ตอนที่สอง
ร้านชาเซียงซือ
จู่ๆ ไข่มุกก็รู้สึกปวดหัวแทบระเบิด ความทรงจำมากมายหลั่งไหลเข้ามาราวสายน้ำ
เพล้ง เพล้ง เพล้ง
เสียงกาน้ำชาและข้าวของแตกกระจายพร้อมเสียงหวีดร้องของลูกค้าซึ่งวิ่งหนีกันอลหม่านเรียกให้เซียงเจินจูซึ่งนั่งอ่านหนังสืออยู่ด้านหลังร้านต้องรีบวิ่งไปลอบมองดูเหตุการณ์
“นายท่าน อย่าได้ทำลายร้านของข้าเลย มีเรื่องใดพูดกันดีดีเถิดขอรับ” ตาเฒ่าเซียงหม่ากำลังจับมือชายคนหนึ่งไม่ให้ขว้างกาน้ำชาลงบนพื้นพลางก้มหัวขอร้องด้วยท่าทีอ่อนน้อม
“ชาของเจ้าทั้งจืดชืดแล้วยังไม่ร้อน เจ้าดูถูกว่าข้าไม่มีเงินซื้อชาดีดีหรือจึงจัดชาถูกๆมาให้เช่นนี้”
เสียงโวยวายหาเรื่องดังออกมาก่อนชายคนนั้นจะส่งสัญญาณให้พรรคพวกทุบกาและถ้วยน้ำชาที่วางอยู่จนแตกละเอียด
“นายท่าน พวกเราไม่เคยคิดเช่นนั้น ลูกค้าทุกคนคือผู้มีพระคุณ อย่าได้ทำเช่นนี้เลยเจ้าค่ะ หากท่านไม่พอใจพวกเรายินดีชดใช้เงินคืนให้นะเจ้าคะ” ยายเหลียนรีบคุกเข่าโขกหัวขออภัยจนหัวบวมปูด
“เชอะ ชดใช้หรือ พวกเจ้ามีกี่ชีวิตกันจึงจะชดใช้ให้ข้า” เสียงข่มขู่ดังออกมาอย่างวางอำนาจ
“ทางที่ดีรีบปิดร้านแล้วย้ายกลับไปอยู่บ้านนอกของเจ้าเสีย อย่าได้เสนอหน้าอยู่ที่นี่อีก เข้าใจหรือไม่” คำกรรโชกสุดท้ายบ่งบอกจุดประสงค์ที่แท้จริงก่อนนักเลงเหล่านี้จะเดินกร่างออกไปราวไม่ได้ทำเรื่องเลวร้าย
สองตายายกอดกันนั่งร้องไห้อย่างเศร้าหมองด้วยไม่อาจสู้กับนักเลงร้ายพวกนั้นได้ อีกทั้งยังโดนทำลายของทำมาหากินจนพังพินาศ
“ของพังหมดแล้ว พวกเราคงไม่อาจเปิดร้านได้อีก ตาเฒ่าเอ๊ย พวกเรากลับไปอยู่บ้านที่นอกเมืองกันดีกว่า” ยายเหลียนยอมถอยอย่างง่ายดายด้วยไม่อยากต่อสู้ให้วุ่นวาย
“พวกเราลำบากแทบตายกว่าจะมีวันนี้ หากยอมกลับไปแล้วอาจูเล่า จะทำอย่างไร”
“อาจูเป็นสาวแล้ว หากพวกนักเลงนั้นอยากรังแกพวกเราจริงๆอาจมีภัยใหญ่หลวง พวกเราควรพานางไปอยู่ให้ห่างไกล”
“แต่ร้านของพวกเราสร้างมาถึง30กว่าปี จะทิ้งไปง่ายๆด้วยการข่มขู่เช่นนี้จริงๆหรือ”
“ตาเฒ่าหม่า พวกเราเริ่มจากไม่มีร้านจนมาถึงทุกวันนี้ก็เพียงพอแล้ว เก็บเงินทองที่เหลือเอาไว้ให้อาจูได้เป็นสินเดิมแต่งงานออกไปกับคนดีดีเถอะ” ยายเหลียนคิดอย่างง่ายๆ
“เจ้าคิดว่าพวกนั้นจะยอมรามือหรือ”
“ย่อมเป็นเช่นนั้น พวกเขาต้องการเพียงที่ดินผืนนี้ หากพวกเรายอมถอยออกไป พวกเขาย่อมไม่ทำอันตรายเราแน่”
