Masuk“อือ”
สะดุ้งเฮือกเมื่อพบว่าในผ้าห่มมีร่างอุ่นๆ ของใครในนั้นอีกทั้งมือเหนียวราวกับหนวดปลาหมึกกอดรัดเขาไว้แน่น
ผงกศีรษะมองหน้าก็รู้ว่านี่คือมีมี่ นางมานอนที่นี่ได้อย่างไร
“มูมู่มาให้กอดหน่อยจะหนีไปไหน”
มีมี่เองก็ครึ่งหลับครึ่งตื่นคิดว่ากำลังกอดแมว อ๋องหรงแกะมือเหนียวออกแต่ไม่สำเร็จ
“หือ กอดนิดกอดหน่อยทำเป็นโมโห พรุ่งนี้ไม่ต้องกินเปียกเลยนะ” บนงึมงำ
อ๋องหรงเป่ยหรางใจเต้นตึกตัก จะว่าไปคืนนั้นจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยซ้ำแต่ทำไมพอโดนนางกอดอ้อมกอดอบอุ่นนี้กลับรู้สึกแปลกๆ ใจก็เต้นไม่เป็นท่า ก็เขาไม่เคยแนบชิดหญิงใดมาก่อนต่างหาก แค่เพียงรอว่าสักวันได้ได้เผยความในใจกับองค์หญิงสามอวี่หนิง
“ได้รับ1โอกาสพลังพิเศษ ทำให้ตัวร้ายใจสั่นอีกแล้วเย้ๆๆๆๆ”
“นอนๆๆๆ ฉันง่วงแล้ว”
ยกมือเกาที่คอให้อ๋องหรงตาก็ไม่ลืมอีกคนอยากจะปัดมือออกแต่พอเห็นดวงตาดำขลับที่หลับตาพลิ้มเคี้ยวปากจั๊บๆ ก็เลยสงสารไม่อยากปลุกปล่อยให้มี่มี่นอนกอดแบบนั้นมันก็รู้สึกดีไปอีกแบบ หากไม่รวมอาการใจเต้นตึกตักที่เป็นอยู่ริมฝีปากแห้งผากและรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่เขาเป็นบุรุษ ไม่สิจะเห็นแก่ตัวมากไปแล้วนางเป็นหญิงนี่จะมาทำแบบนี้นางก็จะเสียหาย
“นี่เจ้า เจ้า นี่เจ้าองค์หญิงเก้า”
มีมี่พลิกตัวนอนหงายเหยียดยาวบนที่นอนดวงตากลมโตหลับตาพลิ้มริมฝีปากบางแดงระเรื่อใบหน้าเรียบบเนียนแก้มสีชมพูบางๆ และยังร่างบางในอาภรณ์ชุดฮั่นฟูสีชมพูขาว นางนอนทั้งแบบนั้นไม่มีใครบอกนางหรือว่าควรจะถอดอาภรณ์ออกบางส่วน เอื้อมมือสั่นเทาคลายสายรัดเอวที่รัดแน่นออกให้เวลานอนจะได้ไม่อึดอัด มีมี่นอนหงายแผ่หลาด้วยความเคยชินไม่ระวังตัวทำเอาอ๋องหรงกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น เจ้าลูกชั่วลู่เหวินทำไมไม่บอกเขาว่ากระโจมหลังนี้เป็นขององค์หญิงเก้าเอ่อถัว ทำให้เขาเสียอาการจนได้
ยกมือขึ้นลูบใบหน้าของตัวเองก่อนจะ สะบัดผ้าห่มห่มคลุมร่างเหยียดยาวของมีมี่ไว้ ส่วนตัวเขาประสานมือที่ท้ายทอยนอนตาแข็งไม่อาจข่มตาหลับใหลลุกขึ้นตั้งใจจะไปหาที่นอนใหม่หรือไม่ก็ไปหากระโจมอีกหลังของเขา กว่าจะได้นอนคงอีกเกือบชั่วยาม
