Beranda / รักโบราณ / ย้อนรักสี่คราลวงชะตาเคียงท่าน / บทที่ 2 ชายารองร้องขอสุราพิษ

Share

บทที่ 2 ชายารองร้องขอสุราพิษ

last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-24 19:29:21

ฉงเสว่ปิงถอนหายใจอย่างนึกปลดปลง จะพิสูจน์ความจริงว่าตนยังไม่เกินเลยกับบุรุษแปลกหน้าก็ทำไม่ได้ ในเมื่อแต้มพรหมจรรย์ของนางมลายหายไปตั้งแต่วันแรกที่เข้าหอกับชินอ๋องแล้วนี่อย่างไร หนำซ้ำชายผู้นี้ยังปากแข็งเสียด้วย ดูเหมือนคงพร้อมสละชีพแล้วจริง ๆ ไม่รู้ว่าสนมซินทำอย่างไรจึงสามารถยืมดาบฆ่าคนได้เฉียบขาดเพียงนี้ 

"เอาล่ะท่านอ๋อง ข้าเบื่อหน่ายเต็มทน หากครั้งนี้ข้ายังไม่ตายข้าจะไม่ยอมแพ้อีกต่อไป ท่านเอาสุราพิษมาเถิด" ฉงเสว่ปิงกล่าวเนิบนาบ ท่าทางของนางไม่อนาทรร้อนใจ 

สีหน้าเรียบเฉยเช่นนี้ส่งผลให้คนมองรู้สึกกรุ่นโกรธยิ่งนัก นางทำราวกับเป็นเรื่องเล็กน้อยก็เท่านั้น คิ้วเข้มขมวดฉับ ไต้ฮ่าวเฉินกัดฟันกรอด ฝ่ามือกว้างคว้าหมับบริเวณข้อมือเล็ก เขากระชากกายของนางลอยหวือติดมือ จากนั้นจึงยกร่างบอบบางขึ้นพาดบ่าด้วยความกราดเกรี้ยว

"อ๊ะ!...ท่านอ๋อง ปล่อยหม่อมฉัน" 

"อยู่นิ่ง ๆ ก่อนข้าจะหมดความอดทนกับเจ้า!" 

ทว่าฉงเสว่ปิงไม่เกรงกลัวเขา ถึงอย่างไรอีกไม่กี่ชั่วยามนางก็ต้องได้รับเหล้าพิษตายอีกหนอยู่ดี เพียงแต่ครานี้นางจะไม่ยินยอมให้เขาข่มเหงรังแกเช่นสองครั้งที่ผ่านมาแล้ว 

"ปล่อยข้า ท่านเอาสุราพิษมา!" 

เพียะ!

ฉงเสว่ปิงอึ้งงัน เมื่อถูกฟาดลงมายังบั้นท้ายงามงอน 

"เงียบ! อยากตายนักหรือ ไม่นานเจ้าได้ตายสมใจแน่" ไต้ฮ่าวเฉินข่มขู่เสียงเย็นเยียบ จากนั้นจึงผินหน้ากล่าวเสียงแข็ง "จื่อจ้ง" 

"พ่ะย่ะค่ะ" จื่อจ้งค้อมศีรษะลง 

"ลากคอมันไปจัดการให้เรียบร้อย" 

"พ่ะย่ะค่ะ" 

ฉงเสว่ปิงศีรษะห้อยขาห้อยต่องแต่งราวปลาตากแห้งอยู่บนบ่ากว้าง ท่าทางของนางประดุจหมดอาลัยตายอยาก ภาพเบื้องหน้าหมุนกลับด้านไปเสียหมด ยามนี้ช่างเหนื่อยเหลือเกิน ความเจ็บปวดที่นางได้รับก่อนตายนั่นมันความจริงหรือฝันกันแน่ ไยจึงชวนปวดหัวนัก ได้โอกาสย้อนกลับมาถึงสองครั้งสองคราทว่าไม่อาจหลุดรอดข้อกล่าวหาจอมปลอมนี้ได้เลย หนำซ้ำสวามีที่มักเอ่ยกับนางอย่างอ่อนหวานแต่กาลก่อนยังกลายร่างเป็นปีศาจ เขาโมโหอย่างหนักจนนับได้ว่าเสียสติไปแล้วจริง ๆ 

