ตอนที่สาม
ลุกขึ้นสู้
รุ่งเช้า ไข่มุกในร่างเซียงเจินจูลุกขึ้นออกมาเดินสำรวจภายในร้านชาจนทั่ว ข้าวของซึ่งโดนทุบทำลายยังกองเกลื่อนกลาดกระจัดกระจาย ร้านชาเซียงซือไม่เหลือสภาพให้เปิดทำการได้ในเร็ววันนี้แน่
“อาจู ดีขึ้นแล้วหรือ เช่นนั้นวันนี้พวกเราไปส่งตาเฒ่าด้วยกันเถอะ” เสียงเศร้าพร้อมน้ำตารินหลั่งเป็นภาพที่สะเทือนใจหญิงสาว
สองตายายใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมาหลายสิบปี คงไม่คิดว่าจะมีวันที่ต้องพรากจากกันอย่างไม่ทันได้เตรียมใจ
แม้ยายเหลียนจะไม่อยากให้หลานสาวออกไปข้างนอกแต่ด้วยเห็นว่าเป็นการส่งตาเฒ่าครั้งสุดท้าย จึงพานางไปด้วย นั่นจึงเป็นครั้งแรกของเซียงเจินจูและไข่มุกซึ่งได้ออกมาเห็นโลกภายนอก
พิธีส่งศพของตาเซียงหม่ามีคนมาร่วมงานมากมาย ด้วยตาเฒ่ามีอัธยาศัยดีและมีน้ำใจจึงเป็นที่รักของลูกค้าและผู้คนรอบข้าง
หญิงสาวเดินประคองร่างอ่อนแรงของยายเหลียนไปมองผู้คนที่มาร่วมงานไปอย่างประเมินสถานการณ์ เสียงพูดคุยของคนรอบข้างดังเข้ามาเป็นระยะ
“น่าเสียดายจริงๆ ตาหม่าตายไปแบบนี้ ต่อไปพวกเราจะหาชาที่ทั้งอร่อยทั้งหอมหวานเช่นนี้ได้จากที่ใดอีก”
“นักเลงพวกนี้ก็ช่างกระไร อยากข่มขู่ก็เพียงทำลายข้าวของ สองตายายก็หวาดกลัวแทบไม่กล้าเงยหน้าแล้ว นี่มาดักทำร้ายจนตาย เฮ้อ...น่าสงสารยายเหลียนเสียจริง เสร็จงานนี้คงหนีกลับบ้านนอกแน่”
“พวกเขาทำร้ายตาหม่าจนตาย เหตุใดจึงไม่แจ้งทางการให้จับตัวมาลงโทษเล่า”
“นักเลงพวกนั้นมีผู้ยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหลัง ผู้ใดจะกล้าแกว่งเท้าไปหาเสี้ยน ข้าได้ข่าวว่าเจ้ากรมการศึกษาต้องการที่ดินตรงนั้นเพื่อเปิดสำนักศึกษา พวกเขากว้านซื้อที่โดยรอบได้หมดแล้ว เหลือแต่ร้านชาเซียงซือที่ยังดื้อแพ่งไม่ยอมขาย จึงต้องลงไม้ลงมือ”
“สงสารก็แต่สองยายหลาน พวกเขาเป็นหญิงทั้งสองคน จะมีแรงลุกขึ้นมาต่อสู้เปิดร้านชาอันใดได้อีก สุดท้ายคงเข้าแผนของเจ้ากรมคนนั้น แล้วพวกเราก็คงอดดื่มชาดีดีกัน เฮ้อ...”
