อาจารย์เผยเดินนำเด็กทั้งสามคนไปยังร้านหนังสือขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้กับสนามสอบในปีนี้ ตอนนี้เหลือเวลาอีกกว่าครึ่งเดือนจะถึงวันเข้าสอบ คนในมณฑลจึงยังไม่มากนัก
“ที่นั่นคือที่ที่พวกเจ้าจะต้องเข้าไปสอบเป็นเวลาสามวัน พวกเจ้าอย่าลืมเตรียมอาหาร ผ้าห่ม เสื้อผ้า เอาไว้สับเปลี่ยนด้วยเล่า”
“ขอรับอาจารย์” หลินฉิงเฉิงกับหลินฉิงหยางรีบรับคำ พวกเขามองเมืองใหญ่อย่างตื่นตาตื่นใจไม่น้อย เกิดมาพวกเขาก็เพิ่งเคยเห็นเมืองใหญ่ขนาดนี้เป็นครั้งแรก
หลินฉิงอันไม่ได้ตื่นเต้นเท่าน้อง ๆ นางเคยอยู่ในภพชาติที่มีแต่ตึกรามบ้านช่องและรถติดกันเป็นแถว ๆ จึงไม่ได้สนใจเมืองมณฑลแห่งนี้มากนัก
“ท่านอาจารย์เจ้าคะ ข้าต้องรบกวนท่านช่วยเลือกตำราดี ๆ ให้น้อง ๆ สักหลายเล่มหน่อยนะเจ้าคะ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาเจ้าค่ะ”
“ได้สิ พวกเจ้าโชคดีนะที่ครอบครัวสนับสนุนการเรียนของพวกเจ้าได้มากขนาดนี้”
“ใช่แล้วข
ไม่นานนักจ้าวหลงก็กลับเข้ามาพร้อมอ่างล้างหน้าและผ้าสะอาดผืนหนึ่ง เขาเริ่มเช็ดหน้าให้ชายชราก่อนที่จะเช็ดไปตามลำคอและแขนของเขาเหิงอันโหวที่สลบไปเริ่มรู้สึกตัวจากผ้าเย็น ๆ ที่กำลังลูบไล้ไปตามแขนของเขาอยู่ สักพักเขาก็ได้สตินึกได้ว่ากำลังหนีศัตรูอยู่จึงสะดุ้งลุกขึ้นมาผลักจ้าวหลงออกไปอย่างแรง ด้วยพลังปราณอันสูงส่ง จ้าวหลงถึงกับกระเด็นไปชนกำแพงจนแทบจะทะลุออกนอกห้องว้าย!!!ตุ้บ!!อั่ก!จ้าวหลงที่พลังปราณน้อยกว่าถึงกับกระอักเลือดออกมา หลินอ้ายร้องตกใจเสียงดัง หลินฉางหยูเองก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออก เขาไม่คิดมาก่อนว่าเฒ่าชราคนนี้จะมีเรี่ยวแรงมากมายเช่นนี้ ส่วนหลินฉิงอันก็ได้แต่เอามือก่ายหน้าผากอย่างเหนื่อยใจ“เฮ้อ ท่านปู่หยุดมือก่อนเจ้าค่ะ เป็นพวกข้าที่ช่วยท่านเข้ามานอนพักที่นี่”“อะไรนะ! พวกเจ้าช่วยข้าไว้หรือ?”“ใช่เจ้าค่ะ ท่า
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ใหญ่ พวกข้ากลับมาแล้วขอรับ” หลินฉิงเฉิงกับหลินฉิงหยางเดินเร็ว ๆ เข้ามาพร้อมตำราในมือ แต่พอพวกเขาเห็นเหิงอันโหวที่มองพวกเขาตาเขม็งพร้อมกับลูบเคราเบา ๆ อย่างผู้มีอำนาจบางอย่าง ทั้งสองก็รีบยืนนิ่งก่อนจะคำนับเขาอย่างนอบน้อมตามมารยาท“ขออภัยท่านผู้อาวุโสขอรับ พวกเราไม่ทราบว่าที่บ้านมีแขก”“พวกเจ้ามานั่งลงก่อน