นั่นไม่ร้ายเท่ากับมีมี่พลิกตัวมาอีกครั้งมือบางกอดที่เอวหนาของเขาไว้แน่นใบหน้างามซุกอยู่ที่อกกว้างจำต้องเอามือที่ประสานกันออกมาประคองแผ่นหลังของมีมี่ไว้ ช่างเถอะ ไว้ค่อยคิดเรื่องนี้ไว้ค่อยแก้ไขเรื่องนี้อีกที
วังหลวง
“เสด็จพ่ออออออออ ท่านอาอ๋องหรงไม่สิอ๋องหรงเป่ยหลางกำลังจะกลับมาแล้วใช่ไหมลูกได้ยินพวกนางกำนัลเขาพูดกันว่าเสด็จพ่อกำลังจะแต่งตั้งสนมคนใหม่เพราะอ๋องหรงพาสนมคนใหม่มาส่งให้เสด็จพ่อที่วังหลวง”
อวี่หนิงที่ใบหน้างดงามผุดผ่องร่าเริงสดใสราวกับหิมะแรกวิ่งมากอดเอวฉีก้านด้วยท่าทีออดอ้อน
“อวี่หนิงสำรวมหน่อย” ส่งเสียงปรามไม่จริงจังนักก็รักลูกคนนี้กว่าใครเพราะนางคือลูกสาวคนเดียว จากฮองเฮาที่รัก และฟันฝ่าด้วยกันมาตั้งแต่แรก
ขันทีอาวุโสรีบเดินไปสั่งให้นางกำนัลนำของว่างเข้ามาเพื่อเอาใจอวี่หนิง
“เสด็จพ่อก็ลูกดีใจนี่เจ้าค่ะ ท่านอาอ๋องหรงใจดีที่สุดจะต้องมีของฝากมากมายแน่ๆ ว่าแต่ท่านอาหาไข่มุกมังกรพบไหม”
ฉีก้านยิ้มน้อยๆ วางพู่กันลง
“องค์หญิงสามของพ่อสนใจเรื่องไข่มุกมังกรด้วยหรือ”
“เพคะ ลูกลองอ่านตำราโบราณเกี่ยวกับไข่มุกมังกรแล้ว มันก็แค่เรื่องเล่า” ฉีก้านยิ้มน้อยๆ
“จะจริงหรือหลอกอ๋องหรงก็ยังไม่พบ เห็นหรือไม่ว่าอ๋องหรงไม่ได้เรื่องเพียงใด”
“ท่านอาเพิ่งจะยี่สิบอายุมากกว่าข้าแค่สามปี เสด็จพ่อเขาเป็นน้องท่านเป็นน้องท่านถึงจะไม่ได้ร่วมบิดาก็ร่วมมารดา ท่านควรดีกับเขาหน่อย”
“ข้าไม่ดีกับเขาตรงไหนกัน เอาอย่างนี้กลับมานี่จะให้เขาอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนอีกดูแลห้องเก็บตำราดีไหม”
“เสด็จพ่อใจดีที่สุดเลย ดีเลยข้าชอบไปที่ห้องเก็บตำราจะได้เจอท่านอาบ่อยๆ” ฉีก้านขมวดคิ้ว
“เจ้าชอบไปห้องเก็บตำราตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
ตั้งใจจะจับอวี่หนิงแยกกับอ๋องหรงแต่กลับทำให้ทั้งสองใกล้ชิดกัน นี่แหละเขาเรียกว่า ลิขิตฟ้าหรือจะสู้แป้นพิมพิ์นักเขียน
เช้าสดใสมีมี่บิดขี้เกียจอยู่บนแท่นนอน
“สบายจัง เมื่อคืนนอนกอดมูมู่ทั้งคืนเลยยิ้มแก้มปริ
“องค์หญิงเจ้าขา ตื่นแล้วหรือเจ้าค่ะ” ซูเอ่อนำน้ำอุ่นเข้ามาให้ล้างหน้าอีกคนปิดปากหาว
“วันนี้ไม่เอาไก่ย่างแล้วเบื่อแล้ว” ซูเอ่ออมยิ้ม
“วันนี้เห็น ท่านอ๋องไปสั่งคนทำอาหารให้ทำข้าวต้ม” มีมี่พยักหน้า
