“ทำความสะอาดอย่างนั้นหรือ ข้าไม่ทำหรอก เจียงอ่าว พวกเรามีเงินหรือไม่” ฟู่หลินหลินถาม
เจียงอ่าวเหลียวหน้าเหลียวหลัง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นแล้วก็กระซิบกระซาบตอบนายหญิงของตน
“มีเจ้าค่ะ ท่านเจ้าเมืองให้มาสองพันกว่าตำลึง”
“แล้วตอนนี้อยู่ที่ใดฮึ?” ฟู่หลินหลินเบิ่งตาโต
เจียงอ่าวนิ่วหน้าอย่างเสียมิได้ มือทั้งสองยกขึ้นมาบอกปัด “ไม่ได้นะเจ้าคะนายหญิง ท่านเจ้าเมืองให้เอาไว้เพื่อให้นายหญิงใช้ยามฉุกเฉินเท่านั้นเจ้าค่ะ จะเอาออกมาใช้ในเรื่องมิใช่เรื่องไม่ได้”
ฟู่หลินหลินทำหน้าตาบูดบึ้ง
“ทำไมจะไม่ได้ฮึ?” ทำหน้าตาไม่พอใจอยู่
“ไม่ได้ก็ไม่ได้สิเจ้าคะ เอาเหตุผลอันใดในตอนนี้ ไม่ ไม่...” เจียงอ่าวส่ายหน้า และไม่ยอมมองหน้าของเจ้านายอีกเลย
“เฮ้อ...” ฟู่หลินหลินลอบถอนหายใจ จะทำอะไรก็ไม่ได้มากนัก ไม่เหมือนตอนอยู่กับท่านแม่
‘ช่างก่อน พักเอาไว้ก่อน’ เริ่มครุ่นคิดอย่างอื่น
ในที่สุดก็ตัดใจจากเงินก้อนนั้น ในเมื่อท่านพ่อมอบไว้ให้ใช้ยามฉุกเฉิน
“แล้วถ้าท่านพี่ทายผิด”“อือ… ข้าจะลาออกจากราชการ และไปอยู่กับเจ้าที่นอกเมืองหลวง ไปอยู่ในชนบทดีไหม”“จริงหรือเจ้าคะ” หน้าตาของฟู่หลินหลินยินดีมาก นางรีบลุกขึ้น แล้ววิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทันที เพราะนางเปรยเรื่องนี้มาหลายครั้ง เพราะไม่อยากเห็นสามีตายในสนามรบ สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง“ลูกขอให้เป็นไปดั่งคำทายของข้า ให้ท่านพี่ทายผิด เราจะได้ไปอยู่นอกเมืองอย่างสงบเจ้าค่ะ”“ทำไมล่ะ เจ้าถึงต้องการมากถึงเพียงนี้”“ท่านพี่ ท่านน่ะไม่รู้ใจของข้าหรอก ตอนที่ท่านออกรบ ข้านอนไม่ได้ กินไม่ได้ เพราะเป็นห่วงท่าน ถ้าจะให้ดีเราไปเป็นเกษตรกรดีกว่า”แม่ทัพรั่วถึงกับหัวเราะเสียงใส“ข้าจะเก็บเอาไว้พิจารณานะ”แต่แล้วพอถึงวันคลอด ฟู่หลินหลินคลอดลูกสาว ทำให้แม่ทัพรั่วต้องทำงานรับใช้ราชสำนักต่อไป และเริ่มไว้หนวดเครา เพราะว่ารักลูกสาวตัวน้อยอย่างกับไข่ในหินและทั้งสองได้ตั้งชื่อลูกสาวว่า “ลูหลู้”ฟู่หลินหลิ
นางเพียงก้าวออกมาจากห้องเรื่อย ๆ แม้ลมที่พัดมาจะวูบพัดพาความเย็นมามากเพียงใด ทว่าใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยเหงื่อที่แตกพลั่ก ๆแล้วขาที่อ่อนแรงก็ทำให้นางลื่นล้มและไถลไปกับพื้น ก้นและหลังกระแทกเข้ากับก้อนหินก้อนใหญ่ที่วางประดับอยู่ใกล้ ๆ ตรงนั้น“โอ๊ย!” เสียงร้องอย่างตกใจ และร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้น