เซียงเจินจูพยายามจดจำใบหน้าของชายผู้ซึ่งออกปากสงสารพวกนางกับชายที่รู้ว่าผู้ใดกันที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่คนนั้น
เมื่อสบโอกาสหญิงสาวจึงกระซิบถามยายเหลียนถึงชื่อแซ่ของพวกเขาโดยอ้างว่าพวกเขาให้ซองเงินมาจึงต้องนำของไปตอบแทนในภายหลัง
เมื่อได้เวลากลบฝั่งร่างของตาเฒ่าเซียงหม่า ไข่มุกในร่างของเซียงเจินจูจึงหันหน้าไปตั้งสติส่งวิญญาณเพื่อให้ไปสู่สุคติ
ไม่ต้องเป็นห่วงยายเหลียนและอาจูนะคะ หนูจะช่วยพวกเขาเอง เจ้ากรมการศึกษาหรือ ดีล่ะอยากดูหน้าคนโหดร้ายนักว่าหน้าตาจะเหมือนโจรใจบาปในละครสักแค่ไหน
เสร็จจากพิธีของตาเซียงหม่า ยายเหลียนจึงเตรียมตัวเก็บข้าวของย้ายบ้านออกไปโดยไม่คิดจะต่อสู้ดิ้นรนอีก
“ท่านยายเจ้าคะ ข้าไม่อยากย้ายไปที่ใด ข้าจะสู้และรักษาร้านชาเซียงซือของท่านตาให้คงอยู่ต่อไปเจ้าค่ะ” เซียงเจินจูเดินมาจูงมือยายเฒ่าให้นั่งลงพูดคุยกัน
“อาจูเอ๊ย ตาเฒ่ายังโดนทุบตีจนตาย แล้วเจ้าจะเอาอันใดไปสู้ หากพวกนักเลงนั่นเห็นเจ้า มิแคล้วโดนฉุดคร่าไปทำมิดีมิร้ายแน่ เจ้าอย่าได้คิดให้มากเรื่องเลย รีบเก็บข้าวของเถอะ หากนักเลงพวกนั้นย้อนกลับมา ยายไม่อยากให้มีเรื่องยุ่งยากอีก”
“วันนี้ข้าได้ยินคนในงานของท่านตาบอกว่าให้พวกเราไปแจ้งทางการกัน ท่านตาโดนทำร้ายจนตายไป ข้าไม่มีวันยอมให้เรื่องเงียบหายเป็นคลื่นกระทบฝั่งเช่นนี้”
“คนของทางการเองใช่ว่าจะทำอันใดได้ อย่างมากก็จับพวกนักเลงไปขังไว้สักคนสองคน แต่พวกเราคงต้องอยู่อย่างอกสั่นขวัญแขวน ตราบใดที่พวกเขายังอยากได้ที่ดินตรงนี้
เฮ้อ...เดิมทีพวกเขาส่งคนมาขอซื้อ แต่หว่านล้อมอย่างไรตาเฒ่าก็ไม่ยอมขาย สุดท้ายจึงต้องสังเวยชีวิต” ยายเหลียนก้มลงเช็ดน้ำตา
“ชั่วชาติจริงๆ”
ตอนที่สิบเก้า ฉกฉวยโอกาสองคชายหกและจวงเห่ยกังถึงกับทำคอย่นเมื่อได้ยินประโยคหลัง ผิดกับองค์หญิงแปดซึ่งยิ้มแย้มชอบใจ“เช่นนี้สิ จึงจะสมเป็นว่าที่พี่สะใภ้ของข้า”“ความจริง หากไม่อยากให้แม่เลี้ยงและน้องสาวผู้ร้ายกาจตามรังควาน การตัดสินใจไปอยู่ที่แคว้นโจวย่อมดีที่สุด” องค์หญิงรีบเอ่ยเข้าข้างตนเอง“ไม่จำเป็นต้องไปไกลเพียงนั้นหรอกพ่ะย่ะค่ะองค์หญิง ขอเพียงนางแต่งงานก็ไม่ต้องอยู่ภายใต้คำสั่งของบิดาอีกต่อไป” หยางหมิงเจ๋อเอ่ยขัด“ชิ ก็แต่งงานกับพี่หกอย่างไรเล่า มีสามีเป็นถึงองค์ชาย ย่อมไม่มีผู้ใดกล้ามาวุ่นวาย” องค์หญิงแปดเชิดหน้าอย่างภาคภูมิในศักดิ์ฐานะ“องค์ชายหกมีทั้งชายาเอก ชายารอง ชายาสาม แล้วยังอนุอีกมากมาย หากเข้าไปอยู่ที่นั่นคงมีแต่เรื่องวุ่นวายไม่รู้จักจบสิ้น” หยางหมิงเจ๋อเอ่ยราวตาเห็น“ฮ่า ฮ่า ฮ่า คุณชายหยางเอ่ยราวเคยเข้าไปอยู่ในเรือนหลังเสียเอง”“องค์หญิงทรงสูงศักดิ์ย่อมไม่เคยต้องพบเห็นเรื่องน่ารำคาญใจของการแย่งชิงความโป
