Masuk“รอพรุ่งนี้เถอะนะ รอพรุ่งนี้เถอะนะหนูจะหายไป”
น้ำตาเต็มสองตา
“ซวี่หลิน ซวี่หลิน”
มีมี่สะดุ้งตื่นเมื่อรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังเขย่าตัว
ยกมือขึ้นปาดน้ำตา ที่เปรอะแก้ม
“เกี้ยวหยุดพักกินอาหารเที่ยงกันที่นี่เจ้าควรลงมาเดินเสียบ้างจะได้ไม่ปวดเมื่อย” น้ำเสียงเรียบเฉย มีมี่ได้แค่พยักหน้า อ๋องหรงสังเกตเห็นหยาดน้ำตาและแววตาเศร้าสร้อยของมีมี่ชัดเจน
“ไปกันเถอะ”
ข้างล่างนั่น เหล่าทหารกำลังหุงหา ซูเอ่อรีบนำเอาซาลาเปามายื่นให้อย่างเอาใจ
“มีไส้เค็มที่ทำจากเนื้อหมูน้ำค้างเจ้าค่ะแล้วนี่ไส้หวานจากถั่วแดง ซู่เอ่อรู้ว่าองค์หญิงไม่นิยมกินเนื้อแพะภูเขา”
มีมี่ยิ้มน้อยๆ ไม่ได้ร่าเริงเพราะความฝันที่ฉุดให้จมดิ่งลงกว่าเดิม โรคซึมเศร้ามันร้ายกว่าที่คิดมันจะโจมตีคุณทุกครั้งที่คุณดิ่งลงให้ยิ่งดิ่งลึกลงไปลึกสุดลึกจนในที่สุดคุณก็ไม่อยากจะขึ้นมา
อ๋องหรงเดินมาทรุดกายลงนั่งข้างๆ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเช่นเดิม
“เจ้าควรจะหัดกินเนื้อสัตว์อื่นบ้าง การเดินทางต้องใช้เวลาจึงไม่มีการเตรียมเสบียงมามากพออาศัยล่าสัตว์ตามป่าเขาพอได้ประทังหากเจ้ากินยากอยู่ยากแบบนี้จะทำให้ร่างกายอ่อนแอ”
“ไม่ต้องมายุ่ง ข้าไม่ชอบกินเนื้อสัตว์ป่า แล้วข้าอ่อนแอก็เรื่องของข้า”
“เนื้อสัตว์ป่ามีให้เลือกกินได้หลายอย่างเชียวนะ”
“ไม่กินก็คือไม่กิน ไม่ว่าเนื้ออะไรทั้งนั้น” อ๋องหรงถอนหายใจ
“พ่อบุญธรรม” ยกถาดไก่ป่าย่างหอมฉุยมาแต่ไกล มีมี่อ้าปากค้างวางซาลาเปาลงตรงหน้าตัก
“เนื้อไก่ป่าเจ้าก็ไม่กินใช่ไหมเช่นนั้นนับว่าข้ากำไรแล้ว”
ลู่เหวินวางถาดไก่ป่าลงตรงหน้า
“ไก่ย่างๆๆๆๆ” เสียงระบบดังข้างๆ หู
“ทหารไปยิงไก่ป่าจากเชิงเขาล่วงหน้ามาก่อไฟแล้วอบไว้รอ พ่อบุญธรรมกับองค์หญิงใส่เครื่องเทศที่นำมาจากเผ่าเอ่อถัวเถิด จะทำให้ไก่หอมมากแล้วไก่ตัวนี้เป็นตัวเมียที่กำลังไข่ ตัวอ้วนพีย่างไฟอ่อนๆ มันหยดเชียวขอรับ” ลู่เหวินบรรยายอย่างภาคภูมิใจ
โฆษณาสรรพคุณ มีมี่กลืนน้ำลายลงคอ
