มิได้ถือดีว่าตนเองอาวุโสและนั่งลงไปจริง ๆ เพียงแต่ค่อย ๆ เริ่มบรรยายถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสนามสอบเมื่อวานให้อีกฝ่ายรับฟังอย่างละเอียดพวกเขาไม่กล้าล่าช้าแม้แต่น้อย ลากตัวคนที่กองบัญชาการปัญจทิศรักษานครจับกุมได้เมื่อวานเข้ามาสอบปากคำทันที หนึ่งในนั้นได้กล่าวหาว่าผู้เข้าสอบนามว่าหวังชิงกระทำการทุจริตขณะสอบ กระทั่งพานไท่ฟู่ไปตรวจสอบถึงในเรือนของหวังชิงด้วยตัวเอง คิดไม่ถึงว่าเขายังมิได้ทำการสอบสวน

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 464  

    ท้องของนางใหญ่มากแล้วจึงได้แต่นอนตะแคง และยังจำเป็นต้องหนุนหมอนอีกใบที่หลัง มิเช่นนั้นแล้วนางจะนอนไม่สบาย นางลืมตาขึ้นมาก็เห็นเขาใกล้กันเพียงคืบ นางเลื่อนปลายนิ้วไล้ไปบนใบหน้าหล่อเหลาของเขาอย่างแผ่วเบา “ท่านพี่ ท่านจำได้หรือไม่ว่านับแต่ครั้งล่าสุดพวกเราไม่ได้นอนด้วยกันแบบนี้มานานกี่วันแล้ว” “กี่วันหรือ?” เขาถาม “คงหกเจ็ดได้แล้วกระมัง!” “สิบสี่วันแล้วเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวบอกจำนวนให้เขาฟัง ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “วันนี้หากท่านไม่กลับมา พวกเราก็มิได้พบหน้ากันครึ่งเดือนเต็มแล้วนะเพคะ หม่อมฉันนับวันรอจะได้พบท่าน เหมือนกับตอนที่ท่านไปทำศึกครานั้นหม่อมฉันก็ได้แต่เฝ้าคิดว่าสามีของหม่อมฉันจะกลับมาเมื่อใด” “นานเพียงนี้เชียวหรือ? วันเวลาผ่านไปรวดเร็วปานนี้เชียว? หรวนหร่วน ข้าเย็นชากับเจ้าแล้ว ตอนแรกเจ้าตั้งครรภ์ข้าก็มิได้อยู่ข้างกายเจ้า บัดนี้จวนจะคลอดเต็มทีแล้ว ข้าก็ยังมิได้อยู่เคียงกายเจ้าเลย เจ้าตัวคนเดียวลำพังคงลำบากมากแน่” เขาทอดกายนอนข้างเจียงเฟิ่งหัวและหันหน้ามาทางนาง ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องในวังหลวงให้ฟัง คล้ายกำลังอธิบาย “ข้าชุลมุนจนหัวหมุนแล้ว ไปถึงตำหนักไท่หัวข้าก็ยังปรับตัวไม่ค่

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 463  

    เวลานี้ เห็นเพียงแววตาของเจียงเฟิ่งหัวดูอบอุ่นอ่อนโยนลงมาก ดวงหน้างดงามเพริศพริ้งดุจบุปผา นางเอื้อนเอ่ยคำชมหวานหูออกมา “ฝ่าบาททรงมีพระปรีชาสามารถองอาจห้าวหาญ เพียบพร้อมทั้งสติปัญญาและความกล้าหาญ กุมอำนาจทั่วใต้ผืนฟ้า สูงส่งเหนือผู้ใด โจรใจทรามไหนเลยจะหลอกลวงได้ง่าย ๆ องค์รัชทายาทของพวกเรา เปี่ยมล้นด้วยสติปัญญา ดุจสายธารดาราอันพร่างพราว กว้างใหญ่ไพศาลไร้สิ้นสุด เปล่งประกายทั่วใต้หล้า รัชทายาทไหนเลยจะปล่อยให้คนชั่วช้าสามานย์ได้อำนาจลอยนวลไป” กล่าวอีกนัยหนึ่งหากชาติก่อนสกุลเจียงประสบปัญหาเช่นนี้ ต่อให้เจียงเฟิ่งหัวจะพยายามพูดเพียงใดล้วนไม่เป็นประโยชน์ สกุลเจียงต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และไม่มีทางจะพลิกฟื้นกลับมาสู่จุดเดิมได้อย่างแน่นอน ชาตินี้นางได้ครองตำแหน่งชายารัชทายาทอย่างมั่นคงแล้ว ได้รับความไว้วางพระทัยจากทั้งฝ่าบาทและองค์รัชทายาท เสียงกระซิบข้างหมอนของนางมิได้เป็นเพียงลมล่องลอยสูญเปล่า เมื่อมีอำนาจถึงจะมีสิทธิ์ในการเอ่ยวาจา บัดนี้นางมีสิทธิ์ในการเอ่ยวาจาแล้ว สิ่งนี้คือความเป็นไปของโลก ได้ฟังวาจาของเจียงเฟิ่งหัว มุมปากของเซี่ยซางยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอ่อนโยนเอ็นดู ก่อนจะเอ่ยคำชื่นช

