Masuk“ข้าไม่ชอบเข้าใกล้หญิงใด เจ้าหากยังคิดว่าจะนั่งบนเกี้ยวหลังนี้กับข้าจะต้องพึงระลึกไว้เสมอว่าอย่าเข้าใกล้ข้ามากกว่านี้”
“เชอะใครอยากเข้าใกล้ก่อนนั้นก็ลากเราเข้าไปในห้องตื่นมาสภาพโป้เปลือยไม่รู้ทำอะไรหรือเปล่ามาวันนี้บอกว่าไม่อยากเข้าใกล้หญิงใด” บ่นงึมงำ
“เย้ๆๆๆๆ ดีใจด้วยได้รับ1โอกาสพลังพิเศษเพราะสามารถทำให้ตัวร้ายใจสั่น” เสียงระบบปั่นป่วน
“เจ้าเป็นคนแรกที่เห็นใบหน้าของข้า เช่นนั้นหากกล้าพูดเรื่องใบหน้าข้าให้ใครรุ้ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย”
“ไปโดนอะไรมา” ทอดเสียงอ่อนโยนเดินเข้ามาสังเกตใกล้ๆ
นี่ไม่ใช่ปู้ๆ จิงชินเวอร์ชันเกาหลีแล้วอีกอย่างมีมี่ก็ไม่ได้มีความสามารถในการแต่งหน้าก็แค่แสดงความเห็นใจ ในนิยายไม่ได้เขียนบอกไว้ว่าไปโดนอะไรมาด้วยสิ
“อย่ายุ่ง” มีมี่ยิ้มเจื่อนๆ พยักหน้าขึ้นลง
“ไม่ยุ่งก็ได้ ขอโทษละกันฉันเผลอไปหน่อยปกติต้องจับจิ้งจกให้แมวทุกเย็นป่านนี้เจ้ามูมู๋เป็นอย่างไรบ้างไม่รู้คงคิดถึงฉันแย่เลย” บ่นเบาๆ ในตอนท้ายอดไม่ได้ที่จะคิดถึงแมว
“จริงด้วยฉันจะต้องไม่ตายจะต้องไม่ติดอยู่ที่นี่จะต้องออกไปให้ได้กลับไปหามูมู๋”
“เพ้ออะไรของเจ้า จำไว้ว่าห้ามพูดเรื่องใบหน้าของข้ากับใครโดยเฉพาะองค์หญิงสาม” เสียงอ่อนลงในตอนท้าย
มีมี่ยิ้ม เขาแคร์นางเอกเหมือนกันนี่แต่ตอนอ่านรู้สึกว่าเป็นหลัวชั่ว หลัวเย็นชาแต่ภายในลึกๆ ก็แคร์นางเอกไม่น้อย
“อยากให้ข้าทำนายดวงความรักให้หรือไม่ ข้าทำนายให้ได้นะหรือไม่ก็แนะแนวทาง ที่จะสามารถพิชิตใจนางได้”
“นั่งลงแล้วหุบปากเสียข้ามิใช่ทหารและนางกำนัลเหล่านั้นที่ชีวิตล้วนหล่อเลี้ยงด้วยคำลวงจากคนที่อ้างตัวว่าเป็นผู้หยั่งรู้เช่นเจ้า”
“พวกเขาล้วนเป็นคนที่ไร้ความหวังและกำลังใจไม่ได้มีโอกาสเช่นท่านนี่ พวกเขาจึงหวังว่าสักวันจะมีโชคและไปในทางที่จะมีโชคดีโชคฟลุ๊คเพื่อไต่เต้าสู่ความสำเร็จพวกท่านถือกำเนิดมาดีกว่าพวกเขานี่ ไม่ต้องหกวังว่าจะมีโชค”
อ๋องหรงส่ายหน้าไปมา
“แต่ก็มิใช่งมงายว่าตัวเองจะสำเร็จนั่งฝันไปวันๆ”
มีมี่เบ้ปากไม่อยากต่อคำ
