Mag-log inไม่มีในบท นิยายเรื่องนั้นอ๋องหรงไม่ได้มาส่งใครไม่มีใครตามมาด้วยเพียงแค่กลับวังหลวงใกล้ชิดองค์หญิงสามโดยมีฝ่าบาทและเสวียนอี้คอยขัดขวางแสดงว่ามีมี่ถูกเพิ่มบทเข้ามาแน่ๆ
แล้วฉานเป็นตัวอะไรวะ
“ได้ได้ได้ ฉันจะดูแลตัวเองท่านเองก็ระวังตัวต่อจากนี้จะต้องพบเจออุปสรรคมากหน่อยแต่อย่ายอมแพ้นะ..สู้สู้ อืมลืมบอกไปหากมีอะไรที่ไม่เข้าใจหรือหาทางออกไม่ได้ก็มาปรึกษาได้นะข้าช่วยได้จริงๆ นะ”
ในฐานะคนคุ้นเคยมีมี่อดที่จะรู้สึกใจหายไม่ได้แค่ไม่กี่วันที่ใช้เวลาเดินทางร่วมกันมารู้สึกว่าอ๋องหรงคนนี้มีบางอย่างที่แบกไว้หนักอึ้งทีเดียว
“ข้าไม่มีอะไรให้เจ้าช่วย เพราะข้าช่วยอะไรเจ้าไม่ได้”
เหลือบตามองขันทีอาวุโสที่ถือพานเดินมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ต้อนรับองค์หญิงเก้าซวี่หลินเข้าสู่ตำหนักเหมยฮวา…..เตรียมการถวายตัววววว” มีมี่ยืนตัวแข็งทื่อ นี่มันเรื่องอะไรกัน เดิมคิดว่านี่คือวิกฤติของอ๋องหรงแต่ตอนนี้เป็นวิกฤติของมีมี่ไปเสียแล้ว ถวายตัวอะไรกันใครจะถวายตัวฉันไม่ใช่องค์หญิงเก้าแต่จะปฏิเสธอย่างไรได้เสื้อผ้าหน้าผมก็องค์หญิงเก้าซวี่หลินทั้งหมด
หันมองอ๋องหรงสบตาคมที่เฉยชานั้น เหมือนจะขอร้องให้ช่วย แต่กลับถูกนางกำนัลกับขันทีล็อกตัวไว้พยุงเดินขึ้นไปบนเสลี่ยง จะโวยวายก็ใช้ที่จะตีโพยตีพายหรือก็ไม่อาจ
“ซูเอ่อเจ้าตามองค์หญิงเก้าไป” อ๋องหรงหันไปสั่งซูเอ่อที่รีบวิ่งตามมีมี่ไปติดๆ
“พ่อบุญธรรม ท่านว่ามันไม่ยุติธรรมใช่ไหม รับองค์หญิงเก้ามาเพื่อให้เป็นสนมไม่น่าเลยยย พ่อบุญธรรมท่านผิดนะเนี๊ยะที่พานางมาให้มังกรหิวกระหายผู้นี้”
ลู่เหวินกระซิบข้างๆ หูยุยงปลุกปั่นก็คงไม่ผิด
“หุบปากแล้วเข้าไปข้างใน”
“พ่อบุญธรรมท่านไม่รู้สึกอะไรจริงหรือท่านเป็นคนพาองค์หญิงมานะ ไม่รู้สึกว่าองค์หญิงเอ่อถัวน่าสงสารหรือไรนางยังสาวต้องมาแต่งกับ…”
รีบยกมือขึ้นอุดปากตัวเองเมื่อเสียงหนี่งดังอยู่ด้านหลัง
“ท่านอ๋อง ท่านอา”
สองดรุณีแรกรุ่นแต่งกายด้วยอาภรณ์สีหวานงดงามไม่เป็นรองกันเดินเรียงหน้าเข้ามา
อ๋องหรงจ้องมองใบหน้าสว่างสดใสของอวี่หนิงก่อนจะยิ้ม
“องค์หญิงลมแรงอากาศหนาว เจ้าออกมาทำไม”