“องค์หญิง นางไม่กินเนื้อสัตว์ป่า” หันไปมองมีมี่ที่นั่งนิ่ง
“แย่เลยทหารพวหนั้นได้ยินว่าองค์หญิงหยั่งรู้อนาคตพวกเขาต้องการฝากตัวสั่งให้ข้านำมาให้กับองค์หญิงเสียด้วยเช่นนั้นท่านพ่อบุญธรรมท่านกิน….อะ”
มีมี่รับเอาถาดไก่ย่างไว้ในมืออย่างรวดเร็วตัดหน้าอ๋องหรง
“เกรงใจจริงๆ ข้าจะรับไว้เป็นน้ำใจแล้วกันไก่หอมๆ แบบนี้ไม่กินถือว่าผิดต่อสวรรค์”
อ๋องหรงส่ายหน้าไปมา มีมีรับเอาไก่มาสูดกลิ่นหอมๆ อย่างอารมณ์ดี ไก่ย่างเยียวยาทุกอย่าง
“ดีแล้วขอรับ พวกเขาตั้งใจทำเพื่อองค์หญิงจริงๆ หวังแค่เพียงคืนนี้และคืนต่อๆ ไปพวกเขาจะเข้าคิวรอให้องค์หญิงทำนายทายทักดวงชะตาให้กับพวกเขา ก็เท่านั้น เพราะระหว่างนี้มีเวลาเข้าใกล้องค์หญิงหากว่าองค์หญิงเข้าวังแล้วคงไม่มีโอกาส”
มีมี่ยิ้มหวาน
“ได้ซี้ ข้าไม่ได้หวังอะไรกับพวกเจ้าเหมือนกัน แต่เอาเป็นว่าคลายเหงาระหว่างเดินทาง”
ความจริงกับคนพวกนี้ไม่มีบทอย่างที่ว่าแค่เพียงพูดสิ่งที่พวกเขาอยากฟังปลอบใจพวกเขากับอดีตที่ล้มเหลว แล้วก็จุดคประกายความฝันให้พวกเขาก็เท่านั้น
ส่วนตัวละครสำคัญเหล่านั้นก็ค่อยกอบโกยเอาทีหลังระหว่างนี้ถือว่าเป็นการฝึกพูดให้คนเชื่อถือไปในตัว
อ๋องหรงลอบมองใบหน้างามสดใสยามที่เจรจาของมีมี่ พลางถอนหายใจยาว
เห็นความจริงใจของมีมี่แล้วไม่อยากขัด เห็นว่าอย่างน้อยนางก็มีน้ำใจ
หงส์ไม่กินข้าวกับกาหรอก
“เคลื่อนเกี้ยวววววว”
ขบวนเดินทางที่เคลื่อนผ่านทุ่งโล่งในยามบ่ายมุ่งหน้าทางทิศใต้เพื่อเข้าสู่วังหลวงหากคะเนระยะทางคงเดินทางมาได้สักสิบกิโลหรือน้อยกว่านั้น มีมี่ปิดปากหาวเมื่อท้องอิ่มก็ควรจะพัก ไก่ย่างเมื่อกี้รสชาติดีสุดๆ หลังจากที่ไม่ได้กินอะไรแบบนี้มาตั้งหลายวันกินแต่หมั่นโถวกับซาลาเปา
“เราต้องเดินทางกี่วัน”
อ๋องหรงเปิดเปลือกตามองมีมี่หลังจากที่นั่งนิ่งหลับตาตั้งแต่ขึ้นมาบนเกี้ยว
“ราวๆ ครึ่งดวงจันทร์เสี้ยวไม่เต็มครึ่งดวงหรือเกือบจะครึ่งดวง”
“แล้วจะนับแบบไหน มันหมายถึงกี่วัน” อ๋องหรงขยับหน้ากาก
“อะ”
“เฮ๊ยเจ้ากำลังจะทำอะไรของเจ้า” มีมี่ถลาเข้าหาคร่อมร่างอ๋องหรงไว้เมื่อมองเห็นจิ้งจกตัวหนึ่งเกาะที่หน้ากาก