“ช่างเถอะ ช่างเถอะไม่มีท่านข้าก็ยังมีคนอื่นอีกมากมาย ที่อยากรู้เรื่องที่ข้าจะทำนาย แต่บอกไว้ก่อนน้า ถ้ามาขอร้องข้านี่ต้องจ่ายมากหน่อยน้าเพราะข้าถือว่าข้าให้โอกาสท่านแล้วแต่ไม่ยอมรับโอกาส”
“ไม่มีทางหุบปากแล้วนั่งเงียบๆ” ยกหน้ากากขึ้นผูกเชือกตามเดิม
มีมี่ถอนหายใจนั่งหันข้างมองออกนอกหน้าต่างเสีย
วังหลวง
“อ๋องหรงกำลังเดินทางกลับวังหลวงพร้อมด้วยองค์หญิงเก้าของเอ่อถัว คงจะต้องต้อนรับเขาหน่อยดีไหม”
ฉีก้านปิดจดหมายในมือช้าๆ ท่าทีราวกับนักรักและไร้ซึ่งความองอาจ พุงพลุ้ยด้วยเลือกกินแต่เครื่องเสวยที่ชอบแม้จะอ่อนแก่กว่าอ๋องหรงไม่กี่ปีแต่กลับดูแก่ราวกับเป็นบิดา
“ฝ่าบาทอ๋องหรงไร้ผลงานวันก่อนข้าได้ยินว่าเขาไปช่วยท่านอ๋องเฉวียนรบกับเผ่าเอ่อถัว เอาชนะมาได้ แต่ก็ยังไม่มีผลงานเป็นของตัวเองเรื่องที่บัญชาไปให้เสาะหาไข่มุกมังกรก็ทำไม่ได้ แต่ความจริงนั่นเพราะพระปรีชาที่หลอกให้อ๋องหรงเชื่อว่าไข่มุกมังกรมีจริงและยังให้คนปลอมลายแทงขึ้นมาอีก ฝ่าบาทนี่ล้ำลึกจริงๆ เพราะฉะนั้นอ๋องหรงจึงไม่มีผลงาน เช่นไรจึงต้องต้อนรับ”
ขันทีข้างกายประสานมือพูดเรื่องที่ฉีก้านอยากจะฟังแบบที่เรียกว่าสอพลอ
“ฮะฮะฮ่าาาาจริงๆๆๆ เขาไม่มีผลงานอีกทั้งยังแค่ลูกสนมของไท่ซางหวงข้าก็ไม่ควรให้เกียรติ แค่ทองสักสามพันตำลึงก็คงจะพอใจแล้วหรือไว้ให้มากกว่านั้นเขาจะได้เอาไปซื้อตำราประโลมโลกมาอ่านอีกหลังจากที่เสด็จพ่อสั่งให้ลื้อห้องหนังสือของเขาก่อนตาย555 เอว่าแต่ตำแหน่งไหนจะเหมาะกับเขาในครั้งนี้อุตส่าห์กลับมาทั้งที ไม่ตายเสียก่อนที่ด่านชายแดน”
“ผู้ดูแลห้องตำราดีไหมพ่ะย่ะค่ะหรือว่าให้กลับไปด่านชายแดนตามหาไข่มุกมังกรที่ไม่มีทางหาเจออีกต่อไปเหมือนเดิมเขาจะได้มีอะไรทำไม่มีรกหูรกตาฝ่าบาทอีกต่อไป”
“เฮ้อ ข้าก็เบื่อที่จะต้องพบหน้าเขา ทำทีว่าเอ็นดูเขาทั้งที่ไม่อยากจะเสวนาด้วย หากไม่ติดที่เขาเคยช่วยชีวิตอวี่หนิงไว้ข้าคงไม่ฝืนใจดีกับเขา”
“ฝ่าบาทช่วยองค์หญิงสามก็ถือว่าตอบแทนไปแล้วถึงจะบอกว่าทำให้ใบหน้าของอ๋องหรงเสียโฉม แต่นั่นก็เพราะเขารนหาที่เอง ครั้งนั้นฝ่าบาทก็ทรงกราบทูลไท่ซางหวงให้พาเขาเข้ามาอยู่ในวังหลวงไม่ต้องเผชิญความลำบากนอกวังนั่นก็ถือว่าเป็นบุญคุณยิ่งใหญ่เช่นกัน”
