"ท่านอยากลงทัณฑ์ข้าก็ลงมือเถิด ไยต้องทรมานกันถึงเพียงนี้" สุ้มเสียงที่เคยสดใสสั่นเครือแหบพร่า ฉงเสว่ปิงพยายามกล้ำกลืนก้อนสะอื้นและเสียงครวญครางซึ่งจุกอยู่ในลำคอไม่ให้เล็ดลอดออกมา
อาภรณ์งดงามถูกฉีกทึ้งขาดวิ่นไม่เหลือชิ้นดี แท่งทวนขนาดใหญ่เปียกชื้นกระทั้นเข้าออกในโพรงบุปผาอย่างไม่ปรานีซ้ำแล้วซ้ำเล่า มือหยาบกร้านดึงรั้งแขนเล็กไพล่หลัง ร่างกำยำโน้มลงแนบชิดกายขาวเนียนดุจหยกเนื้อดี บุรุษผู้ควบคุมแรงปรารถนาเบื้องบนเปล่งเสียงกระเส่าระคนดุดัน "เจ้าเป็นชายารองของข้า ทว่าแอบคบชู้สู่ชาย ก่อนข้าส่งเจ้าไปลงปรโลก ข้ายังใจดีมอบความสุขครั้งสุดท้ายให้ ยังไม่คิดขอบคุณอีกหรือ"
ใบหน้างามซับสีแดงระเรื่อเบี่ยงมองด้านข้าง ฟันเรียงสวยขบแน่นจนกายสั่นระริก "ชินอ๋อง ข้าไม่เคยต้องการสักนิด อีกอย่างลีลาของท่านนั้นมันไม่ได้เรื่อง! ข้าหรือจะมีความสุข หากใคร่อยากนักควรไปลงกับสนมของท่าน ในเมื่อเชื่อในคำพูดของนางแต่ไม่รับฟังข้า ก็รีบส่งข้าไปปรโลกเถอะ คนอำมหิต!"
ไต้ฮ่าวเฉินกัดฟันกรอด ยิ่งได้ยินวาจาประชดประชันความโกรธเกรี้ยวก็ยิ่งปะทุเป็นทบทวีคูณ เขาเพิ่มแรงกระแทกบดอัดอาวุธร้ายของบุรุษเข้าไปอย่างดุดันเสียจนอีกฝ่ายร้องครางไม่เป็นศัพท์ "ฉงเสว่ปิง! เจ้าปากกล้านัก ไม่ต้องเร่งร้อนเดินทางถึงเพียงนั้น ไว้ข้าอิ่มหนำในกายเจ้าจนเบื่อหน่ายข้าจะส่งเจ้าไปแน่นอน"
"อื้อ!...ปล่อยข้า ข้าเกลียดท่าน"
"เจ้าเกลียดข้าหรือ อย่าลืมว่าคนที่เจ้าบอกว่าเกลียดก็คือสวามีที่ถูกต้องของเจ้า" ไต้ฮ่าวเฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น
ฉงเสว่ปิงเหลียวมองเหยือกสุราพิษข้างเตียงที่ชินอ๋องเตรียมไว้ให้นางด้วยดวงตาแดงก่ำ ทว่ามือยังถูกจับไพล่หลัง หนำซ้ำอีกฝ่ายกำลังควบคุมเกมสวาทเสียจนสรรพางค์ไหวสะท้าน
ไต้ฮ่าวเฉินจับกายบอบบางพลิกขึ้นประจันหน้าตน เมื่อสบโอกาสฉงเสว่ปิงจึงยกเท้ายันร่างกำยำทันควัน
โครม!
จากนั้นจึงคว้าหยกลายวิจิตรที่บรรจุสุราพิษขึ้นจรดริมฝีปาก แม้เรี่ยวแรงหลงเหลือกะพร่องกะแพร่งก็ตามทีทว่าอีกฝ่ายไม่ทันระวังตัว จึงส่งผลให้เขาเกิดอาการซวนเซและหล่นลงจากเตียงโดยไม่รู้ตัว
ใบหน้าหล่อเหลาทว่าร้ายกาจดุจปีศาจถลึงตามองชายาถือดีอย่างนึกคาดโทษ "ฉงเสว่ปิง! เจ้าบังอาจนัก!"
