"ไป๋ หลินฮวา..." หญิงสาวพึมพำชื่อที่ไม่คุ้นเคยนั้นซ้ำอีกครั้งในใจ ดวงตาคู่สวยสำรวจห้องโทรมๆ รอบกายอย่างละเอียด ทุกสิ่งทุกอย่างดูแปลกตาและไม่คุ้นชิน ราวกับเธอหลุดเข้ามาอยู่ในฉากละครโทรทัศน์ย้อนยุค
"แม่..." หลินฮวาตัดสินใจเรียกหญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นใจนัก "ว่าอย่างไรหรือเสี่ยวฮวา?" ผู้เป็นแม่รีบจับมือเธอด้วยความเป็นห่วง "เจ้ารู้สึกดีขึ้นบ้างหรือไม่?" "หนู... หนูจำอะไรไม่ค่อยได้เลยค่ะ" หลินฮวาลองหยั่งเชิงดู "ที่นี่... ที่ไหนคะ?" ผู้เป็นแม่มองหน้าเธอด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด "ที่นี่คือบ้านของเราอย่างไรเล่าเสี่ยวฮวา หมู่บ้านเล็กๆ ในแถบชานเมือง เจ้าคงจะยังตกใจกับอุบัติเหตุเมื่อวานสินะ" อุบัติเหตุ? ภาพรถยนต์พุ่งชนต้นไม้แวบเข้ามาในความคิดของหลิน เยว่ซี หรือว่า 'ไป๋ หลินฮวา' คนนี้ประสบอุบัติเหตุเช่นกัน? แล้วทำไมเธอถึงมาอยู่ในร่างนี้ได้? "เมื่อวาน... เกิดอะไรขึ้นกับหนูเหรอคะ?" หลินฮวาสอบถามต่อ "เฮ้อ... เมื่อวานเจ้าไปช่วยพ่อที่ตลาด ขากลับรถลากที่เจ้านั่งมาเกิดเสียหลักพลิกคว่ำ โชคดีที่ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่สลบไป" ผู้เป็นแม่เล่าด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย รถลาก? ตลาด? นี่มันไม่ใช่โลกของเธอเสียแล้ว หลิน เยว่ซีเริ่มตระหนักว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเหนือกว่าความเข้าใจใดๆ เธออาจจะไม่ได้แค่ความจำเสื่อม แต่เธออาจจะ... ย้อนเวลากลับมาจริงๆ "แล้ว... พ่อล่ะคะ?" หลินฮวาถามถึงบุคคลที่เพิ่งถูกกล่าวถึง "พ่อเจ้าออกไปทำงานแต่เช้าแล้วล่ะ ต้องหาเงินมาซื้อยาให้เจ้า" ยา? หลินฮวากวาดสายตามองรอบห้องอีกครั้ง ความยากจนข้นแค้นปรากฏชัดเจนในทุกรายละเอียด วันรุ่งขึ้น หลังจากที่พอจะขยับตัวได้บ้างแล้ว หลินฮวาก็พยายามทำความเข้าใจกับโลกใบใหม่นี้ เธอเรียนรู้ว่าปีนี้คือศักราชใดในยุคนี้ และเธออยู่ในร่างของ ไป๋ หลินฮวา ลูกสาวคนโตของครอบครัวชาวบ้านที่ยากจนข้นแค้น ด้วยทักษะการทำอาหารที่ติดตัวมาตั้งแต่ยุคปัจจุบัน หลินฮวาเริ่มสังเกตวัตถุดิบง่ายๆ ที่มีอยู่ในบ้าน เธอคิดถึงอาหารรสเลิศที่เคยปรุงแต่ง แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ การทำอาหารเพื่อประทังชีวิตดูจะเป็นสิ่งสำคัญกว่า "แม่คะ หนูพอจะช่วยทำอะไรได้บ้างไหมคะ?" หลินฮวาเอ่ยถามผู้เป็นแม่ที่กำลังนั่งเย็บผ้าอยู่ "เจ้ายังไม่หายดี พักผ่อนเถอะเสี่ยวฮวา" ผู้เป็นแม่ตอบด้วยความเป็นห่วง "แต่หนูรู้สึกดีขึ้นมากแล้วค่ะ หนูพอจะทำอาหารได้นะคะ" ผู้เป็นแม่มองหน้าลูกสาวอย่างลังเล ก่อนจะพยักหน้าอย่างจนใจ "ถ้าอย่างนั้น... เจ้าลองต้มโจ๊กให้พ่อกับแม่หน่อยก็แล้วกันนะ" หลินฮวาพยักหน้ารับ เธอเดินเข้าไปในครัวเล็กๆ ที่มีเตาถ่านและอุปกรณ์ทำครัวพื้นฐาน แม้จะแตกต่างจากครัวที่ทันสมัยของโรงแรมมาก แต่สัญชาตญาณของเชฟในตัวเธอก็เริ่มทำงาน เธอตั้งใจต้มโจ๊กอย่างพิถีพิถัน ใส่ผักดองที่มีอยู่ในไหเล็กน้อย โรยหน้าด้วยต้นหอมซอย กลิ่นหอมอ่อนๆ ของโจ๊กโชยมาเตะจมูก ทำให้บรรยากาศในบ้านดูอบอุ่นขึ้น เมื่อพ่อของหลินฮวากลับมาจากทำงานหนัก เขาก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นลูกสาวกำลังจัดสำรับอาหารเรียบง่ายแต่ดูน่าทาน "เสี่ยวฮวา เจ้าทำเองหรือนี่?" ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ "ค่ะพ่อ หนูอยากช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อกับแม่บ้าง" หลินฮวาตอบด้วยรอยยิ้มบางๆ รสชาติของโจ๊กธรรมดาๆ กลับอร่อยกว่าที่คิด มันเป็นรสชาติที่เรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความใส่ใจและความรักของคนในครอบครัว วันต่อมา หลินฮวาตัดสินใจที่จะหารายได้เลี้ยงครอบครัว เธอสำรวจรอบๆ หมู่บ้านและพบว่ายังไม่มีใครขายอาหารสำเร็จรูปมากนัก ด้วยความรู้เรื่องอาหารที่สั่งสมมา เธอจึงคิดที่จะทำอาหารง่ายๆ หาบเร่ขาย "แม่คะ หนูอยากจะลองทำ เจียนปิ่ง (煎饼 - Jiānbǐng - เครปจีน) ไปขายที่ตลาดน่ะค่ะ" หลินฮวาเอ่ยกับผู้เป็นแม่ ผู้เป็นแม่ตกใจ "เจ้าจะไปขายของหรือเสี่ยวฮวา? มันจะลำบากเกินไปนะ" "ไม่หรอกค่ะแม่ หนูทำอาหารเก่ง หนูมั่นใจว่าต้องขายได้" หลินฮวาพูดด้วยความมุ่งมั่น ในที่สุด ผู้เป็นแม่ก็ใจอ่อน ยอมให้หลินฮวาได้ลองทำตามที่ตั้งใจ เช้าวันต่อมา หลินฮวาหอบหิ้วตะกร้าสานใบใหญ่ ภายในบรรจุแป้งสำหรับทำเจียนปิ่ง ไข่ ต้นหอมซอย และไส้ต่างๆ ที่เธอเตรียมไว้ เดินทางไปยังตลาดเล็กๆ ในหมู่บ้าน เธอหาทำเลเหมาะๆ ก่อเตาเล็กๆ และตั้งกระทะแบน เริ่มลงมือทำเจียนปิ่งสดๆ ร้อนๆ กลิ่นหอมของแป้งที่ถูกทอดบนกระทะและไข่ที่สุกหอมกรุ่น ดึงดูดความสนใจของผู้คนที่เดินผ่านไปมา "นี่คืออะไรน่ะ? หอมมากเลย" ป้าข้างบ้านเอ่ยถามด้วยความสนใจ "เจียนปิ่ง ค่ะป้า ลองชิมดูไหมคะ?" หลินฮวายิ้มแย้ม ป้าข้างบ้านลองชิมไปคำหนึ่งก็ถึงกับตาโต "อร่อย! แป้งกรอบ ไส้ก็กลมกล่อม ไม่เคยกินอะไรแบบนี้มาก่อนเลย" ไม่นานนัก