ฉีก้านพยักหน้าขึ้นลง
“บรรดาพี่น้องอ๋องเฉวียนก็ส่งให้ไปทำหน้าที่ปกป้องชายแดนไม่มีทางให้กลับมา รกหูรกตา อ๋องเจ๋อก็ดูแลเรื่องห้องเสวยไม่ให้มายุ่งเรื่องการเมือง เหลือแต่อ๋องหรงที่ข้ายังไม่รู้จะส่งไปที่ใดเพื่อกันไม่ให้คิดการใหญ่ แต่ก็นะคนไม่เอาถ่านเช่นอ๋องหรงจะทำอะไรข้าได้ เคยได้ยินว่าที่ซุ่มอ่านหนังสือในห้องหนังสือเพราะอ่านตำราพิชัยยุทธนั่นก็คงเป็นแค่ข่าวลือหากเป็นเช่นนั้นจริงเสด็จพ่อคงให้เขาเป็นไท่จือแทนข้าไปแล้ว”
“เช่นนั้นก็ควร จะให้ไปดูแลห้องตำราเช่นเดิมจะดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องจะได้มีเวลาอ่านตำรา ซู่หนี่จิง ต้งเสียนจื่อ (สองตำรากามสูตร) และจะได้ไม่ต้องเอาใบหน้าอัปลักษณ์นั่นมาให้องค์หญิงสามได้เห็นแล้วสงสัยว่าไปโดนอะไรมาเพราะบังคับให้เขาปิดเรื่องนี้เป็นความลับองค์หญิงสามจะได้ไม่รู้สึกผิดกับเขา ไปห่างๆ ตาจึงดี”
ลู่เหวินก้มหน้ายิ้ม เมื่อเห็นอ๋องหรงถอนหายใจยาวหนึ่งชั่วยามนางทนรออย่างอดทนเพื่ออะไรมีหรือเขาจะไม่รู้โต๊ะอาหารที่ศาลาริมน้ำสาวใช้ยกอาหารคาวหวานมาวางไว้ เสวียนอี้ช่วยจัดอาหารลงจานอย่างไม่ถือตัวว่าเป็นคุณหนู“ลู่เหวินไปรอรับ องค์หญิงเก้า” เสวียนอี้อ้าปากค้างอ๋องหรงที่เอามือไพล่หลังมองไปที่ประตูทางเข้าตำหนักเอ่ยปากเสียงเข้ม เสวียนอี้หูผึ่ง“ไม่แน่อาจไม่มาขอรับ”ลู่เหวินพูดอ้อมแอ้ม“ไม่มาแล้วนางจะกินที่ไหน ห้องเครื่องไม่ยกเครื่องเสวย ข้าถามไถ่ก็อ้างเรื่องที่นางเป็นชนเผ่ากลัวว่าทำเครื่องเสวยไปแล้วจะไม่ถูกปาก ช่างเป็นข้ออ้างที่ฟังขึ้นเหลือเกิน แค่นางไม่ได้รับแต่งตั้งเป็นสนมก็ถึงกับอดข้าว”“ขอรับ ลูกจะไปรอรับหากไม่มาจะไปตามขอรับ”“มาแล้วๆๆๆ มาแล้วรอนานไหมข้ามาแล้ว ฮ่าๆๆๆ ไม่ต้องกังวลไม่ต้องกังวลข้ามาแล้ว”หนีบเอาหีบเงินกับหีบทองเข้ามา ลู่เหวินจะรับเอาก็เบี่ยงตัวหลบ“ไม่ไม่ต้องๆ ข้าถือเองได้”“นั่นคืออะไร” อ๋องหรงเอ่ยปากถาม"เงินกับทองของข้าที่นำติดตัวมาจากเอ่อถัวอย่างไรเล่าทั้งเนื้อทั้งตัวมีเท่านี้” อ๋องหรงส่ายหน้าไปมากำลังคิดว่าทำไมเขาที่จับตาตลอดถึงไม่เห็นว่ามีมี่เอาเงินทองเหล่านี้ขึ้นเ