ฟู่หลินหลินที่กำลังเดินมา เพื่อจะมาหารั่วฮูหยิน“ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านอยู่ที่ไหน”“ข้าอยู่นี่ ช่วยด้วย ช่วยด้วย” พยายามเปล่งเสียงออกมาให้ดังที่สุดฟู่หลินหลินเดินตามเสียง จนพบว่าแม่สามีกำลังนอนอยู่กับพื้นร้องโอดโอย นางจึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยทันที“ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านเป็นอะไรหรือไม่” ฟู่หลินหลินรีบยกหัวของท่านขึ้นมา“โอ๊ย!”“ข้าถูกวางยา”“ใครกันทำท่านแม่”ยังไม่ได้คำตอบ รั่วฮูหยินหมดสติไปแล้วฟู่หลินหลินวางท่านลง แล้ววิ่งไปตามบ่าวไพร่ และให้คนไปตามหมอลมที่พัดแรงอากาศรอบตัวดูเวิ้งว้าง ฟู่หลินหลินใจหา
“ก็มีความจริงอยู่นิดหนึ่งนั่นแหละ แต่ตอนนี้ข้าไม่เหมือนเดิมแล้ว”“แน่นอนอยู่แล้วหลินหลิน ก็เจ้ากำลังจะเป็นแม่คนแล้วนี่นา”“ข้าตื่นเต้นจริง ๆ เจ้าค่ะ”“พี่หาหมอที่ดีที่สุดมาทำคลอดให้เจ้าแล้ว เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงไปยิ่งใกล้คลอดข้าจะให้แม่หมอมาอยู่กับเจ้าเลย”แค่นี้ฟู่หลินหลินก็อบอุ่นในหัวใจแล้วแม่ทัพรั่วจึงพานางไปจับจ่ายซื้อของในตลาด พอได้ กินขนม และชมการละเล่นต่าง ๆ จนนางพอใจ ก็ชวนกลับ“หลินหลิน เจ้าลองคิดดูสิว่าเจ้าได้ลืมสิ่งใดไปหรือไม่” แม่ทัพรั่วเอ่ยถามในขณะที่พานางออกมาชมดอกบัวที่สระว่ายน้ำใหญ่น่าจวน“ข้าลืมอะไรไปหรือเจ้าคะ”ฟู่หลินหลินมองเขาอย่างประหลาดใจ พยายามนึกเท่าไรก็นึกไม่ออกว่าตนเองลืมอะไรนางก็นึกไม่ออกแม่ทัพรั่วใช้มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในแขนเสื้อแล้วหยิบพู่ห้อยเอวที่ทำจากไม้อันหนึ่งออกมา“เจ้าจำสิ่งนี้ได้หรือไม่” “นี่คือพู่ห้อยเอวที่ข้าคล้องห่วงได้วัน
แม้ฟู่หลินหลินจะมีความรู้ด้านการถอนพิษติดตัวมาจากชาติที่แล้วบ้าง แต่ในเมื่อฮ่องเต้ส่งหมอที่เก่งที่สุดมาถึงแล้ว จำต้องหลีกทาง“เจียงอ่าวเจ้าพานายหญิงออกไปที่ห้องรับรองเถอะ” นางจึงพาฟู่หลินหลินออกมาที่ห้องรับรอง และบังคับให้นอน“นายหญิงท่านต้องพักผ่อน เพื่อนายน้อยของเจียงอ่าวที่อยู่ในท้องนี้ด้วยนะเจ้าคะ แล้วนายหญิงไม่ต้องเป็นห่วงท่านแม่ทัพแล้ว เพราะอยู่ในมือของหมอหลวง มาทั้งสองคน และมีเครื่องมือและยาถอนพิษมาพร้อมสรรพ ท่านแม่ทัพจะหายในเร็ววันนี้เจ้าค่ะ”“อื้อ” ฟู่หลินหลินเอนตัวลงนอนอย่างเหนื่อยล้า และได้แต่ภาวนาให้หมอหลวงรักษาหมอท่านจะต้องหาทางช่วยชีวิตของเขาให้ได้ ตอนนี้ทุกคนทำได้แต่เพียงรอความหวังจากการรักษาของหมอหลวงเท่านั้น จากที่จับชีพจรของแม่ทัพรั่วดู และทดสอบเล็กน้อย หมอหลวงก็สามารถตอบได้ทันที“ท่านแม่ทัพถูกพิษของเจิ้นตู๋ เป็นพิษที่ได้มาจากนกเจิ้นเหนี่ยว”“ถ้าอย่างนั้นไม่น่าจะยาก” ว่าแล้วท่านหมอหลวงก็สั่งให้ผู้ช่วยของเขาหยิบนอแรดที่อยู่ในล่วมยาออกมาทำการฝนสองสามทีแล้วเทผงที่ได้
