Share

พานพบ

last update Last Updated: 2024-11-25 15:32:21

หลังจากนั้นจางเหม่ยอิงได้เดินผ่านสวนหย่อมกลางจวนและบังเอิญได้ยินสาวใช้กลุ่มหนึ่งพูดคุยกันอย่างออกอรรถรสเกี่ยวกับตนแอง

“ครั้งล่าสุดที่แม่นางผิงชิงเสียมาหาคุณหนู นางนำของขวัญวันแต่งงานมาให้ เห็นว่าเป็นผ้าแพรผืนหนึ่ง ทันทีที่คุณหนูรับไว้ ท่าทีของนางก็เปลี่ยนไปทันที”

“ข้าเองก็อดสงสารคุณหนูจางของพวกเราไม่ได้ นางเคยสนิทกับแม่นางผิงชิงเสียมาก่อนแต่กลับต้องมาแตกหักกันเพราะองค์ชายสามคนเดียว”

“ข้าเองก็ได้ยินมาว่าองค์ชายสามรักแม่นางผิงชิงเสียมากแต่เพราะถูกบังคับให้แต่งกับคุณหนูของเรา จึงไม่พอใจคุณหนูของเราเป็นอย่างมาก”

“คุณหนูของพวกเราช่างน่าสงสารเสียจริง ข้าเองก็ไม่ชอบแม่นางผิงชิงเสียเอาเสียเลย ถ้าสังเกตดีๆ นางไม่ได้เป็นมิตรกับคุณหนูของเราเลยสักนิด มีแต่คุณหนูของพวกเราที่มองว่านางยังเป็นสหาย”

จางเหม่ยอิงหยุดชะงักทันที คำพูดเหล่านั้นจุดประกายความสงสัยในใจเธอ

“ผิงชิงเสีย…ผ้าแพร?”

จากนั้นด้วยความสงสัยจางเหม่ยอิงรีบไปหาหงเอ๋อร์และสอบถามข้อมูลทันที

“ไม่นานมานี้ ผิงชิงเสียเคยมาเยี่ยมข้าจริงหรือ?”

หงเอ๋อร์ถอนหายใจ “ใช่เจ้าค่ะ แต่ท่านไม่ควรใส่ใจนางมากนัก นางไม่เคยจริงใจกับท่านเลยสักนิด มาทีไรก็มักจะพูดจาหยอกล้อเสียดสี ข้าเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณหนูถึงทนฟังคำพูดเหล่านั้น ไหนจะองค์ชายสามที่มักจะปกป้องนางจนออกนอกหน้า”

“องค์ชายรักนางหรือ?” จางเหม่ยอิงถามขึ้น

“คุณหนูอย่าได้เสียใจเลยเจ้าค่ะ ใครไม่รักท่านก็ช่าง แต่บ่าวรักท่านอย่างหมดใจ และจะภักดีต่อท่านเพียงคนเดียว...”

ได้ฟังเรื่องราวเท่านี้ จางเหม่ยอิงก็เริ่มเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดในทันทีถึงความสัมพันธ์ที่คลุมเครือนี้

ผิงชิงเสียดูจะเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งที่อาจมีส่วนทำให้เจ้าของร่างเดิมหายไปเพราะความหึงหวง ต่อให้ความรักขององค์ชายสามไม่สำคัญกับเธอก็ตามที แต่จางเหม่ยอิงรู้ว่าควรไปพบผิงชิงเสียด้วยตนเองสักครั้ง

หลังจากเครียดมาทั้งวันแล้วจางเหม่ยอิงจึงขออนุญาตบิดามารดาไปเที่ยวเล่นข้างนอก แม้ทั้งสองจะเป็นห่วงแต่เพราะความรักที่มีต่อลูกสาวพวกเขาก็ยอมให้นางออกนอกจวนเพื่อไปเที่ยวเล่น

หลังจากออกจากจวน จางเหม่ยอิงรู้สึกถึงสายตาของผู้คนที่จ้องมองนางด้วยความชื่นชม ก็รูปโฉมของร่างนี้งดงามจนใครๆ ก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมอง

จางเหม่ยอิงบอกหงเอ๋อร์และขบวนของผู้ติดตามว่าอยากจะไปที่ร้านหนังสือ หงเอ๋อร์จึงเดินไปส่งไปถึงหน้าร้านและถึงแม้จะเป็นห่วงคุณหนูแค่ไหน แต่ก็ยอมให้คุณหนูเข้าไปเพียงคนเดียวตามคำขอของนางว่าอยากได้ความเป็นส่วนตัว

เมื่ออยู่ในร้าน จางเหม่ยอิงเลือกดูหนังสือตำราต่างๆ อย่างสนอกสนใจ ส่วนใหญ่เป็นหนังสือเกี่ยวกับสมุนไพรและตำราอักษรโบราณ ทันใดนั้น หญิงสาวก็รู้สึกเหมือนมีสายตาแปลกๆ จ้องมองมา จางเหม่ยอิงหันไปและชนเข้ากับแผงอกของชายหนุ่มคนหนึ่ง

หญิงสาวถอยหลังออกมา มองเขาอย่างตกใจ!