“เจ้าค่ะ แต่พูดก็พูดองค์หญิงถูกพามาที่นี่ก็เพื่อการนี้เจ้าค่ะมาถวายตัวองค์หญิงต้องทำใจเจ้าค่ะ แต่ที่น่าแปลกใจคือซูเอ่อไม่คิดว่าองค์หญิงจะมีเวทย์หยั่งรู้ที่เป็นภัยต่อคนอื่น เช่นนี้ฝ่าบาทเองก็คงไม่รู้หากฝ่าบาทรู้ก็คงไม่ให้องค์หญิงมาที่นี่ให้เสียเวลา” มีมี่ยิ้ม“ไม่ใช่เพื่อการนี้แต่เพื่อช่วยมวลมนุษยชาติ เจ้าเข้าใจไหมซูเอ่อ ต่อไปช่วยเป็นกระบอกเสียงให้คนอื่นได้รู้ว่าข้ามีหน้าที่ทำนายทายทักอนาคตของผู้คนดีไหมการที่เข้ามาอยู่ที่นี่จะได้ไม่สูญเปล่าข้าแบ่งให้เจ้า 20เปอร์เซ็นต์เลยเอ้า”ซูเอ่ออ้าปากค้าง ธุรกิจกำลังเริ่มต้นและไปได้ดี“ซูเอ่อจะได้ส่วนแบ่งหรือเจ้าค่ะ” ดวงตาแวววาว“แน่นอน ต่อจากนี้ก็จะยื้อเรื่องของฝ่าบาทได้อีกสักพักไม่ให้เขามากวนใจข้าแต่ระหว่างนี้อะไรก็ไม่แน่นอน เงินทองแน่นอนที่สุด ข้าตั้งใจมาที่นี่เพื่อทำนายดวงให้กับผู้คนในวังหลวงเพื่อแนะแนวทางและช่วยหาทางออกจากเรื่องที่ไม่อาจตัดสินใจหรือแก้ไขได้ด้วยตัวเอง เราสองคนมาทำธุรกิจร่วมกัน ตกลงไหม”เรื่องราวต่อจากนี้มีมี่อ่านมาหมดล่ะบอกไปก็เหมือนสปอยส์ต่อจากนี้เรื่องราวสปอยส์เหล่านี้จะกลายเป็นเงินทอง“ตกลงเจ้าค่ะ” มีมี่ยิ้ม จะร่วงหรือรอดก็ต
“เจ้าค่ะ แต่พูดก็พูดองค์หญิงถูกพามาที่นี่ก็เพื่อการนี้เจ้าค่ะมาถวายตัวองค์หญิงต้องทำใจเจ้าค่ะ แต่ที่น่าแปลกใจคือซูเอ่อไม่คิดว่าองค์หญิงจะมีเวทย์หยั่งรู้ที่เป็นภัยต่อคนอื่น เช่นนี้ฝ่าบาทเองก็คงไม่รู้หากฝ่าบาทรู้ก็คงไม่ให้องค์หญิงมาที่นี่ให้เสียเวลา” มีมี่ยิ้ม“ไม่ใช่เพื่อการนี้แต่เพื่อช่วยมวลมนุษยชาติ เจ้าเข้าใจไหมซูเอ่อ ต่อไปช่วยเป็นกระบอกเสียงให้คนอื่นได้รู้ว่าข้ามีหน้าที่ทำนายทายทักอนาคตของผู้คนดีไหมการที่เข้ามาอยู่ที่นี่จะได้ไม่สูญเปล่าข้าแบ่งให้เจ้า 20เปอร์เซ็นต์เลยเอ้า”ซูเอ่ออ้าปากค้าง ธุรกิจกำลังเริ่มต้นและไปได้ดี“ซูเอ่อจะได้ส่วนแบ่งหรือเจ้าค่ะ” ดวงตาแวววาว“แน่นอน ต่อจากนี้ก็จะยื้อเรื่องของฝ่าบาทได้อีกสักพักไม่ให้เขามากวนใจข้าแต่ระหว่างนี้อะไรก็ไม่แน่นอน