ด้านนอกจวน คนดูแลรถม้าใช้เวลาเตรียมตัวไม่ถึงหนึ่งชั่วยามขบวนรถม้าที่มีเพียงฟู่หลินหลิน เจียงอ่าว แล้วก็องครักษ์อีกสองนาย ก็ออกเดินทางมุ่งสู่เมืองซุยโจวถึงแม้ว่าการนำองครักษ์ไปเพียงแค่ไม่กี่นายนั้นออกจะเสี่ยงมากเกินไปหน่อยแต่ทว่าฟู่หลินหลินไม่อยากให้การเดินทางล่าช้าไปกว่านี้อีกแล้วในใจนางอยากจะไปให้ถึงเมืองซุยโจวในวันนี้พรุ่งนี้เสียด้วยซ้ำไปจนกระทั่ง…กำแพงเมืองซุยโจวตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ฟู่หลินหลินมองไปก็รู้สึกว่ากำแพงเมืองนี้ช่างขัดขวางหัวใจของนางยิ่งนัก ใจจริงแล้วอยากที่จะเดินทะลุฝ่ากำแพงเมืองไปเพื่อเจอสามีของตนเองให้เร็ว ๆ การรออยู่ที่ด่านตรวจตรงประตูเมืองเพียงชั่วเวลาแค่ครึ่งก้านธูปนั้น ก็ยาวนานราวกับว่าเป็นเวลาร่วมสิบวัน “เจ้าช่วยไปบอกให้พวกเขาปล่อยให้พวกเราเข้าไปก่อนได้หรือไม่ บอกเขาไปว่านี่เป็นรถม้าของภรรยาท่านแม่ทัพ” เจียงอ่าวกระซิบบอกองครักษ์ที่ยืนอยู่ด้านข้างองครักษ์ผู้นั้นยิ้มตอบอย่างลำบา
แต่ว่ามันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น แม่ทัพรั่วมีความทรหดอดทนมากกว่าที่เขาคาดคิดไว้ แทนที่เขาจะถูกพิษแล้วล้มลงไปกลับกลายเป็นว่าเขาไม่ได้แสดงท่าทีว่าเจ็บปวดอะไรเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังควบม้าพุ่งใส่เขาได้อีก หรือว่าธนูอาบยาพิษของเขาจะเกิดการผิดพลาดเสียงทวนกระทบกับดาบดังสะท้อนไปทั่วป่า ทั้งแม่ทัพรั่วและซื่อเล่อต่างก็โจมตีโรมรันกันไม่หยุดซื่อเล่อถึงแม้จะฝีมือด้อยกว่า ประสบการณ์น้อยกว่า แต่ทว่าเจอกับแม่ทัพรั่วที่มีลูกธนูปักอยู่ที่ไหล่ ก็เรียกได้ว่าไม่ทิ้งห่างกันมาก พวกทหารของซื่อเล่อพยายามยิงธนูเข้าใส่แม่ทัพรั่ว แต่ก็ทำไม่ได้ เนื่องจากกลัวว่าจะพลาดไปโดนแม่ทัพของตัวเอง อย่างไรแล้วพญาอินทรีก็ยังคงเป็นพญาอินทรี ซื่อเล่อถึงแม้จะเป็นยอดฝีมือของชนเผ่าเร่ร่อน แต่เมื่อเจอกับแม่ทัพรั่ว ก็ยังคงเป็นเพียงนกอินทรีตัวผู้ที่บังอาจผยองอยากเป็นพญาอินทรีเท่านั้นซื่อเล่อถูกทวนของแม่ทัพรั่วแทงเข้าที่ท้องจนได้รับบาดเจ็บ แต่ว่าด้วยความว่องไวของเขา ทำให้หลบหนีไปได้ หลังจากนั้นเขาก็สั่งให้ถอยทัพกลับไป