พี่ใหญ่จะแนะนำให้รู้จักกับอาจารย์คนใหม่ของพวกเจ้า”“หืม… อาจารย์อะไรหรือขอรับพี่ใหญ่” หลินฉิงเฉิงถามอย่างฉงนใจ“ผู้อาวุโสท่านนี้ชื่อผู้เฒ่าเหว่ย พี่ใหญ่เห็นพวกเจ้าฝึกฝนวรยุทธ์ท่าทางเดิมมานานหลังจากที่พี่ชายเหิงจากไป พอดีกับที่ท่านปู่มีฝีมือด้านวรยุทธ์ยอดเยี่ยม พี่ใหญ่จึงได้ขอร้องให้ท่านช่วยสอนวรยุทธ์พวกเจ้าอย่างไรเล่า”“อา… เป็นเช่นนั้นเอง คารวะท่านอาจารย์ปู่ขอรับ”หลินฉิงเฉิงกับหลินฉิงหยางรีบล
หลังออกจากร้านขายเครื่องประดับ ทั้งสามคนยังคงเดินเล่นต่อจนถึงร้านผ้า หลินอ้ายชวนพวกเขาเข้าไปเลือกผ้าเพื่อตัดชุดให้ทุกคนในบ้าน พวกเขาเลือกผ้ากันไม่นานนักก็ได้ผ้ามาหลายพับ หลินฉางหยูรับผิดชอบถือของพวกนี้อย่างมีความสุข เขาชอบที่เห็นฮูหยินนั่งเย็บเสื้อผ้าให้ตนเองและลูก ๆ นานมากแล้วที่นางไม่ได้อยู่แบบสุขสบายเช่นนี้เมื่อถึงตอนเที่ยง หลินอ้ายชวนสามีกับลูกสาวเข้าไปนั่งกินอาหารในโรงเตี๊ยมขนาดกลางแห่งหนึ่ง พวกเขาลองชิมอาหารที่นี่ก็พบว่ารสชาติอร่อยไม่น้อย หลินฉิงอันจึงสั่งใส่กล่องเพื่อนำกลับไปให้น้องชายกับคนอื่น ๆ ในจวนหลังทานกันเสร็จแล้ว หลินอ้ายจ่ายค่าอาหารทั้งหมดไปสามสิบตำลึง นับว่าเป็นค่าอาหารที่มากที่สุดที่นางเคยจ่ายมาเลยทีเดียว ระหว่างทางกลับจวน หลินฉิงอันพบร้านขายตำราขนาดเล็กจึงชวนพ่อกับแม่แวะเข้าไป นางเลือกซื้อกระดาษและพู่กันสำหรับวาดภาพในเวลาว่าง นางไม่ได้เลือกชุดหมึกและพู่กันราคาแพงมากเพราะรู้ดีว่าของพวกนี้นางไม่ค่อยได้ใช้สักเท่าไหร่ หลินอ้ายเห็นว่าลูกสาวอยากวาดภาพจึงสั่งกระดาษเพิ่มให้นางอีกไม่น้อย นางจ่ายค
เมื่อครอบครัวหลินกลับมาถึงจวน พวกเขาปล่อยให้หลินฉิงเฉิงกับหลินฉิงหยางเข้าไปนอนพักผ่อนให้สบายหลังจากกินอาหารบนรถม้าเสร็จ เหิงอันโหวได้รับคำยืนยันจากเด็ก ๆ ก่อนไปพักผ่อนว่าพวกเขาทำข้อสอบได้เป็นอย่างดีก็รู้สึกโล่งใจที่ความพยายามของเขาไม่เสียเปล่ามื้อเย็นวันนี้เด็กชายทั้งสองยังคงนอนพักผ่อนอยู่ คนอื่น ๆ จึงไม่มีใครไปรบกวนพวกเขา อย่างไรพรุ่งนี้เด็ก ๆ ก็คงตื่นขึ้นมาเองหลังจากพักผ่อนเพียงพอแล้ว หลินฉิงอันยังกล่าวระหว่างมื้อเย็นถึงกำหนดการเดินทางกลับอำเภอไห่ตงให้เหิงอันโหวทราบด้วย“อ่า… คนของข้ายังตามหาข้าไม่พบเลย แล้วข้าจะทำอย่างไรดีเล่า?”“ถ้าท่านปู่ไม่รังเกียจ ท่านไปพักกับเราที่ไห่ตงได้นะเจ้าคะ เพียงแต่ที่นั่นเป็นเพียงหมู่บ้านเล็ก ๆ ข้ากลัวว่าท่านปู่จะไม่ได้อยู่ในจวนใหญ่ ๆ เช่นนี้”“เพ้ย! ข้ามีหรือจะรังเกียจอันใด แค่พวกเจ้ามีน้ำใจดูแลข้ามาตลอด ข้าก็เกรงใจมากแล้ว ข้าแค่กลัวพวกเจ้าจะรังเกียจข้าต่างหากเล่า”
