ค่ำคืนวันนั้น จวนเจ้ากรมพิธีการจัดงานเลี้ยงใหญ่เพื่อต้อนรับคณะทูตจากแคว้นเหนือเหล่าขุนนางและสตรีผู้สูงศักดิ์ต่างแต่งกายหรูหรา เสียงดนตรีและกลิ่นสุรารินไหลเคล้าบรรยากาศเซียวลี่อินก้าวเข้าสู่หอจัดงานเลี้ยงพร้อมกับจิ้งอ๋องที่เดินเคียงข้างเพียงแค่ปรากฏตัว ทั้งห้องโถงก็เหมือนเงียบลงไปชั่วขณะสายตานับไม่ถ้วนหันมามอง มีทั้งความตกตะลึงและเสียงซุบซิบแผ่วเบา“นั่นคุณหนูใหญ่สกุลเซียวไม่ใช่หรือ นางมาพร้อมกับท่านอ๋องเจ็ดเชียวหรือนั่น”“ท่าทีดูสง่างามนัก ต่างจากแต่ก่อนโดยสิ้นเชิงเลยนะ”“ก็นั่นน่ะสิ”เจินซูเม่ยและเซียวถิงฮวาที่นั่งอยู่เบื้องหน้า แววตาแทบลุกเป็นไฟการที่เซียวลี่อินเดินเข้าสู่หอจัดงานเลี้ยงพร้อมกับจิ้งอ๋องเช่นนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการตบหน้าสองแม่ลูกนั้นตรง ๆ ต่อหน้าผู้คนเซียวถิงฮวากัดฟันกระซิบ“ท่านแม่ นางจงใจ! นางจงใจเย้ยหยันข้า นางจงใจทำให้คนทั้งเมืองหลวงรู้ว่าท่านอ๋องอยู่ข้างนาง”เจินซูเม่ยกำผ้าเช็ดหน้าแน่น แต่ก็ยังฝืนยิ้มไว้จิ้งอ๋องกวาดสายตาไปทั่วห้องโถงก่อนเอ่ยเสียงทุ้มเรียบ“วันนี้ข้ามาเพื่อร่วมดื่มสักจอก มิได้มาเพื่อฟังเสียงซุบซิบนินทาของใคร”เพียงคำพูดเดียว เสียงพูดคุยทั้งห
ข่าวสมุนไพรปนเปื้อนที่ถูกจับได้กลางทางแพร่สะพัดราวกับไฟลามทุ่ง จากตลาดเข้าสู่วังหลวง จากวังสู่หูเหล่าขุนนาง และสุดท้ายก็ย้อนกลับมาถึงจวนสกุลเซียวภายในเวลาไม่กี่วันเรือนใหญ่ภายในจวนบัดนี้เต็มไปด้วยบ่าวไพร่ที่ซุบซิบนินทา“ว่าแต่ฮูหยินรอง...เป็นนางจริงหรือไม่ที่อยู่เบื้องหลัง”“ชู่ว์! ระวังปากหน่อย หากนางได้ยินเข้า พวกเราจะซวยเอา”แต่ยิ่งห้าม เสียงเล่าลือก็ยิ่งดังไปทั่วภายในห้องโถง เจินซูเม่ยสีหน้าซีดขาว มือสั่นจนถ้วยชาร่วงแตกกับพื้น เซียวถิงฮวารีบคุกเข่าข้างกาย“ท่านแม่ อย่าหวาดหวั่นไป! เราต้องหาทางพลิกสถานการณ์ มิฉะนั้นเรื่องนี้จะกลายเป็นหลักฐานชัดเจนมัดตัวเรา”เจินซูเม่ยกัดฟันกรอด“ข้าไม่ยอมแพ้แน่ ข้าจะไม่ยอมให้นังเด็กนั่นมาทำให้ชีวิตข้าพัง!”ในอีกฟากหนึ่ง ลี่อินนั่งจิบชาในเรือนเล็กอย่างสงบ รอยยิ้มบางผุดขึ้นบนใบหน้างาม ยิ่งนางดิ้น ข่าวลือก็จะยิ่งมัดรอบคอนางเองเสียงฝีเท้าหนักดังขึ้นจากนอกโถง เซียวเฟิงเฉินก้าวเข้ามา สีหน้าเคร่งเครียดผิดปกติ เขาได้รับฎีกาลับจากวังที่สอบถามเรื่องเกวียนสมุนไพรปนเปื้อน หากพิสูจน์ว่าเกี่ยวข้องกับจวนสกุลเซียว ชื่อเสียงและตำแหน่งเจ้ากรมคลังของเขาจะสั่นคลอนท
