หลังจากนั้นไม่กี่วัน ตาเซียงหม่าก็ทนความเจ็บปวดไม่ไหวประกอบกับความเสียใจจึงสิ้นลมไปในอ้อมกอดของเมียคู่ทุกข์คู่ยากและหลานสาว
เซียงเจินจูซึ่งเดิมเป็นเด็กสาวอ่อนแอเรียบร้อยถึงกับล้มป่วยไปอีกคนด้วยความเศร้าเสียใจ และนั่นก็เป็นวันที่ไข่มุกได้เข้ามาในร่างนี้พอดี
หมายความว่านายทุนใหญ่อยากได้ที่ดินตรงนี้จึงส่งนักเลงมาคุกคามสร้างเรื่องทำให้ตาของเซียงเจินจูต้องตาย
กว่าไข่มุกจะบีบอัดย่อยความทรงจำเหล่านั้นจนเข้าใจเรื่องราวได้มากขึ้น เหงื่อก็ออกจนเปียกท่วมตัว
หญิงสาวนอนนิ่งคิดอย่างกังวัลใจ เธอยังต้องตื่นไปดูแลร้านชานมไข่มุกของตนเอง แม้จะมีลูกน้องอยู่หลายคน แต่ด้วยร้านของเธอขายดีมากเพราะเธอใช้ใบชาที่ผสมผสานจากการคิดค้นอยู่หลายเดือน อีกทั้งยังมีสูตรการต้มที่ไม่เหมือนใครจึงทำให้รสชาติชาหอมอร่อย เพียงแค่กำลังต้มกลิ่นก็ลอยออกไปยั่วจมูกจนลูกค้าต้องมายืนออรอที่หน้าร้านแล้ว
ลูกน้องที่สลับสับเปลี่ยนกันมักจะชงชาให้ลูกค้าไม่ทันโดยเฉพาะช่วงพักซึ่งจะมีคนทำงานแห่มาสั่งพร้อมๆกันทีละหลายๆแก้วจนแม้แต่เธอยังหัวหมุน
หญิงสาวจึงไม่ใคร่ยอมไปไหนเพราะงกเงินไม่อยากพลาดการหารายได้ที่มีเข้ามา อีกอย่างเธอไม่เคยบอกสูตรการผสมใบชากับใคร ดังนั้นหากสต๊อกใบชาที่มีในร้านหมด พวกเขาคงไม่มีวัตถุดิบในการต้มชาอีกแน่
ถ้าเธอยังมัวมาเสียเวลาอยู่ที่นี่ คงพลาดการหาเงินไปหลายสตางค์ทีเดียว
ทำอย่างไรดี ไม่น่าเดินตามคุณยายคนนั้นมาเลย ต้องติดอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหนกัน
เมื่อได้ยินเสียงดังที่หน้าประตูอีกครั้ง ไข่มุกจึงชันร่างลุกขึ้นเอนนั่งบนเตียงอย่างอ่อนแรง
“เอ้า...ดื่มยาเสีย ขมสักนิด ยายเอาน้ำตาลกรวดมาให้อมแล้ว”
หญิงสาวเอื้อมมือรับถ้วยยาสีดำมาดื่มรวดเดียวแล้วอมน้ำตาลกรวดตามเข้าไปในปากขณะรีบพูด
“ยายจ๋า หนูอยากกลับไป ยายพาหนูกลับเถอะนะ หนูไม่อยากได้ผู้ชายอะไรที่ว่าแล้ว”
ยายเหลียนมองหน้าหลานสาวอย่างวิตกกังวลด้วยสีหน้าไม่รู้ว่าหลานสาวเอ่ยถึงเรื่องใด
“อาจู เจ้ายังปวดหัวอยู่หรือ เหตุใดเอ่ยวาจาประหลาดนัก”
“หนู...เอ่อ...ข้า...”
