แม่ทัพรั่วกับเหล่าทหารมาถึงหน้าจวนเจ้าเมืองที่ไฟกำลังไหม้อยู่ เขาเห็นเจียงอ่าวกับคนอื่น
ทว่ารั่วเฉินไม่เห็นฟู่หลินหลิน เขาถามเอาความกับเจียงอ่าว และทหารอีกสองคน
“นายหญิงไปไหน”
“ข้าไม่เห็นขอรับ”
“อ้าวนายหญิงหายไปจากที่นี่ตอนไหน” หันรีหันขวาง ทุกคนดูตกใจ ที่ฟู่หลินหลินหายไปจากบริเวณนั้น
“ช่วยกันตามหานางเร็ว” รั่วเฉินออกคำสั่ง ทุกคนพากันสอบถามว่าใครเห็นนางบ้าง
ทหารคนหนึ่งวิ่งมาหาแม่ทัพรั่ว “มีคนเห็นนายหญิงวิ่งไปทางนั้นขอรับ”
“รีบตามไป ฮึ... พวกเจ้านี่ละสายตาไปจากภรรยาของข้าได้อย่างไร ไป... หานางให้เจอ พวกเจ้าจำเอาไว้ หากว่าหาหลินหลินไม่เจอ กลับไป... ข้าจะลงโทษเจ้าให้หมด” แม่ทัพรั่วพูดด้วยโทสะ
เจียงอ่าวถึงกับเข่าอ่อนล้มพับลงตรงนั้น ดีว่ามีผู้หญิงอยู่ตรงนั้นหลายคนได้เข้ามาช่วยนาง
แม่ทัพรั่วออกวิ่งไปยังทิศทางที่ทหารบอกทันที มีทหารสี่ห้านายวิ่งตามเขามาด้วย
ส่วนฟู่หลินหลินที่ตั้งใจตามชายผู้นั้นไป เพราะนางมั่นใจว่าชายคนนั
ฟู่หลินหลินก้มตัวหลบหมัดที่พุ่งเข้าหา นางใช้ไม้ฟาดเข้าไปที่ข้อพับขาทั้งสองข้างของเขา จนโจรร้ายเสียหลักล้มลงหลังกระแทกกับพื้น คนผู้นั้นรีบลุกขึ้นมาตั้งท่ารับ แต่ด้วยความที่เขาเจ็บทั้งที่ขา และที่สะโพก เจ็บจนจุกจึงไม่สามารถที่จะยืดตัวตรงได้ฟู่หลินหลินเห็นเป็นโอกาสที่จะเอาชนะเขาได้ เพราะว่าตอนนี้มันกำลังอ่อนแอ นางจึงเป็นฝ่ายกระโดดพร้อมกับเงื้อไม้ฟาดกระหน่ำเขาแทนฟู่หลินหลินรัวฟาดไม้ใส่ลำตัวของเขาไม่ยั้ง จนเขาถอยร่นไปติดกำแพง แล้วนางก็ปล่อยไม้ตายสุดท้ายออกมา คือใช้หมัดข้างหนึ่งต่อยเสยเข้าที่ปลายคางของโจรผู้นั้น เลือดสีสด ๆ ไหลออกจากจมูกและปากของมันเป็นจำนวนมาก และไหลย้อยเป็นทางยาว แล้วเขาก็ร่วงลงไปกองกับพื้นอย่างน่าเวทนาพอดีกับที่ท่านแม่ทัพรั่วมาถึง เขาเห็นแผ่นหลังของฟู่หลินหลินกระเพื่อมอยู่ราวกับว่านางเพิ่งเหน็ดเหนื่อยจากการทำอะไรสักอย่างมาเขารีบวิ่งมาหานางด้วยความเป็นห่วงเป็นใย พร้อมกับทหารอีกสี่ห้านายที่วิ่งตามหลังท่านแม่ทัพมาติด ๆเมื่อมาถึง ก็เห็นนางยืนหอบอยู่ตรงหน้าร่างอันปวกเปียกของชายผู้หนึ่งที่ใบหน้าอาบไปด้วยเลือด และตามเนื้อตัวของมันก็มีรอ