“ไม่อยู่ท้องแต่ก็ดีกว่าไก่ย่างแหละ”
“อะอะ องค์หญิงเจ้าขา…เอ่อ..เอ่อ…ซูเอ่อบังอาจถาม” เอ่ยปากด้วยท่าทีกล้าๆ กลัวๆ
“ว่ามาอ้ำอึ้งอะไรอยู่” ซูเอ่อก้มหน้า
“เมื่อคืนท่านอ๋องนอนข้างๆ เช้านี้องค์หญิงไม่รู้สึกว่าเมื่อยหรืออ่อนเพลียอะไรบ้างหรือท่านอ๋องถึงกับต้องสั่งข้าวต้มแต่องค์หญิงนี่หน้าตาสดชื่นดูดีมากเลยเจ้าค่ะ หรือว่าองค์หญิงเอาเปรียบนอนมองเพดานกระโจมอย่างเดียวปล่อยให้ท่านอ๋องออกแรงเพียงลำพัง”
มีมี่อ้าปากค้าง
“หา”
“ไม่หาเจ้าค่ะเมื่อเช้าซูเอ่อเข้ามาข้างในก็เห็นองค์หญิงกับท่านอ๋องนอนกอดกันกลมท่านอ๋องยังเสียสละแขนของท่านอ๋องให้องค์หญิงหนุนด้วยเจ้าค่ะ เป็นอ๋องที่ดีจริงๆ แต่รับรองเจ้าค่ะซูเอ่อไม่พูดเรื่องนี้กับใครแน่ๆ”
มีมี่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น
“ระบบบบบบออกมาเดี่ยวนี้ทำไมไม่เตือนฉัน”
“เจ้าค่ะท่านผู้ใช้สามโอกาสพลังพิเศษทำให้ตัวร้ายกอดได้เจ้าค่ะ”
“เฮอะๆๆๆ ท่าจะบ้าไปใหญ่แล้วได้แต้มด้วยเหรอ”
“ก็ต้องได้สิเจ้าคะเพราะนี่คือระบบตัวร้ายกลับใจ” มีมี่กลืนน้ำลายลงคอยากเย็น
วังหลวง
“อู้หู นี่หรือวังหลวง”
มีมี่ยื่นหน้าออกมาจากเกี้ยวจ้องมอง กำแพงสูงใหญ่ที่ห้อมล้อมเขตวังหลวงไว้
“ฉันจะลงแล้วนะ”
หันมองอ๋องหรงที่เอาแต่กำปิ่นปักผมที่ห่อไว้ด้วยผ้าไหมอย่างดีในมือ
“นี่นายฉันจะลงแล้วนะได้ยินไหม”
อ๋องหรงเป่ยหลางถอนหายใจยาวราวกับแบกโลกไว้ทั้งใบ ยัดห่อผ้าที่พับเก็บอย่างดีลงในอกเสื้อ
“ดูแลตัวเอง ตั้งแต่นี้ไปเจ้าเป็นคนของฝ่าบาทข้ามีหน้าที่เพียงมาส่งเจ้า….เท่านั้น”
มีมี่ขมวดคิ้ว
ลู่เหวินก้มหน้ายิ้ม เมื่อเห็นอ๋องหรงถอนหายใจยาวหนึ่งชั่วยามนางทนรออย่างอดทนเพื่ออะไรมีหรือเขาจะไม่รู้โต๊ะอาหารที่ศาลาริมน้ำสาวใช้ยกอาหารคาวหวานมาวางไว้ เสวียนอี้ช่วยจัดอาหารลงจานอย่างไม่ถือตัวว่าเป็นคุณหนู“ลู่เหวินไปรอรับ องค์หญิงเก้า” เสวียนอี้อ้าปากค้างอ๋องหรงที่เอามือไพล่หลังมองไปที่ประตูทางเข้าตำหนักเอ่ยปากเสียงเข้ม เสวียนอี้หูผึ่ง“ไม่แน่อาจไม่มาขอรับ”ลู่เหวินพูดอ้อมแอ้ม“ไม่มาแล้วนางจะกินที่ไหน ห้องเครื่องไม่ยกเครื่องเสวย ข้าถามไถ่ก็อ้างเรื่องที่นางเป็นชนเผ่ากลัวว่าทำเครื่องเสวยไปแล้วจะไม่ถูกปาก ช่างเป็นข้ออ้างที่ฟังขึ้นเหลือเกิน