“เอาล่ะ นอนพักอีกคืน ได้กินยาแล้วพรุ่งนี้อาการคงดีขึ้นมาก” ยายเหลียนตัดสินใจไม่เซ้าซี้ พยุงร่างหลานสาวให้นอนลง ห่มผ้าให้อย่างใส่ใจแล้วเดินออกไป
เมื่อเห็นใบหน้าเศร้าหมองของยายเฒ่า ไข่มุกก็คิดถึงยายของตัวเองที่ตายจากไปนานแล้ว ขณะทบทวนความทรงจำของเด็กสาวเจ้าของร่างไปด้วย
เซียงเจินจูหรือ ชื่อของเด็กสาวคนนี้คือเซียงเจินจู
ส่วนยายเฒ่าเมื่อครู่เป็นยายของนางชื่อยายเหลียน
เรื่องนี้ประหลาดเกินไปแล้ว
ไข่มุกนอนคิดวนเวียนหาทางกลับไปยังร้านชานมของตัวเองแต่เมื่อคิดถึงการตายของตาเฒ่าซึ่งเป็นตาของเซียงเจินจู หญิงสาวก็เกิดเจ็บแค้นแทนขึ้นมา
ร้านชาเซียงซือมีชื่อเสียงโด่งดังเปิดมาตั้ง30กว่าปี ไอ้คนชั่วพวกนั้นจะมาบีบคั้นเอาที่ดินไปอย่างหน้าด้านๆได้อย่างไร
ฉันไม่ยอมหรอก รังแกกันเกินไปแล้ว
เอาล่ะ ในเมื่อยังหาทางกลับไปไม่ได้และต้องติดอยู่ในร่างของเด็กสาวคนนี้ ถ้าอย่างนั้นฉันจะหาทางแก้แค้นแทนเธอเอง แล้วจะพยายามรักษาร้านชาของตายายเอาไว้ให้ได้
ดีเหมือนกันจะได้ใช้โอกาสนี้ศึกษาเรื่องใบชาและวิธีการชงชาโบราณ เผื่อนำไปใช้ปรับปรุงกับชานมที่ร้านบ้าง
ตอนที่สิบเก้า ฉกฉวยโอกาสองคชายหกและจวงเห่ยกังถึงกับทำคอย่นเมื่อได้ยินประโยคหลัง ผิดกับองค์หญิงแปดซึ่งยิ้มแย้มชอบใจ“เช่นนี้สิ จึงจะสมเป็นว่าที่พี่สะใภ้ของข้า”“ความจริง หากไม่อยากให้แม่เลี้ยงและน้องสาวผู้ร้ายกาจตามรังควาน การตัดสินใจไปอยู่ที่แคว้นโจวย่อมดีที่สุด” องค์หญิงรีบเอ่ยเข้าข้างตนเอง“ไม่จำเป็นต้องไปไกลเพียงนั้นหรอกพ่ะย่ะค่ะองค์หญิง ขอเพียงนางแต่งงานก็ไม่ต้องอยู่ภายใต้คำสั่งของบิดาอีกต่อไป” หยางหมิงเจ๋อเอ่ยขัด“ชิ ก็แต่งงานกับพี่หกอย่างไรเล่า มีสามีเป็นถึงองค์ชาย ย่อมไม่มีผู้ใดกล้ามาวุ่นวาย” องค์หญิงแปดเชิดหน้าอย่างภาคภูมิในศักดิ์ฐานะ“องค์ชายหกมีทั้งชายาเอก ชายารอง ชายาสาม แล้วยังอนุอีกมากมาย หากเข้าไปอยู่ที่นั่นคงมีแต่เรื่องวุ่นวายไม่รู้จักจบสิ้น” หยางหมิงเจ๋อเอ่ยราวตาเห็น“ฮ่า ฮ่า ฮ่า คุณชายหยางเอ่ยราวเคยเข้าไปอยู่ในเรือนหลังเสียเอง”“องค์หญิงทรงสูงศักดิ์ย่อมไม่เคยต้องพบเห็นเรื่องน่ารำคาญใจของการแย่งชิงความโป