"ฮ่าวเฉิน!! ท่านมันจอมปีศาจ ข้าไม่เคยอยากแต่งงานกับท่าน ชินอ๋องอะไร ยศถาอะไร ข้าไม่เคยต้องการจากท่านแม้เพียงนิด ตั้งแต่ข้าก้าวเท้าเข้าแคว้นไต้เจียข้าก็ไม่เคยรู้จักความสุขและความยุติธรรม ท่านมันจอมสับปลับ มีแต่พวกริษยาแก่งแย่งชิงดี ชาติหน้าฉันใดอย่าได้พบเจอกันอีกเลย!"
ฉงเสว่ปิงเขม้นมองอีกฝ่ายด้วยแววตาแดงก่ำ มีอย่างที่ใดต้องข่มเหงนางก่อนคิดสังหาร คนใจดำอำมหิตนางเกลียดเขายิ่งนัก คนมักมากในกาม
"เจ้าจะทำอะไร หยุดนะเสว่ปิง!"
นัยน์ตาคมเข้มเบิกกว้างตะลึงลาน เขารีบดันกายของตนขึ้นด้วยความรวดเร็ว ทว่ากลับช้าไปครึ่งก้าว ฉงเสว่ปิงกระดกสุรากรอกเข้าปากของตนจนเปียกลู่ตั้งแต่ลำคอลามไล่จนถึงปทุมขาวราวงาช้าง นัยน์ตาดอกท้อแดงก่ำ ลมหายใจเริ่มติดขัด ความร้อนรุ่มเดือดพล่านไปทั่วเรือนร่าง
ไต้ฮ่าวเฉินตะลีตะลานตื่นตกใจ เขากระชากเหยือกสุราหมับ จากนั้นจึงเขวี้ยงลงพื้นด้วยความโมโห
เพล้ง!
ทั้งที่เขาเป็นฝ่ายรับราชโองการประทานสุราพิษมาให้นางเองโดยแท้ เพียงเพื่อต้องการลงทัณฑ์อีกฝ่ายตามกฎมณเฑียรบาลของแคว้น ทว่าเมื่อนางชิงลงมือปลิดชีพตนไปก่อน จิตใจของเขากลับร้อนรุ่มอย่างยากอธิบาย ไต้ฮ่าวเฉินรุดเข้าประคองร่างบอบบางซึ่งอ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรงไว้บนอ้อมแขน
"ฉะ...ฉงเสว่ปิง นี่เจ้า!..."
"ท่านอ๋อง...ท่านและข้าอย่าได้พานพบกันอีกเลย คนโง่งม ขะ...ข้าเกลียดท่าน" เปลือกตาบางค่อย ๆ หลับลงเชื่องช้า ลมหายใจขาดสะบั้นลงในที่สุด
ไต้ฮ่าวเฉินมองภาพชายาสิ้นใจด้วยอาการพรึงเพริดประดุจชีวิตนี้กำลังสูญเสียสิ่งที่หวงแหน เขาเขย่าร่างสตรีในอ้อมแขนราวคนเสียสติ "ไม่นะ...เสว่ปิง ข้ายังไม่อนุญาตให้เจ้าตาย เจ้าก็อย่าตาย!!"
เสียงแหบแห้งร้องตะโกนระคนไปด้วยความเจ็บปวดและเคียดแค้น
.
.
เฮือก!!...
ฉงเสว่ปิงดีดกายผึง เสียงหายใจหอบเหนื่อยดังก้องทั่วห้อง
"หวาดกลัวจนสติเลอะเลือนไปแล้วหรือ" เสียงทุ้มโพล่งขึ้น
ฉงเสว่ปิงหันหน้าขวับ ดวงตากลมโตเบิกกว้างตะลึงงัน "ท่านอ๋อง นี่ท่าน!?"