ฉงเสว่ปิงพยายามเบี่ยงหน้ามองโดยรอบ หางตาเหลือบเห็นสตรีนางหนึ่งยืนเมียงมองด้วยความสะอกสะใจอยู่ข้างต้นไม้ 

สนมซิน สมใจเจ้าแล้วสินะ หากข้าได้ตายอีกครั้งข้าจะมาหักคอเจ้า

ฉงเสว่ปิงถูกแบกจนมาถึงด้านในห้องขนาดใหญ่ ยิ่งเข้าใกล้เหตุการณ์นั้นเท่าใด ใจของนางก็ยิ่งกระตุกอย่างรุนแรง ลมหายใจพลอยติดขัดและหนักหน่วง 

ไต้ฮ่าวเฉินโยนคนบนบ่าลงอย่างไม่ปรานี 

"โอ๊ย! ท่านอ๋อง ข้าเจ็บ" 

ฝ่ามือหยาบระคายคว้าหมับบริเวณปลายคางโค้งมน เขาบีบบี้ด้วยความรุนแรงเสียจนริมฝีปากบางยู่หยุ่น

"เจ็บสิดีจะได้จำ เจ้าไม่รู้หรือว่าการคบชู้สู่ชายต้องโทษอาญาใด ไยจึงทำเรื่องบัดสีเช่นนี้" ยิ่งเขาโมโหแรงบีบที่คางก็ยิ่งรุนแรงขึ้น 

"ทะ...ท่านปล่อยข้า" ฉงเสว่ปิงเอ่ยเสียงอู้อี้ มือเล็กคว้าบริเวณท่อนแขนแกร่ง หวังให้เขาผ่อนปรนลงเสียหน่อย

ทว่าอีกฝ่ายกลับยิ่งเพิ่มแรงมากขึ้นเป็นทบทวีคูณ "ปล่อยหรือ ได้" 

เขาสะบัดมือออกเสียจนหน้าของนางหันตามแรง ฉงเสว่ปิงตวัดสายตามองฉับ "ท่านอ๋อง ข้าเกลียดท่าน!" 

"อ้อ...ได้ลิ้มรสชาติชู้รักไม่ทันไร ถึงขั้นเกลียดสวามีตนเลยงั้นหรือ" ใบหน้าหล่อเหลาเผยรอยยิ้มเย็นชาหยามหยันชิงชัง 

"ไม่ใช่ ท่านมันคนโง่งม ข้าถูกใส่ความ หากข้าอยากคบชู้สู่ชายจริงมีหรือจะนำมาเสพความสุขที่นี่ให้ท่านจับได้ มิสู้ทำลับหลังน่าตื่นเต้นกว่าเป็นไหน ๆ" 

เส้นเลือดเขียวบนขมับของเขาเต้นเร้า ตุบ ตุบ พื้นที่ในจิตใจของชินอ๋องมีหมอกดำปกคลุมแทรกแซงเพราะความหึงหวงจนนับว่าคลุ้มคลั่งไปแล้ว

นางถือดีอย่างไรจึงกล้าคิดวางแผนกระทำลับหลังข้า

"เจ้า!...ใจถึงนัก ในที่สุดก็ยอมรับความต่ำช้าของตนแล้วรึ" สายตาของเขาแข็งกระด้างเหยียดหยาม 

"ใช่...ข้า..." 

"ท่านอ๋องเพคะ" ฉงเสว่ปิงเอ่ยยังไม่ทันจบประโยค กลับมีเสียงของสตรีดังขึ้นที่หน้าธรณีทางเข้าเสียก่อน 

"ว่าอย่างไร!" แม้เขาตอบรับเสียงจากด้านนอก ทว่าแววตาดุดันยังคงจับจ้องอยู่บนใบหน้าของฉงเสว่ปิงอย่างไม่ลดละ 

สตรีด้านนอกอกสั่นขวัญแขวน ฝ่ามือที่ถือถาดสั่นระริก "คือว่า..." 