เงินทองแน่นอนที่สุด ข้าตั้งใจมาที่นี่เพื่อทำนายดวงให้กับผู้คนในวังหลวงเพื่อแนะแนวทางและช่วยหาทางออกจากเรื่องที่ไม่อาจตัดสินใจหรือแก้ไขได้ด้วยตัวเอง เราสองคนมาทำธุรกิจร่วมกัน ตกลงไหม”เรื่องราวต่อจากนี้มีมี่อ่านมาหมดล่ะบอกไปก็เหมือนสปอยส์ต่อจากนี้เรื่องราวสปอยส์เหล่านี้จะกลายเป็นเงินทอง“ตกลงเจ้าค่ะ” มีมี่ยิ้ม จะร่วงหรือรอดก็ต
“เรื่องเวทย์หยั่งรู้คงแพร่ออกไปทั่ววังหลวงแล้วฝ่าบาทจะต้องบังคับให้องค์หญิงสะกดเวทย์ไว้แน่ๆ เจ้าค่ะ” มีมี่ถอนหายใจรอบที่ร้อยห้องทรงอักษร“อย่างนั้นหรือนาง นางมีเวทย์ประหลาดอย่างนั้นหรือ เจ้าเคยได้ยินไหมอ๋องหรง” ฉีก้านพูดจบก็คีบเครื่องเสวยใส่ปากเคี้ยวงับๆ อย่างอารมณ์ดี อวี่หนิงคีบเนื้อกุ้งที่แกะวางให้อย่างเอาใจ“ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ” น้ำเสียงเรียบเฉย“อือประหลาดจริง มันก็จริงอยู่เจ้าไม่เคยเข้าใกล้นางนี่เจ้าสิบสอง เลยไม่รู้ว่านางมีเวทย์ประหลาดแบบนี้”ลู่เหวินหันไปอมยิ้มเสียอีกทางจะไม่เคยอย่างไรยามที่องค์หญิงเก้าจะแทงท่านอ๋องท่านอ๋องก็ลากองค์หญิงเข้าไปแทงคืน ไม่สิ เมื่อสองคืนที่ผ่านมาก็ไม่รู้ได้แทงกันหรือเปล่าจะเรียกว่าใกล้หรืออะไรดี“พ่ะย่ะค่ะ” ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ“แล้วข้าควรทำอย่างไร”“ฝ่าบาทเพฮะก็ควรจะเข้าไปพูดคุยกับพระสนมก่อนดีไหมเพฮะ”“พระสนมอะไรกัน นางยังไม่ยอมถวายตัวเสด็จพ่อก็จะแต่งตั้งนางแล้วหรือ รอให้นางถวายตัวก่อนค่อยเรียกนางว่าพระสนม แบบนี้เสด็จพ่อก็ขาดทุนสิ” คนที่ไม่อยากให้ใครมาแย่งความรักจากพ่อไปอวี่หนิงขัดขึ้นขันทีอาวุโสยิ้มเจื่อนๆ“เพฮะไม่พระสนม เพฮะต่อไปไม่กล้าเรียกแล้วเพฮะ
ไม่มีในบท นิยายเรื่องนั้นอ๋องหรงไม่ได้มาส่งใครไม่มีใครตามมาด้วยเพียงแค่กลับวังหลวงใกล้ชิดองค์หญิงสามโดยมีฝ่าบาทและเสวียนอี้คอยขัดขวางแสดงว่ามีมี่ถูกเพิ่มบทเข้ามาแน่ๆแล้วฉานเป็นตัวอะไรวะ“ได้ได้ได้ ฉันจะดูแลตัวเองท่านเองก็ระวังตัวต่อจากนี้จะต้องพบเจออุปสรรคมากหน่อยแต่อย่ายอมแพ้นะ..