คิ้วเข้มเลิกขึ้นหยั่งเชิง "ทำไม ข้าอะไรของเจ้า สุรามงคลไม่อยากดื่ม ไยจึงชอบดื่มสุราลงทัณฑ์ หืม... ข้ามอบความสุขให้ถึงใจจนต้องร้องขออีกหรือไร"
ข้ายังไม่ตาย หรือว่าข้าย้อนกลับมาเวลาเดิมอีกครั้ง
"ข้ากลับมาที่นี่ได้อย่างไร!?" ฉงเสว่ปิงลดสายตามองเรือนร่างเปลือยเปล่าของตน พลางสำรวจสิ่งของต่าง ๆ รอบห้อง ทุกอย่างเหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยน เพียงเสี้ยวเวลาเดียวเท่านั้น ฉงเสว่ปิงจำได้ว่าภายในกายร้อนรุ่มทรมานจนขาดใจตายไปแล้วแท้ ๆ คาดไม่ถึงยามนี้นางได้ย้อนกลับมาในช่วงเวลาเดิม น่าขันสิ้นดี โอกาสเช่นนี้อย่ามียังดีเสียกว่า
"สตรีแพศยา เจ้าแสร้งทำหน้างงงวยใด เมื่อครู่ยังนอนครางเรียกชื่อข้าไม่ขาดปาก" แววตาของเขาเย็นเยียบ ทั้งยังแห้งแล้งไร้น้ำใจ
"หน็อย...ข้าอุตส่าห์กรอกเหล้าพิษชิงตายไปก่อนก็ยังกลับมาพบหน้าท่านอีกหนงั้นหรือ ท่านอ๋อง! ตกลงแล้วท่านคือจอมปีศาจหรือไร" ดวงตากระจ่างใสของนางเต็มไปด้วยเปลวโทสะ
ไต้ฮ่าวเฉินเหยียดยิ้ม "พูดจาเพ้อเจ้อใด ถึงข้าตั้งใจมอบเหล้าพิษให้แก่เจ้า ทว่ายามนี้ยังไม่ถึงเวลา"
"ถึงหรือไม่ ใช่ว่าท่านเป็นผู้กำหนด ในเมื่ออยากให้ข้าตายนัก หนนี้ข้าหวังว่าจะได้ตายสมใจ และอย่าได้หวนมาพบท่านอีก!"
ไหน ๆ ก็ต้องตายอยู่แล้ว ถึงข้ามีโอกาสอีกคราแล้วอย่างไร ไม่เห็นหรือว่าตอนนี้ก็ยังย้อนกลับมาช่วงเวลาก่อนตายไม่นาน เหอะ! สวรรค์ท่านช่างรู้จักเล่นเสียจริง อยากให้ข้าทรมานซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพียงนั้นเชียวรึ
ฉงเสว่ปิงตัดสินใจกรอกเหล้าพิษอีกครั้ง ความร้อนรุ่มกัดกร่อนจนรู้สึกเจ็บปวด นางนอนแดดิ้นลงบนพื้นเย็นเยียบ ครานี้ไต้ฮ่าวเฉินไม่ได้วิ่งเข้าประคองนางอีกแล้ว ดวงตาสุดท้ายที่เขามองมาที่นางล้วนเต็มไปด้วยความเย็นชา
ฉงเสว่ปิงแค่นยิ้มให้ตนในใจ
เหอะ! ฮ่าวเฉินอ๋อง ทั้งที่ข้าไม่ได้กระทำผิด ข้าไม่เคยนอกใจท่านแม้เพียงน้อย ทว่าท่านกลับหูเบาหลงเชื่อมารยาร้อยเล่มเกวียนของสนมจิตใจสกปรก กล้ากระทั่งประทานสุราพิษนี้แด่ข้า คนมักมากข้าได้ตายจากท่านไปเสียคงนับว่าเป็นทางออกอันดีที่สุด ข้าขอให้ท่านเจ็บปวดยิ่งกว่าข้าร้อยเท่าพันทวี อ๋องอำมหิต นับจากนี้อย่าได้พบกันอีกเลย
นัยน์ตาคู่งามปิดลงช้า ๆ หนนี้นางหวังเพียงว่าหากสวรรค์อยากให้โอกาสตนจริง ๆ ได้โปรดอย่าได้พบหน้าของฮ่าวเฉินอ๋องอีกเลย
.
.