"หึ! ชักช้า ข้าเอง" เสียงแหลมของสตรีอีกนางดังขึ้น 

ฉงเสว่ปิงรู้ได้ทันทีว่าเป็นเสียงของผู้ใด นางละสายตาจากเขา จากนั้นจึงเพ่งมองไปยังทางเข้า เอ่ยเสียงเบาหวิว "ซินอี๋" 

ขาเรียวย่างกรายเข้ามาในห้องอย่างถือวิสาสะ อารมณ์เดือดดาลของไต้ฮ่าวเฉินเพิ่มขึ้นอีกระลอก เขาหลับตาลงเพื่อกดข่มความคุกรุ่นไว้

"ผู้ใดใช้ให้เจ้าเข้ามางั้นหรือ" เสียงขบฟันกรอด ๆ ส่งผลให้ผู้มาเยือนแทบหยุดหายใจ 

ความมั่นหน้าถือดีเมื่อครู่มลายหายสิ้น ซินอี๋ถลันกายเข้ามาเกาะขาสูงยาว นางกำนัลซึ่งถือถาดในมือเอาไว้เริ่มเกิดอาการพรั่นพรึงกายสั่นระริกดั่งต้องลมหนาว พลางเข่าทรุดฮวบลงทันควัน 

"ท่านอ๋อง พระชายาทำผิดต่อท่าน ผิดต่อกฎมนเทียรบาลของราชวงศ์ ดังนั้น ข้า ข้า..." ซินอี๋แสร้งร้องไห้ปิ่มขาดใจ 

"ชายารองชินอ๋องรับราชโองการ" ขันทีสาวเท้าเข้ามาพร้อมม้วนราชโองการในมือ  

ไต้ฮ่าวเฉินใจกระตุกวูบ เขาตวัดสายตามองซินอี๋ขวับ "นี่เจ้า!..." 

"ซินอี๋ส่ายหน้าพัลวัน ท่านอ๋อง ข้าทำไปก็เพราะข้ารักท่าน นางทำผิดย่อมต้องรับโทษไม่อาจบ่ายเบี่ยง หรือแม้นางจะนอกใจท่าน ท่านก็ยังให้อภัยนางเพคะ" 

"ซินอี๋..." ดวงตาคมปลาบตวัดมองสนมของตนอย่างนึกคาดโทษ

ผู้ที่ต้องรับราชโองการถลันกายลงจากเตียงพลางสาวเท้าเร็วรี่ นางไม่คิดชายตาแลเขาด้วยซ้ำ จากนั้นจึงคุกเข่าค้อมศีรษะลงเบื้องหน้าขันทีด้วยความกระตือรือร้น  

"ชายารองกระทำเรื่องเสื่อมเสียต่อราชวงศ์ ผิดกฎมนเทียรบาลของแคว้นไต้เจีย ฝ่าบาททรงคำนึงถึงความบริสุทธิ์จึงประทานสุราพิษเพื่อเป็นการชะล้างความผิดที่กระทำ จบราชโองการ" ม้วนผ้าสีทองถูกรวบเข้าด้วยกัน 

"ขอบพระทัยฝ่าบาท ฉงเสว่ปิงรับราชโองการ" 

"เสว่ปิง!" นัยน์ตาคมเบิกกว้างตะลึงงัน 

ซินอี๋เบ้ปากอย่างนึกสาแก่ใจ

กระนั้นสีหน้าของฉงเสว่ปิงกลับเย็นชาประดุจหุบเขาน้ำแข็ง นางรับโองการในมือของขันทีมาแล้ว จากนั้นจึงยืนเต็มความสูง ก่อนเอื้อมมือหยิบจอกสุรา 

"หยุด!...ฉงเสว่ปิงคือชายาจากต่างแคว้น อภิเษกกับข้าเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ หากฝ่าบาทประทานสุราพิษให้นาง แคว้นสุ่ยเหอจะต้องลุกฮือต่อต้านเป็นแน่" 

ฉงเสว่ปิงเหยียดยิ้มมุมปาก เรียวมืองามถือจอกสุราไว้มั่น นางเหลียวหลังมองเขาด้วยแววตาเย็นเยียบระคนผิดหวัง "ท่านอ๋อง สุดท้ายแล้วท่านก็ไม่เคยเห็นข้าสำคัญ ราชโองการมิอาจขัด เช่นนั้นแคว้นไต้เจียก็รับผลกรรมเสียเถิด ย้อนคืนครานี้ ข้า! องค์หญิงเสว่ปิงจากแคว้นสุ่ยเหอ หวังว่าดวงวิญญาณจะได้เห็นสงครามโลหิตจากสองแคว้น และตายตาหลับอย่างแท้จริง หมื่นปีไม่พานพบ จากกันนิจนิรันดร์" 