ตอนที่สิบแปด ชิงดีชิงเด่น“นางเองหรือที่เจ้าเฝ้าติดตามอยู่หลายวันจนน้องสาวของข้าแง่งอนไม่พอใจ อืม...หากจะวัดเพียงแค่รูปร่างหน้าตา นับว่าน้องสาวของข้ายังเหนือกว่าเล็กน้อย แต่หากจะวัดที่รสชาติอาหาร ต้องยอมรับว่านางเหนือกว่ามาก” จู่ๆจวงเห่ยกังก็ทะลุกลางปล้องขึ้นมาทุกสายตาต่างหันไปมองจ้องความไม่รู้กาลเทศะของบุตรชายแม่ทัพใหญ่จนเขารู้สึกเก้อเขิน “เอ่อ...ข้าเพียงจะเอ่ยชมว่าหมาล่าหม้อไฟที่ร้านห่าวซือรสชาติดีเยี่ยม เลิศรสจนข้าอยากจะร่วมลงแข่งชิงเจ้าของร้านด้วยอีกคนแล้ว” ยิ่งพูดยิ่งแย่ จนสายตาทุกคู่มองกดดันมาทางจวงเห่ยกังอย่างไม่ชอบใจ โชคดีที่หลี่หยู่ถงซึ่งสุ่มดูอยู่เห็นเหตุการณ์ศึกแย่งชิงสาวงามจึงเกิดความหมั่นไส้ทนเก็บเนื้อเก็บตัวไม่ไหว ถลาออกมาชี้หน้าพี่สาวต่างมารดาซึ่งมีชายหนุ่มรุมล้อมอ
ตอนที่สิบเจ็ด ว่าที่พี่สะใภ้“ไม่เข้าใจ ข้าไม่เข้าใจอันใดทั้งนั้น ข้าไม่มีเงินจ่าย และข้าก็จะกลับโรงเตี๊ยม หากผู้ใดขัดขวาง ข้าจะตะโกนร้องให้คนช่วยว่าพวกเจ้าใช้กำลังรังแกลูกค้า” หลี่หยู่ถงพาลพาโล“ร้องไปก็ไม่มีผู้ใส่ใจ หรือจะไปฟ้องท่านเจ้าเมืองก็ได้ ข้ามีพยานมากมายว่าเจ้ากินอาหารโดยไม่ยอมชำระเงิน” หลี่หยู่ซีท้าพร้อมยุส่ง“เช่นนั้นข้าจะฟ้องท่านพ่อ” หลี่หยู่ถงเห็นท่าไม่ดีรีบยกบิดาออกมาข่มขู่“เชิญ รีบกลับไปฟ้องท่านพ่อได้เลย ไปเร็วๆล่ะ แต่ก่อนไป จ่ายเงินออกมาก่อน” หลี่หยู่ซีสรุปด้วยการไม่ยอมให้น้องสาวต่างมารดาออกไปโดยไม่ชำระเงินหลี่หยู่ถงกระทืบเท้าด้วยความโมโห ถอดเครื่องประดับบนตัวออกมาขว้างใส่พี่สาวต่างมารดาโชคดีที่หลี่หยู่ซีหลบทันแต่เสี่ยวเอ่อด้านหลังกลับโดนลูกหลงจนหัวแตกเลือดอาบ“อันธพาลเช่นนี้จับตัวไปส่งทางการเสียดีไหม” หลี่หยู่ซีข่มขู่ด้วยความไม่พอใจที่น้องสาวต่างมารดาทำร้ายคนของตนเอง“เชอะ แค่หัวแตก เอ้า..เอาไปซื้อยา” บุตร
ตอนที่สิบหก หน้าด้านหน้าทนเพียงไม่กี่วันหลี่หยู่ถงก็อดรนทนไม่ไหว วันแรกที่มาถึงนางรู้เพียงว่าพี่สาวและคู่หมั้นอยู่ที่ร้านหม้อไฟจึงรีบปรี่ไปฉีกหน้า โดยไม่คิดจะนั่งลงกินอาหารแต่ทันที่รู้ว่าร้านห่าวซือหมาล่าหม้อไฟร้านนั้นเป็นของพี่สาวต่างมารดาจึงเดินกร่างเข้ามาแล้วสั่งอาหารมากินจนล้นโต๊ะโดยสั่งให้สาวใช้และผู้ติดตามอีกโต๊ะหนึ่งเมื่อกินเสร็จ หลี่หยู่ถงลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าอย่างเฉิดฉายแล้วกรุยกรายเชิดหน้าเตรียมออกจากร้าน“ขออภัยขอรับ คุณหนูท่านนี้ ค่าอาหารเป็นเงิน5ตำลึงเงินกับอีก20อีแปะขอรับ” เสี่ยวเอ่อรีบวิ่งมาเก็บเงินตามหน้าที่“เชอะ เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าคือผู้ใด บังอาจจะเก็บเงิน รีบไปบอกหลี่หยู่ซีว่าข้าให้เกียรติมากินอาหารที่ร้าน ให้นางห่ออาหารให้ข้ากลับไปกินที่โรงเตี๊ยมด้วย” หลี่หยู่ถงเชิดหน้าบอกอย่างเย่อหยิ่ง“ร้านของเราไม่ว่าผู้ใดก็ต้องจ่ายเงินขอรับ แม้แต่หยางกงจื่อมากินยังต้องจ่าย ขอคุณหนูอย่าทำให้พวกเราลำบากใจเลยขอรับ” เสี่ยวเอ่อมีสีหน้ายุ่งยากใจด้วยหลี่หยู่ซีเ
ตอนที่สิบห้า น้องสาวพิธีหมั้น?เพียงคำนี้ย่อมเรียกอาการหันขวับของทั้งหลี่หยู่ซีและหยางหมิงเจ๋อกัวจื่อหานรีบผลักร่างของหลี่หยู่ถงให้ห่างออกพลางเอ่ยวาจาไม่ไว้หน้า“ผู้ใดตกลงว่าจะหมั้น ข้าหมั้นอยู่กับซีซีมาเกือบสองปี พวกเรายังไม่เคยถอนหมั้นกัน เจ้าอย่ามาเอ่ยคำเพ้อเจ้อ”“พี่จื่อหาน ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต่างตกลงถอนหมั้นพวกเจ้าทั้งสองคนแล้ว อีกทั้งยังกำหนดวันหมั้นระหว่างพวกเราทั้งสองคนใหม่ เรื่องนี้พี่จื่อหานย่อมรู้ดี เหตุใดมาทำเป็นไขสือเช่นนี้” หลี่หยู่ถงตั้งใจเอ่ยเสียงดังเพื่อป่าวประกาศให้ผู้คนได้รับรู้ยามนี้พวกเขาต่างยืนอยู่ด้านหน้าร้าน ย่อมมีผู้คนผ่านไปผ่านมาไม่น้อย เป็นธรรมดาที่จะมีผู้หยุดฟังเรื่องชาวบ้านเพื่อนำไปนินทาให้สนุกปาก“พวกเราเข้าไปคุยกันข้างในเถอะ” หลี่หยู่ซีเอ่ยบอก แม้ไม่อยากต้อนรับน้องสาวต่างมารดา แต่นางไม่อยากให้ผู้คนลือกันไปผิดๆมากกว่า“เชอะ เกรงผู้คนจะรู้ว่าเจ้าขโมยคู่หมั้นน้องสาวมาหรือ หลี่หยู่ซี” หลี่หยู่ถงกลับไม่รู้ความ ยืนป
ตอนที่สิบสี่ ล้อเล่นแล้ว“ข้าไม่อยากได้สักตำแหน่ง ข้ามีคู่หมั้นอยู่แล้ว” คราวนี้หลี่หยู่ซีกระแทกเสียงตอบโดยไม่เกรงใจ “แค่คู่หมั้น ยังไม่ได้แต่งงานสักหน่อย รีบไปยกเลิกเถอะ” องค์ชายแคว้นโจวปัดมือบอกอย่างไม่ยี่หระ “พวกเราเพิ่งพบหน้ากันครั้งแรก องค์ชายเอ่ยราวการแต่งงานเป็นเรื่องง่ายดายราวซื้อผักปลา ความสัมพันธ์เช่นนี้ไม่มีวันยั่งยืน ข้าไม่เสี่ยงไปกับความฉาบฉวยเช่นนี้แน่ ขอองค์ชายอย่าทรงกริ้วที่ข้าขอปฏิเสธ” หลี่หยู่ซีไม่พูดพร่ำแต่ปฏิเสธโดยไม่ไว้หน้าโดยมีสายตาโล่งอกของหยางหมิงเจ๋อคอยให้กำลังใจ “ข้อเสนอแสนดีเช่นนี้ เจ้ากล้าปฏิเสธเชียวหรือ ความสัมพันธ์ชายหญิงจะต้องลึกซึ้งเพียงใดกัน ชายาทุกคนของข้า บางนางเพิ่งเคยพบหน้าในวันแต่งงานด้วยซ้ำ สตรีในเรือนหลังเพียงร่วมอภิรมย์สุขสมก็เพียงพ