ข่าวการที่สมุนไพรปนเปื้อนถูกตรวจพบก่อนถูกส่งเข้าวังหลุดรอดไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว ชื่อของตระกูลเซียวถูกซุบซิบนินทาตามตลาด ร้านน้ำชา โรงเตี๊ยม และแม้แต่ในหมู่ขุนนางของราชสำนักภายในเรือนใหญ่ของจวนสกุลเซียว เจินซูเม่ยขว้างถ้วยชาจนแตกกระจาย“ผู้ใด! ผู้ใดมันกล้าใส่ร้ายข้าเช่นนี้!”เซียวถิงฮวารีบเข้ามาปลอบผู้เป็นมารดา“ท่านแม่ ใจเย็นก่อนเจ้าค่ะ หากเราร้อนรน ผู้คนก็จะยิ่งสงสัยนะเจ้าคะ”แต่แววตาของเซียวถิงฮวาเองก็กังวลไม่น้อย เพราะในใจนางเริ่มหวาดระแวงว่าผู้ที่ทำทั้งหมดนี้ อาจจะเป็นเซียวลี่อินขณะเดียวกัน เซียวลี่อินกำลังนั่งจิบชาเงียบ ๆ ในเรือนเล็ก ใบหน้าเรียบสงบ แต่ภายในเต็มไปด้วยเพลิงเย็นของความพึงพอใจนี่เป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น หลังจากนี้ยังจะมีอีกหลายก้าวที่เจินซูเม่ยไม่มีทางหนีรอด!จังหวะนั้นเอง จิ้งอ๋องก็ปรากฏตัวขึ้นโดยไม่ส่งข่าวล่วงหน้า เขาก้าวเข้ามาในห้องอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะทอดสายตามองนาง“ครั้งนี้เจ้าทำได้เด็ดขาดยิ่งนักจนแม้แต่ข้าเองก็เกือบไม่ทันตั้งตัว”ลี่อินยกยิ้มบาง “เพราะหม่อมฉันไม่อยากให้ศัตรูมีเวลาหายใจเพคะ หากศัตรูมีเวลาได้หายใจ ก็อาจจะไหวตัวทัน”เซียวลี่อินหันไปมองจิ้ง
เซียวลี่อินกลับถึงเรือนเล็กในยามสนธยา แสงตะวันย้อมผนังเรือนเป็นสีส้มหม่น แต่ในหัวใจนางกลับไม่อุ่นเลยสักนิดข่าวลือแผ่ว ๆ จากพวกบ่าวไพร่ทำให้นางหยุดฟังอย่างตั้งใจ“ว่าแต่คุณหนูใหญ่นี่นางช่างดวงแข็งนัก ถึงกลับมามีชีวิตอยู่ได้”“เงียบปากเสีย! หากฮูหยินรองได้ยินเข้าเจ้าจะถูกโบย”บ่าวสาวสองคนรีบก้มหน้าก้มตาเมื่อเห็นเซียวลี่อินเดินผ่าน นางเพียงปรายตาเย็นชามองเล็กน้อยแล้วเดินต่อไปเจินซูเม่ย เจ้ากำลังคิดจะทำสิ่งใดอีกกันไม่นาน เสี่ยวจู สาวใช้คนสนิทของลี่อินก็เข้ามารายงาน“คุณหนูเจ้าคะ ข้าได้ยินมาว่าฮูหยินรองเรียกพ่อบ้านไปหารืออย่างลับ ๆ ทั้งยังสั่งให้คนออกไปนอกเมืองตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างอีกด้วยเจ้าค่ะ”ลี่อินเลิกคิ้วเล็กน้อย“ไปนอกเมือง? ไปเพื่อติดต่อผู้ใดกัน”เสี่ยวจูส่ายหน้า“ข้าไม่อาจเข้าใกล้ได้ แต่จากที่ได้ยิน คราวนี้ดูเหมือนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายสมุนไพรบางชนิดเจ้าค่ะ”เซียวลี่อินนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนดวงตาจะวาวขึ้นสมุนไพร...ใช่แล้ว หากข้าจำไม่ผิด ในชาติก่อนมีคดีทุจริตส่งสมุนไพรปนเปื้อนเข้าวัง และหนึ่งในผู้เกี่ยวข้องก็คือเจินซูเม่ยริมฝีปากของนางยกยิ้มเย็น“ดี เสี่ยวจู เช่นนั้นเจ้าช่วยข้า