แค่นางไม่ได้รับแต่งตั้งเป็นสนมก็ถึงกับอดข้าว”“ขอรับ ลูกจะไปรอรับหากไม่มาจะไปตามขอรับ”“มาแล้วๆๆๆ มาแล้วรอนานไหมข้ามาแล้ว ฮ่าๆๆๆ ไม่ต้องกังวลไม่ต้องกังวลข้ามาแล้ว”หนีบเอาหีบเงินกับหีบทองเข้ามา ลู่เหวินจะรับเอาก็เบี่ยงตัวหลบ“ไม่ไม่ต้องๆ ข้าถือเองได้”“นั่นคืออะไร” อ๋องหรงเอ่ยปากถาม"เงินกับทองของข้าที่นำติดตัวมาจากเอ่อถัวอย่างไรเล่าทั้งเนื้อทั้งตัวมีเท่านี้” อ๋องหรงส่ายหน้าไปมากำลังคิดว่าทำไมเขาที่จับตาตลอดถึงไม่เห็นว่ามีมี่เอาเงินทองเหล่านี้ขึ้นเ
“เจ้าค่ะ แต่พูดก็พูดองค์หญิงถูกพามาที่นี่ก็เพื่อการนี้เจ้าค่ะมาถวายตัวองค์หญิงต้องทำใจเจ้าค่ะ แต่ที่น่าแปลกใจคือซูเอ่อไม่คิดว่าองค์หญิงจะมีเวทย์หยั่งรู้ที่เป็นภัยต่อคนอื่น เช่นนี้ฝ่าบาทเองก็คงไม่รู้หากฝ่าบาทรู้ก็คงไม่ให้องค์หญิงมาที่นี่ให้เสียเวลา” มีมี่ยิ้ม“ไม่ใช่เพื่อการนี้แต่เพื่อช่วยมวลมนุษยชาติ เจ้าเข้าใจไหมซูเอ่อ ต่อไปช่วยเป็นกระบอกเสียงให้คนอื่นได้รู้ว่าข้ามีหน้าที่ทำนายทายทักอนาคตของผู้คนดีไหมการที่เข้ามาอยู่ที่นี่จะได้ไม่สูญเปล่าข้าแบ่งให้เจ้า 20เปอร์เซ็นต์เลยเอ้า”ซูเอ่ออ้าปากค้าง ธุรกิจกำลังเริ่มต้นและไปได้ดี“ซูเอ่อจะได้ส่วนแบ่งหรือเจ้าค่ะ” ดวงตาแวววาว“แน่นอน ต่อจากนี้ก็จะยื้อเรื่องของฝ่าบาทได้อีกสักพักไม่ให้เขามากวนใจข้าแต่ระหว่างนี้อะไรก็ไม่แน่นอน เงินทองแน่นอนที่สุด ข้าตั้งใจมาที่นี่เพื่อทำนายดวงให้กับผู้คนในวังหลวงเพื่อแนะแนวทางและช่วยหาทางออกจากเรื่องที่ไม่อาจตัดสินใจหรือแก้ไขได้ด้วยตัวเอง เราสองคนมาทำธุรกิจร่วมกัน ตกลงไหม”เรื่องราวต่อจากนี้มีมี่อ่านมาหมดล่ะบอกไปก็เหมือนสปอยส์ต่อจากนี้เรื่องราวสปอยส์เหล่านี้จะกลายเป็นเงินทอง“ตกลงเจ้าค่ะ” มีมี่ยิ้ม จะร่วงหรือรอดก็ต
“เจ้าค่ะ แต่พูดก็พูดองค์หญิงถูกพามาที่นี่ก็เพื่อการนี้เจ้าค่ะมาถวายตัวองค์หญิงต้องทำใจเจ้าค่ะ แต่ที่น่าแปลกใจคือซูเอ่อไม่คิดว่าองค์หญิงจะมีเวทย์หยั่งรู้ที่เป็นภัยต่อคนอื่น เช่นนี้ฝ่าบาทเองก็คงไม่รู้หากฝ่าบาทรู้ก็คงไม่ให้องค์หญิงมาที่นี่ให้เสียเวลา” มีมี่ยิ้ม“ไม่ใช่เพื่อการนี้แต่เพื่อช่วยมวลมนุษยชาติ เจ้าเข้าใจไหมซูเอ่อ ต่อไปช่วยเป็นกระบอกเสียงให้คนอื่นได้รู้ว่าข้ามีหน้าที่ทำนายทายทักอนาคตของผู้คนดีไหมการที่เข้ามาอยู่ที่นี่จะได้ไม่สูญเปล่าข้าแบ่งให้เจ้า 