หน้าบริเวณที่คุมขังนักโทษ ด้านหลังจวนว่าการซ่า... น้ำจากในถังสาดไปที่หน้าโจรวางเพลิงที่ถูกจับมา ในเวลานี้เขาถูกมัดไว้ติดกับเสาที่กลางลานเนื้อตัวของโจรผู้นั้นเปียกโชก น้ำเย็น ๆ ที่สาดเข้าหน้าเข้าตา เข้าปากและรูจมูก ทำให้มันลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ“เหตุใดเจ้าจึงต้องวางเพลิงที่จวนของท่านเจ้าเมือง ใครใช้เจ้ามา” แม่ทัพรั่วเปิดการสนทนาก่อนโจรผู้นั้นสะบัดหน้าไปมาเพื่อไล่หยาดน้ำให้พ้นไปจากใบหน้า เพราะมือไม้ของเขาถูกพันธนาการผู้ทำผิดเอาแต่จ้องหน้าของแม่ทัพรั่ว และไม่ยอมตอบคำถาม เพียงแต่ส่งสายตามองผู้ถามอย่างเคียดแค้น“ข้าถามเจ้า เจ้าหูหนวกหรือ จึงทำเป็นไม่ได้ยิน” แม่ทัพรั่วเริ่มโมโห น้ำเสียงของเขาแข็งกร้าวทีเดียว“หึ... ข้าไม่บอกเจ้าหรอก”“เจ้าไม่รู้หรือไงว่าข้าเป็นใคร ระวังเถอะจะไม่มีโอกาสได้พูดอีก”“เจ้าคือแม่ทัพรั่วล่ะสินะ” โจรร้ายพูดแบบไม่เกรงใจในยศถาบรรดาศักดิ์ของรั่วเฉิน จนเขาได้ลุกจากเก้าอี้ แล้วเดินมาที่ตัวของโจรวางเพลิงท่านแม่ทัพใช้
กองทัพของทัพแคว้นฉู่นำโดยแม่ทัพหวงจือเฟยเดินทัพอย่างเร่งรีบ ระยะทางห้าสิบลี้ อย่างไรก็น่าจะไปถึงก่อนรุ่งสาง เขาอยากจะโจมตีเมืองหลูตงในขณะที่ยังไม่มีแสงสว่าง เพราะถ้าหากพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว จะทำให้อีกฝ่ายตั้งตัวได้แม่ทัพหวงเป็นศัตรูคู่อาฆาตของแม่ทัพรั่วมาตั้งแต่ไหนแต่ไร พวกเขาออกรบเจอกันก็หลายครั้ง แต่ทว่าทุกครั้งแม่ทัพรั่วก็จะเอาชนะไปได้ตลอด หวงจือเฟยจึงผูกใจเจ็บเรื่องนี้เป็นอย่างมากและเมื่อวันนี้หากมีโอกาสในการแก้แค้น เขาถึงกับลั่นวาจาว่า จะเหยียบแม่ทัพรั่วให้จมอยู่ภายใต้บาทาของตนเองให้ได้ ถ้าไม่ได้เป็นอย่างที่เขาได้กล่าวเอาไว้ เขาจะไม่กลับไปสู้หน้าท่านอ๋องเจียงกวงที่เมืองตานหยางอีก“พวกเจ้าเร่งเดินเข้า เราต้องรีบไปถึงก่อนเช้ามืด” แม่ทัพหวงออกคำสั่งเหล่าทหารแคว้นฉู่จากเดิมที่เดินก้าวเท้าฉับ ๆ เร็วอยู่แล้วก็เปลี่ยนเป็นวิ่งเหยาะในทันทีที่เมืองหยูตง ณ เวลานี้ได้มีการรวบรวมทหารได้ครบแล้ว แต่ทว่ากำลังทหารที่มีเพียงห้าพันนายนั้น จะเอาอะไรไปสู้กับข้าศึกที่มีถึงหนึ่งหมื่นนายให้ชนะได
“เอาเถอะอย่าไปเกรงกลัวอะไร ข้ามีแผนการดี ๆ อยู่แล้ว ประการแรกพวกเราต้องทำลายขวัญกำลังใจของทหารฉู่เสียก่อน” แม่ทัพรั่วพูดขึ้น“อย่างไรหรือขอรับ” หวังหว่านถามอยู่ ๆ ก็มีเสียงสตรีดังขึ้นมาจากหน้าห้อง“ข้ามีวิธี” ฟู่หลินหลินก้าวเข้ามาในห้อง“ไม่ใช่เรื่องของเจ้านะหลินหลิน” แม่ทัพรั่วปรามฟู่หลินหลินในชาติภพที่แล้ว นางเป็นคนที่ชอบอ่านและศึกษาวิชาความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ อย่างเช่นตำราพิชัยสงครามของซุนวู นางก็อ่านมาแล้วอีกทั้งนางยังเป็นคนที่ฉลาด มีไหวพริบ ดังนั้นเรื่องที่จะเอาความรู้จากตำราพิชัยสงครามมาใช้นั้น หาได้ยากสำหรับนางไม่“ฟังข้าก่อนสิท่านพี่” สีหน้าของฟู่หลินหลิน“เจ้ามีวิธีอะไร เจ้าจงว่ามา” แม่ทัพรั่วไม่อยากจะหักหน้านาง และวันนี้นางก็ได้แสดงความสามารถที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน จัดการกับทหารของแคว้นฉู่ลงได้ ทั้งที่ทหารคนนั้นตัวใหญ่กว่านางหลายเท่า โดยที่ร่างกายของนางไม่มีบาดแผลฟู่หลินหลินยืดตั
ไม่ทันตั้งตัวทหารแคว้นฉู่หนีตายกันชุลมุนวุ่นวาย และอลหม่าน เสียทั้งขวัญและกำลังใจ แล้วยังธนูไฟที่ถูกยิงมาจากกำแพงเมืองอีกแม่ทัพรั่วที่อยู่บนหลังม้า เขาตะเบ็งห้อขับขี่ม้าตัวใหญ่มุ่งตรงไปยังตำแหน่งที่แม่ทัพหวงอยู่ ทั้งสองพุ่งเข้าโรมรันกัน แม่ทัพรั่วมีฝีมือของเขามากกว่าแม่ทัพหวง ฝีมือฉกาจกว่าแม่ทัพรั่วต่อสู้ด้วยทวน ด้านหนึ่งเป็นมีดดาบ อีกด้านเป็นปลายทวน ในจังหวะที่แสงตะวันสาดเข้าตาของแม่ทัพหวง เพราะแม่ทัพรั่วต้อนม้าของแม่ทัพหวงให้หันหน้าไป พอแม่ทัพหวงลืมตาหมายจะกวัดแกว่งดาบของตัวเองจัดการกับแม่ทัพรั่วรั่วเฉินก็ได้ตวัดปลายทวน โดยหันด้านปลายมีดที่คมตัดฉับศีรษะแม่ทัพหวงลงมาได้ภาพศีรษะของแม่ทัพหวงที่ขาดสะบั้นจากร่างกายของเขา แล้วหล่นร่วงลงไปยังพื้นดินเบื้องล่าง“ไชโย ไชโย”“แม่ทัพรั่วเฉินได้ตัดหัวของแม่ทัพหวงจือเฟยได้แล้ว กองทัพฉินของเราได้รับชัยชนะ”ฝ่ายทหารแคว้นฉู่ถึงกับวางอาวุธลง แล้วทรุดนั่งลงไปกับพื้นดินเพื่อศิโรราบเสียงโห่ร้องของทหารในกองทัพของรั่วเฉิน กองทหารของเมืองหยูตง และประชาชนที่ออกมาช่วยสู้รบ
“พร้อม อื้อ ท่านพี่รั่วอย่าทรมานข้าอีกเลยเจ้าค่ะ”ท่านแม่ทัพจับร่างฟู่หลินหลินให้หันหลังให้ แล้วกดให้นางโก้งโค้ง จากนั้นเขาก็เอาท่อนบุรุษเข้าประชิดกดลงไปในร่องสาวที่มีน้ำหวานเชื่อมหยาดเยิ้มฟู่หลินหลินทำได้แต่เพียงหยัดสะโพก และผ่อนลมหายใจ “อึก อ้า... ท่านพี่... ซี้ด...” ฟู่หลินหลินขยับอ้าปากเปล่งเสียงทรมานแบบสุข ๆ ออกมาเขากระแทกท่อนทวนอันใหญ่เข้าไปในร่องสาวให้ร่องน้อย ๆ นั้นกลืนทวนเนื้อเข้าไปใหม่ ต่อมารั่วเฉินก็เริ่มชักลำแกร่งเข้าออก ๆ เขาเองก็สูดปากด้วยความเสียวสยิวลำแข็งใหญ่ครูดไปกับร่องคับแคบที่แอมอิ่มกินท่อนรักของเขา ทั้งบีบ ทั้งอัด และตอดขมิบ“โอ้... ซี้ด... ดูดแรง” ท่านแม่ทัพแทบแตกพ่าย สวรรค์เกือบล่มปากอ่าวเสียแล้ว“กระแทกเถอะท่านพี่ ข้า อ้า...”จากนั้นแม่ทัพรั่วก็จัดให้ตามคำร้องขอ ฟู่หลินหลินได้แต่เพียงส่งเสียงครางครวญ และแอ่นสะโพกเข้าหาแท่งแกร่งของสามี“อื้อ อ๊า... ซี้ด... อะ อะ อะ...” นางส่ายหัวสะบัดศีรษะไปมา รับรู้ได้ถึงการกระแทกชนผนังภายในที่อ่อนนุ่ม
