หนึ่งเดือนต่อมา จดหมายจากหยูฉิงหยางส่งมาบอกทุกคนว่าสะใภ้เล็กท้องแล้ว ทำให้ทุกคนดีใจมาก ส่วนองค์หญิงหมิงจูนั้น ยังไม่มีใครกล้าสอบถามอะไรในเรื่องนี้ แต่เหล่าผู้อาวุโสต่างสอบถามหยูฉิงเฉิงแทน
“อาเฉิง เหตุใดสะใภ้ใหญ่ไม่ท้องเสียทีเล่า”
“เฮ้อ ข้าก็ไม่รู้ขอรับท่านปู่ แต่ข้าก็ขยันขันแข็งทุกวันนะขอรับ”
“แล้วช่วงนี้ดูเหมือนนางจะดูมีน้ำมีนวลและน้ำหนักขึ้นบ้างหรือไม่เล่า”
“ท่านย่าเดาได้เหมือนตาเห็นเลยขอรับ ข้าสังเกตว่านางดูเหมือนจะอ้วนขึ้นนิดหน่อยและท้องของนางก็ป่องออกมาเล็กน้อยด้วยนะขอรับ”
“เช่นนั้นประเดี๋ยวให้พ่อบ้านไปเรียกหมอมาตรวจสักหน่อย นางอาจท้องแล้วไม่รู้ตัวก็ได้ เหมือนพี่ใหญ่เจ้าที่กว่าจะรู้ว่าท้องสองก็ตอนสามเดือนแล้ว”
“ขอรับ หากมีข่าวดีเหมือนน้องสามก็คงดี เด็ก ๆ จะได้เกิดไล่เลี่ยกัน”
หย
หลังจากต่างคนต่างอวดเรื่องของขวัญกันได้อีกพักใหญ่ หวางกงกงก็เชิญทุกคนไปร่วมรับประทานอาหารก่อนจะแลกของขวัญกันและมอบซองแดงให้เด็กๆ ที่ต่างเล่นเครื่องเล่นกันจนเหงื่อเต็มตัวไปหมดฮ่องเต้ยังขอบคุณหยูฉิงอันด้วยที่สร้างเครื่องเล่นเหล่านี้ขึ้นมา เพราะองค์ชายน้อยก็มักจะได้มาเล่นเครื่องเล่นที่นี่อยู่บ่อย ๆ เช่นกัน“นี่เป็นเรื่องที่หม่อมฉันสมควรทำอยู่แล้วเพคะ หากฝ่าบาทต้องการแบบให้กับช่างหลวงสร้างขึ้นมาก็บอกหม่อมฉันได้นะเพคะ”“ตกลง ๆ ขอบใจเจ้ามากที่ไม่เคยหวงแหนความรู้เลยตลอดหลายปีที่ผ่านมา หากไม่มีเจ้าสักคน แคว้นหมิงคงไม่สามารถพัฒนาได้ถึงขั้นนี้”“ฝ่าบาทชมเกินไปแล้วเพคะ เป็นเพราะความร่วมมือของทุกคนในแคว้นต่างหากที่ทำให้แคว้นของเราพัฒนาได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้”“เฮ้อ เจ้านี่นะ ไม่เคยคิดที่จะเอาความดีความชอบแม้สักนิด เอาล่ะ ๆ เราทานอาหารกันก่อนดีกว่า เด็ก ๆ คงจะหิวกันแล้วล่ะ”
วันปีใหม่เช้าวันนี้จวนหยูวุ่นวายไปด้วยบ่าวไพร่ที่กำลังจัดเตรียมงานเลี้ยงปีใหม่ที่จะมีแขกเริ่มมาในยามซื่อของวัน องค์หญิงหมิงจูกับหยูฉิงเฉิงเองก็กำลังแต่งตัวให้กับลูกชายและลูกสาวของพวกเขาอยู่ เสื้อผ้าต่าง ๆ ล้วนมาจากในวังที่ฮองเฮาสั่งคนตัดให้กับหลาน ๆ ของพระองค์อย่างน่ารักหลินอ้ายกับหยูฉางหยูก็แต่งตัวด้วยชุดที่ดีที่สุดเพื่อต้อนรับปีใหม่เช่นกัน ส่วนลูกชายคนเล็กก็กำลังจัดการบุตรชายทั้งสองกับฮูหยินน้อยที่เรือนอีกหลัง