“ท่านอา อวี่หนิงมารอของฝาก” อ๋องหรงยิ้มบางๆ
“ท่านอ๋อง ข้าเองก็มารับท่าน” เสวียนอี้เอ่ยปากเพราะรู้สึกว่าไร้ตัวตนสิ้นดี
“ได้ยินแล้วแต่ข้ากับคุณหนูหวังไม่เคยพบหน้าเหตุใดต้องมารับข้าด้วย”
เสวียนอี้ยิ้มเอียงอาย
“เดิมเสวียนอี้คิดว่าท่านอ๋องมีชีวิตเพียงลำพังมาเนิ่นนานมิได้มีใครห่วงใยรักใคร่ จึงหวังว่าจะมาเพื่อเป็นกำลังใจว่ายังมีใครที่รอคอยการกลับมาของท่านอ๋อง”
ลู่เหวินอมยิ้ม
“ขอบใจหนูหวังยิ่งนัก”
“เชอะ วันนี้ข้ามาแล้วเจ้าไปเสีย” อวี่หนิงเอ่ยปากไล่เอาเสียดื้อๆ
“เพคะ องค์หญิงมาแล้วเสวียนอี้ควรไป ไว้หากมีโอกาสท่านอ๋องแวะไปที่จวนกรมคลังดื่มน้ำชาจากตะวันตก รสดีไม่น้อยอยากให้ท่านอ๋องได้ลองชิม”
“รสดี ก็มีไว้แต่ในจวนเจ้ารสดีเหตุใดไม่นำมาถวายเสด็จพ่อเล่า” อวี่หนิงเหน็บแหนม เสวียนอี้ยิ้มหวานหยด
“เจ้าค่ะ เสวียนอี้น้อมบัญชาองค์หญิงสาม” ยอมโดยดี อ๋องหรงได้แต่ถอนหายใจ
เสวียนอี้ไปแล้วอวี่หนิงยิ้มสดใส
“ท่านอา เสด็จพ่อปูนบำเหน็จให้ท่านดูแลห้องเก็บตำราต่อจากนี้ไม่ต้องไปไหนแล้ว” อ๋องหรงเลิกคิ้วสูง ถอนหายใจยาว
ตำหนักเหมยฮวา
มีมี่ถูกพาเข้ามาในห้อง นางกำนัลรายล้อมเพื่อจะจับแช่นำอบและขัดผิวก่อนจะถวายตัว
“ม่ายยยยยห้ามแตะต้องตัวข้า ในร่างกายของข้ามีเวทย์หยั่งรู้ จะแผ่ออกมาโดยที่มองไม่เห็นไม่มีใครมองเห็นยกเว้นข้า หากพวกเจ้าถูกตัวข้าเวทย์หยั่งรู้นี้หากไม่ใช่คนที่เกิดมาพร้อมกับมันต้องเวทย์นี้เข้า จะกระอักเลือดสดสดๆ ออกมาแล้วตายในทันที”
นางกำนัลต่างถอยหลังจนชนกันเอง
“ยาพิษ ตัวนางมีพิษร้าย” คนหนึ่งพึมพำเบาๆ
“นั่นแหละเหมือนยาพิษนั่นแหละ แต่ทรมานกว่าลมปราณของพวกเจ้าจะแตกซ่านเจ็บปวดราวเข็มนับหมื่นทิ่มแทง เลือดไหลออกจากทวารทั้งแปด ทรมานยิ่งกว่าม้าแยกร่าง ข้าเป็นห่วงคนบริสุทธิ์เช่นพวกเจ้า ก่อนนั้นนางกำนัลที่เผ่าเอ่อถัวตอนที่ข้าถือกำเนิดพวกเขาตายเพราะข้าไปหลายคนแล้ว ฉะนั้นข้าอาบเองได้ อ้อสาวใช้ของข้าซูเอ่อนางรู้วิธีหลบหลีกไม่ให้เวทย์หยั่งรู้ทำร้ายนาง”
นางกำนัลต่างรีบขยับตัวออกห่างปล่อยให้ซูเอ่อเข้ามาข้างใน
“ซูเอ่อปิดประตู” ซูเอ่อรีบปิดประตูลงกลอนแน่นหนา
“เฮ้อออออ” มีมี่ทิ้งตัวลงนอนแผ่หลากับพื้น
“เอาไงดี” ระบบรีบพูดเแทรกขึ้น
“ดำเนินเรื่องได้ดีเจ้าคะ เวทย์หยั่งรู้ พิษร้ายเลือดออกจากทวารทั้งแปดเข้าท่าๆ”
“จริงหรือไม่เจ้าค่ะเรื่องเวทย์หยั่งรู้” ซูเอ่อถาม
“จริง”
“จริงหรือเจ้าค่ะแล้ว …ละละแล้วที่องค์หญิงกับ ท่านอ๋อง…เอ่อเอ่อคืนก่อนนั้นท่านอ๋องไม่โดนเวทย์หยั่งรู้นั่นหรือเจ้าค่ะ”
จะหลอกศัตรูจะต้องหลอกมิตรให้ตายใจ
“นั่นเพราะข้า ใช้เคล็ดวิชาที่ร่ำเรียนมาสะกดมันไว้อย่างยากเย็นเห็นไหมแบบนี้เจ้ายังคิดว่าข้ากับท่านอ๋องจะทำอะไรกันได้อีกหรือลำบากเพียงนี้ในการเข้าใกล้ข้า”
ซูเอ่อเกาหัวแกรกๆ
“แล้วซูเอ่อเล่าเจ้าค่ะไม่เห็นจะเป็นอะไร” มีมี่ถอนหายใจ ขี้สงสัยจริงๆ
“นั่นเพราะข้าเห็นเจ้าเป็นมิตรอย่างไรเล่า” ซูเอ่อพยักหน้าขึ้นลง
“แต่องค์หญิงเจ้าขา หากเป็นฝ่าบาทคืนนี้องค์หญิงจะต้องถวายตัว แล้วหากว่าฝ่าบาทอยากจะให้องค์หญิงอุ่นเตียง”
มีมี่ถอนหายใจพลิกตัวนอนตะแคง ยกมือขึ้นบีบขมับสองข้าง
“นั่นสิจะทำอย่างไรดี”
“ม่ายยยไม่มีใครถ่วงเวลาแค่ยังหาทางเอาตัวรอดจาก….เสือหิว…อย่าง..อย่างฝ่าบาทไม่ได้ก็เท่านั้น ท่านอ๋องท่านไม่มีทางช่วยข้าบ้างหรือ ขอคำปรึกษาหน่อย”สายตาอ้อนวอนลืมตัวไปเสียสนิทอ๋องหรงเผลอยิ้ม ชี้มือที่แก้มเนียนขาวของตัวเองข้างที่ไม่มีหน้ากาก คิ้วเรียวบางของมีมี่ขมวดเข้าหากัน ใจเต้นไม่เบา อีกคนยังชี้มือที่แก้มซ้ำๆ มีมี่ก้มหน้าจะเขินไปไหนก็เผลอมองสบตากับใบหน้าเนียนขาว (ขาวกว่ามีมี่อีก) หล่อทะลุหน้ากากแต่ว่าเอะ มุกนี้คุ้นๆ อ่อไม่ได้แดกมีมี่หรอกฮ่าาาา มีมี่ยิ้มพยักหน้าขึ้นลง“มุกข้าวติดแก้ม”รีบยกมือเช็ดแก้มของตัวเองเห็นไหมว่านี่มันคือนิยาย หรือซีรีส์และมีมี่กำลังอยู่ในนั้น เช่นนั้นทุกอย่างล้วนแค่ถูกเสกสรรจขึ้นโดยนักเขียนไม่ใช่เรื่องจริง“ข้าหมายถึง หากอยากให้ข้าช่วยจะต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”ดวงตากลมโตเลิกสูงยิ่งทำให้ดวงตากลมโตยิ่งโตจนน่ามอง“เอาจริงดิ”“อืมมมมม ก็แล้วแต่ว่าจะอยากได้ความช่วยเหลือหรือไม่ ข้าอยู่ในห้องตำราแต่ก็ไม่ได้อ่านนิยายหรือตำรา ซู่หนี่จิง ต้งเสียนจื่อ (สองตำรากามสูตร) และเก่งแต่เรื่องอย่างว่า อย่างเดียวหรอกนะ”มีมี่หน้าแดง“ก็ได้”อ๋องหรงก้มหน้าซ่อนยิ้มแค่ตั้งใจหยอกเย้าแต่อ