ฉงเสว่ปิงยกจอกสุราจรดริมฝีปาก จากนั้นจึงกระดกดื่มด้วยความรวดเร็ว ไต้ฮ่าวเฉินก้าวเท้าเข้าใกล้นางละล้าละลัง เขาปัดจอกสุราออกจากมือฉงเสว่ปิง ทว่านางกลืนไปเกินกว่าครึ่งแล้ว 

จอกสุรากลิ้งหลุน ๆ ลงพื้น ซินอี๋มองตามด้วยแววตาแห่งผู้มีชัยพลางแสยะรอยยิ้มน่าชังออกมา ในที่สุดนางก็สามารถกำจัดเสี้ยนหนามที่คอยยอกอกทิ้งได้เสียที ไม่เสียแรงที่ต้องลงทุนเสี่ยงตั้งมากมาย บิดาของนางเป็นขุนนางใหญ่โต คอยหนุนหลังฮ่องเต้มาช้านาน เรื่องราชโองการจึงง่ายดายราวปอกกล้วยเข้าปาก 

ไต้ฮ่าวเฉินรุดเข้ารับร่างบอบบางซึ่งอ่อนยวบแทบลงไปกองบนพื้นแล้ว เขาโกรธนางที่กระทำเช่นนั้น หัวใจของเขาแทบแหลกสลายเป็นเถ้าธุลี ดวงตามืดบอดคล้ายฟ้าดินพลิกผัน 

ฉงเสว่ปิงมองดวงตาแดงก่ำของเขา พลางนึกหยามเหยียดในใจ 

ท่านยังเสแสร้งห่วงใยข้าด้วยเรื่องใด ถึงข้าไม่รับสุราพิษจอกนี้ ท่านก็ต้องหยามเกียรติข้า ข่มเหงข้าก่อนอยู่ดี มิสู้เร่งเวลาตายเร็วขึ้นอีกหน่อย ความเจ็บปวดจะได้ทุเลาลงบ้าง 

"เสว่ปิง เจ้าอย่าตาย ข้ายังไม่อนุญาตให้เจ้าตาย" น้ำเสียงของเขาร้อนรน 

ริมฝีปากสีกุหลาบแค่นยิ้มสาแก่ใจ อย่างน้อย ๆ นางก็ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดได้บ้าง แม้จะเพียงเสี้ยวเดียวก็ตามที

น้ำเสียงขาดห้วงเอ่ยกระท่อนกระแท่น "ทะ...ท่านอ๋อง สุดท้ายแล้วท่านก็อยากเป็นฝ่ายสังหารข้าด้วยมือตนเองหรือ หึ!...ดูเหมือนข้าคงทำให้ท่านผิดหวังเสียแล้ว จงอยู่กับความผิดหวังไปชั่วชีวิตของท่านเสียเถิด คนโง่งม" 

ภาพทุกอย่างดับวูบพร้อมลมหายใจที่ขาดสะบั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไยปรโลกจึงไม่ยินยอมเปิดประตูรับนางเสียที...

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ย้อนรักสี่คราลวงชะตาเคียงท่าน   บทที่ 30 ความเจ็บปวดที่แสนทรมาน (2/2)

    ฉงเสว่ปิงร่ำไห้ครวญสะอื้นน้ำตาแทบเป็นสายเลือด ไต้ฮ่าวเฉินเริ่มขยับแล้ว บุรุษกำยำสวมเครื่องแต่งกายมิดชิดนายหนึ่งกระชากกายของเขาให้ยืนขึ้น บนหน้าอกของเขามีลูกศรดอกหนึ่งปักอยู่ ดวงตาที่เคยเย้าแหย่นาง ยามนี้บวมเป่ง ไต้ฮ่าวเฉินพยายามรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายที่มี เอ่ยเสียงสั่นเครือ"อ้ายเฟย ไม่ต้องร้อง ขะ...ข้าไม่เป็นไร"ฉงเสว่ปิงส่ายหน้าทั้งที่น้ำตาหลั่งรินไม่หยุด ยามนี้นางเสียใจประดุจถูกตอกตะปูเข้าหัวใจดอกแล้วดอกเล่า"ชินอ๋อง ยังกล้าบอกไม่เป็นไรอีกหรือ สภาพของท่านตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง ยังเอ่ยวาจาปลอบใจนางอีกงั้นรึ" ตู้เหยียนเฟิงขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน ยิ่งคำเรียกที่ไต้ฮ่าวเฉินเปล่งออกมาก็พลอยปะทุจุดเดือดของความโมโหให้ทะยานสูงขึ้นไต้ฮ่าวเฉินกลับเผยรอยยิ้มหยามหยันชิงชัง หาได้เกรงกลัวเขา "เจ้าทำเช่นนี้นอกจากไม่ได้ใจของนางแล้ว เจ้ายังจะได้รับความเกลียดชังจากนาง ชีวิตนี้ของเจ้าอย่าหมายจะมีความสุข"ตู้เหยียนเฟิงหัวเราะขัน "หากท่านไม่อยู่เพียงหนึ่ง นางก็รักข้า รักข้าเพียงคนเดียว"ฉงเสว่ปิงร้องไห้โฮ นางไม่อาจระงับสติได้แล้ว "ทะ...ท่านพี่เหยียนเฟิง ท่านกำลังเสียสติ ข้ารักท่านใช่ ข้ารักท่านประดุจพี่ชายแท้ ๆ