อีกคนดันร่างบางให้ถอยห่างมือข้างหนึ่งที่เหนียวเหมือนกาวคว้าหน้ากากไว้แน่น ทำให้เชือกที่ผูกหน้ากากไว้หลุด หน้ากากติดมือเมื่อมีมี่ถูกผลักอย่างแรง ใบหน้าหล่อเหลาราวเทพสร้าง ดวงตางดงามทว่าเศร้าสร้อยเผยออกมาให้เห็น รอยแผลเป็นจากของมีคมกรีดไปบนใบหน้าขาวแม้จะไม่น่าเกลียดแต่ก็สะดุดตา มีมี่อ้าปากค้างปล่อยหน้ากากร่วงลงกับพื้นเกี้ยว
“บังอาจ” อ๋องหรงยกมือขึ้นกุมใบหน้าไว้
“มันมีจิ้งจก ขะขะข้าก็แค่เคยตัวต้องจับจิ้งจกให้เจ้าขาวส้มที่บ้านเป็นประจำพอเห็นจิ้งจกเลยอดใจไม่ได้”
“เจ้าเป็นแมวหรือไรจึงต้องจับจิ้งจก ลงไปจากตัวข้าเดี๋ยวนี้”
จับเอวบางไว้แล้วผลักให้ล้มลงไปกองกับพื้นเกี้ยว ออกลูกโมโห
“ใจร้ายที่สุด” ลูบก้นปรอยๆ
ลู่เหวินก้มหน้ายิ้ม เมื่อเห็นอ๋องหรงถอนหายใจยาวหนึ่งชั่วยามนางทนรออย่างอดทนเพื่ออะไรมีหรือเขาจะไม่รู้โต๊ะอาหารที่ศาลาริมน้ำสาวใช้ยกอาหารคาวหวานมาวางไว้ เสวียนอี้ช่วยจัดอาหารลงจานอย่างไม่ถือตัวว่าเป็นคุณหนู“ลู่เหวินไปรอรับ องค์หญิงเก้า” เสวียนอี้อ้าปากค้างอ๋องหรงที่เอามือไพล่หลังมองไปที่ประตูทางเข้าตำหนักเอ่ยปากเสียงเข้ม เสวียนอี้หูผึ่ง“ไม่แน่อาจไม่มาขอรับ”ลู่เหวินพูดอ้อมแอ้ม“ไม่มาแล้วนางจะกินที่ไหน ห้องเครื่องไม่ยกเครื่องเสวย ข้าถามไถ่ก็อ้างเรื่องที่นางเป็นชนเผ่ากลัวว่าทำเครื่องเสวยไปแล้วจะไม่ถูกปาก ช่างเป็นข้ออ้างที่ฟังขึ้นเหลือเกิน แค่นางไม่ได้รับแต่งตั้งเป็นสนมก็ถึงกับอดข้าว”“ขอรับ ลูกจะไปรอรับหากไม่มาจะไปตามขอรับ”“มาแล้วๆๆๆ มาแล้วรอนานไหมข้ามาแล้ว ฮ่าๆๆๆ ไม่ต้องกังวลไม่ต้องกังวลข้ามาแล้ว”หนีบเอาหีบเงินกับหีบทองเข้ามา ลู่เหวินจะรับเอาก็เบี่ยงตัวหลบ“ไม่ไม่ต้องๆ ข้าถือเองได้”“นั่นคืออะไร” อ๋องหรงเอ่ยปากถาม"เงินกับทองของข้าที่นำติดตัวมาจากเอ่อถัวอย่างไรเล่าทั้งเนื้อทั้งตัวมีเท่านี้” อ๋องหรงส่ายหน้าไปมากำลังคิดว่าทำไมเขาที่จับตาตลอดถึงไม่เห็นว่ามีมี่เอาเงินทองเหล่านี้ขึ้นเ
“เจ้าค่ะ แต่พูดก็พูดองค์หญิงถูกพามาที่นี่ก็เพื่อการนี้เจ้าค่ะมาถวายตัวองค์หญิงต้องทำใจเจ้าค่ะ แต่ที่น่าแปลกใจคือซูเอ่อไม่คิดว่าองค์หญิงจะมีเวทย์หยั่งรู้ที่เป็นภัยต่อคนอื่น เช่นนี้ฝ่าบาทเองก็คงไม่รู้หากฝ่าบาทรู้ก็คงไม่ให้องค์หญิงมาที่นี่ให้เสียเวลา” มีมี่ยิ้ม“ไม่ใช่เพื่อการนี้แต่เพื่อช่วยมวลมนุษยชาติ เจ้าเข้าใจไหมซูเอ่อ ต่อไปช่วยเป็นกระบอกเสียงให้คนอื่นได้รู้ว่าข้ามีหน้าที่ทำนายทายทักอนาคตของผู้คนดีไหมการที่เข้ามาอยู่ที่นี่จะได้ไม่สูญเปล่าข้าแบ่งให้เจ้า 20เปอร์เซ็นต์เลยเอ้า”ซูเอ่ออ้าปากค้าง ธุรกิจกำลังเริ่มต้นและไปได้ดี“ซูเอ่อจะได้ส่วนแบ่งหรือเจ้าค่ะ” ดวงตาแวววาว“แน่นอน ต่อจากนี้ก็จะยื้อเรื่องของฝ่าบาทได้อีกสักพักไม่ให้เขามากวนใจข้าแต่ระหว่างนี้อะไรก็ไม่แน่นอน เงินทองแน่นอนที่สุด ข้าตั้งใจมาที่นี่เพื่อทำนายดวงให้กับผู้คนในวังหลวงเพื่อแนะแนวทางและช่วยหาทางออกจากเรื่องที่ไม่อาจตัดสินใจหรือแก้ไขได้ด้วยตัวเอง เราสองคนมาทำธุรกิจร่วมกัน ตกลงไหม”เรื่องราวต่อจากนี้มีมี่อ่านมาหมดล่ะบอกไปก็เหมือนสปอยส์ต่อจากนี้เรื่องราวสปอยส์เหล่านี้จะกลายเป็นเงินทอง“ตกลงเจ้าค่ะ” มีมี่ยิ้ม จะร่วงหรือรอดก็ต
“เจ้าค่ะ แต่พูดก็พูดองค์หญิงถูกพามาที่นี่ก็เพื่อการนี้เจ้าค่ะมาถวายตัวองค์หญิงต้องทำใจเจ้าค่ะ แต่ที่น่าแปลกใจคือซูเอ่อไม่คิดว่าองค์หญิงจะมีเวทย์หยั่งรู้ที่เป็นภัยต่อคนอื่น เช่นนี้ฝ่าบาทเองก็คงไม่รู้หากฝ่าบาทรู้ก็คงไม่ให้องค์หญิงมาที่นี่ให้เสียเวลา” มีมี่ยิ้ม“ไม่ใช่เพื่อการนี้แต่เพื่อช่วยมวลมนุษยชาติ เจ้าเข้าใจไหมซูเอ่อ ต่อไปช่วยเป็นกระบอกเสียงให้คนอื่นได้รู้ว่าข้ามีหน้าที่ทำนายทายทักอนาคตของผู้คนดีไหมการที่เข้ามาอยู่ที่นี่จะได้ไม่สูญเปล่าข้าแบ่งให้เจ้า 20เปอร์เซ็นต์เลยเอ้า”ซูเอ่ออ้าปากค้าง ธุรกิจกำลังเริ่มต้นและไปได้ดี“ซูเอ่อจะได้ส่วนแบ่งหรือเจ้าค่ะ” ดวงตาแวววาว“แน่นอน ต่อจากนี้ก็จะยื้อเรื่องของฝ่าบาทได้อีกสักพักไม่ให้เขามากวนใจข้าแต่ระหว่างนี้อะไรก็ไม่แน่นอน เงินทองแน่นอนที่สุด ข้าตั้งใจมาที่นี่เพื่อทำนายดวงให้กับผู้คนในวังหลวงเพื่อแนะแนวทางและช่วยหาทางออกจากเรื่องที่ไม่อาจตัดสินใจหรือแก้ไขได้ด้วยตัวเอง เราสองคนมาทำธุรกิจร่วมกัน ตกลงไหม”เรื่องราวต่อจากนี้มีมี่อ่านมาหมดล่ะบอกไปก็เหมือนสปอยส์ต่อจากนี้เรื่องราวสปอยส์เหล่านี้จะกลายเป็นเงินทอง“ตกลงเจ้าค่ะ” มีมี่ยิ้ม จะร่วงหรือรอดก็ต