“ร้านชาเซียงซือของพวกเราคงถึงจุดจบแล้วสินะ” เสียงหมองเศร้าดังออกมาจากปากของตาเฒ่าเซียงหม่า สายตาอ่อนล้ามองกวาดไปทั่วร้านซึ่งมีเศษกระเบื้องและข้าวของแตกหักกระจัดกระจาย
เขาคิดค้นสูตรชาอยู่หลายปีกว่าจะสร้างชารสเลิศจนมีลูกค้าติดใจบอกกล่าวกันปากต่อปาก
มาถึงวันนี้ ร้านชาของเขานับว่ามีชื่อเสียงโด่งดัง กระทั่งขุนนางใหญ่หรือเชื้อพระวงศ์ยังต้องแอบมาลองชิมหรือให้คนมาซื้อหาไปลิ้มลองอยู่บ่อยครั้ง
เขาคาดหวังให้ร้านชาอยู่รอดไปอีกหลายปีเพื่อให้หลานสาวได้มีกิจการของตนเองไม่ต้องพึ่งพิงเพียงชายหนุ่ม ที่ผ่านมาจึงพยายามสอนการชงชาและถ่ายทอดความรู้ให้หลานสาวจนหมดไส้หมดพุง
ผู้ใดจะคาดว่าวันหนึ่งกลับไม่มีร้านชาเซียงซือให้สืบทอดแล้วด้วยจู่ๆก็มีผู้ยิ่งใหญ่อยากได้ที่ดินตรงนี้ แล้วส่งนักเลงมาคุกคามสร้างเรื่องเกือบทุกวัน จนล่าสุดที่ถึงกับทำลายข้าวของจนพังเกือบทั้งร้าน
สองตาเฒ่าและยายเฒ่ายังครุ่นคิดไม่ตกว่าจะยอมถอยแต่โดยดีหรือจะสู้กลับด้วยการไปฟ้องร้องทางการ
มิคาดว่าพวกนักเลงโตกลับไม่ยอมปล่อยวางยกพวกมาปิดกั้นทางเข้าออกไม่ให้ลูกค้าได้มาถึงร้านชาง่ายๆอีกทั้งยังเข้ามาหาเรื่องทุบตีตาเฒ่าเซียงหม่าจนบาดเจ็บ
หลังจากนั้นไม่กี่วัน ตาเซียงหม่าก็ทนความเจ็บปวดไม่ไหวประกอบกับความเสียใจจึงสิ้นลมไปในอ้อมกอดของเมียคู่ทุกข์คู่ยากและหลานสาว
เซียงเจินจูซึ่งเดิมเป็นเด็กสาวอ่อนแอเรียบร้อยถึงกับล้มป่วยไปอีกคนด้วยความเศร้าเสียใจ และนั่นก็เป็นวันที่ไข่มุกได้เข้ามาในร่างนี้พอดี
ตอนที่สิบเก้า ฉกฉวยโอกาสองคชายหกและจวงเห่ยกังถึงกับทำคอย่นเมื่อได้ยินประโยคหลัง ผิดกับองค์หญิงแปดซึ่งยิ้มแย้มชอบใจ“เช่นนี้สิ จึงจะสมเป็นว่าที่พี่สะใภ้ของข้า”“ความจริง หากไม่อยากให้แม่เลี้ยงและน้องสาวผู้ร้ายกาจตามรังควาน การตัดสินใจไปอยู่ที่แคว้นโจวย่อมดีที่สุด” องค์หญิงรีบเอ่ยเข้าข้างตนเอง“ไม่จำเป็นต้องไปไกลเพียงนั้นหรอกพ่ะย่ะค่ะองค์หญิง ขอเพียงนางแต่งงานก็ไม่ต้องอยู่ภายใต้คำสั่งของบิดาอีกต่อไป” หยางหมิงเจ๋อเอ่ยขัด“ชิ ก็แต่งงานกับพี่หกอย่างไรเล่า มีสามีเป็นถึงองค์ชาย ย่อมไม่มีผู้ใดกล้ามาวุ่นวาย” องค์หญิงแปดเชิดหน้าอย่างภาคภูมิในศักดิ์ฐานะ“องค์ชายหกมีทั้งชายาเอก ชายารอง ชายาสาม แล้วยังอนุอีกมากมาย หากเข้าไปอยู่ที่นั่นคงมีแต่เรื่องวุ่นวายไม่รู้จักจบสิ้น” หยางหมิงเจ๋อเอ่ยราวตาเห็น“ฮ่า ฮ่า ฮ่า คุณชายหยางเอ่ยราวเคยเข้าไปอยู่ในเรือนหลังเสียเอง”“องค์หญิงทรงสูงศักดิ์ย่อมไม่เคยต้องพบเห็นเรื่องน่ารำคาญใจของการแย่งชิงความโป