เจียนปิ่งของหลินฮวาก็เริ่มขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ผู้คนต่างติดใจในรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และไม่เหมือนใครของเธอ ในขณะที่หลินฮวากำลังยุ่งอยู่กับการขายของอยู่นั้นเอง สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนมองแผงของเธออยู่แต่ไกล ชายหนุ่มผู้นั้นมีรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าคมคาย ดวงตาดูมีเสน่ห์... เขาคือ มู่ หานเจิ้นหลังจากผ่านพ้นอุปสรรคและความเข้าใจผิดต่างๆ มู่ เฟยหลง และ ซินเยว่ ก็ยิ่งแน่ใจในความรู้สึกที่มีต่อกันมากขึ้น เฟยหลงชื่นชมในความเฉลียวฉลาด ความคิดที่ทันสมัย และจิตใจที่เข้มแข็งของซินเยว่ ส่วนซินเยว่ก็หลงรักในความอบอุ่น ความมีน้ำใจ และความซื่อตรงของเฟยหลงทั้งสองใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข เฟยหลงพาซินเยว่ไปชมความงามของไร่ชาในทุกฤดูกาล สอนเธอเกี่ยวกับพืชพรรณและวิถีชีวิตของผู้คนในยุคนี้ ซินเยว่เองก็เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับโลกอนาคต ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมที่เปลี่ยนแปลงไปให้เฟยหลงฟังอย่างสนุกสนานความแตกต่างของยุคสมัยกลับกลายเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดให้ทั้งสองเรียนรู้ซึ่งกันและกันมากยิ่งขึ้น เฟยหลงรู้สึกทึ่งในมุมมองที่แปลกใหม่ของซินเยว่ ในขณะที่ซินเยว่ก็ประทับใจในความงดงามและความเรียบง่ายของชีวิตในยุคนี้วันหนึ่ง ขณะที่ทั้งสองนั่งชมพระอาทิตย์ตกดินที่เนินเขามองเห็นไร่ชาทอดยาวสุดลูกหูลูกตา เฟยหลงก็จับมือซินเยว่อย่างอ่อนโยน"ซินเยว่ ตั้งแต่เจ้ามาอยู่ที่นี่ ชีวิตของข้าก็เปลี่ยนไป ข้ารู้สึกเหมือนโลกของข้ากว้างขึ้น และมีสีสันมากขึ้น" เฟยหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรักซินเยว่ย
ด้วยความโกรธเคือง มู่ เฟยหลง ตรงไปยังจวนตระกูลหลิวอีกครั้ง คราวนี้สีหน้าของเขาไม่ได้แสดงออกถึงความสุภาพเหมือนครั้งก่อน แต่กลับฉายแววเด็ดเดี่ยวและโกรธเกรี้ยวเมื่อไปถึง เฟยหลงไม่ได้แจ้งคนรับใช้ แต่เดินเข้าไปในจวนด้วยท่าทีเร่งรีบ ตรงไปยังเรือนของ หลิว ฮุ่ยหลิน ทันทีฮุ่ยหลินที่กำลังนั่งปักผ้าอย่างใจเย็น เมื่อเห็นเฟยหลงเข้ามาด้วยสีหน้าที่ถมึงทึงก็ตกใจจนเข็มหลุดจากมือ"คุณชายมู่... ท่านมาที่นี่ด้วยท่าทีเช่นนี้ มีเรื่องอะไรหรือคะ?" ฮุ่ยหลินแสร้งถามด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย"ฮุ่ยหลิน เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่!?" เฟยหลงตวาดเสียงดัง