“เรื่องเวทย์หยั่งรู้คงแพร่ออกไปทั่ววังหลวงแล้วฝ่าบาทจะต้องบังคับให้องค์หญิงสะกดเวทย์ไว้แน่ๆ เจ้าค่ะ” มีมี่ถอนหายใจรอบที่ร้อยห้องทรงอักษร“อย่างนั้นหรือนาง นางมีเวทย์ประหลาดอย่างนั้นหรือ เจ้าเคยได้ยินไหมอ๋องหรง” ฉีก้านพูดจบก็คีบเครื่องเสวยใส่ปากเคี้ยวงับๆ อย่างอารมณ์ดี อวี่หนิงคีบเนื้อกุ้งที่แกะวางให้อย่างเอาใจ“ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ” น้ำเสียงเรียบเฉย“อือประหลาดจริง มันก็จริงอยู่เจ้าไม่เคยเข้าใกล้นางนี่เจ้าสิบสอง เลยไม่รู้ว่านางมีเวทย์ประหลาดแบบนี้”ลู่เหวินหันไปอมยิ้มเสียอีกทางจะไม่เคยอย่างไรยามที่องค์หญิงเก้าจะแทงท่านอ๋องท่านอ๋องก็ลากองค์หญิงเข้าไปแทงคืน ไม่สิ เมื่อสองคืนที่ผ่านมาก็ไม่รู้ได้แทงกันหรือเปล่าจะเรียกว่าใกล้หรืออะไรดี“พ่ะย่ะค่ะ” ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ“แล้วข้าควรทำอย่างไร”“ฝ่าบาทเพฮะก็ควรจะเข้าไปพูดคุยกับพระสนมก่อนดีไหมเพฮะ”“พระสนมอะไรกัน นางยังไม่ยอมถวายตัวเสด็จพ่อก็จะแต่งตั้งนางแล้วหรือ รอให้นางถวายตัวก่อนค่อยเรียกนางว่าพระสนม แบบนี้เสด็จพ่อก็ขาดทุนสิ” คนที่ไม่อยากให้ใครมาแย่งความรักจากพ่อไปอวี่หนิงขัดขึ้นขันทีอาวุโสยิ้มเจื่อนๆ“เพฮะไม่พระสนม เพฮะต่อไปไม่กล้าเรียกแล้วเพฮะ
ไม่มีในบท นิยายเรื่องนั้นอ๋องหรงไม่ได้มาส่งใครไม่มีใครตามมาด้วยเพียงแค่กลับวังหลวงใกล้ชิดองค์หญิงสามโดยมีฝ่าบาทและเสวียนอี้คอยขัดขวางแสดงว่ามีมี่ถูกเพิ่มบทเข้ามาแน่ๆแล้วฉานเป็นตัวอะไรวะ“ได้ได้ได้ ฉันจะดูแลตัวเองท่านเองก็ระวังตัวต่อจากนี้จะต้องพบเจออุปสรรคมากหน่อยแต่อย่ายอมแพ้นะ..