ใบหน้าชายหนุ่มตรงหน้านั้นดูคุ้นเคยอย่างแปลกประหลาด นี่คือใบหน้าของอาจารย์หวังที่เธอแอบรักชัดๆ! ทว่าดวงตาของเขาเย็นชาและดุดัน ไม่อบอุ่นเช่นที่เคยเป็น..

"หลีกทางให้ข้าเถอะเจ้าค่ะ ข้าไม่รู้จักท่าน และข้าก็จะกลับจวนแล้ว"

จางเหม่ยอิงตอบเสียงเรียบพลางสงวานท่าทีของตัวเองอย่างแนบเนียนไม่ให้ตื่นเต้นไปกับใบหน้าที่หล่อเหลาเหมือนกับอาจารย์หวัง

ชายหนุ่มตรงหน้าขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ

"เจ้าจำคู่หมั้นของตัวเองไม่ได้หรือ? เราเจอกันออกบ่อยไป จางเหม่ยอิง"

จางเหม่ยอิงยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย คู่หมั้น? อย่าบอกนะว่านี่คือองค์ชายสามคนนั้น?

"จำไม่ได้ก็คือจำไม่ได้ ข้าขอให้ท่านหลีกทางเพราะตอนนี้ข้าไม่มีเวลามาสนทนากับท่านนักหรอก องค์ชาย"

หวังกู้หย่งประหลาดใจกับท่าทีของหญิงสาวตรงหน้าเป็นอย่างมาก ปกติจางเหม่ยอิงเป็นคนขี้กลัวแค่สบตาเขาก็หน้าซีดแล้ว แต่คราวนี้นางกลับยืนประจันหน้าและถียงเขาอย่างไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย

 “เจ้ากล้าพูดกับข้าเช่นนี้จริงหรือ จางเหม่ยอิง? ที่ข้าเข้าหาเจ้าในวันนี้ก็เพราะข้าเพียงต้องการให้เจ้ายกเลิกงานแต่งงานนี้ ข้ามีคนที่อยากแต่งงานด้วยอยู่แล้ว นั่นคือผิงชิงเสีย หากไม่ใช่เหตุผลนี้ข้าคงไม่เดินเขาหาคนตระกูลจางที่น่ารังเกียจอย่างเจ้าหรอก”

จางเหม่ยอิงหัวเราะเบาๆ “เช่นนั้นก็ยกเลิกเองสิ ข้าไม่ได้รักท่าน และไม่อยากแต่งงานกับท่านเช่นกัน แต่ข้าจะไม่เป็นฝ่ายขอยกเลิก เพราะถ้าตระกูลจางของข้าขัดราชโองการ ฮ่องเต้ก็ต้องประหารครอบครัวของข้า แต่ถ้าฝ่ายของท่านยกเลิกเอง ฮ่องเต้ก็คงจะไม่ทำอะไรท่านหรอกเพราะท่านเป็นบุตรของเขา หรือว่าท่านไม่กล้า?”

หวังกู้หย่งจ้องมองจางเหม่ยอิงด้วยความโกรธเกลียด ทว่าไม่ทันได้ตออะไรบ ตวนเฟิงก็เข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน

 "องค์ชายสาม ฮองเฮาทรงเรียกพบท่านพ่ะย่ะค่ะ"

หวังกู้หย่งหันมองตวนเฟิง ก่อนจะปรายตามองจางเหม่ยอิงอย่างเย็นชาโดยไม่เอ่ยอะไร เขาหันหลังเดินออกจากร้านไปทันที ทิ้งให้จางเหม่ยอิงยืนอยู่ลำพังด้วยความรู้สึกโล่งใจและสงสัยถาโถมเข้ามาพร้อมกัน

“หน้าตาเหมือนกันก็จริง แต่นิสัยต่างกันสุดขั้ว อย่างไรจารย์หวังก็ดีกว่าเห็นๆ”

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Natharinee Pornthongochai
นั่นสิ อยากยกเลิกก็ไปบอกฮ่องเต้เองสิ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ย้อนชะตาเพื่อรักนิรันดร์   ข้าอยากบอกรักเจ้า

    จางเหม่ยอิงหัวเราะเบาๆ “ท่านพี่ ข้าเพียงทำหน้าที่ของข้า ประชาชนเหล่านี้คือรากฐานของบ้านเมือง หากพวกเขาสุขสงบ บ้านเมืองของเราก็จะมั่นคงนะเจ้าคะ”หวังกู้หย่งยิ้ม พลางเอื้อมมือจับมือนาง “เจ้าเป็นดั่งเพชรน้ำงามในชีวิตข้า อิงเอ๋อร์ ข้าภูมิใจในตัวเจ้ามาก”ยามเช้าของฤดูใบไม้ผลิ ดอกเหมยแดงเบ่งบานสะพรั่งรอบลานพระราชวัง แสงแดดอ่อนสาดส่องลงมาทำให้หยดน้ำค้างที่เกาะตามกลีบดอกดูระยิบระยับ หวังกู้หย่งกำลังนั่งอยู่ที่ศาลาริมบ่อน้ำในสวนหลวง เขาแต่งกายเรียบง่าย แต่ท่าทางที่สุขุมและแววตาแน่วแน่ยังคงแสดงถึงความสง่างามขององค์ชายผู้มีบทบาทสำคัญในราชสำนักจางเหม่ยอิงเดินเข้ามาพร้อมกับถาดชาที่ถือไว้ในมือ นางสวมชุดสีฟ้าอ่อนปักลายดอกเหมยที่สะท้อนความเรียบง่ายแต่สง่างาม นางวางถาดชาไว้บนโต๊ะไม้ก่อนจะนั่งลงข้างเขา“ท่านพี่ เหตุใดจึงมานั่งตรงนี้แต่เช้าเจ้าคะ?” นางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พลางยื่นถ้วยชาที่เพิ่งชงให้เขาหวังกู้หย่งรับถ้วยชามา ก่อนจะยิ้มบางๆ “ข้ามาผ่อนคลายความคิด เจ้าไม่ต้องห่วงไป ข้าเพียงอยากชมดอกไม้บาน” เขาหันมามองนาง สายตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “แต่เจ้าล่ะ มีธุระสิ่งใดหรือถึงมาหาข้าแต่เช้า?”“ข้า

  • ย้อนชะตาเพื่อรักนิรันดร์   เวลาผ่านไป

    ความทรงจำในวันนั้นยังคงชัดเจนในใจของอาจารย์หวัง แม้เวลาจะผ่านไปนาน แต่ภาพของจางเหม่ยอิงในห้องเรียนวิทยาศาสตร์นิติวิทยาศาสตร์ยังคงตราตรึง รอยยิ้มของเธอที่มุมปากขณะตั้งใจฟัง หรือแววตาที่เป็นประกายทุกครั้งที่เธอเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ คือภาพที่ไม่มีวันเลือนหายจากใจเขา...ในมโนภาพของเขา ภาพของหญิงสาวที่เคยเป็นลูกศิษย์คนโปรดและเป็นรักเดียวในหัวใจปรากฏขึ้น เธอยืนยิ้มอยู่ใต้ต้นซากุระในวันที่ดอกไม้เบ่งบานเต็มที่ ในชุดฮั่นฝูสีฟ้าอ่อนปักลายดอกเหมยของเธอพลิ้วไหวไปตามสายลม ใบหน้าของจางเหม่ยอิงเปล่งประกายด้วยรอยยิ้มที่งดงามจนทำให้หัวใจเขาสั่นไหว ข้างๆ เธอนั้นมีชายคนหนึ่งสวมชุดจีนยุคโบราณสีน้ำเงินเข้มยืนอยู่ คนๆ นั้นมีหน้าตาที่เหมือนเขามากจนอดคิดไม่ได้ว่าบางที่เราอาจจะได้เจอกันแล้วในชาติภพใดชาติภพหนึ่ง"เหม่ยอิง… หากชาติหน้าหรือมีสักชาติภพที่เรามีโอกาส ผมขอให้ได้รักและอยู่เคียงข้างเธอ…"เสียงเครื่องวัดหัวใจในห้องดังเป็นเสียงยาว ทันทีที่ดวงตาของอาจารย์หวังปิดลงอย่างสงบ ใบหน้าของเขาเปื้อนรอยยิ้มบางๆ ราวกับว่าเขาได้พบกับจางเหม่ยอิงในฝันสุดท้าย ความทรงจำและความปรารถนาอันแรงกล้าของเขากลายเป็นส่วนหนึ่งของห้วงน