บ้านหลินกลับถึงจวนแล้วต่างคนต่างแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง หลินอ้ายกับหลินฉิงอันช่วยกันทำอาหารเพื่อเลี้ยงฉลองให้หลินฉิงเฉิงและหลินฉิงหยาง เด็กทั้งสองวิ่งไปที่จวนอาจารย์เพื่อบอกข่าวดีและเชิญมาร่วมฉลองด้วย หลินฉางหยูไปบอกข่าวดีกับเหิงอันโหวพร้อมกับเชิญมาร่วมทานอาหารในตอนเที่ยงอาจารย์เผยกับอาจารย์คนอื่น ๆ พอรู้ว่าลูกศิษย์ที่อายุน้อยที่สุดของโรงเรียนสอบผ่านด้วยอันดับที่สูงที่สุดเท่าที่โรงเรียนเคยส่งศิษย์เข้าสอบก็ดีใจมาก พวกเขาให้คนขับรถม้าพาศิษย์คนอื่นไปดูผลการสอบทันที จากที่คิดจะให้ออกไปสายกว่านี้หน่อย“อาจารย์ดีใจกับพวกเจ้าด้วย มื้อเที่ยงพวกเจ้าก็ฉลองกันในครอบครัวเถอะ อาจารย์ต้องรอผลสอบของพี่ ๆ พวกเจ้าทั้งหมดเสียก่อนน่ะ”“ตกลงขอรับอาจารย์ ถ้าท่านมีสิ่งใดจะเรียกใช้ ท่านบอกพวกข้าได้นะขอรับ”“อืม… ตกลง พวกเจ้าอย่าลืมไปรับใบรับรองที่ศาลาว่าการเมืองด้วยเล่า”“ขอรับอาจารย์ พรุ่งนี
หลินฉิงเฉิงกับหลินฉางหยูจำต้องลงจากรถม้าไปเข้าร่วมกับรุ่นพี่ที่สอบผ่านตามธรรมเนียม เพราะเมืองไห่ตงเป็นเมืองเล็ก ๆ เจ้าเมืองจึงจัดให้มีการฉลองเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเชิดชูบัณฑิตของเมืองที่สอบผ่านได้เป็นจวี่เหรินขบวนรถม้าบ้านหลินเดินทางไปยังจวนในอำเภอเพื่อนำของฝากไปให้กับบ่าวทั้งสี่คน ก่อนที่จะนำของฝากอีกส่วนหนึ่งไปให้กับหวังไห่และคนอื่น ๆ ที่ร้านค้าต่อ วันนี้ลูกค้าก็ยังคงมีจำนวนมากเหมือนเช่นทุกครั้ง พวกเขาจึงเข้าประตูด้านข้างร้านแทนที่จะเข้าด้านหน้า หลังจากส่งของฝากให้และสั่งความกับหวังไห่เสร็จ จ้าวหลงขับรถม้าไปยังจวนเพื่อรอนายน้อยทั้งสอง ส่วนเหิงอันโหวเปลี่ยนไปนั่งรถม้าที่ชุนจินขับเพื่อกลับไปรอหลินฉิงเฉิงกับหลินฉิงหยางที่หมู่บ้านต้าไห่ก่อนเข้าบ้านที่ต้าไห่ หลินฉางหยูแวะส่งข่าวดีให้ผู้ใหญ่บ้านหลี่ทราบว่าลูกชายทั้งสองของเขาสอบผ่านได้เป็นจวี่เหรินแล้ว พวกเขาจะจัดงานเลี้ยงพรุ่งนี้ช่วงเย็น เขาจึงขอให้ผู้ใหญ่บ้านช่วยประกาศให้ชาวบ้านทราบเพื่อมาร่วมสนุกกันเหิงอันโหวมองดูหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่เ