อ๋องหรงจ้องมองใบหน้างดงามที่สลดลงของมีมี่“เอ่อ ข้า ว่าพอได้แล้วข้าพอใจแล้ว เช่นนั้นเลิกทำโทษนางเถอะ”รู้สึกผิดไม่น้อย“องค์หญิงเก้าท่านควรจะกลับไปเสีย เพื่อฝ่าบาทจะได้ไม่ต้องกังวลมากไปกว่านี้ลงทัณฑ์คนอื่นวุ่นวายเรื่องนี้จะว่าไปไม่มใครผิด แค่เรื่องเข้าใจผิด”อ๋องหรงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแต่เหมือนจะบอกว่ามีมี่นั่นแหละที่ผิดทำให้คนอื่นเดือดร้อนเพราะเรื่องเล็กน้อย“ก็ได้กลับก็ได้แต่รอให้อิ่มก่อน” พูดอ้อมแอ้ม“หลี่กงกงท่านกลับไปทูลฝ่าบาทข้าจะส่งคนคุ้มกันองค์หญิงกลับตำหนัก” อ๋องหรงหันไปพูดกับหลี่กงกง“เพฮะตอนนี้ฝ่าบาททรงรอที่ตำหนักเหมยฮวา”“รอทำไม”มีมี่กลืนน้ำลายลงคอยากเย็น“ทรงบอกว่าเมื่อคืนนอนไม่หลับพอหลับตาลงก็เห็นแต่ใบหน้าขององค์หญิง เช้ามาจึงรีบมาที่ตำหนักแต่ไม่พบองค์หญิง พอดีนางกำนัลคนนั้นนำคำพูดขององค์หญิงมากราบทูลฝ่าบาท จึง…ทรงกริ้วและสั่งลงทัณฑ์คนพวกนั้นปางตาย”มีมี่หันมองอ๋องหรงต้องการตัวช่วย แต่เปล่าเลยอีกคนกลับนิ่งเสียมีมี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ“กงกงท่านไปเถอะ ข้าจะกลับทันทีที่อิ่มไม่ให้ฝ่าบาทรอนาน”ขันทีอาวุโสประสานมืออย่างนอบน้อมแล้วจากไป“คนเช่นองค์หญิงเก้าเอ่อถัว คงไม่รู้ว่
ลู่เหวินก้มหน้ายิ้ม เมื่อเห็นอ๋องหรงถอนหายใจยาวหนึ่งชั่วยามนางทนรออย่างอดทนเพื่ออะไรมีหรือเขาจะไม่รู้โต๊ะอาหารที่ศาลาริมน้ำสาวใช้ยกอาหารคาวหวานมาวางไว้ เสวียนอี้ช่วยจัดอาหารลงจานอย่างไม่ถือตัวว่าเป็นคุณหนู“ลู่เหวินไปรอรับ องค์หญิงเก้า” เสวียนอี้อ้าปากค้างอ๋องหรงที่เอามือไพล่หลังมองไปที่ประตูทางเข้าตำหนักเอ่ยปากเสียงเข้ม เสวียนอี้หูผึ่ง“ไม่แน่อาจไม่มาขอรับ”ลู่เหวินพูดอ้อมแอ้ม“ไม่มาแล้วนางจะกินที่ไหน ห้องเครื่องไม่ยกเครื่องเสวย ข้าถามไถ่ก็อ้างเรื่องที่นางเป็นชนเผ่ากลัวว่าทำเครื่องเสวยไปแล้วจะไม่ถูกปาก ช่างเป็นข้ออ้างที่ฟังขึ้นเหลือเกิน แค่นางไม่ได้รับแต่งตั้งเป็นสนมก็ถึงกับอดข้าว”“ขอรับ ลูกจะไปรอรับหากไม่มาจะไปตามขอรับ”“มาแล้วๆๆๆ มาแล้วรอนานไหมข้ามาแล้ว ฮ่าๆๆๆ ไม่ต้องกังวลไม่ต้องกังวลข้ามาแล้ว”หนีบเอาหีบเงินกับหีบทองเข้ามา ลู่เหวินจะรับเอาก็เบี่ยงตัวหลบ“ไม่ไม่ต้องๆ ข้าถือเองได้”“นั่นคืออะไร” อ๋องหรงเอ่ยปากถาม"เงินกับทองของข้าที่นำติดตัวมาจากเอ่อถัวอย่างไรเล่าทั้งเนื้อทั้งตัวมีเท่านี้” อ๋องหรงส่ายหน้าไปมากำลังคิดว่าทำไมเขาที่จับตาตลอดถึงไม่เห็นว่ามีมี่เอาเงินทองเหล่านี้ขึ้นเ
“เจ้าค่ะ แต่พูดก็พูดองค์หญิงถูกพามาที่นี่ก็เพื่อการนี้เจ้าค่ะมาถวายตัวองค์หญิงต้องทำใจเจ้าค่ะ แต่ที่น่าแปลกใจคือซูเอ่อไม่คิดว่าองค์หญิงจะมีเวทย์หยั่งรู้ที่เป็นภัยต่อคนอื่น เช่นนี้ฝ่าบาทเองก็คงไม่รู้หากฝ่าบาทรู้ก็คงไม่ให้องค์หญิงมาที่นี่ให้เสียเวลา” มีมี่ยิ้ม“ไม่ใช่เพื่อการนี้แต่เพื่อช่วยมวลมนุษยชาติ เจ้าเข้าใจไหมซูเอ่อ ต่อไปช่วยเป็นกระบอกเสียงให้คนอื่นได้รู้ว่าข้ามีหน้าที่ทำนายทายทักอนาคตของผู้คนดีไหมการที่เข้ามาอยู่ที่นี่จะได้ไม่สูญเปล่าข้าแบ่งให้เจ้า 20เปอร์เซ็นต์เลยเอ้า”ซูเอ่ออ้าปากค้าง ธุรกิจกำลังเริ่มต้นและไปได้ดี“ซูเอ่อจะได้ส่วนแบ่งหรือเจ้าค่ะ” ดวงตาแวววาว“แน่นอน ต่อจากนี้ก็จะยื้อเรื่องของฝ่าบาทได้อีกสักพักไม่ให้เขามากวนใจข้าแต่ระหว่างนี้อะไรก็ไม่แน่นอน เงินทองแน่นอนที่สุด ข้าตั้งใจมาที่นี่เพื่อทำนายดวงให้กับผู้คนในวังหลวงเพื่อแนะแนวทางและช่วยหาทางออกจากเรื่องที่ไม่อาจตัดสินใจหรือแก้ไขได้ด้วยตัวเอง เราสองคนมาทำธุรกิจร่วมกัน ตกลงไหม”เรื่องราวต่อจากนี้มีมี่อ่านมาหมดล่ะบอกไปก็เหมือนสปอยส์ต่อจากนี้เรื่องราวสปอยส์เหล่านี้จะกลายเป็นเงินทอง“ตกลงเจ้าค่ะ” มีมี่ยิ้ม จะร่วงหรือรอดก็ต
ซูเอ่อยังทุบประตูรัวๆ แต่ข้างในกลับสงบนิ่ง“นางกำลังจะ ทำร้ายตัวเอง”“ใจเย็นขอรับบางทีองค์หญิงอาจแค่ๆๆ”ลู่เหวินบอกว่าเขาใจร้อนแต่อ๋องหรงกลับใจร้อนกว่า“องค์หญิงเจ้าขาอย่าทำแบบนี้ จะคิดสั้นแบบนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ”“ฮ่องเต้เสด็จจจจจจจจจ”องครักษ์แหวกทางเข้าไปยืนหน้าห้องฉีก้านที่สวมเสื้อคลุมมังกรสีเหลืองทองแต่ร่างท้วมพุงพลุ้ยน่ารังเกียจไม่เหมาะกับชุดคลุมที่สวมใส่แม้แต่น้อย