แชร์

บทที่ 8

ผู้เขียน: กระต่ายน้อยใต้ดวงจันทร์
อีกด้านหนึ่ง ฮองเฮาขอตำแหน่งผู้ดูแลเขตเมืองหลวงมาให้เหิงอ๋องได้จริงๆ นางกำลังดีใจอยู่ก็ได้ยินฮ่องเต้แค่นหัวเราะ “อายุน้อยดีแบบนี้เอง ไร้ทุกข์ไร้โศก กล้าหาญมิพรั่น อยากได้ตำแหน่งก็ไม่มาขอด้วยตนเอง”

ฮองเฮารีบร้อนอธิบาย “ความจริงซางเอ๋อร์มีใจแสวงหาความก้าวหน้ามากนะเพคะ ตอนที่เขายังเล็กก็...”

ฮ่องเต้วางฎีกาในมือลงบนโต๊ะอย่างหนักหน่วง “เพราถูกเจ้าตามใจจนเสียคนน่ะสิ เขาถึงได้ทำอะไรตามอำเภอใจเช่นนี้ ถ้าเขามีใจแสวงหาความก้าวหน้าจริงก็คงไม่หมกมุ่นอยู่แต่กับเรื่องสตรี อยู่ว่างทั้งวี่วัน ต่อให้ยกตำแหน่งผู้ดูแลเขตเมืองหลวงให้เขา เขาจะทำได้ดีงั้นรึ?”

สีหน้าฮองเฮาบัดเดี๋ยวเขียวคล้ำบัดเดี๋ยวซีดขาว เล็บจิกเข้าเนื้อก็ไม่รู้สึกเจ็บ นางพลันเงยหน้าขึ้นจ้องมองฮ่องเต้ตรงๆ “ฝ่าบาทจะลำเอียงก็ไม่ต้องลำเอียงถึงขนาดนี้ก็ได้กระมัง หากฝ่าบาทมีใจยุติธรรมสักนิด ปฏิบัติกับเขาเช่นเดียวกับองค์ชายคนอื่น เขาจะอยู่ว่างทั้งวี่วันเช่นนี้หรือเพคะ? มีวาจาประโยคไหนของฝ่าบาทที่ไม่ดูถูกดูแคลนเขา ตอนยังเล็กเขาเป็นเด็กเฉลียวฉลาดถึงปานนั้น...”

ฮองเฮาพูดพลางรำลึกถึงความสำเร็จที่แสนยิ่งใหญ่เมื่อครั้งเยาว์วัยของเซี่ยซาง ล้วนแต่เป็นเพราะฮ่องเต้ไม่โปรดนางจึงพลอยทำให้บุตรชายไม่ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้

ฮ่องเต้ขมวดคิ้วมุ่น ตวาดเสียงลั่นโถงตำหนักจนหูแทบดับ “เจ้าพูดพอหรือยัง เป็นถึงฮองเฮา ไร้การอบรมสิ้นดี ฮองเฮามีพฤติกรรมเช่นนี้งั้นรึ...”

ฮองเฮาถูกขึ้นเสียงใส่จนร่างสั่นเทิ้ม นางไม่ได้หวาดกลัวแต่เป็นเพราะคำพูดบาดหูแต่ละคำของฮ่องเต้ประหนึ่งใบมีดคมกริบเชือดเฉือนหัวใจนาง เจ็บปวดจนนางหลั่งเลือด นางถูกเขารังเกียจถึงขั้นนี้เชียวหรือ?

เสียง ‘ปัง’ ดังขึ้น ประตูห้องทรงพระอักษรถูกคนผลักเข้ามา เซี่ยซางยืนอยู่นอกประตูด้วยสีหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็ง จ้องมองฮ่องเต้ตรงโต๊ะทรงอักษรนิ่งๆ

ฮองเฮาหันหน้ามาโดยไม่นำพาต่อความเจ็บปวดและธรรมเนียมมารยาท รีบเอ่ยว่า “ซางเอ๋อร์ ยังไม่รีบคารวะเสด็จพ่อของเจ้าอีก”

เซี่ยซางกลบเกลื่อนความเย็นชาในแววตา สาวเท้าเข้าไปข้างใน แต่ละย่างก้าวของเขาสุขุมหนักแน่น จนกระทั่งคุกเข่าลงเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้จึงประสานมือกล่าวอย่างเคารพว่า “ลูกคารวะเสด็จพ่อ”

แววตาเย็นชาของฮ่องเต้จ้องมองเขา น้ำเสียงปราศจากความรู้สึกแม้แต่น้อย “ลุกขึ้นมาเถอะ!”

“ขอบพระทัยเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ” เซี่ยซางยังคงเคารพเหมือนที่ผ่านมา

ฮ่องเต้เพิ่งทะเลาะกับฮองเฮา เขากล่าวอย่างเป็นธรรมชาติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า “เสด็จแม่ของเจ้ามาขอตำแหน่งให้เจ้า ยามนี้ตำแหน่งผู้ดูแลเขตเมืองหลวงกำลังว่างอยู่พอดี ถ้าเจ้าไม่รับตำแหน่งนี้ เราก็จะจัดแจงให้คนอื่น...” นี่คงคิดว่าเขาจะปฏิเสธจึงกล่าวเช่นนี้

“ลูกจะไม่ทำให้เสด็จพ่อเสด็จแม่ผิดหวังแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ ขอบพระทัยเสด็จพ่อ” เซี่ยซางประสานมือ นิ้วที่เห็นข้อชัดเจนของเขากำแน่นเป็นหมัด ออกแรงหนักจนราวกับสามารถมองเห็นกระดูกขาว

ฮ่องเต้ก็เด็ดขาดรวดเร็ว ร่างราชโองการแต่งตั้งเหิงอ๋องเป็นผู้ดูแลเขตเมืองหลวงในทันที

ฮองเฮาลอบยินดี แต่กลับไม่กล้าแสดงออก ฮ่องเต้คร้านจะเหลือบสายตามองคนทั้งสอง เอ่ยเสียงต่ำว่า “กลับไปเถอะ!”

“เสด็จพ่อ” เซี่ยซางเอ่ยขึ้นมาอีก

“มีเรื่องใดหรือ”

“ลูกกับบุตรีแม่ทัพซูซูถิงหว่านมีใจตรงกัน ลูกอยากขอราชโองการจากเสด็จพ่อ ลูกต้องการสู่ขอบุตรีแม่ทัพซูเป็นชายารองพ่ะย่ะค่ะ”

สิ้นวาจานั้น แววตาฮ่องเต้ก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาจับจ้องเขาแน่วนิ่ง ตระกูลซูยินดีให้บุตรีออกเรือนเป็นอนุภรรยาของเหิงอ๋อง เห็นทีตระกูลซูคงคาดหวังกับเหิงอ๋องไว้มากสินะ!

ฮองเฮาตกใจจนหัวใจแทบกระดอนออกมา จนป่านนี้แล้ว เหตุใดเขาจึงยังอยากแต่งงานกับสตรีนางนั้นอีก?

แววตาฮ่องเต้มืดครึ้มไม่ชัดเจน ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ให้เสด็จแม่ของเจ้าจัดการเถอะ”

เขาหันไปถามเฉิงฮองเฮา “ฮองเฮาคิดเห็นอย่างไร?”

เฉิงฮองเฮากลอกตา “ซางเอ๋อร์แต่งชายาเอกแล้ว จะรับคนเข้าจวนหรือไม่ก็ควรยกให้ชายาเอกตัดสินใจ”

ริมฝีปากฮ่องเต้โค้งขึ้นเล็กน้อย “เช่นนั้นตกลงตามนี้ก็แล้วกัน!”

ฮ่องเต้ก็คิดไว้แล้วเช่นกัน ไม่มีราชโองการพระราชทานสมรสจากฮ่องเต้ ตระกูลซูจะต้องไม่ยินดีให้เหิงอ๋องรับบุตรีเป็นอนุภรรยาเป็นแน่แท้

“ลูกทูลลา” เซี่ยซางกำหมัดแน่น

เดิมเขาต้องการเรียกร้องเกียรติให้ซูถิงหว่าน คิดไม่ถึงว่าจะได้ในสิ่งตรงกันข้าม สุดท้ายอำนาจตัดสินใจกลับตกไปอยู่ในมือเจียงเฟิ่งหัว