  • ย้อนรักสี่คราลวงชะตาเคียงท่าน   บทที่ 30 ความเจ็บปวดที่แสนทรมาน (1/2)

    "ปิงเอ๋อร์ ปิงเอ๋อร์" เสียงทุ้มดังมาจากธรณีทางเข้า ฉงเสว่ปิงงัวเงีย"เพคะ" นางลุกขึ้นยืนพร้อมจัดเผ้าผมและเครื่องแต่งกายเล็กน้อยอยู่ ๆ ความทรงจำเมื่อคืนก็แล่นเข้ามา กายของนางแข็งทื่อ มองร่องรอยของการร่วมสวาทก็พลันใบหน้าแดงเรื่อ ทว่าเมื่อเหลียวมองข้างกายไต้ฮ่าวเฉินกลับหายไปที่ใดเสียแล้ว ร่างบอบบางยืดกายยืนขึ้น นางคิดว่าอีกฝ่ายคงมีธุระต้องไปสะสางเป็นแน่ ยามนี้มู่หลินก็อยู่ห้องของตน ฉงเสว่ปิงจึงตัดสินใจสาวเท้าเข้ามาเปิดประตูด้วยตนเอง ทันทีที่พบว่าผู้ใดมาเยือน ฉงเสว่ปิงถึงกับผงะเก็บอาการไม่มิด ตู้เหยียนเฟิงหรี่นัยน์ตามองด้วยความแคลงใจ "ปิงเอ๋อร์ไม่สบายหรือ วันนี้เจ้ามีนัดกับพี่ ไยจึงยังไม่ออกไป" "เอ่อ" ฉงเสว่ปิงรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก วันนี้นางคิดว่าคงต้องตะล่อมบอกยกเลิกงานอภิเษกกับเขา แต่ว่ายามนี้ไต้ฮ่าวเฉินไม่อยู่ นางไม่อาจกระโตกกระตากได้ ตู้เหยียนเฟิงมองท่าทีกระอึกกระอักของอีกฝ่าย เขาพลันยกมือขึ้นหมายแตะหน้าผากคนเบื้องหน้า ทว่าฉงเสว่ปิงกลับผงะถอยหลัง ฝ่ามือกว้างจึงเก้อค้างกลางอากาศอยู่เช่นนั้น ฉงเสว่ปิงใจเต้นกระหน่ำ ความหวาดกลัวผุดขึ้นเป็นริ้วเมื่อฉุกนึกถึงสิ่งที่เขากระทำ มือไม

  • ย้อนรักสี่คราลวงชะตาเคียงท่าน   บทที่ 29 สุดแล้วแต่โชคชะตา (2/2)