สำหรับหยูจิ่นเซิงและเฉียนหลานนั้นก็แต่งตัวกันเต็มที่เพื่อให้สมกับวันปีใหม่ ยังไม่รวมซองแดงที่พวกเขาจะแจกให้ลูกหลานอีกไม่น้อยด้วย พวกเขาคาดเดาว่าวันนี้จะต้องเป็นงานที่ทุกคนสนุกกันมากแน่ ยิ่งหยูฉิงอันส่งของเล่นเด็กมาไว้ที่จวนหยูจำนวนไม่น้อยสำหรับให้หลาน ๆ เล่นตอนที่โตกว่านี้ด้วยแล้ว พวกเขายิ่งรักหลานสาวคนนี้มากขึ้นทุกที นางไม่เคยหวงสิ่งของใดเลย มีแต่มอบให้กับน้องชายทั้งสองและครอบครัวด้านจวนกั๋วกงก็วุ่นวายไม่แพ้กัน กว่าที่พี่เลี้ยงจะไล่จับเหล่าคุณชายน้อย ค
ที่ชายแดนตะวันตก หลังจากลูกของหยูฉิงหยางคลอดแล้ว ท่านพ่อตาได้ตั้งชื่อบุตรชายทั้งสองให้เขาว่า หยูอันเหิงและหยูอันไห่ เพราะหยูฉิงหยางอยากให้ในชื่อบุตรชายของเขามีชื่อพี่สาวอยู่ด้วย เขาสำนึกในบุญคุญของพี่สาวเสมอที่พาครอบครัวค้าขายจนได้เข้าเรียนและรับราชการในราชสำนักได้อย่างทุกวันนี้อีกไม่กี่เดือนก็จะถึงวันปีใหม่ แม่ทัพใหญ่ซวงอี้จึงชวนทุกคนกลับไปฉลองปีใหม่ที่เมืองหลวง เพราะเขาเดินทางมาอยู่ชายแดนตะวันตกได้เกือบสามเดือนแล้ว หยูฉิงหยางจึงไปขอลาราชการกับแม่ทัพชายแดนตะวันตกตามมารยาท ก่อนจะส่งม้าเร็วเดินทางไปถวายฎีกาเรื่องการพาครอบครัวไปรวมตัวกันในวันปีใหม่ที่ใกล้จะถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ม้าเร็วเดินทางไปถึงเมืองหลวงโดยใช้เวลาเพียงหนึ่งเดือน เมื่อฮ่องเต้ได้รับฎีกาของหยูฉิงหยางแล้ว พระองค์ก็ทรงอนุญาตให้เขาพาครอบครัวกลับมาได้ ความจริงปีนี้พระองค์คิดที่จะจัดงานเลี้ยงปีใหม่ให้กับเหล่าขุนนางเหมือนทุกปี เพียงแต่พอคิดได้ว่าการจัดงานบ่อยครั้งก็เสียเงินในคลังไปไม่น้อย ซึ่งพระองค์ยังคงอยากใช้เงินเหล่านั้นในการพัฒนาแคว้นม
จดหมายของหยูจิ่นเซิงไปถึงจวนแม่ทัพที่ชายแดนตะวันตกในอีกหนึ่งเดือนต่อมา หยูฉิงหยางที่กำลังดูแลภรรยาที่กำลังท้องแฝดเช่นเดียวกับพี่ชายรีบนำจดหมายมาตอบพร้อมให้คนนำของฝากที่ท่านแม่ฝากมาให้เขากับฮูหยินไปเก็บไว้ในคลังเสบียงเสียก่อน“ท่านพี่ เหตุใดท่านแม่จึงส่งของกินมาเสียเยอะแยะเช่นนี้เล่า”“ฮ่า ฮ่า ท่านคงกลัวว่าเจ้าจะไม่ได้กินอาหารดี ๆ น่ะสิ ท่านแม่คงเป็นห่วงลูกของเรานั่นแหละน้องหญิง เจ้าเองก็บำรุงเยอะ ๆ เล่า จะได้คลอดง่าย ๆ เหลืออีกไม่กี่เดือน เจ้าก็จะคลอดเด็ก ๆ ออกมาแล้วนะ”“ข้ากินจนจะอ้วนเป็นหมูแล้วนะท่านพี่ หากท่านไม่ชอบที่ข้าอ้วนจะทำอย่างไร”“เจ้าก็คิดมากเกินไปน้องหญิง พี่มีหรือจะไม่ชอบเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะรูปร่างเปลี่ยนไปอย่างไร เจ้าก็ยังเป็นที่รักของพี่ตลอดไปนั่นแหละ ทีหลังอย่าคิดมากรู้ไหม”หยูฉิงหยางกอดภรรยารักเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างแสนรัก เขารู้ดีว่านางคงกลัวว่าเขาจะมีหญิงอื่นกระมัง
หนึ่งเดือนต่อมา จดหมายจากหยูฉิงหยางส่งมาบอกทุกคนว่าสะใภ้เล็กท้องแล้ว ทำให้ทุกคนดีใจมาก ส่วนองค์หญิงหมิงจูนั้น ยังไม่มีใครกล้าสอบถามอะไรในเรื่องนี้ แต่เหล่าผู้อาวุโสต่างสอบถามหยูฉิงเฉิงแทน“อาเฉิง เหตุใดสะใภ้ใหญ่ไม่ท้องเสียทีเล่า”“เฮ้อ ข้าก็ไม่รู้ขอรับท่านปู่ แต่ข้าก็ขยันขันแข็งทุกวันนะขอรับ”“แล้วช่วงนี้ดูเหมือนนางจะดูมีน้ำมีนวลและน้ำหนักขึ้นบ้างหรือไม่เล่า”“ท่านย่าเดาได้เหมือนตาเห็นเลยขอรับ ข้าสังเกตว่านางดูเหมือนจะอ้วนขึ้นนิดหน่อยและท้องของนางก็ป่องออกมาเล็กน้อยด้วยนะขอรับ”“เช่นนั้นประเดี๋ยวให้พ่อบ้านไปเรียกหมอมาตรวจสักหน่อย นางอาจท้องแล้วไม่รู้ตัวก็ได้ เหมือนพี่ใหญ่เจ้าที่กว่าจะรู้ว่าท้องสองก็ตอนสามเดือนแล้ว”“ขอรับ หากมีข่าวดีเหมือนน้องสามก็คงดี เด็ก ๆ จะได้เกิดไล่เลี่ยกัน”หย
หลังจากหยูฉิงเฉิงได้รับตำแหน่งใหม่เป็นผู้ตรวจการพิเศษ เขาก็ยังคงเข้าไปทำหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับแผนการพัฒนาบ้านเมืองที่เคยเสนอต่อฝ่าบาทไปก่อนหน้านี้ ซึ่งมหาเสนาบดีเซี่ยยังคงรายงานการทำงานของขุนนางที่ถูกส่งออกไปให้กับเขารับทราบ เพื่อที่หยูฉิงเฉิงจะได้วางแผนการเดินทางไปตรวจงานได้ในภายหลังด้านองค์หญิงหมิงจูพอเป็นสะใภ้ตระกูลหยูแล้ว พระองค์ยังคงเข้าวังไปเยี่ยมเสด็จแม่อยู่บ่อย ๆ เนื่องจากที่จวนหยูไม่มีสิ่งใดให้นางทำบ้างเลย ครั้นจะให้นางไปนั่งปักผ้ากับท่านย่าและแม่สามีนางก็ไม่ค่อยชอบนัก ปกตินางชอบเล่นพิณและวาดรูปมากกว่า แต่ก็กลัวว่าเสียงพิณจะไปรบกวนการทำงานของท่านย่าและแม่สามีของนางเข้า นางจึงมาเล่นที่วังให้เสด็จแม่ฟังแทนเฉียนหลานกับหลินอ้ายนั้นพอรู้อยู่บ้างว่าองค์หญิงน่าจะอึดอัดและเหงาที่ต้องอยู่จวนโดยไม่มีสิ่งใดทำ พระองค์จึงได้เสด็จเข้าวังบ่อย ๆ เมื่อหยูฉิงเฉิงกลับจวนมาแล้วทราบเรื่องเข้า เขาจึงคุยกับองค์หญิงในคืนวันหนึ่ง“น้องหญิง เจ้าเบื่อหน่ายที่ต้องอยู่จวนนี้หรือ”