หนึ่งชั่วยามต่อมา จ้าวหลงพาหลินฉิงเฉิงกับหลินฉิงหยางกลับมาจากอำเภอ พวกเขารีบเข้าไปกินข้าวเที่ยงที่เลยเวลามามากแล้ว เหิงอันโหวที่ไม่รู้จะทำสิ่งใดพอเห็นลูกศิษย์ตัวน้อยทั้งสองมาถึงก็ดีใจนัก หลังอาหารเขาจึงชวนเด็ก ๆ ขึ้นเขาไปหาของป่าเพื่อผ่อนคลายหลังการสอบหลินฉิงอันเป็นห่วงน้อง ๆ นางจึงชวนจ้าวหลงขึ้นเขาไปด้วยกัน หลินอ้ายเห็นว่ามีผู้ใหญ่ไปด้วยนางจึงไม่คิดมากอันใด ส่วนหลินฉางหยูก็ไปช่วยงานภรรยาทำผลไม้แช่อิ่มกับเหล่าบ่าวไพร่ที่เหลือระหว่างทางขึ้นเขา เหิงอันโหวยังสอนวิธีดูสมุนไพรมีค่าต่าง ๆ ให้กับลูกศิษย์ตัวน้อยของเขาพร้อมรอยยิ้ม พวกเขาไม่ได้เดินทางเร็วนักแต่คอยมองหาของป่าและสมุนไพรไปพลาง ๆ หลินฉิงอันมองเหิงอันโหวอย่างสงสัยในใจ นางพอจะรู้ว่าเฒ่าชราคนนี้มีความรู้ในตำราและวรยุทธ์สูงส่ง แต่คราวนี้เขากลับยังมีความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรและของป่าไม่น้อยด้วย หลินฉิงอันได้แต่คิดว่าเขาเป็นใครมาจากไหน เหตุใดจึงรอบรู้ยิ่งกว่าใครที่นางเคยรู้จักมาก่อนในภพนี้เสียอีกทั้งห้าคนเดินไปจนกระทั่งถึงป่าผลไม้ซึ
เมื่อกลับไปถึงบ้าน หลินฉิงอันไปปรึกษากับหลินฉางหยูว่านางจะหาผลไม้เพิ่มได้จากที่ใดก่อนจะถึงหน้าหนาว เพราะอย่างน้อยหากหาได้ทัน นางก็สามารถเตรียมผลไม้แช่อิ่มเป็นเสบียงหน้าหนาวได้จำนวนมาก เหิงอันโหวที่ได้ยินเข้าก็ไปนั่งฟังว่าหลินฉางหยูจะแก้ปัญหานี้อย่างไร“ลูกต้องการผลไม้แบบใดบ้างเล่า อันเออร์”“อืม… ข้าอยากได้ผลไม้รสเปรี้ยวที่ชาวบ้านไม่กินกันเหมือนที่เราเก็บมาได้เจ้าค่ะ เพราะหากนำผลไม้รสหวานมาทำก็คงได้ไม่คุ้มเสียเป็นแน่”“เช่นนั้นเราคงต้องไปสอบถามตามหมู่บ้านอื่นกระมังลูก พ่อไม่แน่ใจว่าจะมีชาวบ้านคนไหนเคยพบผลไม้แบบนี้บ้างหรือเปล่า”“เหตุใดพวกเจ้าไม่ลองเดินทางไปทางใต้สักหน่อยเล่า แถวนั้นข้าคิดว่าน่าจะมีผลไม้พวกนี้อยู่เป็นจำนวนมาก”“ท่านปู่รู้หรือเจ้าคะ ว่าผลไม้พวกนี้มีมากแถบใด”“ก็พอรู้อยู่บ้างล่ะนะ เพียงแต่ว่าจะมีคนเก็บมาขายพวกเจ้