    บทสนทนาทุกอย่างสิ้นสุดลงแล้ว บุรุษเบื้องบนแทบอดรนทนไม่ไหวเขาก้มลงซุกไซ้ สูดดมความหอมไปตามผิวเนียนละเอียด ฝ่ามือหยาบกร้านลูบไล้เข้าไปด้านในอาภรณ์เชื่องช้า จากนั้นจึงค่อย ๆ ปลดออกทีละชิ้น เขาประคองกายคนตัวเล็กขึ้นนั่งประจันหน้า ฉงเสว่ปิงมิได้ขัด ต่างฝ่ายต่างปลดอาภรณ์ให้กันด้วยความเร่งร้อน พลางประกบปากบดจูบอย่างดูดดื่ม ความปรารถนาและความโหยหาถึงสามภพสามชาติกำลังถูกเติมเต็มอื้อ...กายกำยำและเรือนร่างบอบบางเปลือยเปล่า สองแขนเรียวโอบรอบคอของเขาเอาไว้ ริมฝีปากผละออกจากกันจนเกิดเป็นเส้นใยสีเงินยืดเยิ้ม ไต้ฮ่าวเฉินไม่รั้งรอให้ปากของตนว่างมากนัก เขาขบงับประทับรอยสีกุหลาบไล่ลงไปตามลำคอขาวผ่อง ลากลิ้นเลียละเลียดชิมจนถึงปทุมเนื้อนวล ปากร้อนครอบงับพลางระรัวลิ้นหยอกล้อตุ่มไต่สีชมพูระเรื่อ มืออีกด้านเคล้นคลึงยอดถันฝั่งที่ยังว่างด้วยความมัวเมาใบหน้างามแหงนเงยไปเบื้องหลัง เสียงใสครวญครางด้วยความเสียวกระสัน แม้ปากนางมักต่อว่าเขาไม่ได้เรื่อง แท้จริงแล้วลีลาของชินอ๋องดุเดือดแทบขาดใจต่างหาก สัมผัสที่นับว่าห่างหายไปนานหวนกลับมายังที่เดิม ความสยิวแล่นไปทั่วแผ่นหลังและท้องน้อยไต้ฮ่าวเฉินโถมกายดันร่างเล็กให

  • ย้อนรักสี่คราลวงชะตาเคียงท่าน   บทที่ 29 สุดแล้วแต่โชคชะตา (1/2)

    ร่างบอบบางพยายามยันกายลุกทว่าข้อมือทั้งสองด้านถูกฝ่ามือกว้างกดติดไว้กับฟูกนอนจนไม่อาจขยับ นางเหลือบมองใบหน้าแดงก่ำของบุรุษด้านบนก็พลอยรู้สึกใจหวิว จังหวะหายใจของเขาบ่งบอกว่าไม่สามารถควบคุมไฟปรารถนาที่ลุกโชติช่วงไว้ได้เสียแล้ว "เจ้าบอกจะลงโทษข้าไม่ใช่หรือ ไยเปลี่ยนใจง่ายนัก" เสียงทุ้มออดอ้อนระคนแหบห้าว "แต่ว่ายามนี้ท่านและข้ายัง..." ความร้อนผ่าวลุกลามจากสองแก้มไปยังใบหู ร่างสูงโน้มกระซิบ "เราเคยตั้งหลายครั้งแล้ว ยังอายอีกหรือ ถึงยามนี้ยังไม่เป็นต่อไปก็ต้องเป็น" เขาลดสายตามองแต้มพรหมจรรย์บริเวณซอกคอ จากนั้นจึงพรมจูบลงไปหนึ่งครา ฉงเสว่ปิงขนลุกซู่ พลางเบี่ยงหลบริมฝีปากร้อนชื้นที่ประทับลงมา "อื้อ...ท่านทำอันใดเพคะ แต่นั่นมันเรื่องของชาติก่อนผู้ใดจะนับ" "เจ้าเสียดายแต้มสีชาดนี่น่ะหรือ" ริมฝีปากบางเม้มสนิท อันที่จริงนางก็หาใช่พวกคร่ำครวญในพรหมจรรย์แต่อย่างใด เพราะถึงอย่างไรแม้จะกลับมาบริสุทธิ์ดังเดิม นางก็ยังคงจำสัมผัสของเขาได้มิเคยลืม"ก็...ข้าไม่รู้" ฉงเสว่ปิงแสร้งเฉไฉด้วยความขัดเขิน นางไม่อาจหนีใจตัวเอง กับความจริงที่ว่าตนกำลังร่ำร้องและปรารถนาในกายบุรุษเบื้องหน้าอย่างแรงกล้าเช่นกัน

  • ย้อนรักสี่คราลวงชะตาเคียงท่าน   บทที่ 28 พิสูจน์ (2/2)