สู้สู้ อืมลืมบอกไปหากมีอะไรที่ไม่เข้าใจหรือหาทางออกไม่ได้ก็มาปรึกษาได้นะข้าช่วยได้จริงๆ นะ”ในฐานะคนคุ้นเคยมีมี่อดที่จะรู้สึกใจหายไม่ได้แค่ไม่กี่วันที่ใช้เวลาเดินทางร่วมกันมารู้สึกว่าอ๋องหรงคนนี้มีบางอย่างที่แบกไว้หนักอึ้งทีเดียว“ข้าไม่มีอะไรให้เจ้าช่วย เพราะข้าช่วยอะไรเจ้าไม่ได้”เหลือบตามองขันทีอาวุโสที่ถือพานเดินมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ต้อนรับองค์หญิงเก้าซวี่หลินเข้าสู่ตำหนักเหมยฮวา…..เตรียมการถวายตัววววว” มีมี่ยืนตัวแข็งทื่อ นี่มันเรื่องอะไรกัน เดิมคิดว่านี่คือวิกฤติของอ๋องหรงแต่ตอนนี้เป็นวิกฤติของมีมี่ไปเสียแล้ว ถวายตัวอะไรกันใครจะถวายตัวฉันไม่ใช่องค์หญิงเก้าแต่จะปฏิเสธอย่างไรได้เสื้อผ้าหน้าผมก็องค์หญิงเก้าซวี่หลินทั้งหมดหันมองอ๋องหรงสบตาคมที่เฉยชานั้น เหมือนจะขอร้องให้ช่วย แต่กลับถูกนางกำนัลกับขันทีล็อ
“อือ”สะดุ้งเฮือกเมื่อพบว่าในผ้าห่มมีร่างอุ่นๆ ของใครในนั้นอีกทั้งมือเหนียวราวกับหนวดปลาหมึกกอดรัดเขาไว้แน่นผงกศีรษะมองหน้าก็รู้ว่านี่คือมีมี่ นางมานอนที่นี่ได้อย่างไร“มูมู่มาให้กอดหน่อยจะหนีไปไหน”มีมี่เองก็ครึ่งหลับครึ่งตื่นคิดว่ากำลังกอดแมว อ๋องหรงแกะมือเหนียวออกแต่ไม่สำเร็จ“หือ กอดนิดกอดหน่อยทำเป็นโมโห พรุ่งนี้ไม่ต้องกินเปียกเลยนะ” บนงึมงำอ๋องหรงเป่ยหรางใจเต้นตึกตัก จะว่าไปคืนนั้นจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยซ้ำแต่ทำไมพอโดนนางกอดอ้อมกอดอบอุ่นนี้กลับรู้สึกแปลกๆ ใจก็เต้นไม่เป็นท่า ก็เขาไม่เคยแนบชิดหญิงใดมาก่อนต่างหาก แค่เพียงรอว่าสักวันได้ได้เผยความในใจกับองค์หญิงสามอวี่หนิง“ได้รับ1โอกาสพลังพิเศษ ทำให้ตัวร้ายใจสั่นอีกแล้วเย้ๆๆๆๆ”“นอนๆๆๆ ฉันง่วงแล้ว”ยกมือเกาที่คอให้อ๋องหรงตาก็ไม่ลืมอีกคนอยากจะปัดมือออกแต่พอเห็นดวงตาดำขลับที่หลับตาพลิ้มเคี้ยวปากจั๊บๆ ก็เลยสงสารไม่อยากปลุกปล่อยให้มี่มี่นอนกอดแบบนั้นมันก็รู้สึกดีไปอีกแบบ หากไม่รวมอาการใจเต้นตึกตักที่เป็นอยู่ริมฝีปากแห้งผากและรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่เขาเป็นบุรุษ ไม่สิจะเห็นแก่ตัวมากไปแล้วนางเป็นหญิงนี่จะมาทำแบบนี้นาง