ทำให้ฮุ่ยหลินสะดุ้ง"ข้า... ข้าไม่เข้าใจว่าท่านหมายถึงอะไร" ฮุ่ยหลินพยายามทำเป็นไม่รู้เรื่อง"อย่าเสแสร้งเลย! ข้ารู้หมดแล้ว เรื่องผงสมุนไพรที่เจ้าซ่อนไว้ในครัว!" เฟยหลงกล่าวเสียงเข้ม ดวงตาจ้องมองฮุ่ยหลินอย่างไม่วางตาใบหน้าสวยของฮุ่ยหลินซีดเผือด เธอรู้ว่าความลับของเธอถูกเปิดเผยแล้ว"ท่าน... ท่านรู้ได้อย่างไร?" ฮุ่ยหลินถามเสียงแผ่ว"ท่านแม่ของข้าเป็นคนพบ! เจ้าคิดจะใช้ยาพิษนั่นทำร้ายใคร! ทำร้ายซินเยว่ใช่หรือไม่!?" เฟยหลงกล่าวด้วยความโกรธฮุ่ยหลินตัวสั่นเทิ้ม น้ำตาเริ่มคล
เมื่อแผนการสร้างความเข้าใจผิดทางวัฒนธรรมไม่เป็นผล หลิว ฮุ่ยหลิน ก็เริ่มคิดหาวิธีที่ร้ายแรงยิ่งขึ้น เธอตัดสินใจที่จะใช้ประโยชน์จากความไม่คุ้นเคยของ ซินเยว่ กับยุคสมัยนี้ในทางที่อันตรายฮุ่ยหลินแอบได้ยินซินเยว่พูดคุยกับ ไป๋ หลินฮวา เกี่ยวกับเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าในอนาคต ซึ่งสามารถรักษาโรคบางอย่างได้อย่างง่ายดาย ฮุ่ยหลินจึงเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นวันหนึ่ง ฮุ่ยหลินแสร้งทำเป็นหวังดี เข้ามาพูดคุยกับซินเยว่ด้วยท่าทีที่อ่อนโยนผิดปกติ"ซินเยว่ ข้าได้ยินว่าโลกของเจ้ามียาที่รักษาโรคได้สารพัดเลยใช่หรือไม่?" ฮุ่ยหลินถามด้วยน้ำเสียงที่ดูสนใจซินเยว่พยักหน้า "ค่ะ เทคโนโลยีทางการแพทย์ก้าวหน้ามาก มีหลายโรคที่รักษาได้ง่ายกว่าที่นี่มาก""จริงหรือ? น่าอัศจรรย์จริงๆ" ฮุ่ยหลินแสร้งทำเป็นทึ่ง "แล้ว... โรคที่ทำให้คนป่วยหนักๆ ล่ะคะ? อย่างเช่น... โรคที่ทำให้หมดสติไปนานๆ น่ะค่ะ"ซินเยว่มองฮุ่ยหลินด้วยความสงสัย "ก็มีวิธีรักษาค่ะ ขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการ"ฮุ่ยหลินเก็บข้อมูลนั้นไว้ในใจ และเริ่มวางแผนการร้ายที่อันตราย เธอคิดที่จะใส่ร้ายซินเยว่ว่ามียาพิษร้ายแรงจากอนาคต และพยายามจะใช้มันทำร้ายคนในตระกูลมู่
เมื่อแผนการใส่ร้ายด้วยคำพูดไม่สำเร็จ หลิว ฮุ่ยหลิน ก็เริ่มคิดหาวิธีที่แนบเนียนและร้ายกาจยิ่งกว่าเดิม เธอตัดสินใจที่จะใช้ความแตกต่างทางวัฒนธรรมและความไม่คุ้นเคยกับยุคสมัยของ ซินเยว่ มาเป็นเครื่องมือฮุ่ยหลินแอบสังเกตกิจวัตรประจำวันของซินเยว่ และพยายามหาโอกาสที่จะทำให้เธอตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอายหรือถูกเข้าใจผิดวันหนึ่ง ฮุ่ยหลินเห็นซินเยว่สนใจเครื่องดนตรีโบราณชิ้นหนึ่งในห้องโถงใหญ่ เธอจึงวางแผนที่จะใช้สิ่งนี้ต่อมา ฮุ่ยหลินแสร้งทำเป็นชวนซินเยว่ไปเดินเล่นในงานเทศกาลประจำหมู่บ้าน ที่นั่นมีการแสดงดนตรีพื้นเมืองและการละเล่นต่างๆ มากมาย"ซินเยว่ เจ้าเคยเห็นการแสดงแบบนี้หรือไม่?" ฮุ่ยหลินถามด้วยรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตรซินเยว่มองการแสดงด้วยความสนใจ "ไม่เคยค่ะ น่าตื่นตาตื่นใจมาก"ฮุ่ยหลินชี้ไปยังเวทีที่มีนักดนตรีกำลังบรรเลงเพลงด้วยเครื่องดนตรีโบราณชิ้นหนึ่งที่คล้ายกับที่อยู่ในห้องโถงใหญ่"นั่นคือ 'กู่ฉิน' เครื่องดนตรีที่มีประวัติยาวนาน หากเจ้าสนใจ ข้าจะสอนวิธีเล่นให้" ฮุ่ยหลินเสนอซินเยว่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นจึงตอบตกลงฮุ่ยหลินพาซินเยว่ไปที่กระท่อมเล็กๆ หลังเวที ซึ่งมีกู่ฉินวางอยู่ เธอเริ่ม
หลิว ฮุ่ยหลิน ใช้เวลาสังเกต มู่ เฟยหลง และ ซินเยว่ อย่างละเอียด จนกระทั่งเธอสังเกตเห็นความสนใจที่ซินเยว่มีต่อสิ่งประดิษฐ์และเรื่องราวเกี่ยวกับโลกอนาคตฮุ่ยหลินเริ่มวางแผนที่จะใช้ความแตกต่างทางยุคสมัยของซินเยว่มาเป็นเครื่องมือในการสร้างความเข้าใจผิด เธอตัดสินใจที่จะแสร้งทำเป็นสนใจในสิ่งที่ซินเยว่พูดถึง และบิดเบือนความหมายให้เฟยหลงเข้าใจผิดวันหนึ่ง ขณะที่เฟยหลงกำลังอธิบายเรื่องการทำชาแบบดั้งเดิมให้ซินเยว่ฟัง ฮุ่ยหลินก็เดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตร"โอ้โห! คุยเรื่องอะไรกันอยู่คะ น่าสนุกจัง" ฮุ่ยหลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวาน"พวกเรากำลังคุยกันเรื่องชาครับ" เฟยหลงตอบด้วยความสุภาพ"ซินเยว่เล่าเรื่องเทคโนโลยีที่ทันสมัยของยุคเธอให้ฉันฟังด้วยค่ะ น่าทึ่งมากเลย" ฮุ่ยหลินกล่าวเสริมพลางหันไปยิ้มให้ซินเยว่ซินเยว่รู้สึกแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของฮุ่ยหลิน แต่ก็ตอบกลับไปอย่างเป็นมิตร"ค่ะ ฉันเล่าเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าให้คุณฮุ่ยหลินฟัง""ใช่ค่ะ! รถยนต์ที่ไม่ต้องใช้น้ำมัน! สุดยอดไปเลย" ฮุ่ยหลินแสดงท่าทีตื่นเต้น ก่อนจะหันไปมองเฟยหลงด้วยสายตาที่แฝงความหมาย "แต่ก็น่าแปลกนะคะ ที่บางคนมาจากยุคที่เจริญก้าว
ด้วยความหนักใจ มู่ เฟยหลง เดินทางไปยังจวนของขุนนางหลิว บิดาของ หลิว ฮุ่ยหลิน เขาหวังว่าการพูดคุยกับผู้ใหญ่จะสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้เมื่อเฟยหลงแจ้งความประสงค์ที่จะพบ ท่านขุนนางหลิวก็ออกมาต้อนรับด้วยท่าทีสงสัย"คุณชายมู่ มาถึงจวนข้าแต่เช้า มีธุระอันใดหรือ?" ท่านขุนนางหลิวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ"ท่านพ่อตาหลิว ข้ามาเพื่อแจ้งให้ท่านทราบถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของคุณหนูฮุ่ยหลิน" เฟยหลงกล่าวตรงไปตรงมาท่านขุนนางหลิวขมวดคิ้วเล็กน้อย "เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?"