ฟู่หลินหลินมีใบหน้าออกสีแดง และรีบเดินเร็วนำหน้าเจียงอ่าวไป“เขินอะไรเล่าเจ้าคะ ข้าพูดเรื่องจริง ข้าอยากเลี้ยงท่านแม่ทัพตัวน้อย ๆ แล้ว”“หยุดล้อข้าได้แล้วน่า” เดินขาแทบขวิด“เจียงอ่าวถึงห้องแล้ว ข้าจะอาบน้ำนะ”“ได้เจ้าค่ะ ข้าจะระดมคนมาทำให้นายหญิงอย่างรวดเร็ว”การเดินทางกลับเป็นระยะเวลาสิบวันนั้น นางไม่ได้ทำความสะอาดร่างกายเลย นอกจากล้างหน้าล้างตาเท่านั้นเมื่อก่อนอยู่เซี่ยงไฮ้อาบน้ำกันค่อนข้างบ่อย ไม่เหมือนกับคนในสมัยนี้ ตอนแรกนางก็ไม่เข้าใจว่า พวกเขาอยู่กันได้อย่างไร ไม่อึดอัด หรือว่ารู้สึกเหม็นกลิ่นกายของตนเองบ้างเลยหรือ แต่เมื่อนางต้องทำเช่นนั้นบ้างก็เลยเข้าใจ ต่อให้อึดอัดเพียงใด เหม็นเพียงใดก็ต้องทนวันต่อมา มีรถม้ามาจอดที่หน้าประตูจวน ฟู่หลินหลินประหลาดใจเล็กน้อย แต่นางก็เพียงแค่คิดว่า น่าจะเป็นคนของทางการที่มาพบสามี หรือไม่ก็เป็นแขกของท่านแม่ก็เป็นได้อีกทั้งเพราะว่าแม่ทัพรั่วเองได้เดินทางไปรบที่เมืองหลูตงตั้งเดือนกว่า ก็น่าจะมีงานให้ต
“อะแฮ่ม... ท่านแม่” รั่วเฉินกระแอมกระไอ“อะไรหรือ”“เรื่องแต่งงานใหม่เพิ่ม... อ่า...”“ทำไม” ท่านแม่ถามเสียงดัง“ภรรยาของข้า ฮ่องเต้เป็นผู้ประทานให้ หากจะแต่งงานหาภรรยาอีกหลายคน ต้องได้รับราชโองการจากฮ่องเต้อีกขอรับ” ที่แม่ทัพรั่วตอบออกไปอย่างนั้น เพราะเขาอ่านใจท่านแม่ออก“เรื่องขออนุญาตจากฮ่องเต้หรือ แม่จะให้พ่อเจ้าจัดการเอง ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”“ท่านแม่ขอรับ ลูกไม่ได้อยากให้มีปัญหา”“ปัญหาอะไรอีกเล่า”“มีภรรยาหลายคนปวดหัวนี่ขอรับ อีกอย่างดูอย่างท่านแม่ ท่านยังไม่ยอมให้ท่านพ่อมีบ้านเล็กบ้านน้อย ใครก็พูดกันว่าท่านพ่อรักท่านแม่มากน่ะขอรับ จนไม่คิดจะมีหญิงอื่นอีก”ท่านแม่เผลอยิ้ม แต่ประเดี๋ยวเดียวก็ทำหน้าบูดบึ้งจ้าวอวี้เจินกลับตีความหมายทุกอย่าง เหมือนว่าเขาจะไม่อยากแต่งงานกับตนเอง เพราะที่รั่วฮูหยินเอ่ยเรื่องนี้ ก็เพราะอยากได้จ้าวอวี้เจินมาเป็นสะใภ้อีกคน“ข้าอยากจะเป็นหญิงหนึ่งเ
แต่ว่ามันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น แม่ทัพรั่วมีความทรหดอดทนมากกว่าที่เขาคาดคิดไว้ แทนที่เขาจะถูกพิษแล้วล้มลงไปกลับกลายเป็นว่าเขาไม่ได้แสดงท่าทีว่าเจ็บปวดอะไรเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังควบม้าพุ่งใส่เขาได้อีก หรือว่าธนูอาบยาพิษของเขาจะเกิดการผิดพลาดเสียงทวนกระทบกับดาบดังสะท้อนไปทั่วป่า ทั้งแม่ทัพรั่วและซื่อเล่อต่างก็โจมตีโรมรันกันไม่หยุดซื่อเล่อถึงแม้จะฝีมือด้อยกว่า ประสบการณ์น้อยกว่า แต่ทว่าเจอกับแม่ทัพรั่วที่มีลูกธนูปักอยู่ที่ไหล่ ก็เรียกได้ว่าไม่ทิ้งห่างกันมาก พวกทหารของซื่อเล่อพยายามยิงธนูเข้าใส่แม่ทัพรั่ว แต่ก็ทำไม่ได้ เนื่องจากกลัวว่าจะพลาดไปโดนแม่ทัพของตัวเอง อย่างไรแล้วพญาอินทรีก็ยังคงเป็นพญาอินทรี ซื่อเล่อถึงแม้จะเป็นยอดฝีมือของชนเผ่าเร่ร่อน แต่เมื่อเจอกับแม่ทัพรั่ว ก็ยังคงเป็นเพียงนกอินทรีตัวผู้ที่บังอาจผยองอยากเป็นพญาอินทรีเท่านั้นซื่อเล่อถูกทวนของแม่ทัพรั่วแทงเข้าที่ท้องจนได้รับบาดเจ็บ แต่ว่าด้วยความว่องไวของเขา ทำให้หลบหนีไปได้ หลังจากนั้นเขาก็สั่งให้ถอยทัพกลับไป
เสียงเคาะดาบกับโล่ดังเป็นจังหวะ และเสียงกระทุ้งทวนกับพื้นก็ดังตามมา รองแม่ทัพฝ่ายตรงข้ามสั่งให้เข้าบุกโจมตี พวกมันวิ่งเข้ามาในวงล้อมของค่ายกลแปดทิศ ราวกับว่าไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น และใช้ดาบฟันทุกอย่างที่ขวางหน้า ทหารทั้งสองฝ่ายโรมรันพันตูกันเสียงกระทบกันของดาบและทวนดังไปทั่วทั้งเนินหวงหยางแม่ทัพรั่วกำลังใช้สายตามองหาซื่อเล่อ แต่ว่าหาอย่างไรก็หาไม่พบ ตามกฎของสงครามแล้วสงครามจะจบลงก็ต่อเมื่อ ประการที่หนึ่งแม่ทัพของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตาย หรือไม่สามารถสู้ต่อไปได้แล้วประการที่สอง ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมแพ้ แล้วถอนทัพไป ดังนั้นแม่ทัพรั่วจึงต้องหาแม่ทัพของฝ่ายศัตรูให้พบ แล้วกำจัดเขาเสียฝีมือการสู้รบของชนเผ่าเร่ร่อน ถึงแม้ว่าจะไม่มีแบบแผนก็จริง แต่ว่าพวกเขาสู้รบได้ดุเดือด ยิ่งจนตอนนี้สามารถทำลายค่ายกลแปดทิศจนแตกแล้ว ทหารของแม่ทัพรั่วจึงได้เปลี่ยนไปใช้รูปแบบการตั้งรับแบบอื่นแทนแม่ทัพรั่วตัดสินใจขี่ม้าออกไปกลางความชุลมุนวุ่นวายนั่นแล้วตามหาตัวซื่อเล่อ ยิ่งหาตัวเขายากเท่าไร ก็ยิ่งมีโทสะมากขึ้นเท่านั้นที่จวนในวันนี้