หลังผ่านงานหมั้นของหลินฉิงอันไป ชาวบ้านในหมู่บ้านที่เข้าไปในเมืองก็กระจายข่าวดีนี้ให้ญาติมิตรที่เข้ามาซื้อสิ่งของกันในช่วงหน้าหนาวฟังกัน กระทั่งข่าวแพร่ไปถึงเจ้าเมืองเติ้ง เขายังไม่ได้นำของขวัญไปอวยพรปีใหม่เหิงอันโหวเลย พอได้ยินข่าวว่าหลินฉิงอันขุนนางขั้นสี่ได้หมั้นหมายกับแม่ทัพเหิงซึ่งเป็นหลานชายคนเดียวของเหิงอันโหวก็ยิ่งอยากไปเยี่ยมเยียนพวกเขาที่บ้านฮูหยินของเจ้าเมืองเติ้งเองก็อยากสร้างสัมพันธ์กับครอบครัวหลินเช่นกัน นางคิดว่าหากทั้งสองครอบครัวสนิทสนมกันแล้ว สามีของนางคงได้รับประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย“ท่านพี่ หรือเราจะเตรียมของขวัญไปมอบให้ท่านโหวกับครอบครัวหลินดีเจ้าคะ”“ความคิดเจ้าไม่เลว เช่นนั้นก็สั่งพ่อบ้านหาสิ่งของมีค่าไปมอบให้พวกเขาวันพรุ่งนี้กันดีหรือไม่ เจ้าเองก็ช่วยสานสัมพันธ์กับฮูหยินหลินแทนข้าด้วยก็แล้วกันนะ”“ได้เจ้าค่ะ ข้าเองก็อยากรู้จักนางเช่นกัน ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดลูก ๆ ของนางจึงต่างมีความสามารถกันมากตั้งแต่
ชาวบ้านที่ให้ผู้อาวุโสของตนมาทาบทามหลินฉิงอันเป็นต้องหน้าเสียไปตาม ๆ กัน เมื่อเหิงอันโหวเอ่ยปากขอหมั้นด้วยตัวเอง พวกเขามีหรือจะกล้าต่อกรกับคนใหญ่คนโตเช่นนี้ ถึงแม้จะเสียดายการหมั้นหมายครั้งนี้มากก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังต้องเจียมเนื้อเจียมตัวอย่างที่เหิงอันโหวบอกก่อนหน้านี้ว่าหลินฉิงอันเป็นถึงขุนนางขั้นสี่ พวกเขาที่เป็นชาวบ้านคงไม่อาจเอื้อมหมายเด็ดดอกฟ้ากันได้อีกไม่นานนักรถม้าทั้งสิบคันของจวนโหวก็มาจอดเรียงรายกันที่ด้านข้างลานหน้าเรือนหลัก จากนั้นองครักษ์และบ่าวของจวนโหวทยอยยกหีบใบใหญ่หลายหีบลงมาจากรถม้า ชาวบ้านต่างมองหีบทั้งหลายตาโต พวกเขาไม่คิดมาก่อนว่าเหิงอันโหวจะเตรียมการเกี่ยวกับของหมั้นมามากมายถึงเพียงนี้ ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งละอายใจที่หาญกล้าไปขอหลินฉิงอันหมั้นหมายก่อนหน้านี้พ่อบ้านใหญ่เห็นพวกเขาวางหีบเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ เขาก็สั่งให้คนเปิดหีบทีละใบเพื่ออ่านรายการของหมั้นที่ยาวเป็นหางว่าวเพราะมีหีบทั้งหมดถึงหนึ่งร้อยแปดใบตามเลขมงคลครอบครัวหลินตอนนี้อ้าปากค้างกันไปหมดเมื่