    ฉงเสว่ปิงเบิกตากว้าง "ท่านอย่าบอกว่าท่านเองก็...""ข้าปลิดชีพตนเองตามเจ้า"ดั่งถูกคมมีดกรีดลึกลงกลางหัวใจ ความคับแค้นที่อัดอั้นถูกสะบั้นไม่เหลือชิ้นดี คำพูดของเขาประดุจรสขมของสุราพิษในครานั้น น้ำตาของนางไหลย้อมอาบลงข้างแก้มนวลไม่ทันรู้ตัว เสียงใสสั่นพร่า "ทะ...ท่าน ไยจึงโง่งมนัก เป็นถึงชินอ๋องทว่ากล้าปลิดชีพตนเองตามสตรีอย่างนั้นหรือ"ไต้ฮ่าวเฉินปาดน้ำตาที่ยังหลั่งรินไม่หยุดหย่อนด้วยความอ่อนโยน "ไม่ต้องร้อง เป็นข้าที่โง่จริง ๆ โง่ที่ทำกับเจ้าอย่างป่าเถื่อนดุร้าย ข้าทรมานสมความปรารถนาเจ้าถึงสามภพชาติแล้ว เจ้าพอใจหรือไม่ หากยังเจ้าอยากบั่นคอข้า ทะลวงหัวใจข้า เจ้าก็ทำเถิด"เขาจับมือเล็กแนบยังหน้าอกตน ฉงเสว่ปิงได้ยินเสียงหัวใจอีกฝ่ายเต้นกระหน่ำ นางทำได้เพียงจ้องมองเขาตาไม่กะพริบ ฉงเสว่ปิงไม่รู้ว่าตนควรเชื่อคำพูดหวานหูของเขาอีกหรือไม่ นั่นอาจเป็นเพียงกับดักเพื่อล่อหลอกให้นางตายใจอีกชาติหนึ่ง"ท่านกำลังวางหลุมพรางข้าหรือ คงมิใช่ว่าแอบล้วงความลับของข้ายามเมาใช่หรือไม่" ฉงเสว่ปิงหวาดระแวงไต้ฮ่าวเฉินยิ้มขัน "คงต้องขอบคุณความขี้เมาของเจ้า ทำให้ข้าได้สติขึ้นมา""นั่นปะไร" ฉงเสว่ปิงหน้างอ นางพยาย

  • ย้อนรักสี่คราลวงชะตาเคียงท่าน   บทที่ 28 พิสูจน์ (1/2)

    บรรยากาศยามราตรีแสนเย็นเยียบ ฉงเสว่ปิงยังคงนั่งเหม่อลอยไร้ทิศทาง ไต้ฮ่าวเฉินกุมมืออีกฝ่ายเอาไว้มั่น ภายในห้องบรรทมยามนี้สงบเงียบดั่งกระแสน้ำไร้ระลอกคลื่น เสียงทุ้มเอ่ยเบาหวิว "เสว่ปิงเช่นนั้นเจ้าพักผ่อนเถิด ไว้ข้าจะเร่งสะสางเรื่องนี้ให้เจ้าโดยเร็ว" ฉงเสว่ปิงผินหน้ามองเขา "ข้านอนไม่หลับ ข้ายังมีบางสิ่งที่คาใจ" "ได้ เจ้าคาใจเรื่องใดก็เอ่ยมาเถิด" ใบหน้าหล่อเหลาส่งยิ้มละไม ฉงเสว่ปิงหลุบตาลง มองฝ่ามือกว้างที่กุมมือของตนไว้อย่างเหนียวแน่น เดิมทีนางวิ่งหนีมืออบอุ่นคู่นี้ราวกับเขาเป็นภูตผีปีศาจ ยามนี้คนที่ตนหมายให้เป็นที่พึ่งพิงกลับตาลปัตรราวสัตว์ร้ายเหี้ยมโหด "ท่านเอ่อ...ชอบข้าหรือ" เสียงสั่นเครือกล่าวอ้อมแอ้ม "หืม..." เพราะอีกฝ่ายหลบตาของเขา ปลายนิ้วหยาบกร้านจึงช้อนปลายค้างขึ้น แม้ใบหน้านั้นเชิดตามการประคอง ทว่าดวงตาของนางยังคงหลุบต่ำ "เสว่ปิง มองหน้าข้า" ฉงเสว่ปิงลอบกลืนน้ำลายหนืดเหนียวลงคอ ดวงตากลมโตสบประสานกับนัยน์ตาคมกริบ ริมฝีปากได้รูปเผยรอยยิ้มจาง ๆ "ข้าไม่ได้ชอบเจ้า" ฉงเสว่ปิงใจเต้นระรัว เมื่อได้ยินคำตอบของเขา นางรีบเบือนหน้าหนีทันควัน เอ่ยละล่ำละลักระคนผิดหวัง "แล้วท่านช่วยเ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status