ตอนที่สิบแปด ชิงดีชิงเด่น“นางเองหรือที่เจ้าเฝ้าติดตามอยู่หลายวันจนน้องสาวของข้าแง่งอนไม่พอใจ อืม...หากจะวัดเพียงแค่รูปร่างหน้าตา นับว่าน้องสาวของข้ายังเหนือกว่าเล็กน้อย แต่หากจะวัดที่รสชาติอาหาร ต้องยอมรับว่านางเหนือกว่ามาก” จู่ๆจวงเห่ยกังก็ทะลุกลางปล้องขึ้นมาทุกสายตาต่างหันไปมองจ้องความไม่รู้กาลเทศะของบุตรชายแม่ทัพใหญ่จนเขารู้สึกเก้อเขิน “เอ่อ...ข้าเพียงจะเอ่ยชมว่าหมาล่าหม้อไฟที่ร้านห่าวซือรสชาติดีเยี่ยม เลิศรสจนข้าอยากจะร่วมลงแข่งชิงเจ้าของร้านด้วยอีกคนแล้ว” ยิ่งพูดยิ่งแย่ จนสายตาทุกคู่มองกดดันมาทางจวงเห่ยกังอย่างไม่ชอบใจ โชคดีที่หลี่หยู่ถงซึ่งสุ่มดูอยู่เห็นเหตุการณ์ศึกแย่งชิงสาวงามจึงเกิดความหมั่นไส้ทนเก็บเนื้อเก็บตัวไม่ไหว ถลาออกมาชี้หน้าพี่สาวต่างมารดาซึ่งมีชายหนุ่มรุมล้อมอ
ตอนที่สิบเจ็ด ว่าที่พี่สะใภ้“ไม่เข้าใจ ข้าไม่เข้าใจอันใดทั้งนั้น ข้าไม่มีเงินจ่าย และข้าก็จะกลับโรงเตี๊ยม หากผู้ใดขัดขวาง ข้าจะตะโกนร้องให้คนช่วยว่าพวกเจ้าใช้กำลังรังแกลูกค้า” หลี่หยู่ถงพาลพาโล“ร้องไปก็ไม่มีผู้ใส่ใจ หรือจะไปฟ้องท่านเจ้าเมืองก็ได้ ข้ามีพยานมากมายว่าเจ้ากินอาหารโดยไม่ยอมชำระเงิน” หลี่หยู่ซีท้าพร้อมยุส่ง“เช่นนั้นข้าจะฟ้องท่านพ่อ” หลี่หยู่ถงเห็นท่าไม่ดีรีบยกบิดาออกมาข่มขู่“เชิญ รีบกลับไปฟ้องท่านพ่อได้เลย ไปเร็วๆล่ะ แต่ก่อนไป จ่ายเงินออกมาก่อน” หลี่หยู่ซีสรุปด้วยการไม่ยอมให้น้องสาวต่างมารดาออกไปโดยไม่ชำระเงินหลี่หยู่ถงกระทืบเท้าด้วยความโมโห ถอดเครื่องประดับบนตัวออกมาขว้างใส่พี่สาวต่างมารดาโชคดีที่หลี่หยู่ซีหลบทันแต่เสี่ยวเอ่อด้านหลังกลับโดนลูกหลงจนหัวแตกเลือดอาบ“อันธพาลเช่นนี้จับตัวไปส่งทางการเสียดีไหม” หลี่หยู่ซีข่มขู่ด้วยความไม่พอใจที่น้องสาวต่างมารดาทำร้ายคนของตนเอง“เชอะ แค่หัวแตก เอ้า..เอาไปซื้อยา” บุตร
ตอนที่สิบหก หน้าด้านหน้าทนเพียงไม่กี่วันหลี่หยู่ถงก็อดรนทนไม่ไหว วันแรกที่มาถึงนางรู้เพียงว่าพี่สาวและคู่หมั้นอยู่ที่ร้านหม้อไฟจึงรีบปรี่ไปฉีกหน้า โดยไม่คิดจะนั่งลงกินอาหารแต่ทันที่รู้ว่าร้านห่าวซือหมาล่าหม้อไฟร้านนั้นเป็นของพี่สาวต่างมารดาจึงเดินกร่างเข้ามาแล้วสั่งอาหารมากินจนล้นโต๊ะโดยสั่งให้สาวใช้และผู้ติดตามอีกโต๊ะหนึ่งเมื่อกินเสร็จ หลี่หยู่ถงลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าอย่างเฉิดฉายแล้วกรุยกรายเชิดหน้าเตรียมออกจากร้าน“ขออภัยขอรับ คุณหนูท่านนี้ ค่าอาหารเป็นเงิน5ตำลึงเงินกับอีก20อีแปะขอรับ” เสี่ยวเอ่อรีบวิ่งมาเก็บเงินตามหน้าที่“เชอะ เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าคือผู้ใด บังอาจจะเก็บเงิน รีบไปบอกหลี่หยู่ซีว่าข้าให้เกียรติมากินอาหารที่ร้าน ให้นางห่ออาหารให้ข้ากลับไปกินที่โรงเตี๊ยมด้วย” หลี่หยู่ถงเชิดหน้าบอกอย่างเย่อหยิ่ง“ร้านของเราไม่ว่าผู้ใดก็ต้องจ่ายเงินขอรับ แม้แต่หยางกงจื่อมากินยังต้องจ่าย ขอคุณหนูอย่าทำให้พวกเราลำบากใจเลยขอรับ” เสี่ยวเอ่อมีสีหน้ายุ่งยากใจด้วยหลี่หยู่ซีเ
ตอนที่สิบห้า น้องสาวพิธีหมั้น?เพียงคำนี้ย่อมเรียกอาการหันขวับของทั้งหลี่หยู่ซีและหยางหมิงเจ๋อกัวจื่อหานรีบผลักร่างของหลี่หยู่ถงให้ห่างออกพลางเอ่ยวาจาไม่ไว้หน้า“ผู้ใดตกลงว่าจะหมั้น ข้าหมั้นอยู่กับซีซีมาเกือบสองปี พวกเรายังไม่เคยถอนหมั้นกัน เจ้าอย่ามาเอ่ยคำเพ้อเจ้อ”“พี่จื่อหาน ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต่างตกลงถอนหมั้นพวกเจ้าทั้งสองคนแล้ว อีกทั้งยังกำหนดวันหมั้นระหว่างพวกเราทั้งสองคนใหม่ เรื่องนี้พี่จื่อหานย่อมรู้ดี เหตุใดมาทำเป็นไขสือเช่นนี้” หลี่หยู่ถงตั้งใจเอ่ยเสียงดังเพื่อป่าวประกาศให้ผู้คนได้รับรู้ยามนี้พวกเขาต่างยืนอยู่ด้านหน้าร้าน ย่อมมีผู้คนผ่านไปผ่านมาไม่น้อย เป็นธรรมดาที่จะมีผู้หยุดฟังเรื่องชาวบ้านเพื่อนำไปนินทาให้สนุกปาก“พวกเราเข้าไปคุยกันข้างในเถอะ” หลี่หยู่ซีเอ่ยบอก แม้ไม่อยากต้อนรับน้องสาวต่างมารดา แต่นางไม่อยากให้ผู้คนลือกันไปผิดๆมากกว่า“เชอะ เกรงผู้คนจะรู้ว่าเจ้าขโมยคู่หมั้นน้องสาวมาหรือ หลี่หยู่ซี” หลี่หยู่ถงกลับไม่รู้ความ ยืนป
ตอนที่สิบสี่ ล้อเล่นแล้ว“ข้าไม่อยากได้สักตำแหน่ง ข้ามีคู่หมั้นอยู่แล้ว” คราวนี้หลี่หยู่ซีกระแทกเสียงตอบโดยไม่เกรงใจ “แค่คู่หมั้น ยังไม่ได้แต่งงานสักหน่อย รีบไปยกเลิกเถอะ” องค์ชายแคว้นโจวปัดมือบอกอย่างไม่ยี่หระ “พวกเราเพิ่งพบหน้ากันครั้งแรก องค์ชายเอ่ยราวการแต่งงานเป็นเรื่องง่ายดายราวซื้อผักปลา ความสัมพันธ์เช่นนี้ไม่มีวันยั่งยืน ข้าไม่เสี่ยงไปกับความฉาบฉวยเช่นนี้แน่ ขอองค์ชายอย่าทรงกริ้วที่ข้าขอปฏิเสธ” หลี่หยู่ซีไม่พูดพร่ำแต่ปฏิเสธโดยไม่ไว้หน้าโดยมีสายตาโล่งอกของหยางหมิงเจ๋อคอยให้กำลังใจ “ข้อเสนอแสนดีเช่นนี้ เจ้ากล้าปฏิเสธเชียวหรือ ความสัมพันธ์ชายหญิงจะต้องลึกซึ้งเพียงใดกัน ชายาทุกคนของข้า บางนางเพิ่งเคยพบหน้าในวันแต่งงานด้วยซ้ำ สตรีในเรือนหลังเพียงร่วมอภิรมย์สุขสมก็เพียงพ