พ่อบ้านใหญ่เห็นว่าทุกคนเตรียมตัวพร้อมสำหรับเริ่มพิธีการปักปิ่นแล้ว เขาเริ่มเอ่ยลำดับขั้นตอนการทำพิธีตั้งแต่เริ่มต้นทันที“ขอเชิญขุนนางขั้นสี่หลินฉิงอัน เข้าประจำตำแหน่งเพื่อเริ่มพิธีการขอรับ”หลินฉิงอันพยักหน้ายิ้มรับคำพ่อบ้านใหญ่ ก่อนที่นางจะเดินไปยังตำแหน่งประธานของงานในวันนี้ซึ่งอยู่หน้าห้องโถงเรือนหลัก บรรดาชาวบ้านที่นั่งกันอยู่ที่โต๊ะตรงลานหน้าบ้านล้วนมองเห็นพิธีการกันอย่างทั่วถึง“ขอเชิญท่านเหิงอันโหวสวมเสื้อคลุมให้คุณหนูหลินขอรับ”เมื่อประโยคนี้สิ้นสุดลง เหล่าชาวบ้านต่างฮือฮากันขึ้นมาทันที พวกเขาไม่รู้ว่าตำแหน่งโหวนี้ยิ่งใหญ่เพียงใด แต่จากเสื้อผ้าอาภรณ์ของเหิงอันโหวแล้ว พวกเขาก็คิดว่าจะต้องไม่ใช่ขุนนางธรรมดาเป็นแน่หลินฉางหยู หลินอ้าย หลินฉิงเฉิงและหลินฉิงหยางเองก็ตกใจไม่น้อย พวกเขาไม่รู้มาก่อนว่าอาจารย์ปู่จะเป็นถึงท่านโหวของแคว้นเลยทีเดียว ส่วนหลินฉิงอันนั้นนางเดาได้มานานแล้วว่าท่านปู่ผู้นี้จะต
งานเลี้ยงปีใหม่ผ่านไปอย่างสนุกสนาน ยิ่งกับการกินหมูกระทะในครั้งนี้นั้นทำให้ทุกคนต่างติดอกติดใจ หลินฉิงอันจึงมอบเตาและกระทะให้กับบ่าวและครอบครัวท่านลุงของนางเป็นของขวัญด้วยก่อนงานเลี้ยงจะสิ้นสุดลง หลินฉิงอันก็นำหยกพกมอบให้กับบ่าวทั้งหมดรวมทั้งคนในครอบครัวของนางเอง ส่วนของบ้านท่านลุงนั้นนางไม่ได้ทำให้ เพราะนางอยากให้พวกเขาออกแบบลวดลายบนหยกด้วยตนเอง หลินฉิงอันยังมอบเงินให้ครอบครัวท่านลุง 500 ตำลึงเพื่อนำไปทำหยกพกเช่นกัน คราแรกท่านลุงของนางไม่ยอมรับเงินจำนวนนี้ แต่ด้วยเหตุผลและการคะยั้นคะยอของคนในครอบครัวทำให้เขาต้องยิ้มรับมาอย่างจนใจ เขายังสัญญากับครอบครัวน้องสาวด้วยว่าจะนำเงินนี้ไปใช้จ่ายตามที่หลานสาวของเขาต้องการเหิงอันโหวกับคนในจวนโหวที่มาต่างยอมรับนับถือในความใจกว้างของครอบครัวหลินฉิงอัน น้อยนักที่พวกเขาจะเห็นครอบครัวชาวบ้านยอมจ่ายเงินจำนวนมากออกไปอย่างไม่เสียดายเช่นนี้ ยิ่งพ่อบ้านคนสนิทของเหิงอันโหวที่มาเพราะอยากเห็นหน้าว่าที่หลานสะใภ้ของท่านโหวด้วยแล้ว เขาก็ยิ่งยอมรับในความมีน้ำใจของครอบครัวว่าที่นายหญิ
ก่อนเที่ยงวัน หวังไห่ หลี่หมิง เหมยลี่และอิงฮวาก็เดินทางมาถึงเรือนหลัก พวกเขารีบเข้าไปคารวะเหล่านายท่านที่กำลังรออยู่“คาราวะนายท่าน นายหญิง คุณหนูใหญ่ขอรับ/เจ้าค่ะ”“พวกเจ้าตามสบายเถอะ ก่อนมาที่นี่ พวกเจ้าปิดร้านกันดีแล้วหรือยัง”“เรียบร้อยดีขอรับคุณหนูใหญ่ นี่เป็นสมุดบัญชีทั้งสองเล่ม ข้าน้อยนำมาให้ท่านตรวจสอบด้วยขอรับ”หลินฉิงอันยื่นมือไปรับสมุดบัญชีทั้งสองเล่มมาวางเอาไว้ที่โต๊ะด้านข้าง ก่อนจะบอกให้พวกเขานำสัมภาระไปเก็บที่เรือนพักในที่ดินอีกฝั่งหนึ่ง