ตอนที่สิบแปด ชิงดีชิงเด่น“นางเองหรือที่เจ้าเฝ้าติดตามอยู่หลายวันจนน้องสาวของข้าแง่งอนไม่พอใจ อืม...หากจะวัดเพียงแค่รูปร่างหน้าตา นับว่าน้องสาวของข้ายังเหนือกว่าเล็กน้อย แต่หากจะวัดที่รสชาติอาหาร ต้องยอมรับว่านางเหนือกว่ามาก” จู่ๆจวงเห่ยกังก็ทะลุกลางปล้องขึ้นมาทุกสายตาต่างหันไปมองจ้องความไม่รู้กาลเทศะของบุตรชายแม่ทัพใหญ่จนเขารู้สึกเก้อเขิน “เอ่อ...ข้าเพียงจะเอ่ยชมว่าหมาล่าหม้อไฟที่ร้านห่าวซือรสชาติดีเยี่ยม เลิศรสจนข้าอยากจะร่วมลงแข่งชิงเจ้าของร้านด้วยอีกคนแล้ว” ยิ่งพูดยิ่งแย่ จนสายตาทุกคู่มองกดดันมาทางจวงเห่ยกังอย่างไม่ชอบใจ โชคดีที่หลี่หยู่ถงซึ่งสุ่มดูอยู่เห็นเหตุการณ์ศึกแย่งชิงสาวงามจึงเกิดความหมั่นไส้ทนเก็บเนื้อเก็บตัวไม่ไหว ถลาออกมาชี้หน้าพี่สาวต่างมารดาซึ่งมีชายหนุ่มรุมล้อมอ
ตอนที่สิบเจ็ด ว่าที่พี่สะใภ้“ไม่เข้าใจ ข้าไม่เข้าใจอันใดทั้งนั้น ข้าไม่มีเงินจ่าย และข้าก็จะกลับโรงเตี๊ยม หากผู้ใดขัดขวาง ข้าจะตะโกนร้องให้คนช่วยว่าพวกเจ้าใช้กำลังรังแกลูกค้า” หลี่หยู่ถงพาลพาโล“ร้องไปก็ไม่มีผู้ใส่ใจ หรือจะไปฟ้องท่านเจ้าเมืองก็ได้ ข้ามีพยานมากมายว่าเจ้ากินอาหารโดยไม่ยอมชำระเงิน” หลี่หยู่ซีท้าพร้อมยุส่ง“เช่นนั้นข้าจะฟ้องท่านพ่อ” หลี่หยู่ถงเห็นท่าไม่ดีรีบยกบิดาออกมาข่มขู่“เชิญ รีบกลับไปฟ้องท่านพ่อได้เลย ไปเร็วๆล่ะ แต่ก่อนไป จ่ายเงินออกมาก่อน” หลี่หยู่ซีสรุปด้วยการไม่ยอมให้น้องสาวต่างมารดาออกไปโดยไม่ชำระเงินหลี่หยู่ถงกระทืบเท้าด้วยความโมโห ถอดเครื่องประดับบนตัวออกมาขว้างใส่พี่สาวต่างมารดาโชคดีที่หลี่หยู่ซีหลบทันแต่เสี่ยวเอ่อด้านหลังกลับโดนลูกหลงจนหัวแตกเลือดอาบ“อันธพาลเช่นนี้จับตัวไปส่งทางการเสียดีไหม” หลี่หยู่ซีข่มขู่ด้วยความไม่พอใจที่น้องสาวต่างมารดาทำร้ายคนของตนเอง“เชอะ แค่หัวแตก เอ้า..เอาไปซื้อยา” บุตร
ตอนที่สิบหก หน้าด้านหน้าทนเพียงไม่กี่วันหลี่หยู่ถงก็อดรนทนไม่ไหว วันแรกที่มาถึงนางรู้เพียงว่าพี่สาวและคู่หมั้นอยู่ที่ร้านหม้อไฟจึงรีบปรี่ไปฉีกหน้า โดยไม่คิดจะนั่งลงกินอาหารแต่ทันที่รู้ว่าร้านห่าวซือหมาล่าหม้อไฟร้านนั้นเป็นของพี่สาวต่างมารดาจึงเดินกร่างเข้ามาแล้วสั่งอาหารมากินจนล้นโต๊ะโดยสั่งให้สาวใช้และผู้ติดตามอีกโต๊ะหนึ่งเมื่อกินเสร็จ หลี่หยู่ถงลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าอย่างเฉิดฉายแล้วกรุยกรายเชิดหน้าเตรียมออกจากร้าน“ขออภัยขอรับ คุณหนูท่านนี้ ค่าอาหารเป็นเงิน5ตำลึงเงินกับอีก20อีแปะขอรับ” เสี่ยวเอ่อรีบวิ่งมาเก็บเงินตามหน้าที่“เชอะ เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าคือผู้ใด บังอาจจะเก็บเงิน รีบไปบอกหลี่หยู่ซีว่าข้าให้เกียรติมากินอาหารที่ร้าน ให้นางห่ออาหารให้ข้ากลับไปกินที่โรงเตี๊ยมด้วย” หลี่หยู่ถงเชิดหน้าบอกอย่างเย่อหยิ่ง“ร้านของเราไม่ว่าผู้ใดก็ต้องจ่ายเงินขอรับ แม้แต่หยางกงจื่อมากินยังต้องจ่าย ขอคุณหนูอย่าทำให้พวกเราลำบากใจเลยขอรับ” เสี่ยวเอ่อมีสีหน้ายุ่งยากใจด้วยหลี่หยู่ซีเ
ตอนที่สิบห้า น้องสาวพิธีหมั้น?เพียงคำนี้ย่อมเรียกอาการหันขวับของทั้งหลี่หยู่ซีและหยางหมิงเจ๋อกัวจื่อหานรีบผลักร่างของหลี่หยู่ถงให้ห่างออกพลางเอ่ยวาจาไม่ไว้หน้า“ผู้ใดตกลงว่าจะหมั้น ข้าหมั้นอยู่กับซีซีมาเกือบสองปี พวกเรายังไม่เคยถอนหมั้นกัน เจ้าอย่ามาเอ่ยคำเพ้อเจ้อ”“พี่จื่อหาน ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต่างตกลงถอนหมั้นพวกเจ้าทั้งสองคนแล้ว อีกทั้งยังกำหนดวันหมั้นระหว่างพวกเราทั้งสองคนใหม่ เรื่องนี้พี่จื่อหานย่อมรู้ดี เหตุใดมาทำเป็นไขสือเช่นนี้” หลี่หยู่ถงตั้งใจเอ่ยเสียงดังเพื่อป่าวประกาศให้ผู้คนได้รับรู้ยามนี้พวกเขาต่างยืนอยู่ด้านหน้าร้าน ย่อมมีผู้คนผ่านไปผ่านมาไม่น้อย เป็นธรรมดาที่จะมีผู้หยุดฟังเรื่องชาวบ้านเพื่อนำไปนินทาให้สนุกปาก“พวกเราเข้าไปคุยกันข้างในเถอะ” หลี่หยู่ซีเอ่ยบอก แม้ไม่อยากต้อนรับน้องสาวต่างมารดา แต่นางไม่อยากให้ผู้คนลือกันไปผิดๆมากกว่า“เชอะ เกรงผู้คนจะรู้ว่าเจ้าขโมยคู่หมั้นน้องสาวมาหรือ หลี่หยู่ซี” หลี่หยู่ถงกลับไม่รู้ความ ยืนป
ตอนที่สิบสี่ ล้อเล่นแล้ว“ข้าไม่อยากได้สักตำแหน่ง ข้ามีคู่หมั้นอยู่แล้ว” คราวนี้หลี่หยู่ซีกระแทกเสียงตอบโดยไม่เกรงใจ “แค่คู่หมั้น ยังไม่ได้แต่งงานสักหน่อย รีบไปยกเลิกเถอะ” องค์ชายแคว้นโจวปัดมือบอกอย่างไม่ยี่หระ “พวกเราเพิ่งพบหน้ากันครั้งแรก องค์ชายเอ่ยราวการแต่งงานเป็นเรื่องง่ายดายราวซื้อผักปลา ความสัมพันธ์เช่นนี้ไม่มีวันยั่งยืน ข้าไม่เสี่ยงไปกับความฉาบฉวยเช่นนี้แน่ ขอองค์ชายอย่าทรงกริ้วที่ข้าขอปฏิเสธ” หลี่หยู่ซีไม่พูดพร่ำแต่ปฏิเสธโดยไม่ไว้หน้าโดยมีสายตาโล่งอกของหยางหมิงเจ๋อคอยให้กำลังใจ “ข้อเสนอแสนดีเช่นนี้ เจ้ากล้าปฏิเสธเชียวหรือ ความสัมพันธ์ชายหญิงจะต้องลึกซึ้งเพียงใดกัน ชายาทุกคนของข้า บางนางเพิ่งเคยพบหน้าในวันแต่งงานด้วยซ้ำ สตรีในเรือนหลังเพียงร่วมอภิรมย์สุขสมก็เพียงพ