20เปอร์เซ็นต์เลยเอ้า”ซูเอ่ออ้าปากค้าง ธุรกิจกำลังเริ่มต้นและไปได้ดี“ซูเอ่อจะได้ส่วนแบ่งหรือเจ้าค่ะ” ดวงตาแวววาว“แน่นอน ต่อจากนี้ก็จะยื้อเรื่องของฝ่าบาทได้อีกสักพักไม่ให้เขามากวนใจข้าแต่ระหว่างนี้อะไรก็ไม่แน่นอน เงินทองแน่นอนที่สุด ข้าตั้งใจมาที่นี่เพื่อทำนายดวงให้กับผู้คนในวังหลวงเพื่อแนะแนวทางและช่วยหาทางออกจากเรื่องที่ไม่อาจตัดสินใจหรือแก้ไขได้ด้วยตัวเอง เราสองคนมาทำธุรกิจร่วมกัน ตกลงไหม”เรื่องราวต่อจากนี้มีมี่อ่านมาหมดล่ะบอกไปก็เหมือนสปอยส์ต่อจากนี้เรื่องราวสปอยส์เหล่านี้จะกลายเป็นเงินทอง“ตกลงเจ้าค่ะ” มีมี่ยิ้ม จะร่วงหรือรอดก็ต
“เรื่องเวทย์หยั่งรู้คงแพร่ออกไปทั่ววังหลวงแล้วฝ่าบาทจะต้องบังคับให้องค์หญิงสะกดเวทย์ไว้แน่ๆ เจ้าค่ะ” มีมี่ถอนหายใจรอบที่ร้อยห้องทรงอักษร“อย่างนั้นหรือนาง นางมีเวทย์ประหลาดอย่างนั้นหรือ เจ้าเคยได้ยินไหมอ๋องหรง” ฉีก้านพูดจบก็คีบเครื่องเสวยใส่ปากเคี้ยวงับๆ อย่างอารมณ์ดี อวี่หนิงคีบเนื้อกุ้งที่แกะวางให้อย่างเอาใจ“ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ” น้ำเสียงเรียบเฉย“อือประหลาดจริง มันก็จริงอยู่เจ้าไม่เคยเข้าใกล้นางนี่เจ้าสิบสอง เลยไม่รู้ว่านางมีเวทย์ประหลาดแบบนี้”ลู่เหวินหันไปอมยิ้มเสียอีกทางจะไม่เคยอย่างไรยามที่องค์หญิงเก้าจะแทงท่านอ๋องท่านอ๋องก็ลากองค์หญิงเข้าไปแทงคืน ไม่สิ เมื่อสองคืนที่ผ่านมาก็ไม่รู้ได้แทงกันหรือเปล่าจะเรียกว่าใกล้หรืออะไรดี“พ่ะย่ะค่ะ” ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ“แล้วข้าควรทำอย่างไร”“ฝ่าบาทเพฮะก็ควรจะเข้าไปพูดคุยกับพระสนมก่อนดีไหมเพฮะ”“พระสนมอะไรกัน นางยังไม่ยอมถวายตัวเสด็จพ่อก็จะแต่งตั้งนางแล้วหรือ รอให้นางถวายตัวก่อนค่อยเรียกนางว่าพระสนม แบบนี้เสด็จพ่อก็ขาดทุนสิ” คนที่ไม่อยากให้ใครมาแย่งความรักจากพ่อไปอวี่หนิงขัดขึ้นขันทีอาวุโสยิ้มเจื่อนๆ“เพฮะไม่พระสนม เพฮะต่อไปไม่กล้าเรียกแล้วเพฮะ