เพราะที่นั่นยังมีเรือนพักว่างอีกมากนักหวังไห่กับคนอื่น ๆ ขอตัวลาเหล่านายท่านก่อนจะออกไปขับรถม้าไปยังที่ดินอีกฝั่งหนึ่งเพื่อเก็บข้าวของที่นำมาด้วย โดยมีโจวซานทำหน้าที่พ่อบ้านเดินตามรถม้าของพวกเขาไปยังเรือนพักตั้งแต่เริ่มเข้าสู่หน้าหนาวเต็มตัว บ้านหลินก็หยุดการรับซื้อผลไม้ทั้งหมดและให้บ่าวช่วยกันแช่อิ่มผลไม้ที่เหลื
หลังจากองครักษ์ทั้งแปดนำสิ่งของต่าง ๆ ที่หลินฉิงอันสั่งคนจัดเตรียมเอาไว้ขึ้นเกวียนครบแล้ว พวกเขาก็ใช้ม้าหกตัวในการลากเกวียน ส่วนม้าอีกสองตัวนั้นวิ่งขนาบข้างคอยคุ้มกันสิ่งของบนเกวียนใหญ่ก่อนที่ขบวนขององครักษ์จิงหยานจะออกเดินทาง เหิงอันโหวได้ฝากจดหมายให้พวกเขานำไปส่งหลานชายด้วย หลินฉิงอันเองก็ฝากจดหมายไปเช่นกัน นางยังแนบแบบเกือกม้าและอานทั้งหมดให้ไปด้วย เพราะนางเห็นว่าสิ่งของพวกนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับกองทัพของเหิงจิ้งกั๋ว“พวกเจ้าออกเดินทางได้แล้ว ประเดี๋ยวหิมะจะตกลงมาเสียก่อน”“ขอรับนายท่านผู้เฒ่า” องครักษ์ทั้งแปดรีบรับคำเหิงอันโหว“ขอให้พวกพี่ชายเดินทางปลอดภัยเจ้าค่ะ อย่าลืมว่าถ้าหิมะตกให้เปลี่ยนล้อเป็นแบบลากเลื่อนด้วยนะเจ้าคะ จะได้เดินทางสะดวก”“ขอรับคุณหนูหลิน ขอบคุณสำหรับเสบียงระหว่างเดินทางด้วยขอรับ”เหิงอันโหวกลัวว่าพวกเขาจะออกเดินทางสายไปมากกว่
อีกสองสัปดาห์จะเข้าหน้าหนาวอย่างเต็มตัวแล้ว หลินฉิงอันนึกถึงอากาศที่หนาวเย็นในปีที่แล้วขึ้นมา นางจึงคิดที่จะสร้างเกือกม้าและอานม้า รวมทั้งชุดม้า ลา สำหรับให้พวกมันใส่เพื่อป้องกันความหนาวเย็นด้วยหลินฉิงอันใช้เวลาว่างถึงสามวันวาดแบบออกมาเท่าที่นางจำได้ จากนั้นจึงนำแบบไปปรึกษากับเฉียนซื่อและเฉินกังก่อนให้พวกเขานำเงินไปสั่งทำที่ร้านตีเหล็กในเมือง นางไม่รู้ว่าราคาจะแพงมากหรือไม่จึงให้เงินพวกเขาไป 100 ตำลึงเผื่อเอาไว้ก่อน ส่วนหนังสัตว์ที่นางต้องการนำมาให้ท่านแม่กับพี่สาวหลิงฟางเย็บให้นั้นก็สั่งให้พวกเขาซื้อมาด้วยจำนวนมาก นางให้เงินพวกเขาไปอีก 100 ตำลึงเช่นกันจะได้ไม่เสียเวลากลับมานำเงินไปซื้อของหลายครั้งหลินอ้ายไม่ได้ทักท้วงอะไรที่เห็นหลินฉิงอันใช้เงินจำนวนมากในครั้งนี้ นางรู้ดีว่าบุตรสาวทำสิ่งใดก็ล้วนแล้วแต่เพื่อประโยชน์ของคนในบ้านทั้งนั้น เรื่องชุดในบ้านที่นางเองจะมอบให้บ่าวรับใช้ก็เสร็จครบทั้งหมดแล้ว หลินอ้ายนึกถึงเสื้อคลุมกันหนาวขึ้นมาได้ นางจึงคิดจะส่งโจวซานไปสอบถามราคาที่ร้านค้าดูก่อน หากราคาแพงเกินไป นางค