บ่ายวันนั้น เซียวลี่อินออกจากจวนสกุลเซียวเพื่อตรงไปยังตลาดใหญ่ นางตั้งใจจะไปหาซื้อสมุนไพรหายากเพื่อนำไปให้ท่านหมอเทวดาที่ช่วยรักษาผู้ป่วยยากไร้ ได้ยินมาว่าหากได้สมุนไพรนี้ไว้ จะมีค่าราวกับทองคำในยามจำเป็นผู้คนในตลาดคึกคัก เสียงตะโกนเรียกลูกค้าสลับกับกลิ่นอาหารหอมกรุ่นจากแผงลอย เซียวลี่อินก้าวเดินไปตามตรอกแคบด้วยท่าทีระวัง จนกระทั่งเสียงเกือกม้าดังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็วตึก ตึก ตึก!นางเงยหน้าขึ้นทันที เห็นขบวนทหารม้าสวมเกราะดำมุ่งตรงมาทางตรอก ผู้คนรีบหลบลี้กันจ้าละหวั่น แต่เพราะช่องทางแคบนัก ลี่อินจึงถูกเบียดจนเกือบล้มก่อนที่ร่างจะกระแทกพื้น มือใหญ่แข็งแรงกลับคว้าข้อมือนางไว้มั่น แรงดึงพานางให้ซบเข้าสู่อ้อมอกที่อบอุ่นและมั่นคง“เหตุใดถึงเดินอยู่ตรงนี้คนเดียว”เสียงทุ้มเย็นนั้นดังขึ้นชิดข้างหูเซียวลี่อินเงยหน้าขึ้น เห็นใบหน้าคมคายที่นางจำได้ดี เป็นเขา จิ้งอ๋อง หวังจิ้งเหยียนแววตาคมกริบของเขามองนางอย่างจับจ้อง จนหัวใจของนางเต้นสะดุดไปชั่วขณะ“หม่อมฉันมีธุระ”นางตอบสั้น ๆ พลางพยายามถอยห่าง แต่ฝ่ามือเขายังจับมั่นไม่ปล่อยหวังจิ้งเหยียนเหลือบตามองขบวนทหารที่เคลื่อนผ่านอย่างเร่งรีบ ก่อน
เช้าวันถัดมา แสงอรุณแรกยังไม่ทันแตะปลายฟ้า เสียงขับขานของนกก็แว่วก้องในเรือนบุปผา ที่นี่คือเรือนพักของเซียวถิงฮวา น้องสาวต่างมารดาผู้แสร้งเป็นดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ แต่ซ่อนหนามแหลมคมยิ่งกว่ากุหลาบป่าเอาไว้เบื้องหลังเซียวลี่อินก้าวเข้าสู่ลานของเรือนบุปผาพร้อมกับเสี่ยวจูสาวใช้คู่ใจ นางไม่ได้ตั้งใจจะมาเยี่ยม แต่คำสั่งของเจินซูเม่ยที่ให้เรียกนางมาพบ กลับเป็นโอกาสอันดีที่จะได้เห็นสีหน้าน้องสาวต่างมารดาอย่างเซียวถิงฮวาอีกครั้งเซียวถิงฮวานั่งอยู่กลางศาลาในชุดผ้าไหมสีชมพูอ่อนสลับขาว เสมือนบุปผาผลิบานในยามเช้า แต่รอยยิ้มที่ส่งมาให้กลับชวนให้ลี่อินนึกถึงงูพิษที่เลื้อยอยู่ใต้พงหญ้า“พี่หญิง ข้ามีของขวัญจะมอบให้ท่าน”เซียวถิงฮวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวานล้ำจนเกือบเลี่ยนลี่อินก้าวเข้าใกล้ พลางเลิกคิ้ว“ของขวัญหรือ? ของขวัญอันใดกัน? เป็นของขวัญที่อยากให้ข้า หรือว่าเป็นกับดักกันเล่า”เซียวถิงฮวาชะงักวูบ แต่ก็รีบยิ้มกลบเกลื่อน“พี่หญิง นี่ท่านพูดอะไร ข้าจะทำร้ายพี่หญิงได้อย่างไรกัน”ช่างน่าขันนัก! เซียวลี่อินหัวเราะในใจ ในชาติก่อน รอยยิ้มเช่นนี้เคยหลอกนางจนเสียท่า แต่ในชาตินี้ นางจะไม่มีวันยอมให้มันซ้ำรอย