สู้สู้ อืมลืมบอกไปหากมีอะไรที่ไม่เข้าใจหรือหาทางออกไม่ได้ก็มาปรึกษาได้นะข้าช่วยได้จริงๆ นะ”ในฐานะคนคุ้นเคยมีมี่อดที่จะรู้สึกใจหายไม่ได้แค่ไม่กี่วันที่ใช้เวลาเดินทางร่วมกันมารู้สึกว่าอ๋องหรงคนนี้มีบางอย่างที่แบกไว้หนักอึ้งทีเดียว“ข้าไม่มีอะไรให้เจ้าช่วย เพราะข้าช่วยอะไรเจ้าไม่ได้”เหลือบตามองขันทีอาวุโสที่ถือพานเดินมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ต้อนรับองค์หญิงเก้าซวี่หลินเข้าสู่ตำหนักเหมยฮวา…..เตรียมการถวายตัววววว” มีมี่ยืนตัวแข็งทื่อ นี่มันเรื่องอะไรกัน เดิมคิดว่านี่คือวิกฤติของอ๋องหรงแต่ตอนนี้เป็นวิกฤติของมีมี่ไปเสียแล้ว ถวายตัวอะไรกันใครจะถวายตัวฉันไม่ใช่องค์หญิงเก้าแต่จะปฏิเสธอย่างไรได้เสื้อผ้าหน้าผมก็องค์หญิงเก้าซวี่หลินทั้งหมดหันมองอ๋องหรงสบตาคมที่เฉยชานั้น เหมือนจะขอร้องให้ช่วย แต่กลับถูกนางกำนัลกับขันทีล็อ
“อือ”สะดุ้งเฮือกเมื่อพบว่าในผ้าห่มมีร่างอุ่นๆ ของใครในนั้นอีกทั้งมือเหนียวราวกับหนวดปลาหมึกกอดรัดเขาไว้แน่นผงกศีรษะมองหน้าก็รู้ว่านี่คือมีมี่ นางมานอนที่นี่ได้อย่างไร“มูมู่มาให้กอดหน่อยจะหนีไปไหน”มีมี่เองก็ครึ่งหลับครึ่งตื่นคิดว่ากำลังกอดแมว อ๋องหรงแกะมือเหนียวออกแต่ไม่สำเร็จ“หือ กอดนิดกอดหน่อยทำเป็นโมโห พรุ่งนี้ไม่ต้องกินเปียกเลยนะ” บนงึมงำอ๋องหรงเป่ยหรางใจเต้นตึกตัก จะว่าไปคืนนั้นจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยซ้ำแต่ทำไมพอโดนนางกอดอ้อมกอดอบอุ่นนี้กลับรู้สึกแปลกๆ ใจก็เต้นไม่เป็นท่า ก็เขาไม่เคยแนบชิดหญิงใดมาก่อนต่างหาก แค่เพียงรอว่าสักวันได้ได้เผยความในใจกับองค์หญิงสามอวี่หนิง“ได้รับ1โอกาสพลังพิเศษ ทำให้ตัวร้ายใจสั่นอีกแล้วเย้ๆๆๆๆ”“นอนๆๆๆ ฉันง่วงแล้ว”ยกมือเกาที่คอให้อ๋องหรงตาก็ไม่ลืมอีกคนอยากจะปัดมือออกแต่พอเห็นดวงตาดำขลับที่หลับตาพลิ้มเคี้ยวปากจั๊บๆ ก็เลยสงสารไม่อยากปลุกปล่อยให้มี่มี่นอนกอดแบบนั้นมันก็รู้สึกดีไปอีกแบบ หากไม่รวมอาการใจเต้นตึกตักที่เป็นอยู่ริมฝีปากแห้งผากและรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่เขาเป็นบุรุษ ไม่สิจะเห็นแก่ตัวมากไปแล้วนางเป็นหญิงนี่จะมาทำแบบนี้นาง







