วันเสาร์...
รรรกลับถึงห้องด้วยอาการเมาค้าง แถมยังต้องปวดหัวกับเรื่องเมื่อคืนที่เขาเอาแต่ครุ่นคิดมาตลอดทางว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง พยายามเรียบเรียงเหตุการณ์แต่มันก็เลือนรางจนปะติดปะต่อเรื่องราวอะไรไม่ได้เลย
ใจหนึ่งก็ดีใจที่คนที่ตื่นมาเจอคือพิจิก คนที่เขาคิดถึงและโหยหามานาน แต่อีกใจก็เศร้า ยิ่งคิดยิ่งปวดใจ การที่เขาย้ายมาอยู่ที่นี่คนเดียว ทำงานแล้วเลือกไม่ติดต่อเพื่อนฝูงเลย เพราะไม่อยากรับรู้เรื่องราวของพิจิกอีก
“ทำไมกูหนีมึงไม่พ้นสักที” ได้แต่คิด
เสียงโทรศัพท์ทำให้รรรหลุดจากความคิด เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เป็นเบอร์แปลกที่เขาไม่ได้เมมไว้
“สวัสดีครับ”
“เป็นไงบ้าง ยังแฮงค์อยู่หรือเปล่ามึง”
“มึงมีเบอร์กูได้ไง”
“กูก็กดเซฟไว้ตอนมึงเมาไง” อดไม่ได้ที่จะกวนกลับ เวลาได้แกล้งรรรให้โกรธมันมีความสุข “อย่าเพิ่งวางสายหนีกู กูแค่เป็นห่วง” กลับมาเป็นจริงจัง เพราะจริง ๆ แล้วเขาอดเป็นห่วงรรรไม่ได้ รู้ว่าเวลาเมาทีไรจะแฮงค์นาน บางทีพาลกลายเป็นป่วยไปเลย
“เออ...กูไม่เป็นไร”
“มึงปากแข็ง” เขาเงียบรอฟังเสียงปลายสายสักพัก แต่รรรก็ไม่พูดอะไรกลับมา “มึงมียาแก้แฮงค์ไหม ถ้าไม่มีกูจะซื้อไปให้”
“ไม่ต้อง”
“มึงหยุดดื้อก่อน...บอกที่อยู่มึงมา กูจะซื้อยากับข้าวเข้าไปให้...” ยังพูดไม่ทันจบรรรก็กดตัดสาย และปิดโทรศัพท์หนีทันที
“โอ๊ย....ปวดหัวโว้ย!!”
วันหยุดสุดสัปดาห์หมดไปด้วยอาการเมาค้างทั้งสองวัน รรรเอาแต่นอน จะเปิดโทรศัพ์ทีก็มีแต่เบอร์ไอ้จิกโทรมา จะบล็อกก็ลังเล แต่คิดว่าถึงบล็อกยังไงมันมีเบอร์มันก็หาทางติดต่อได้อยู่ดี บวกกับจะให้เปลี่ยนเบอร์หนีมันก็ใช่เรื่อง
ถึงเวลาต้องกลับไปทำงาน ออฟฟิศของรรรอยู่ใจกลางเมืองย่านอโศก เขาต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเบียดเสียดคนบนรถไฟฟ้าไปให้ทันเวลาเข้างาน จะให้เช่าคอนโดแถวอโศกราคาก็เกินเอื้อม ขออยู่ไกลหน่อยประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ก็ต้องแลกกับตื่นเช้า
มาถึงที่ทำงานถึงรู้ตัวว่าบัตรพนักงานของตัวเองหาย แต่ก็ช่างเถอะเดี๋ยวค่อยทำใหม่ได้ ทำงานไปจิตใจก็ไม่สดใส เอาแต่คิดถึงเหตุการณ์คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา กำลังนั่งเหม่อ ๆ อยู่เสียงโทรศัพท์ข้างหน้าดังขึ้นทำให้หลุดจากภวังค์
“สวัสดีครับ”
“รรร”
“มึงโทรมาได้ยังไง”
“ผมก็ดูจากบัตรพนักงานของคุณรรรไงล่ะครับ”
“…”
“พอดีผมเก็บได้เลยจะเอามาคืนครับ”
“ทิ้งไปเลย กูไม่เอา กูทำใหม่ได้”
“รรร” จากที่กวน ๆ อยู่พิจิกเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นจริงจัง “กูอยากเจอมึง”
“กูจะทำงาน” รรรรีบตัดบทวางสาย ‘มึงจะกลับมาทำให้กูสับสนทำไมวะ’