ไม่มีในบท นิยายเรื่องนั้นอ๋องหรงไม่ได้มาส่งใครไม่มีใครตามมาด้วยเพียงแค่กลับวังหลวงใกล้ชิดองค์หญิงสามโดยมีฝ่าบาทและเสวียนอี้คอยขัดขวางแสดงว่ามีมี่ถูกเพิ่มบทเข้ามาแน่ๆแล้วฉานเป็นตัวอะไรวะ“ได้ได้ได้ ฉันจะดูแลตัวเองท่านเองก็ระวังตัวต่อจากนี้จะต้องพบเจออุปสรรคมากหน่อยแต่อย่ายอมแพ้นะ..สู้สู้ อืมลืมบอกไปหากมีอะไรที่ไม่เข้าใจหรือหาทางออกไม่ได้ก็มาปรึกษาได้นะข้าช่วยได้จริงๆ นะ”ในฐานะคนคุ้นเคยมีมี่อดที่จะรู้สึกใจหายไม่ได้แค่ไม่กี่วันที่ใช้เวลาเดินทางร่วมกันมารู้สึกว่าอ๋องหรงคนนี้มีบางอย่างที่แบกไว้หนักอึ้งทีเดียว“ข้าไม่มีอะไรให้เจ้าช่วย เพราะข้าช่วยอะไรเจ้าไม่ได้”เหลือบตามองขันทีอาวุโสที่ถือพานเดินมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ต้อนรับองค์หญิงเก้าซวี่หลินเข้าสู่ตำหนักเหมยฮวา…..เตรียมการถวายตัววววว” มีมี่ยืนตัวแข็งทื่อ นี่มันเรื่องอะไรกัน เดิมคิดว่านี่คือวิกฤติของอ๋องหรงแต่ตอนนี้เป็นวิกฤติของมีมี่ไปเสียแล้ว ถวายตัวอะไรกันใครจะถวายตัวฉันไม่ใช่องค์หญิงเก้าแต่จะปฏิเสธอย่างไรได้เสื้อผ้าหน้าผมก็องค์หญิงเก้าซวี่หลินทั้งหมดหันมองอ๋องหรงสบตาคมที่เฉยชานั้น เหมือนจะขอร้องให้ช่วย แต่กลับถูกนางกำนัลกับขันทีล็อ
“อือ”สะดุ้งเฮือกเมื่อพบว่าในผ้าห่มมีร่างอุ่นๆ ของใครในนั้นอีกทั้งมือเหนียวราวกับหนวดปลาหมึกกอดรัดเขาไว้แน่นผงกศีรษะมองหน้าก็รู้ว่านี่คือมีมี่ นางมานอนที่นี่ได้อย่างไร“มูมู่มาให้กอดหน่อยจะหนีไปไหน”มีมี่เองก็ครึ่งหลับครึ่งตื่นคิดว่ากำลังกอดแมว อ๋องหรงแกะมือเหนียวออกแต่ไม่สำเร็จ“หือ กอดนิดกอดหน่อยทำเป็นโมโห พรุ่งนี้ไม่ต้องกินเปียกเลยนะ” บนงึมงำอ๋องหรงเป่ยหรางใจเต้นตึกตัก จะว่าไปคืนนั้นจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยซ้ำแต่ทำไมพอโดนนางกอดอ้อมกอดอบอุ่นนี้กลับรู้สึกแปลกๆ ใจก็เต้นไม่เป็นท่า ก็เขาไม่เคยแนบชิดหญิงใดมาก่อนต่างหาก แค่เพียงรอว่าสักวันได้ได้เผยความในใจกับองค์หญิงสามอวี่หนิง“ได้รับ1โอกาสพลังพิเศษ ทำให้ตัวร้ายใจสั่นอีกแล้วเย้ๆๆๆๆ”“นอนๆๆๆ ฉันง่วงแล้ว”ยกมือเกาที่คอให้อ๋องหรงตาก็ไม่ลืมอีกคนอยากจะปัดมือออกแต่พอเห็นดวงตาดำขลับที่หลับตาพลิ้มเคี้ยวปากจั๊บๆ ก็เลยสงสารไม่อยากปลุกปล่อยให้มี่มี่นอนกอดแบบนั้นมันก็รู้สึกดีไปอีกแบบ หากไม่รวมอาการใจเต้นตึกตักที่เป็นอยู่ริมฝีปากแห้งผากและรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่เขาเป็นบุรุษ ไม่สิจะเห็นแก่ตัวมากไปแล้วนางเป็นหญิงนี่จะมาทำแบบนี้นาง