พาตัวเองมายืนหน้าห้อง ลู่เหวินยกมือป้องอ๋องหรงไว้ซูเอ่อรีบทรุดกายลงกับพื้น“ฝะฝะฝ่าบาทเพคะองค์หญิงเก้ากำลังจะ ทำร้ายตัวเองเจ้าค่ะ”ฉีก้านเลิกคิ้วสูง“หือ ทำไม ทำไมต้องทำร้ายตัวเอง มิใช่ต้องการต่อรองกับข้าหรือ องครักษ์เปิดประตู” ขันทีอาวุโสกันฉีก้านออกมาองครักษ์ที่มีอาวุธครบมือต่างช่วยกันกระแทกประตูจนเปิดอ้าออกอ๋องหรงกัดฟันแน่น“ไหนให้ข้าดูหน้าองค์หญิงหน่อย พวกเจ้าถอยไปข้าจะปลอบใจองค์หญิงเพียงลำพัง”“อะฝ่าบาท ฝ่าบาท ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”ขันทีอาวุโสรีบห้ามไว้“หืม ทำไมล่ะนางกลัวจะต้องถวายตัวจึงทำร้ายตัวเองข้าปลอบใจนางไม่กี่คำเกรงว่านางจะสงบลง”ก้าวขาเข้าไปในห้อง ยืนอยู่กับที่ตะลึงกับใบหน้างดงามทว่ามีหยาดน้ำตาไหลรินใบหน้าเศร้า
“เรื่องเวทย์หยั่งรู้คงแพร่ออกไปทั่ววังหลวงแล้วฝ่าบาทจะต้องบังคับให้องค์หญิงสะกดเวทย์ไว้แน่ๆ เจ้าค่ะ” มีมี่ถอนหายใจรอบที่ร้อยห้องทรงอักษร“อย่างนั้นหรือนาง นางมีเวทย์ประหลาดอย่างนั้นหรือ เจ้าเคยได้ยินไหมอ๋องหรง” ฉีก้านพูดจบก็คีบเครื่องเสวยใส่ปากเคี้ยวงับๆ อย่างอารมณ์ดี อวี่หนิงคีบเนื้อกุ้งที่แกะวางให้อย่างเอาใจ“ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ” น้ำเสียงเรียบเฉย“อือประหลาดจริง มันก็จริงอยู่เจ้าไม่เคยเข้าใกล้นางนี่เจ้าสิบสอง เลยไม่รู้ว่านางมีเวทย์ประหลาดแบบนี้”ลู่เหวินหันไปอมยิ้มเสียอีกทางจะไม่เคยอย่างไรยามที่องค์หญิงเก้าจะแทงท่านอ๋องท่านอ๋องก็ลากองค์หญิงเข้าไปแทงคืน ไม่สิ เมื่อสองคืนที่ผ่านมาก็ไม่รู้ได้แทงกันหรือเปล่าจะเรียกว่าใกล้หรืออะไรดี“พ่ะย่ะค่ะ” ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ“แล้วข้าควรทำอย่างไร”“ฝ่าบาทเพฮะก็ควรจะเข้าไปพูดคุยกับพระสนมก่อนดีไหมเพฮะ”“พระสนมอะไรกัน นางยังไม่ยอมถวายตัวเสด็จพ่อก็จะแต่งตั้งนางแล้วหรือ รอให้นางถวายตัวก่อนค่อยเรียกนางว่าพระสนม แบบนี้เสด็จพ่อก็ขาดทุนสิ” คนที่ไม่อยากให้ใครมาแย่งความรักจากพ่อไปอวี่หนิงขัดขึ้นขันทีอาวุโสยิ้มเจื่อนๆ“เพฮะไม่พระสนม เพฮะต่อไปไม่กล้าเรียกแล้วเพฮะ