"พระชายา พระชายาเพคะ" เสียงตื่นตระหนกร้องเรียกเป็นระยะ
ผู้ใดอีกเล่า มู่หลินรึ ตกลงข้าตายแล้วหรือยัง เหตุใดจึงได้ยินเสียงเรียกพระชายาจากมู่หลินเล่า คงไม่เป็นเช่นข้าคิดใช่หรือไม่
ฉงเสว่ปิงเปิดปรือดวงตาขึ้นแช่มช้าด้วยหัวใจไหวระทึก ห้องนอนนี้เป็นของนาง ทว่านางมิได้อยู่ที่แคว้นสุ่ยเหอ ยามนี้ฉงเสว่ปิงยังคงตื่นขึ้นมาที่แคว้นไต้เจีย
เดิมทีนางถูกรับเข้ามาเป็นพระชายารองของชินอ๋อง เพราะสองแคว้นมีพันธสัญญาสงบศึกโดยต้องอภิเษกเชื่อมสัมพันธ์ กระนั้นอ๋องผู้เป็นสวามีกลับยืนกรานไม่รับสตรีใดเป็นชายาเอก ถึงฉงเสว่ปิงมีศักดิ์เป็นองค์หญิงแล้วอย่างไร ชินอ๋องผู้นี้มิได้เกรงใจหรือไว้หน้าแคว้นสุ่ยเหอสักนิด คนหยาบช้า
ทว่าพันธสัญญานับเป็นราชโองการแผ่นดิน ทั้งสองไม่อาจบ่ายเบี่ยง ฉงเสว่ปิงจึงถูกตกแต่งเข้ามาเป็นชายารองของเขาด้วยความจำใจ หลังจากรับชายารองไม่ถึงเดือน ขุนนางในวังก็ยัดเยียดบุตรสาวของตนประเคนแด่ไต้ฮ่าวเฉิน ส่งเสริมขึ้นเป็นสนม เพื่อหวังเพียงลาภยศอำนาจที่ชินอ๋องมีมากล้นคุ้มกะลาหัว
ดูเหมือนสถานะนางสนมคงดูไร้ค่าตกต่ำ สนมผู้นั้นอยากได้ตำแหน่งพระชายา ถึงแม้จะเป็นเพียงชายารองก็ตาม แต่แล้วอย่างไรในเมื่อชินอ๋องมิได้ต้องการรับชายาเอกแม้สักคน สนมนางนั้นจึงวางแผนกำจัดฉงเสว่ปิง ลอบวางยาชายารองแสนโปรดปราน ซ้ำยังใส่ร้ายป้ายสีฉงเสว่ปิงว่านางคบชู้สู่ชาย
ทันทีที่ความงงงวยมลายหายไป ฉงเสว่ปิงจึงเข้าใจกระจ่างชัดว่ายามนี้เกิดสิ่งใดขึ้น ไยนางจึงยังไม่ตายสมใจเสียที สวรรค์ต้องการเล่นสนุกใดกับชีวิตนางกันแน่ ลงทัณฑ์งั้นหรือ ทรมานหนเดียวไม่หนำใจอยากให้นางแดดิ้นตายหลายร้อยคราหรืออย่างไร
นี่สินะที่เรียกว่าสวรรค์ไร้เมตตา
ฉงเสว่ปิงแหงนเงยหน้าขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาของผู้เป็นสวามีเขม้นมองจ้องกินเลือดกินเนื้อ
"ท่านอ๋อง นี่ข้า...กลับมาที่นี่อีกครั้งงั้นหรือ" ฉงเสว่ปิงยกมือคลึงขมับ
เสียงทุ้มตะเบ็งด้วยความกราดเกรี้ยว "ยังมีหน้ามาเสแสร้งเล่นละครตลบตะแลงใด นี่เจ้าทำเรื่องงามหน้ายังไม่รู้สำนึกอีกหรือ"
ฉงเสว่ปิงระบายลมหายใจอย่างไม่สบอารมณ์ มีอย่างที่ไหนย้อนกลับมาอีกครั้งก็ยังหนีไม่พ้นจอมปีศาจ ทว่ามือของนางกลับควานต้องบางสิ่ง เมื่อเลิกผ้าห่มข้างกายออกจึงพบว่ามีบุรุษล่ำสันหน้าตาหล่อเหลานอนเปลือยกายอยู่ด้านข้าง
ฉงเสว่ปิงเบิกตากว้างตะลึงลาน หัวใจเต้นกระหน่ำแทบกระดอนออกนอกอก
บัดซบยิ่ง ข้าย้อนกลับมาวันที่ถูกใส่ความ ก่อนที่อ๋องอำมหิตจะประทานสุราพิษให้เพียงไม่กี่ชั่วยามงั้นหรือ!