รั่วฮูหยินยังเช็ดน้ำตาให้กับฟู่หลินหลินอีกด้วย“ห้ามร้องไห้เด็ดขาดเลยนะ เดี๋ยวลูกของเจ้าออกมาจะนั่งหงิกหน้างอ”“เจ้าค่ะ” บรรยากาศในจวนแห่งนี้เปลี่ยนไปในทันที ความสุขอบอวลไปทั่ว สีหน้าของทุกคนแช่มชื่น ที่ได้ข่าวการมาเยือนของหลานตัวน้อยที่อยู่ในท้องของภรรยาท่านแม่ทัพ“ท่านแม่อย่าบอกเรื่องนี้กับท่านพี่นะเจ้าคะ”“ทำไมรึ”“ถ้ากลัวว่าท่านพี่จะเป็นห่วงเป็นใย”“ถูกของเจ้า จะให้มาพะวงเรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด แต่แม่จะต้องไปบอกท่านพ่อก่อน เขาจะต้องดีใจมาก”“แล้วแต่ท่านแม่”“ได้หรือยังน่ะของกินร้อน ๆ” รั่วฮูหยินหันไปถาม เพราะดูเหมือนจะนานไปแล้ว“มาแล้วเจ้าค่ะ ซุปไก่ร้อน ๆ ใส่สมุนไพรบำรุงด้วยเจ้าค่ะ”“เจ้าเอายาไปต้มให้กับฮูหยินน้อยด้วยหรือยัง” ท่านหันไปถามเจียงอ่าว“เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวเสร็จแล้วคนในครัวจะยกมาให้”“ถ้าอย่างนั้นเจ้ากินน้ำ
“อร่อย! เจียงอ่าวเจ้าว่าอร่อยหรือไม่” ฟู่หลินหลินหันไปถามเจียงอ่าว ที่กำลังเคี้ยวขนมอยู่ยังไม่ทันได้กลืน ก็ตอบด้วยเสียงอู้อี้กลับมาว่า“อร่อยเจ้าค่ะ”ฟู่หลินหลินจึงได้ซื้อขนมถั่วตัดนี้มาห้าถุง หนึ่งถุงสำหรับส่งให้แม่ทัพรั่ว หนึ่งถุงสำหรับนางกับเจียงอ่าว อีกหนึ่งถุงให้ท่านแม่ และอีกสองถุงไว้ให้บ่าวไพร่ในเรือนแบ่งกันกิน พอกลับถึงจวน ฟู่หลินหลินก็ให้ทุกคนมาช่วยกันจัดสิ่งของที่ซื้อมาใส่จวน จวนแม่ทัพรั่วตอนนี้ได้สลัดกลิ่นอายของความเก่าทึมทึบออกไปแล้ว เมื่อมีเครื่องเรือนใหม่เข้ามาทำให้ดูสดใสขึ้นอักโขแต่ว่าฟู่หลินหลินก็ไม่ได้สั่งให้คนยกเครื่องเรือนเก่าออกไปเนื่องจากไม่อยากมีเรื่องกับแม่สามี จึงทำเพียงแต่เติมของใหม่เข้าไปเท่านั้นเมื่อกลับมาถึงที่ห้องนอนของนางแล้ว รั่วฮูหยินก็สั่งให้คนมาตามนางไปหา ฟู่หลินหลินจึงขัดไม่ได้ แม้จะแสนเพลีย แต่ก็ต้องไปหารั่วฮูหยินที่จวนของท่านทว่าเมื่อไปถึงแล้ว ไม่ได้มีแต่รั่วฮูหยินเพียงคนเดียว ยังมีแม่นางจ้าวนั่งอยู่ข้างกา
กองทัพออกเดินทางกันมาได้หลายวันแล้ว ตลอดระยะเวลาสองวันนี้ ทุกคนแทบจะไม่ได้พักเลย เนื่องจากจะต้องไปให้ถึงเมืองซุยโจว ก่อนที่ทัพของข้าศึกจะมาประชิดเมือง จะหยุดพักกันก็แค่ในตอนรับประทานอาหารเช้ากับเย็นเท่านั้นการนอนพักผ่อนก็จะพักให้หายเหนื่อยเพียงแค่สองถึงสามชั่วยาม นอกจากกายจะไม่ได้พักแล้ว ใจก็ไม่ได้พักเช่นกันตั้งแต่แม่ทัพรั่วออกมาจากจวน เขาก็เฝ้าคิดถึงแต่ฟู่หลินหลินภรรยาของตนพอ ๆ กับคิดถึงเรื่องสงครามที่อยู่ข้างหน้า