-

หลังเฉิงฮองเฮาจากไปแล้ว เจียงเฟิ่งหัวอยู่ในตำหนักรู้สึกเบื่อๆ จึงให้นางกำนัลไปเดินเล่นเป็นเพื่อนที่สวนบุปผชาติ ยามนั้นเป็นช่วงที่มวลบุปผาเบ่งบานพอดี ดอกไม้ทั้งสวนประชันความงาม บานสะพรั่งอย่างงดงามหยดย้อย รอยยิ้มบางประดับอยู่บนใบหน้านาง สมกับเป็นที่ประทับของฮองเฮาจริงๆ สง่างามไม่ธรรมดา

อากาศค่อนข้างร้อน เจียงเฟิ่งหัวให้นางกำนัลหาพัดมาให้นางเล่มหนึ่ง พัดกลมขลิบทองปักลายสาวน้อยไล่จับผีเสื้อ สาวน้อยเรือนร่างอรชร ร่างกายที่หมุนคว้างแลดูราวกับกำลังร่ายรำ

ในบรรยากาศเช่นนี้ทิวทัศน์เช่นนี้ เจียงเฟิ่งหัวพลันนึกอยากร่ายรำที่นี่ขึ้นมา ริมฝีปากสีชาดของนางเผยอขึ้น เริ่มต้นครวญเพลง “อาภรณ์แดงพลิ้วสะบัดย่างเท้าก่อเกิดบุปผชาติ ประทินโฉมงามพริ้งสะท้อนสีชาด สวมชุดเจ้าสาวอาภรณ์สุวรรณ แต่งงานกับท่านด้วยใจปีติยินดี...”

เสียงเพลงอันไพเราะดึงดูดความสนใจของนางกำนัลและขันทีในตำหนักคุนหนิง ใบหน้าทุกคนเผยรอยยิ้ม แววตาเต็มไปด้วยความตกตะลึงในเสียงร้องอันแสนไพเราะและท่วงทีร่ายรำอันน่าหลงใหลของพระชายาเหิงอ๋อง

เห็นนางขยับปลายเท้างดงาม ท่วงทีอ่อนช้อย ประหนึ่งต้นหลิวพัดพลิ้วกลางลมวสันต์ แววตาของนางลึกซึ้งคลุมเครือ เสียงเพลง ‘พักตร์ชาด’ ดังขึ้น แววตาประหนึ่งแฝงถ้อยคำนับพัน จมจ่อมอยู่ในโลกของตัวเอง

พัดกลมในมือนางดูเหมือนศัตราวุธของนางมากกว่า สวนบุปผชาติขนาดย่อมประหนึ่งกลายเป็นเวทีรบของนาง นิ้วมือทั้งสิบของนางเรียวงาม สองแขนแกว่งไกว มีชีวิตชีวาทั้งอ่อนช้อยไร้กระดูก บางครั้งนางหมุนตัว บางคราก้าวกระโดด ชายชุดสีม่วงลอยคว้าง ดูราวกับดอกโบตั๋นสีม่วงที่บานสะพรั่ง งดงามบาดจิต ชวนให้ผู้คนลุ่มหลงมึนเมา

ผู้คนรอบข้างราวกับถูกการร่ายรำของนางชักจูงจิตใจ ท่าทีจึงเปลี่ยนเป็นกระตือรือร้นและตื่นเต้นขึ้นมา

การยักคิ้วแต่ละครั้งรอยยิ้มแต่ละคราของเจียงเฟิ่งหัวสะท้อนเสน่ห์และความเอียงอายออกมาจนสิ้น สอดรับกับสภาพจิตใจยามเพิ่งแต่งงานของนางได้อย่างพอดิบพอดี

ตอนที่เซี่ยซางกลับถึงตำหนักคุนหนิงก็ได้เห็นการร่ายรำอันงดงามและเสียงร้องเพลงแสนไพเราะของเจียงเฟิ่งหัวพอดี ความอึดอัดคับข้องใจของเขาราวกับอันตรธานไปในชั่วพริบตา รอยยิ้มบนใบหน้านางราวกับสามารถหลอมละลายสิ้นความเย็นเยียบบนโลกนี้

ยามนี้เขาจึงตระหนักว่า ที่แท้เจียงเฟิ่งหัวก็พกพาความหวังอันงดงามมาแต่งงานกับเขา นางคาดหวังว่าจะได้ใช้ชั่วชีวิตกับสามีของตนเองอย่างมีความสุข

เฉิงฮองเฮาโทสะคับข้องกลับมาช้ากว่าเซี่ยซางก้าวหนึ่ง นางยิ่งไม่มีอารมณ์ไปชื่นชมการร่ายรำและเสียงเพลง ทันใดนั้นเห็นว่าผู้คนมากมายล้อมอยู่ในสวนบุปผชาติ ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นจึงตวาดด้วยโทสะว่า “ล้อมอยู่ตรงนี้ทำอะไร?”