  • ย้อนชะตาเพื่อรักนิรันดร์   สำนึกผิด

    ไม่กี่วันต่อมา ผิงชิงเสียเองก็ขอเข้าพบจางเหม่ยอิงเป็นครั้งสุดท้าย นางดูเหนื่อยล้าและเศร้าหมองเป็นอย่างมาก น้ำเสียงที่เคยเปี่ยมไปด้วยความเย่อหยิ่งกลับแปรเปลี่ยนเป็นเสียงที่แผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ“เหม่ยอิง... ข้า... ข้าขอโทษ” นางเริ่มพูด ดวงตาของนางหลุบต่ำ “สิ่งที่ข้าทำ มันไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ แต่ข้าหวังว่าเจ้าจะยอมให้อภัย”จางเหม่ยอิงมองนางด้วยความนิ่งสงบ ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ “ข้าให้อภัยเจ้า ผิงชิงเสีย... เพราะข้าเชื่อว่าในตัวเจ้ายังน่าจะมีความดีเหลืออยู่บ้าง อย่าง้นอยเจ้าก็หวังดีและไม่เคยคิดร้ายต่อองค์ชาย”ดวงตาของผิงชิงเสียเริ่มมีน้ำตา “ขอบคุณ... ขอบคุณมาก แต่ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะไปถือศีลที่อารามหลวง เพื่อไถ่บาปทั้งหมดที่ข้าได้ทำไว้” จากนั้นไม่นานผิงชิงเสียก็เดินทางไปยังอารามแห่งหนึ่งเพื่อไถ่บาปโดยไม่มีกำหนดกลับเมืองหลวงในห้องพักผู้ป่วยที่เงียบสงัด อาจารย์หวังเซินเจี๋ยในวัย 80 ปีนอนอยู่บนเตียงสีขาวสะอาด ดวงตาของเขาปิดสนิท ร่างกายซูบผอม ผิวซีดเซียวจากโรคที่กัดกร่อนพละกำลังของเขามานานหลายปี ใบหน้าที่เคยดูสง่างามบัดนี้เต็มไปด้วยรอยลึกแห่งกาลเวลาท่ามกลางเสียงเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจ

  • ย้อนชะตาเพื่อรักนิรันดร์   ปรับความเข้าใจ

    ในห้องนอนอันแสนสงบภายในตำหนักที่กว้างใหญ่ จางเหม่ยอิงกำลังบรรจงใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นบิดหมาดเช็ดตัวให้กับคนรักของนางอย่างอ่อนโยน“หวังกู้หย่ง...ท่านพี่” นางเอ่ยเรียกชื่อของเขาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและแผ่วเบาสักสักจางเหม่ยอิงได้ยินถึงเสียงฝีเท้าหนักแน่นที่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ ดวงตาคู่งามเหลือบมองไปยังประตูด้วยความสงสัยไม่นานนัก ประตูเปิดออก เผยให้เห็นร่างสูงของตวนเฟิงที่ยืนอยู่“กระหม่อมต้องขออภัยที่มารบกวน แต่กระหม่อมมีเรื่องสำคัญที่อยากเรียนให้พระชายาทราบพ่ะย่ะค่ะ” “พูดมาเถอะ ตวนเฟิง” “เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น กระหม่อมคิดว่าพระชายาควรทราบความจริง... เรื่องที่องค์ชายปกป้องแม่นางผิงชิงเสีย... แท้จริงแล้วมันไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ”ดวงตาของจางเหม่ยอิงเบิกกว้างเล็กน้อย แต่ยังคงนั่งนิ่งสงวนท่าที “หากไม่ใช่ แล้วเหตุใดเขาจึงต้องปกป้องนาง แทนที่จะเป็นข้า?”“องค์ชายไม่ได้ปกป้องผิงชิงเสีย แต่เพราะองค์ชายเองทรงทราบตั้งแต่ต้นว่าผิงชิงเสียไม่ได้เป็นคนร้ายตัวจริง”ตวนเฟิงพยายามอธิบายด้วยน้ำเสียงจริงจัง หมายอยากจะช่วยให้นายของตนได้ปรับความเข้าใจซึ่งกันและกัน“คนที่อยู่เบื้องหลังการลอบว