เฟยหลงเล่าเรื่องที่ฮุ่ยหลินปล่อยข่าวลือใส่ร้าย ซินเยว่ และล่าสุดยังลงมือทำร้ายร่างกายเธอด้วยท่านขุนนางหลิวฟังด้วยสีหน้าที่เริ่มเปลี่ยนไป เมื่อเฟยหลงเล่าจบ เขาก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ"ข้าขออภัยแทนลูกสาวของข้าด้วยคุณชายมู่ นางอาจจะทำอะไรที่ไม่สมควรลงไปเพราะความหึงหวง" ท่านขุนนางหลิวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเสียใจ"ข้าหวังว่าท่านจะตักเตือนคุณหนูฮุ่ยหลินไม่ให้กระทำการเช่นนี้อีก ซินเยว่เป็นแขกของตระกูลข้า การกระทำของนางเป็นการไม่ให้เกียรติกัน" เฟยหลงกล่าวอย่างหนักแน่น"ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะพูดคุยกับฮุ่ยหลินอย่างจริงจัง และจะดูแลไม่ให้เ
ความโกรธและความแค้นที่ หลิว ฮุ่ยหลิน มีต่อ ซินเยว่ ไม่ได้ลดน้อยลงเลย ตรงกันข้าม มันกลับยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อรู้ว่า เฟยหลง ปกป้องซินเยว่อย่างออกหน้าออกตาฮุ่ยหลินเริ่มคิดหาวิธีที่ร้ายกาจกว่าการปล่อยข่าวลือ เธอต้องการที่จะกำจัดซินเยว่ออกไปจากชีวิตของเฟยหลงอย่างถาวรฮุ่ยหลินแอบสืบประวัติของซินเยว่อย่างละเอียด แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ ที่จะนำมาใช้ใส่ร้ายเธอได้ นั่นยิ่งทำให้ฮุ่ยหลินรู้สึกหงุดหงิด"หญิงคนนั้นมาจากไหนกันแน่ ทำไมถึงไม่มีใครรู้จักนางเลย?" ฮุ่ยหลินพึมพำกับตัวเองด้วยความสงสัยในที่สุด ฮุ่ยหลินก็ตัดสินใจที่จะใช้วิธีสกปรก เธอวางแผนที่จะทำให้ซินเยว่ต้องอับอายและถูกขับไล่ออกจากไร่ชาไปวันหนึ่ง ขณะที่ซินเยว่กำลังเดินเล่นอยู่ในสวน ฮุ่ยหลินก็แอบสะกดรอยตามเธอไปอย่างเงียบๆ เมื่อเห็นว่าซินเยว่อยู่คนเดียว ฮุ่ยหลินก็เดินเข้าไปหาด้วยรอยยิ้มที่เสแสร้ง"ซินเยว่ ข้ามีบางอย่างอยากจะคุยกับเจ้า" ฮุ่ยหลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นมิตรซินเยว่มองฮุ่ยหลินด้วยความระแวงเล็กน้อย แต่ก็ตอบกลับไปอย่างสุภาพ "มีอะไรหรือคะ?""ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่คนของที่นี่" ฮุ่ยหลินกล่าวตรงๆ ทำให้ซินเยว่ตกใจ"คุณหมายความว