ฉับพลันนั้น นางกำนัลและขันทีที่มาล้อมดูก็แยกย้ายสลายตัว เสียงในสวนบุปผชาติหยุดชะงัก เจียงเฟิ่งหัวตวัดสายตาขึ้นเห็นเซี่ยซางกับเฉิงฮองเฮามาถึง นางตกใจจนดวงหน้างามเผือดสีสะดุดล้มด้วยความลนลาน ตามด้วยเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ทั้งร่างอ่อนแรงวูบ

เฉิงฮองเฮาเดินเข้ามาถาม “เมื่อครู่พวกเจ้าทำอะไรกัน?”

เจียงเฟิ่งหัวทอดสายตาลงล่าง ตอบอย่างอ่อนแอว่า “เสด็จแม่โปรดระงับโทสะ หม่อมฉันเห็นว่าสวนบุปผชาติงดงามน่าหลงใหลนักจึงเต้นรำในสวนอย่างอดใจไม่อยู่ แล้วสะดุดล้มเพราะไม่ทันระวังเพคะ”

เฉิงฮองเฮาถูกฮ่องเต้กริ้วใส่ แต่ก็ไม่มีทางมาระบายโทสะกับเจียงเฟิ่งหัว นางเอ่ยเสียงเย็นชา “ลุกขึ้นมาเถอะ!”

“เพคะ” เจียงเฟิ่งหัวกัดริมฝีปากอยากหยัดร่างขึ้นมา แต่ข้อเท้าเจ็บปวดยากจะทานทน เจ็บจนใบหน้าเล็กๆ ซีดขาว เห็นเหงื่อผุดพรายเต็มหน้าผากนาง ทำอะไรไม่ถูก

เซี่ยซางเห็นมือนางกุมข้อเท้าเอาไว้ก็ถามเสียงทุ้ม “ข้อเท้าแพลงหรือ?”

เจียงเฟิ่งหัวทอดสายตาลงต่ำ ท่าทางน่าสงสาร พยักหน้าน้อยๆ “ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นเพคะ...”

เฉิงฮองเฮาเป็นบุตรชายแสดงท่าทางเป็นห่วงเจียงเฟิ่งหัว ความยินดีก็พลันวาบผ่านแววตา “เรียกหมอหลวง”

แล้วสั่งให้นางกำนัลประคองเจียงเฟิ่งหัวขึ้นมา

เจียงเฟิ่งหัวยืนขึ้นอย่างกินแรง ความเจ็บปวดรุนแรงซ่านมาจากข้อเท้า เจ็บจนน้ำตารื้นขอบตา ไม่อาจขยับไปข้างหน้าได้แม้ครึ่งก้าว

เซี่ยซางสาวเท้ามาข้างหน้า รวบนางขึ้นมาอุ้มเดินตรงเข้าไปในตำหนัก
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
ขศยา สุนิเพชร
สนุกดีค่ะชอบๆ
goodnovel comment avatar
Vichuda
ไม่ลงเพิ่มหรือคะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 495