การศึกครั้งนี้เขาตั้งใจไว้ว่าจะทำให้รวบรัดและทำการศึกให้ใช้เวลาน้อยที่สุด เพื่อจะได้กลับไปหาภรรยาสุดที่รักของเขาพวกเขาพักค้างแรมกันที่ชายป่าก่อนถึงเมืองซุยโจว จากตรงนี้ไปใช้เวลาเดินเท้าอีกแค่ไม่เกินสองวัน ก็จะถึงเขตเมืองซุยโจวดังนั้นแม่ทัพรั่วจึงสั่งให้ทหารตั้งกระโจมพักผ่อนกันแบบยาว ๆ สักหน่อย เพื่อที่จะได้เก็บแรงเอาไว้ต้านศึก“พวกเราตั้งค่ายพักแรมกันตรงนี้เถิด” แม่ทัพรั่วสั่ง“เหลือระยะทางอีกไม่ไกลแล้ว พักผ่อนกันให้เต็มที่ พวกเจ้าจะต้องนอนเอาแรง” เขาหันหน้าไปทางหวังหว่าน
เขากลับบ้านมาด้วยความเร่งรีบเพื่อที่เตรียมเอาเฉพาะของที่จำเป็นไปด้วยฟู่หลินหลินรอเขาอยู่ที่ห้อง เมื่อเห็นเขากลับมาในช่วงกลางวันก็รู้สึกแปลกใจ เพราะว่าปกติแล้วเวลาที่เขาเข้าวังไปประชุมข้อราชการ กว่าจะกลับมาก็ค่ำมืดทุกครั้ง“ท่านพี่มีเรื่องเร่งด่วนอันใดหรือ” ฟู่หลินหลินถาม“ข้าต้องไปออกรบ และต้องไปเดี๋ยวนี้” แม่ทัพรั่วตอบ“เหตุใดจึงได้กะทันหันเช่นนี้เล่า” ฟู่หลินหลินเอียงคอเล็กน้อย สีหน้าของนางมีแต่ความกังวลใจ ใครอยากให้สามีของตนไปผจญกับคมดาบและศึกสงคราม แต่นี่คือหน้าที่“ตอนนี้ยังไม่มีเวลาที่จะอธิบาย เจ้าช่วยไปเก็บเสื้อผ้าของข้าให้หน่อย แล้วก็สิ่งของต่าง ๆ ที่จำเป็นด้วย ข้าต้องรีบเปลี่ยนชุด” แม่ทัพรั่วกล่าวในขณะที่แม่ทัพรั่วกำลังถอดชุดเข้าเฝ้าออก แล้วเปลี่ยนเป็นเครื่องแบบทหารนั้น ฟู่หลินหลินก็เรียกเจียงอ่าว และคนรับใช้อื่น ๆ ให้ทยอยเก็บข้าวของให้เขาเมื่อเก็บของเสร็จแล้ว ฟู่หลินหลินก็เรียกให้บ่าวไพร่มาขนหีบไปขึ้นรถม้า แม่ทัพรั่วแต่งตัวเสร็จ เขากำลังจะเดินออกไป เขาหันไปพ
“ทำไมท่านพูดอย่างนี้ ท่านไม่ไว้ใจข้าเหรอ ข้ามิได้…” ฟู่หลินหลินพูดไม่ทันจบ เขาก็กระโจนเข้าใส่แล้ว กิริยาอาการที่เถื่อนดิบท่านแม่ทัพจัดการถอดเสื้อผ้าของหญิงสาวออกมาจนหมด จนฟู่หลินหลินเปลือยกายล่อนจ้อน แม้นางจะขัดขืนเพราะไม่ชอบความกักขฬะของสามีในตอนนี้แต่ด้วยไฟอารมณ์ที่ฉุนเฉียวโกรธเกรี้ยว ไม่พอใจที่เห็นภรรยาของตนอยู่กับชายอื่น ใบหน้าน้อย ๆ ของนางถูกท่านแม่ทัพจับเอาไว้ให้อยู่นิ่ง ๆ เขาก็ประทับจูบลงมาอย่างบดขยี้ จนฟู่หลินหลินเจ็บริมฝีปากไปหมด“อื้อ… ไม่นะเจ้าคะท่านพี่ ท่านอย่ารุนแรงกับข้า”แต่เพราะว่าสุราที่ร่ำในงานนั้นมีสมุนไพรบางอย่างที่คลับเคลื่อนอารมณ์กายกำหนัดของชายชาตรีให้ปะทุขึ้นท่อนบุรุษของท่านแม่ทัพแข็งขืนขึ้นมาจนตึง เขาเจ็บแกนกายของตัวเองอย่างมาก สิ่งเดียวที่ปรารถนาในตอนนี้ ก็คือการผนึกแน่นเป็นร่างเดียวกับฟู่หลินหลินเขาจับขาของภรรยาพร้อมกับดึงมาให้สะโพกมนอยู่ที่ขอบเตียง จากนั้นก็จับจรดแกนแกร่งเข้าไปในช่องทางอ่อนนุ่มของฟู่หลินหลิน เขากดแรงจนท่อนลำกระทุ้งฝังเข้าไปในร่องสาวอย่างรวดเร็วนางไ