สองวันต่อมา หลินฉิงอันเข้าเมืองกับชุนจินเพื่อไปรับหยกพกที่นางสั่งทำไว้ก่อนหน้านี้ หลินฉิงอันจ่ายเงินที่เหลือก่อนจะรับหยกพกมาตรวจสอบดู รูปแบบหยกที่สลักออกมาทำได้อย่างสวยงามตามที่นางวาดภาพเอาไว้ให้ช่างแกะสลัก ซึ่งหลินฉิงอันให้ช่างแกะสลักเป็นรูปผลไม้ต่าง ๆ รอบตัวหยก ตรงกลางมีคำว่า “林” สลักเอาไว้อย่างสวยงาม หยกพกของบ่าวทั้งหมดเหมือนกัน ส่วนหยกพกอีกห้าอันสำหรับคนในครอบครัวนั้น หลินฉิงอันใช้รูปเมฆมงคลและศาลากลางน้ำหลังเล็กโดยตรงกลางสลักคำว่า “หลิน” เช่นกัน เพิ่มเติมเพียงด้านหลังจะมีชื่อเจ้าของหยกแต่ละอันสลักเอาไว้ สีของหยกยังเป็นหยกมันแพะสีขาวนวล แตกต่างจากสีหยกของบ่าวในเรือนที่เป็นหยกสีเขียวธรรมดาหลังจากรับของมาทั้งหมดแล้ว หลินฉิงอันนำถุงหยกทั้งสองถุงเก็บเอาไว้ในรถม้าอย่างดี ก่อนที่นางจะไปยังร้านขายของชำเพื่อซื้อเครื่องปรุงรสเพิ่มเติม รวมทั้งข้าวสาร อาหารแห้ง ถั่วเขียว ถั่วเหลืองเพิ่มด้วย ถึงแม้เมื่อวานทางร้านจะนำไปส่งที่บ้านนางจำนวนมาก แต่หลินฉิงอันก็ยังคงเผื่อเหลือเอาไว้อีกนิดหน่อย นางรู้ดีว่าการเ
คืนนั้นหลินฉิงอันใช้เวลาครึ่งค่อนคืนเพื่อเขียนรายการสิ่งของจำเป็น เสบียงอาหารที่จะต้องซื้อในปีนี้ให้พอเพียงกับคนจำนวนมากที่เพิ่มขึ้นในครอบครัว นางคิดด้วยว่าปีที่แล้วนางชวนครอบครัวกินหม้อไฟไปแล้ว ปีนี้นางอยากให้พวกเขาได้ลองกินหมูกระทะดูบ้าง หลินฉิงอันจึงร่างแบบหม้อสำหรับทำหมูกระทะตามความทรงจำในภพก่อนออกมา ด้วยคนจำนวนมากในบ้าน หลินฉิงอันคิดจะสั่งทำหม้อสัก 50 ใบเผื่อเอาไว้ก่อน ส่วนเตานั้นนางก็จะต้องซื้อเพิ่มมาด้วยเพื่อให้พอเพียงสำหรับวางหม้อหมูกระทะที่นางต้องการหลังอาหารเช้าวันต่อมา หลินฉิงอันอ่านรายการสิ่งของจำเป็นต่าง ๆ พร้อมกับเสบียงอาหารจำนวนมากให้หลินอ้ายและหลินฉางหยูฟังเป็นเวลานาน หลินอ้ายและหลินฉางหยูยังบอกรายการสิ่งของเพิ่มเติมสำหรับการนำมาเป็นเสบียงอาหารในปีนี้ด้วย พวกเขาคิดว่าคนจำนวนมากจะต้องได้กินอิ่มนอนหลับในขณะที่อยู่ร่วมกันกับพวกเขาที่หมู่บ้านหลินฉิงอันไม่ได้ปฏิเสธรายการต่าง ๆ ที่พ่อและแม่นางเสนอ หลินฉิงอันทำเพียงแค่เพิ่มรายการต่าง ๆ เข้าไปในกระดาษเท่านั้น“ลูกค