ความริษยาในใจของ หลิว ฮุ่ยหลิน ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเห็น เฟยหลง ให้ความสนใจ ซินเยว่ มากขึ้น เธอรู้สึกเหมือนถูกแย่งชิงสิ่งที่ควรจะเป็นของตนเองฮุ่ยหลินเริ่มวางแผนอย่างรอบคอบ เธอเรียกคนสนิทมาปรึกษาหารือ"ข้าต้องการให้พวกเจ้าช่วยข้าจัดการกับหญิงแปลกหน้านั่น" ฮุ่ยหลินกระซิบเสียงต่ำ ดวงตาเต็มไปด้วยความอาฆาต"คุณหนูต้องการให้พวกเราทำอะไรหรือคะ?" คนสนิทถามด้วยความสงสัย"ข้าต้องการให้พวกเจ้าปล่อยข่าวลือที่ไม่ดีเกี่ยวกับนาง ทำให้คนในไร่ชาและชาวบ้านเข้าใจผิดว่านางเป็นคนไม่ดี" ฮุ่ยหลินสั่งคนสนิทรับคำสั่งและเริ่มกระจายข่าวลือต่างๆ เกี่ยวกับซินเยว่ พวกเขาใส่ร้ายว่าเธอเป็นคนมาจากแดนไกลที่มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ และพยายามเข้ามาปั่นป่วนชีวิตของเฟยหลงและตระกูลมู่ข่าวลือเริ่มแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว คนในไร่ชาเริ่มมองซินเยว่ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป บางคนก็เริ่มซุบซิบนินทาเธอซินเยว่รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป เธอสังเกตเห็นสายตาที่แปลกไปของผู้คน และได้ยินคำพูดที่ไม่เป็นมิตรบ้าง"เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าซินเยว่? เจ้าดูไม่สบายใจเลย" เฟยหลงถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นสีหน้าของเธอซินเยว่ถอนหายใจเบาๆ "
เฟยหลง มองสลับระหว่าง หลิว ฮุ่ยหลิน ที่แสดงท่าทีเป็นศัตรูอย่างชัดเจน และ ซินเยว่ ที่ยืนอยู่ข้างกายเขาด้วยสีหน้าอึดอัด เขารู้สึกไม่พอใจกับการกระทำที่ไร้มารยาทของฮุ่ยหลิน"ฮุ่ยหลิน" เฟยหลงเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ข้าขอเตือนเจ้าอีกครั้ง จงให้เกียรติซินเยว่ นางเป็นแขกของตระกูลมู่ หากเจ้ายังคงแสดงท่าทีเช่นนี้ ข้าคงต้องเชิญเจ้ากลับไป"คำพูดของเฟยหลงทำให้ฮุ่ยหลินชะงักไปเล็กน้อย เธอไม่คาดคิดว่าเขาจะปกป้องหญิงแปลกหน้าคนนี้อย่างออกหน้าออกตา"เฟยหลง! ท่านกำลังเข้าข้างนางหรือคะ?" ฮุ่ยหลินถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ"ข้าเพียงแค่ทำในสิ่งที่ถูกต้อง" เฟยหลงตอบอย่างหนักแน่นไป๋ หลินฮวา มองสถานการณ์ด้วยความกังวล เธอไม่อยากให้ลูกชายต้องมีปัญหากับครอบครัวที่มีอิทธิพลในท้องถิ่น"คุณหนูหลิวเจ้าคะ หากท่านไม่มีธุระอื่นแล้ว เชิญท่านพักผ่อนตามสบายเถิดเจ้าค่ะ" หลินฮวาเอ่ยแทรกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่ก็แฝงความเด็ดเดี่ยวฮุ่ยหลินจ้องมองหลินฮวาด้วยสายตาไม่พอใจ ก่อนจะหันกลับไปมองเฟยหลง"ดี! ในเมื่อท่านเลือกที่จะปกป้องนาง ข้าก็จะรอดูต่อไป ว่านางจะดีเลิศสมกับที่ท่านให้ความสำคัญนักหรือ!" ฮุ่ยหลินกล่าวด้วยน้ำเสียงประชดประชัน ก