    “ใช่แล้ว อีกหลายปีข้างหน้า ข้าก็อยากยกตำแหน่งนี้ให้เจ้า” ซูเต๋อไห่กล่าว “เซี่ยซางเป็นกษัตริย์องค์ถัดไป แม้แต่จุดนี้เราก็เดาไม่ผิด ก็แค่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เขาจึงไม่เชื่อใจพวกเราสกุลซูแล้ว อันที่จริงหากเซี่ยซางเป็นคนฉลาด เขาเพิ่งขึ้นครองตำแหน่งองค์รัชทายาท คิดอยากนั่งตำแหน่งองค์รัชทายาทอย่างมั่นคง หรือแม้กระทั่งอนาคตขึ้นครองบัลลังก์อย่างมั่นคง เขาก็ไม่ควรทอดทิ้งพวกเราสกุลซู”“ท่านพ่อ หวานหว่านบอกว่าเจียงเฟิ่งหัวไม่มีทางได้เป็นฮองเฮาของเซี่ยซางเด็ดขาด ตำแหน่งฮองเฮาของเซี่ยซางเป็นของสกุลซู แต่ดูสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ลูกรู้สึกว่าต้องมีจุดไหนที่เกิดปัญหาแน่ สิ่งดี ๆ ถูกคนสกุลเจียงยึดครองไปหมดแล้ว หวานหว่านกลายเป็นคนคนนั้นที่ถูกเซี่ยซางละเลย”“หวานหว่านหมดประโยชน์แล้ว” ซูเต๋อไห่ได้แต่รู้สึกอับโชค “เลือกคนที่สวยที่สุดมา หัวสมองกลับโง่ที่สุด แค่มัดใจผู้ชายคนหนึ่งยังทำไม่ได้ นางยังมีประโยชน์อะไรอีก ข้าบอกหลิ่วเอ๋อร์แล้วว่า ให้รับลูกสาวของนางมา ใช้สถานะของสกุลซูเรา หากรัชทายาทจะเลือกพระชายารอง ก็ส่งลูกสาวสกุลซูเข้าไปให้เขาอีกคน ถึงอย่างไรก็ยังมีโอกาสเสมอ”ซูเซวี่ยนกลับไม่มีความหวังนี้แล้ว เซี่

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 494

    ตกกลางคืน ทั้งถนนเงียบงันปราศจากเสียง มืดมิดไปหมด ที่หน้าประตูจวนสกุลเจียง สิงโตหินสองตัวจ้องมองอย่างองอาจ แสดงให้เห็นถึงความน่าเกรงขามและสูงศักดิ์ของจวนแม่ทัพดึกสงัดไร้ผู้คน ทุกคนหลับใหลหมดแล้ว ทันใดนั้นที่หน้าประตูจวนสกุลซูก็มีคนแบกโลงศพโลงหนึ่งมาวางขวางหน้าประตูจากนั้นก็มีเสียงทุบประตูตึง ๆ ดังขึ้นติดต่อกันยามเฝ้าประตูได้ยินเสียงเคาะประตูติด ๆ กันก็เปิดประตู พอเห็นก็ตกใจถอยกรูดจนล้มไปกองที่พื้น “โลงศพ?”เพียงไม่นาน คนสกุลซูก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวแล้ววิ่งออกมาดู ก็เห็นโลงศพโลงหนึ่งขวางอยู่ตรงกลางทางเวลานี้เอง ซูเต๋อไห่กับซูเซวี่ยนได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวก็เร่งรุดมา ทุกคนต่างไม่กล้าก้าวออกไปข้างหน้า ซูเต๋อไห่กล่าวเสียงเย็นชา “แค่โลงศพโลงหนึ่งก็กลัวจนเป็นเช่นนี้ รีบไปเปิดสิ”ซูเซวี่ยนก็รู้สึกว่าแปลกเขาก็กลัวว่ามีอะไรน่าตกใจจึงไม่กล้าก้าวออกไปข้างหน้า เลยให้ทหารจวนสกุลซูออกไป “เปิดมันเสีย ข้าก็อยากเห็นหน่อยเหมือนกันว่าในนั้นมีอะไรอยู่”ทหารรวบรวมความกล้าเปิดโลงศพออก ก็เห็นว่าข้างในมีชายคนหนึ่งที่ถูกโบยทั้งตัวจนร่างเละไปหมด ชายคนนั้นน่าจะขาดใจแล้วด้วย ทำให้ทหารตกใจจนฉี่