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 462  

    แท้ที่จริงจางอวี่มั่วอยากเรียนทำอาหารจานโปรดของเจียงจิ่นเหยียนไว้ต่างหาก เจียงเฟิ่งหัวตักน้ำแกงให้เจียงจิ่นเหยียนและเซี่ยซางคนละถ้วย “กินข้าวก่อนอย่างอื่นค่อยว่ากันเถิด!” “หรวนหร่วน เจ้าคิดเห็นเช่นไรหรือ?” เซี่ยซางเป็นฝ่ายถามนางขึ้นมาก่อน คล้ายว่ากำลังหยั่งเชิงความคิดเห็นของนางต่อเซียวอวี้ เจียงเฟิ่งหัวเอ่ย “ข้ากำลังคิดถึงหวังชิง ชื่อของคนผู้นี้คล้ายติดอยู่ในความทรงจำ” เจียงจิ่นเหยียนถามขึ้น “เจ้ารู้จักเขาได้อย่างไร” เจียงเฟิ่งหัวเผยรอยยิ้มสบายใจให้พวกเขา “ข้าไม่รู้จักเขา และไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับเขา ยิ่งไปกว่านั้นเขาเองก็คงไม่รู้ว่ามีข้าผู้นี้อยู่ด้วย ข้าจำได้ว่าเมื่อสามปีก่อนมีบัณฑิตจำนวนมากมายอยากฝากตัวเป็นศิษย์ของท่านพ่อ ทว่าท่านพ่อเองก็ใช่ว่าจะรับทุกคนเป็นศิษย์ สิ่งแรกที่ให้ความสำคัญก็คือคุณธรรมความประพฤติ และหวังชิงผู้นี้ก็เหมือนกับศิษย์คนอื่น ๆ ที่อยากให้ท่านพ่อเป็นท่านอาจารย์ของเขา” “พื้นเพของหวังชิงทำการค้าขาย ร่ำรวยอู้ฟู่ ดังนั้นเขาจึงยกหีบเงินทองสองหีบมาถึงจวนสกุลเจียง ทว่ากลับถูกท่านพ่อปฏิเสธไป แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังดึงดัน ไม่รับเขาเป็นศิษย์ เขาก็ไม่ไป จนพวกข้าไป

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 461  

    เซี่ยซางเขี่ยปลายจมูกของนางเบา ๆ “มารดาของพวกเขาช่างมีความรู้กว้างขวางนัก แม้ตั้งครรภ์พวกเขาแต่ก็ยังชอบอ่านตำราประจำ หลังจากนี้จะต้องเลี้ยงดูสั่งสอนจนพวกเขาได้เป็นจอหงวนแน่” “หม่อมฉันศึกษาเองคงพอทำเนา แต่ให้สอนบุตรด้วยหม่อมฉันสอนไม่ได้เพคะ เช่นนี้จะทำอย่างไรดีเพคะ? มิสู้ให้ท่านพี่สอนเองเป็นอย่างไรเพคะ หม่อมฉันขอรับหน้าที่แค่ให้กำเนิดก็พอ ส่วนพวกเขาให้เป็นหน้าที่ของท่านพี่แล้วกันเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวกะพริบตาอย่างแสดงความฉลาด เซี่ยซางเองก็คิดจะปัดความรับผิดชอบเหมือนกัน “บัณฑิตส่วนมากที่สอบได้ในปีนี้ล้วนแต่เป็นศิษย์ของพ่อตาทั้งสิ้น ความสามารถในการให้วิชาความรู้สั่งสอนศิษย์ย่อมไม่มีผู้ใดกังขา ไม่สู้พวกเราฝากพวกเขาให้พ่อตาเป็นผู้อบรมสั่งสอนวิชาความรู้เป็นอย่างไร” เจียงเฟิ่งหัวยิ้มกว้าง “ความคิดนี้ดีเพคะ อีกทั้งยังต้องหาท่านอาจารย์เก่งๆ สักคนมาสอนวิชาต่อสู้ให้เขา ร่างกายจะได้แข็งแรง หากว่าให้กำเนิดเป็นบุตรี ข้าจะสอนนางร่ายรำด้วยตัวเอง นักสังคีตและนางรำในวังยากจะอธิบายด้วยคำพูดสั้น ๆ …” สองสามีภรรยาหารือกันแล้วว่าจะดูแลเจ้าตัวน้อยที่ยังไม่เกิดออกมาอย่างไร เจียงเฟิ่งหัวเองก็เคยคิดเอาไว้แ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status