  • ย้อนชะตาเพื่อรักนิรันดร์   แสงสุดท้าย

    แสงยามเช้าค่อยๆ สาดส่องผ่านหน้าต่างห้องพัก กระทบกับผิวซีดของหวังกู้หย่งที่นอนแน่นิ่งบนเตียง ร่างสูงใหญ่ที่ครั้งหนึ่งเคยเปี่ยมไปด้วยพลังบัดนี้ดูอ่อนแอและเปราะบาง ผ้าพันแผลสีขาวที่ซึมไปด้วยเลือดสีดำประปรายบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือดที่เขาได้เผชิญเพื่อปกป้องจางเหม่ยอิงจางเหม่ยอิงนั่งเฝ้าไข้อยู่ข้างเตียงอย่างใกล้ชิดหลังจากที่ได้รู้ว่ามีดสั้นของหลิวกงหยวนเล่มนั้นอาบยาพิษ จ้องมองใบหน้าที่ไร้สีเลือดของหวังกู้หย่ง น้ำตาที่พยายามสะกดกลั้นเอ่อล้นอีกครั้ง ราวกับหัวใจของนางถูกบีบรัดจนแทบแตกสลาย“เหตุใดท่านถึงโง่เขลาถึงเพียงนี้...ท่านรู้หรือไม่ว่าแท้จริงแล้วข้านั้นไม่ได้ต้องการสิ่งใด นอกจากให้ท่านมีชีวิตอยู่ต่อไป...”นางเอื้อมมือเรียวบางไปจับมือหนาที่บัดนี้ไร้เรี่ยวแรงของเขา หวังกู้หย่งไม่ตอบสนอง ไม่มีแม้แต่เสียงลมหายใจหนักหน่วงของคนที่กำลังทุกข์ทรมาน เขานิ่งราวกับไม่มีชีวิต ดวงตาของเขาปิดสนิท ราวกับจมดิ่งอยู่ในห้วงนิทราที่ไม่มีจุดจบหงเอ๋อร์ที่มีผ้าพันแผลพันรอบศีรษะนั้นทนไม่ไหวอีกต่อไป นางก้าวเข้ามาพร้อมจับไหล่ของจางเหม่ยอิงเบาๆ“พระชายาเพคะ...ท่านต้องพักผ่อนบ้าง ท่านอยู่ตรงนี้ทั้งคืนแล้ว เดี๋ย

  • ย้อนชะตาเพื่อรักนิรันดร์   ปกป้องนาง

    “ออกมาเดี๋ยวนี้ จางเหม่ยอิง! ข้ารู้ว่าเจ้าซ่อนอยู่แถวนี้!”เสียงของหลิวกงหยวนดังก้องกังวานไปทั่ว พร้อมกับมีดสั้นที่สะท้อนแสงจันทร์วูบวาบอยู่ในมือของเขา ไม่คาดคิดมาก่อนว่าคนที่อ่อนแอมาตั้งแต่กำเนิดอย่างจางเหม่ยอิงจะวิ่งหนีเขาได้รวดเร็วขนาดนี้ทางด้านของจางเหม่ยอิงนั้นกำลังปรับลมหายใจให้เบาลงแม้ว่าร่างกายจะสั่นสะท้านไปด้วยความกังวล พลางคิดหาทางเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่สิ้นหวังนี้ในวินาทีนั้นเอง เสียงฝีเท้าหนักแน่นดังขึ้น ร่างสูงสง่าร่างหนึ่งก้าวออกมาจากความมืดจางเหม่ยอิงหันขวับไปตามเสียง ใจของนางที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังเริ่มสั่นคลอน ดวงตาของนางเบิกกว้าง เมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้น เสียงที่นางรู้จักดี... เสียงที่เป็นทั้งความสิ้นหวังและแสงสว่างในเวลาเดียวกัน“หลิวกงหยวน! หยุดเดี๋ยวนี้!”หลิวกงหยวนชะงัก ดวงตาของเขาเบิกกว้างเมื่อเห็นองค์ชาย “องค์ชายสาม...”หวังกู้หย่งพุ่งตัวทะยานเข้าไปขวางหลิวกงหยวน ดวงตาของเขาวาวโรจน์ราวกับเปลวไฟที่พร้อมจะเผาผลาญทุกสิ่ง“เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงคิดทำร้ายพระชายาของข้า!”เขายกแขนขึ้นคว้าข้อมือของหลิวกงหยวนที่ถือมีดไว้แน่น แรงกดที่เพิ่มขึ้นจากมือของหวังกู้หย่งทำให้ห

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status