ผืนนภาเบื้องบนทอประกายแสงสีเหลืองทองอำไพในช่วงเวลาอาทิตย์ใกล้อัสดง เรือนร่างงามสง่าหนึ่งบุรุษหนึ่งสตรี ยืนเด่นตระหง่านท่ามกลางมวลบุปผา สภาพอากาศรอบด้านโอบล้อมด้วยหุบเขาเรียงรายสูงต่ำลดหลั่นเป็นทิวแถวสุดลูกหูลูกตา กลิ่นหอมจรุงของดอกไม้บานสะพรั่งช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ยามนี้พวกเขาออกมาล่าสัตว์เที่ยวชมบรรยากาศธรรมชาตินอกราชวังเพื่อคลายความเหนื่อยล้า ยิ่งได้ทอดสายตามองสิ่งสวยงามเบื้องหน้าก็ยิ่งทำให้รู้สึกมีความสุขนัก "อ้ายเฟยเจ้าชอบหรือไม่" เสียงทุ้มกระซิบถามด้วยความอบอุ่น ร่างสูงยืนโอบกอดสตรีร่างบอบบางจากทางเบื้องหลัง "ชอบเพคะ งดงามยิ่งนัก" ริมฝีปากสีกุหลาบคลี่ยิ้มอ่อนโยน "อ้อ...เสด็จพี่เข้าไปด้านในกันเถิดเพคะ ยามนี้มู่หลินน่าจะเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว" ฉงเสว่ปิงเหลียวหน้ามองคนเบื้องหลัง "หืม...เตรียมอันใดหรือ" "อาหารสุดพิเศษอย่างไรเล่าเพคะ" ไต้ฮ่าวเฉินขำพรืด "เอ่อ...อ้ายเฟย เจ้าอย่าบอกว่าเจ้าเป็นคนลงมือทำเอง" เพราะเขาได้เคยชิมฝีมือการทำอาหารของชายารักมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แม้ปากจะบอกอร่อยมากล้นแต่ทว่าอาหารเหล่านั้นบางคราก็อร่อยจริง ทว่าบางครารสชาติกลับประหลาดเหลือแสน คงมีเพียงเข
"เฮือก!...ฮ่าวเฉิน!" ร่างบางดีดกายผึง "องค์หญิงตื่นบรรทมแล้วหรือเพคะ" มู่หลินวิ่งรี่เข้ามา นางยอบกายมองดวงตาแดงก่ำของผู้เป็นนายก็พลันตื่นตระหนก "องค์หญิง ไยทรงกันแสงเล่าเพคะ ตาบวมหมดแล้วอีกเดี๋ยวเข้าพิธีอภิเษกจะไม่งามนะเพคะ" ฉงเสว่ปิงงุนงง คิ้วสวยเคลื่อนเข้าหากันแทบผูกเป็นปม อกด้านซ้ายพลันเจ็บแปลบขึ้น "จะ...เจ็บ!" "องค์หญิง เกิดอันใดขึ้นเพคะ" มู่หลินเร่งรุดเข้าประคอง ฉงเสว่ปิงผินหน้ามอง จากนั้นเอ่ยถามด้วยแววตาเศร้าหมอง "มู่หลิน ที่เจ้าบอกว่าข้าจะอภิเษก ข้ากำลังจะอภิเษกกับผู้ใดหรือ" มู่หลินเบิกตากว้าง "ไยองค์หญิงจึงถามเช่นนั้นเพคะ" ฉงเสว่ปิงแหงนมองรอบด้าน ยามนี้นางอยู่ที่ตำหนักของตนเอง หรือว่านางจะต้องเข้าพิธีอภิเษกกับตู้เหยียนเฟิงจริง ๆ ปรโลกไม่เปิดประตูต้อนรับนางอีกแล้วงั้นหรือ ฉงเสว่ปิงรู้สึกชินชาแต่ทว่าการย้อนมาหนนี้ช่างปวดใจกว่าครั้งก่อน ๆ ร้อยเท่าพันทวี หากนางได้ย้อนกลับมาแล้วเขาเล่า ยามนี้เป็นเช่นไร ไต้ฮ่าวเฉินยังคงได้รับโอกาสกลับมาอีกครั้งเช่นนางหรือไม่ ความรู้สึกเจ็บแปลบราวกับเข็มแหลมคมทิ่มแทงข้างในใจยังติดตรึงอยู่ในความรู้สึก มู่หลินเอ่ยเสียงเจื้อยแจ้วเป็นนกแก้วนกขุนท
ฉงเสว่ปิงร่ำไห้ครวญสะอื้นน้ำตาแทบเป็นสายเลือด ไต้ฮ่าวเฉินเริ่มขยับแล้ว บุรุษกำยำสวมเครื่องแต่งกายมิดชิดนายหนึ่งกระชากกายของเขาให้ยืนขึ้น บนหน้าอกของเขามีลูกศรดอกหนึ่งปักอยู่ ดวงตาที่เคยเย้าแหย่นาง ยามนี้บวมเป่ง ไต้ฮ่าวเฉินพยายามรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายที่มี เอ่ยเสียงสั่นเครือ"อ้ายเฟย ไม่ต้องร้อง ขะ...ข้าไม่เป็นไร"ฉงเสว่ปิงส่ายหน้าทั้งที่น้ำตาหลั่งรินไม่หยุด ยามนี้นางเสียใจประดุจถูกตอกตะปูเข้าหัวใจดอกแล้วดอกเล่า"ชินอ๋อง ยังกล้าบอกไม่เป็นไรอีกหรือ สภาพของท่านตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง ยังเอ่ยวาจาปลอบใจนางอีกงั้นรึ" ตู้เหยียนเฟิงขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน ยิ่งคำเรียกที่ไต้ฮ่าวเฉินเปล่งออกมาก็พลอยปะทุจุดเดือดของความโมโหให้ทะยานสูงขึ้นไต้ฮ่าวเฉินกลับเผยรอยยิ้มหยามหยันชิงชัง หาได้เกรงกลัวเขา "เจ้าทำเช่นนี้นอกจากไม่ได้ใจของนางแล้ว เจ้ายังจะได้รับความเกลียดชังจากนาง ชีวิตนี้ของเจ้าอย่าหมายจะมีความสุข"ตู้เหยียนเฟิงหัวเราะขัน "หากท่านไม่อยู่เพียงหนึ่ง นางก็รักข้า รักข้าเพียงคนเดียว"ฉงเสว่ปิงร้องไห้โฮ นางไม่อาจระงับสติได้แล้ว "ทะ...ท่านพี่เหยียนเฟิง ท่านกำลังเสียสติ ข้ารักท่านใช่ ข้ารักท่านประดุจพี่ชายแท้ ๆ
"ปิงเอ๋อร์ ปิงเอ๋อร์" เสียงทุ้มดังมาจากธรณีทางเข้า ฉงเสว่ปิงงัวเงีย"เพคะ" นางลุกขึ้นยืนพร้อมจัดเผ้าผมและเครื่องแต่งกายเล็กน้อยอยู่ ๆ ความทรงจำเมื่อคืนก็แล่นเข้ามา กายของนางแข็งทื่อ มองร่องรอยของการร่วมสวาทก็พลันใบหน้าแดงเรื่อ ทว่าเมื่อเหลียวมองข้างกายไต้ฮ่าวเฉินกลับหายไปที่ใดเสียแล้ว ร่างบอบบางยืดกายยืนขึ้น นางคิดว่าอีกฝ่ายคงมีธุระต้องไปสะสางเป็นแน่ ยามนี้มู่หลินก็อยู่ห้องของตน ฉงเสว่ปิงจึงตัดสินใจสาวเท้าเข้ามาเปิดประตูด้วยตนเอง ทันทีที่พบว่าผู้ใดมาเยือน ฉงเสว่ปิงถึงกับผงะเก็บอาการไม่มิด ตู้เหยียนเฟิงหรี่นัยน์ตามองด้วยความแคลงใจ "ปิงเอ๋อร์ไม่สบายหรือ วันนี้เจ้ามีนัดกับพี่ ไยจึงยังไม่ออกไป" "เอ่อ" ฉงเสว่ปิงรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก วันนี้นางคิดว่าคงต้องตะล่อมบอกยกเลิกงานอภิเษกกับเขา แต่ว่ายามนี้ไต้ฮ่าวเฉินไม่อยู่ นางไม่อาจกระโตกกระตากได้ ตู้เหยียนเฟิงมองท่าทีกระอึกกระอักของอีกฝ่าย เขาพลันยกมือขึ้นหมายแตะหน้าผากคนเบื้องหน้า ทว่าฉงเสว่ปิงกลับผงะถอยหลัง ฝ่ามือกว้างจึงเก้อค้างกลางอากาศอยู่เช่นนั้น ฉงเสว่ปิงใจเต้นกระหน่ำ ความหวาดกลัวผุดขึ้นเป็นริ้วเมื่อฉุกนึกถึงสิ่งที่เขากระทำ มือไม