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 493

    “แม้แต่หรวนหร่วนกับจิ่นเหยียนก็ยังรู้ ท่านยังปิดบังข้าอีก” เฝิงจิ้งย่วนไม่เคยรู้สึกเสียใจขนาดนี้มาก่อน น้ำตาไหลพรากเต็มหน้า อ่อนไหวไปหมดเดิมทีเจียงจิ่นเหยียนอยากอธิบายแทนพ่อ แต่ถูกเจียงเฟิ่งหัวลากออกไปนอกประตู แถมยังปิดประตูให้พวกเขาอีกด้วย“ท่านพ่อแก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้นแล้วจริงๆ” เจียงจิ่นเหยียนกล่าว“ท่านพ่อก็ไม่ได้มีหญิงอื่นเสียหน่อย มีอะไรให้ต้องแก้ตัวกัน” เจียงเฟิ่งหัวกล่าว “วางใจเถิด ไม่มีอะไรหรอก เรื่องแค่นี้ท่านพ่อยังจัดการไม่ได้อีกหรือ ท่านก็ดูถูกท่านพ่อเกินไปแล้ว พวกท่านอยู่กันมาจะสามสิบปีแล้ว มีเรื่องโกรธโมโหอะไรกันพวกท่านก็เข้าใจกันได้”“หรวนหร่วน คำพูดเจ้านี่ไม่เหมือนอายุสิบหกเลยนะ กลับเหมือนสามสิบหกเสียอย่างนั้น” เจียงจิ่นเหยียนกล่าวเจียงเฟิ่งหัวตะลึงงัน “ข้าแค่ตั้งครรภ์ก็ดูแก่ขนาดนี้เลยหรือ? พวกท่านผู้ชายเหมือนกันหมดหรืออย่างไร ผู้หญิงพอมีครรภ์ก็ไม่สวยแล้ว จากนั้นก็เริ่มรังเกียจ รอพี่สะใภ้ใหญ่ตั้งครรภ์แล้ว ท่านก็จะพูดกับนางเช่นนี้ใช่ไหม?”พูดจบเจียงเฟิ่งหัวก็ยกกระโปรงเดินจากไป นางทำตัวสุขุมเกินวัยขนาดนั้นเลยหรือ?ภรรยาสงสัยว่าสามีมีบ้านเล็กบ้านน้อยข้างนอกก็คว

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 492

    “สกุล…สกุลซูของซูเต๋อไห่นั่นน่ะหรือ?” เจียงหวยเพิ่งรู้ตัวทีหลัง “มิน่าเล่า เขาคอยเล่นงานข้าทุกจุดในท้องพระโรง”เจียงเฟิ่งหัวนึกถึงท่าทางที่พ่อโจมตีซูเต๋อไห่กลับ จงใจกล่าวว่า “เขาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่เชียวนะ ท่านพ่อไม่กลัวเขาเลยหรือเจ้าคะ”“กลัวสิ…กลัวอยู่แล้ว แต่พอข้าคิดว่าถ้าเขายืนยันได้จริงว่าข้ารับสินบน ไม่เพียงแค่การสอบของจิ่นเหยียนจะเป็นโมฆะ ศิษย์เหล่านั้นของข้าก็จะไม่รอดสักคน แล้วก็เจ้า หรวนหร่วน จะพลอยเดือดร้อนไปเพราะพ่อด้วย ต่อให้ตอนนั้นฝ่าบาทจะตัดหัวข้า ข้าก็ต้องพูดออกมา”“หลักแหลมนัก จุดนี้ท่านพ่อทำถูกเป็นอย่างยิ่ง โชคดีที่ตอนนั้นท่านโต้แย้งด้วยเหตุผล จึงทำให้ฝ่าบาททรงเชื่อท่านได้ หากท่านกลัวหัวหด เกิดความเกรงกลัวเขาในใจ พลาดโอกาสไป ถึงเวลาไม่ว่าท่านพูดอะไร คนเขาก็ต่างคิดว่าท่านกำลังแก้ตัว ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ท่านก็จะแพ้ นี่ก็คือโอกาสทองในการโจมตีกลับ ท่านทำได้แล้วเจ้าค่ะ”“อีกอย่างก็คือ จริง ๆ แล้วในใจฝ่าบาททรงลำเอียงเข้าข้างท่าน เพราะฉะนั้นพระองค์จะทรงอยากให้โอกาสท่านได้พูดเยอะ ๆ หน่อยโดยไม่รู้ตัว”เจียงหวยถูกลูกสาวชม ในใจเขาก็เกิดความรู้สึกภูมิใจขึ้นมาทันที เขาจ้องเจียงเฟ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 491