“ที่นี่ไม่เหมาะที่อิสตรีจะมาเดินเที่ยวคนเดียว” เขาเอ่ยเหมือนตำหนิ“ขอประทานอภัยเจ้าค่ะ คือข้าน้อยไม่รู้ว่าที่นี่เป็นเขตหวงห้าม”“เจ้ามิได้อยู่ในวังนี้ดอกหรือ”“เปล่าเจ้าค่ะ ข้าน้อยมากับสามีของข้า”“หื้อ สามีของเจ้าหรือ คือผู้ใด”“ท่านแม่ทัพรั่ว”“อ้อ ท่านรั่วเฉิน”“ท่านรู้จักสามีของข้าด้วยหรือเจ้าคะ”“ไม่เพียงแต่รู้จักเขา เจ้าก็คือเชลย”คำว่าเชลยสะกิดใจนัก แต่ฟู่หลินหลินก็ยังฝืนยิ้ม“ตอนนี้ข้าถือว่าเป็นคนในครอบครัวของแม่ทัพรั่วแล้ว คำว่าเชลย มักใช้กับผู้ที่เป็นศัตรูกันเท่านั้น”“จริงดังเจ้าว่า อ่า… ขอโทษนะ ถ้าหากข้าพูดอะไรทำให้เจ้ารู้สึกไม่พอใจ”“หามิได้เจ้าค่ะ” ฟู่หลินหลินรู้แล้วว่าไม่ควรจะอยู่ที่แห่งนี้นานมากไป จึงได้เอ่ย“ข้าขอตัวก่อน” นางกำลังจะหันหลัง ไม่อยากจะคุยกับบัณฑิตท่านนี้ต่อแล้ว ไม่พอใจนิด ๆ ที่เขาดูถูกตนเอง&ldqu
ประโยคนี้ทำให้จ้าวอวี้เจินผงะ ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งจะมีฟู่หลินหลินนี่แหละที่กล้าต่อปากต่อคำกับนาง จนตอนนี้ถึงกับทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะคิดคำพูดใดมาตอบโต้ดี“ถ้าแม่นางจ้าวไม่ได้มีอะไรมากกว่านี้ ข้าก็ขอตัว แต่อยากจะเตือนอย่างหนึ่ง แม้ข้าจะอายุน้อยกว่าท่าน แต่อะไรที่ทำแล้วเสื่อมเกียรติ หรือด้อยคุณค่าในตัวเองข้าจะไม่ทำอย่างเด็ดขาด“อีกอย่างถ้าสิ่งที่คิดทำไม่ได้สมดั่งมุ่งหวัง ความผิดหวังจักมากตามมา” เหมือนทิ้งความไม่พอใจเอาไว้ให้กับจ้าวอวี้เจิน“ข้าก็ขอตัว” ฟู่หลินหลินไม่จำเป็นต้องเสแสร้ง นางก้มโน้มศีรษะ พร้อมกับเดินจากมาฟู่หลินหลินพูดไปทั้งที่ก็หวั่น ๆ แต่ถ้าเป็นตัวของนางเอง หากว่ามีคนมาตอกย้ำและเตือนแบบนี้ จะล่าถอยทันที แม้จะรู้สึกเสียหน้าบ้างก็ตามเถอะสำหรับฟู่หลินหลินแล้ว หากไม่ได้เป็นที่หนึ่งในใจของสามีของตน ก็ไม่ต้องมีสามีจะดีกว่า แม่นางจ้าวที่เพียบพร้อมทุกอย่าง นางจะหาคนที่คู่ควรกับนางได้เอง หากเปิดใจยอมรับเขาผู้นั้น และเวลาอย่างนี้ แม่นางจ้าวก็สมควรจะล่าถอยไปได้แล้วผู้ที่ถูกตอกหน้าถึงกับเจ็บแค้น กำหมัดในมือแน่น