บทสนทนาทุกอย่างสิ้นสุดลงแล้ว บุรุษเบื้องบนแทบอดรนทนไม่ไหวเขาก้มลงซุกไซ้ สูดดมความหอมไปตามผิวเนียนละเอียด ฝ่ามือหยาบกร้านลูบไล้เข้าไปด้านในอาภรณ์เชื่องช้า จากนั้นจึงค่อย ๆ ปลดออกทีละชิ้น เขาประคองกายคนตัวเล็กขึ้นนั่งประจันหน้า ฉงเสว่ปิงมิได้ขัด ต่างฝ่ายต่างปลดอาภรณ์ให้กันด้วยความเร่งร้อน พลางประกบปากบดจูบอย่างดูดดื่ม ความปรารถนาและความโหยหาถึงสามภพสามชาติกำลังถูกเติมเต็มอื้อ...กายกำยำและเรือนร่างบอบบางเปลือยเปล่า สองแขนเรียวโอบรอบคอของเขาเอาไว้ ริมฝีปากผละออกจากกันจนเกิดเป็นเส้นใยสีเงินยืดเยิ้ม ไต้ฮ่าวเฉินไม่รั้งรอให้ปากของตนว่างมากนัก เขาขบงับประทับรอยสีกุหลาบไล่ลงไปตามลำคอขาวผ่อง ลากลิ้นเลียละเลียดชิมจนถึงปทุมเนื้อนวล ปากร้อนครอบงับพลางระรัวลิ้นหยอกล้อตุ่มไต่สีชมพูระเรื่อ มืออีกด้านเคล้นคลึงยอดถันฝั่งที่ยังว่างด้วยความมัวเมาใบหน้างามแหงนเงยไปเบื้องหลัง เสียงใสครวญครางด้วยความเสียวกระสัน แม้ปากนางมักต่อว่าเขาไม่ได้เรื่อง แท้จริงแล้วลีลาของชินอ๋องดุเดือดแทบขาดใจต่างหาก สัมผัสที่นับว่าห่างหายไปนานหวนกลับมายังที่เดิม ความสยิวแล่นไปทั่วแผ่นหลังและท้องน้อยไต้ฮ่าวเฉินโถมกายดันร่างเล็กให
ร่างบอบบางพยายามยันกายลุกทว่าข้อมือทั้งสองด้านถูกฝ่ามือกว้างกดติดไว้กับฟูกนอนจนไม่อาจขยับ นางเหลือบมองใบหน้าแดงก่ำของบุรุษด้านบนก็พลอยรู้สึกใจหวิว จังหวะหายใจของเขาบ่งบอกว่าไม่สามารถควบคุมไฟปรารถนาที่ลุกโชติช่วงไว้ได้เสียแล้ว "เจ้าบอกจะลงโทษข้าไม่ใช่หรือ ไยเปลี่ยนใจง่ายนัก" เสียงทุ้มออดอ้อนระคนแหบห้าว "แต่ว่ายามนี้ท่านและข้ายัง..." ความร้อนผ่าวลุกลามจากสองแก้มไปยังใบหู ร่างสูงโน้มกระซิบ "เราเคยตั้งหลายครั้งแล้ว ยังอายอีกหรือ ถึงยามนี้ยังไม่เป็นต่อไปก็ต้องเป็น" เขาลดสายตามองแต้มพรหมจรรย์บริเวณซอกคอ จากนั้นจึงพรมจูบลงไปหนึ่งครา ฉงเสว่ปิงขนลุกซู่ พลางเบี่ยงหลบริมฝีปากร้อนชื้นที่ประทับลงมา "อื้อ...ท่านทำอันใดเพคะ แต่นั่นมันเรื่องของชาติก่อนผู้ใดจะนับ" "เจ้าเสียดายแต้มสีชาดนี่น่ะหรือ" ริมฝีปากบางเม้มสนิท อันที่จริงนางก็หาใช่พวกคร่ำครวญในพรหมจรรย์แต่อย่างใด เพราะถึงอย่างไรแม้จะกลับมาบริสุทธิ์ดังเดิม นางก็ยังคงจำสัมผัสของเขาได้มิเคยลืม"ก็...ข้าไม่รู้" ฉงเสว่ปิงแสร้งเฉไฉด้วยความขัดเขิน นางไม่อาจหนีใจตัวเอง กับความจริงที่ว่าตนกำลังร่ำร้องและปรารถนาในกายบุรุษเบื้องหน้าอย่างแรงกล้าเช่นกัน