    จางอวี่มั่วก็ยังหวาดกลัวอยู่ โชคดีที่นางเตรียมใจไว้นานแล้ว แต่นางก็นึกไม่ถึงว่าคนที่ต้องการทำร้ายพวกนางจะคิดวิธีแบบนี้ได้ ที่เอาเงินสกปรกไปยัดไว้ในคลังของสกุลเจียง ศัตรูจ้องเล่นงานเรา จะป้องกันอย่างไรก็ป้องกันไม่ได้จริง ๆเจียงเฟิ่งหัวถาม “พี่หญิงรองมาแล้วใช่ไหม?”จางอวี่มั่วตอบ “มาแล้ว ที่บ้านยังมีลูกอยู่ นางไม่วางใจก็เลยกลับไปแล้ว แต่น้องหญิงสามไม่ต้องเป็นห่วง พวกเรากำชับเป็นอย่างดีแล้ว พี่หญิงรองบอกว่านางกลับไปแล้วก็จะเสริมการคุ้มกันในจวน”เจียงเฟิ่งหัวคิด ผ่านเรื่องนี้ไปแล้ว ทุกคนต่างก็มีความระแวดระวัง ดีเหมือนกัน ไม่เหมือนชาติที่แล้วที่พวกเขาไม่ได้เตรียมการไว้เลยแม้แต่น้อย ได้แต่ถูกกระทำฝ่ายเดียว ท้ายที่สุดแล้วทุกคนที่เกี่ยวข้องกับสกุลเจียงก็ล้วนถูกสกุลซูเล่นงานจนพังพินาศทั้งสิ้นนางยังคิดไว้ว่ารอคลอดลูกก่อนแล้วค่อย ๆ ขุดคุ้ยหาข้อผิดพลาดของสกุลซู ดูแล้วตอนนี้ก็ไม่ต้องรอให้ถึงเวลานั้นแล้ว สกุลซูก็ไม่ได้ย้ายไปชายแดนหมดทั้งบ้าน บ้านเดิมของสกุลซูก็ยังอยู่ที่เมืองเซิ่งจิง ฮูหยินผู้เฒ่าซูก็ไม่ได้มีซูเต๋อไห่เป็นลูกชายคนเดียวเสียหน่อยเวลานี้เจียงหวยก็ไม่กล้ากอดเฝิงจิ้งหยวนไว้เพื่อปล

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 490

    หลินเฟิงนำทหารไปส่งเจียงเฟิ่งหัวถึงหน้าประตูจวนสกุลเจียง จากนั้นก็ดึงเย่อิ่งไปอีกด้าน “องค์รัชทายาทให้ข้ากำชับเจ้า ว่าต้องปกป้องความปลอดภัยของพระชายารัชทายาทให้ดี อย่าให้เกิดเรื่องลอบสังหารแบบครั้งก่อนเป็นอีกอันขาด หากพระนางเป็นอะไรไป ให้เจ้าหิ้วหัวมาพบ เจ้าเองก็ระวังสักหน่อย ระวังหัวจะไม่ปลอดภัยเข้าล่ะ”ดวงตาของหลินเฟิงมีประกายอำมหิตสายหนึ่งวาบผ่าน มือทำสัญลักษณ์ปาดคอขึ้นมา เย่อิ่งรู้สึกเพียงว่าศีรษะเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดโปน นับตั้งแต่องครักษ์หลินเปลี่ยนจากองครักษ์ของท่านอ๋องกลายเป็นองครักษ์ของรัชทายาท คนก็เปี่ยมไปด้วยพลังเสียเหลือเกิน!สีหน้าของเย่อิ่งไม่เปลี่ยนแปลง และดูเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง ในอ้อมอกกอดกระบี่ไว้เล่มหนึ่ง “ได้ยินว่าในวังมีนางกำนัลหลายคนชอบเจ้า พวกนางล้วนอยากแต่งงานกับเจ้า”หลินเฟิงประหลาดใจ “หน้าน้ำแข็งก็ชอบพูดล้อเล่นแล้วหรือนี่ พระอาทิตย์คงขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วกระมัง”“ข้าไม่ได้ล้อเล่น” สีหน้าของเย่อิ่งดูทื่อๆ ทว่าจริงจังยิ่งหลินเฟิงตะลึงไป รีบหันไปดูที่หน้าประตูใหญ่ของจวนสกุลเจียงอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าเหลียนเย่กับพระชายารัชทายาทเข้าไปแล้ว ก็กระซิบเสียงเบา

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status