รรรรู้ตัวว่าวันนี้ตัวเองไม่มีสมาธิทำงานต่อแน่ ๆ เขาจึงลาป่วยขอกลับห้องไปตั้งหลักก่อน ที่จะเสียงานเสียการมากไปกว่านี้ โชคดีที่หัวหน้าไม่ซักไซ้ เพราะปกติรรรไม่ใช่คนเหลวไหล
กลับมาถึงห้องก็บ่าย ๆ เขาไม่แวะที่ไหน อยากกลับไปนอนหมดสภาพที่ห้อง และก็ต้องจำใจเปิดมือถือไว้ เผื่อที่ทำงานโทรมาตามเรื่องงาน
เป็นอย่างที่คิดพิจิกโทรมาไม่หยุด สุดท้ายต้องยอมใจอ่อนรับสาย “มึงจะโทรมาทำไมนักหนาวะ”
“กูอยากคุยกับมึง กูอยากเจอ...” พิจิกเสียงแผ่ว “กูโทรไปที่ทำงานมึงอีกทีเขาบอกว่ามึงลาป่วยกลับบ้าน กูเป็นห่วง”
“…” รรรเงียบไปสักพัก “กูไม่เป็นอะไร มึงไม่ต้องมายุ่งกับกูอีกได้ไหมวะ กูขอเถอะ”
“กูตามหามึงตั้งนานกว่าจะเจอ แล้วจะให้กูปล่อยมึงไปง่าย ๆ ได้ไงวะ...แล้วเรื่องคืนก่อน”
“มันก็แค่ one night stand มึงจะสนใจไปทำไม” รรรเสียงเศร้าลง แต่พยายามเก็บความรู้สึก เขาไม่อยากให้พิจิกรับรู้ว่าจริง ๆ แล้วเขาอ่อนไหวแค่ไหน
“กูไม่ได้สนเรื่องที่เรานอนด้วยกัน แต่กูสนคำพูดของมึงที่พูดทั้งคืนว่า...คิดถึง...”
“คำพูดตอนเมามึงจะไปใส่ใจทำไม...แค่นี้นะ ไม่ต้องโทรมาแล้วกูว่าเราเคลียร์แล้ว...มึงกับกูแค่ one night stand ไม่มีอะไรมากกว่านี้” รรรรีบกดตัดสายก่อนที่พิจิกจะจับความรู้สึกที่แท้จริงของเขาได้
เขาทั้งดีใจและเสียใจที่ได้เจอพิจิก คนที่เขาแอบรักมาตลอด และยังแอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าพิจิกมีใจ แต่สุดท้ายไม่ใช่...
“ไอ้รรร...ไอ้บ้าเอ๊ย มึงจะบ้าไปกับมันไม่ได้นะโว้ย...มันมีเมียแล้ว มึงอย่าลืมสิโว้ย” ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่นอนโวยวายทึ้งหัวตัวเองอยู่คนเดียว
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาพิจิกพยายามโทรหารรรทั้งที่ทำงานและมือถือ แต่รรรจะหนีไม่ยอมรับสายบ้าง ทำเป็นยุ่งบ้างตลอด แต่ในเมื่อความรู้สึกเขาเองไม่อยากเก็บไว้อีกต่อไป เขาจะต้องตามเคลียร์กับรรรให้ได้
เย็นวันศุกร์ที่แสนจะวุ่นวายย่านอโศกพิจิกขับรถมาดักรอรรร เขาตั้งใจว่าวันนี้ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง แต่ถ้าปรากฏตัวให้รรรเห็นตอนนี้ก็ต้องโดนปฏิเสธเหมือนอย่างเคยแน่ ๆ เขาเลยรออยู่ในรถรอดูว่าเลิกงานแล้วรรรจะไปไหน
เป็นอย่างที่คิดรรรไม่กลับบ้าน แต่กลับเรียกแท็กซี่ไปร้านแถวทองหล่อร้านเดิมที่ได้เจอกับรรรครั้งที่แล้ว รรรเลือกที่จะนั่งดื่มที่หน้าบาร์คนเดียว เขานั่งดื่มค็อกเทลแก้วโปรดไม่สนใจใคร มีบ้างที่เข้ามาคุย มาจีบแต่ในหัวรรรตอนนี้มีแต่เรื่องพิจิกให้ครุ่นคิดจนเขาแทบจะไม่ได้เงยหน้ามองใครเลยด้วยซ้ำ
พิจิกเฝ้าแอบมองจากมุมหนึ่งของร้าน อดห่วงไม่ได้กลัวว่าจะเมาเหมือนครั้งที่แล้ว พอใครเข้ามาทำท่าทางว่าจะจีบอยากจะลุกไปแสดงตัว แต่ก็ต้องพยายามข่มใจไว้ก่อน
เป็นอย่างที่คิดรรรเมามากไม่ต่างจากวันนั้นที่เจอกัน จังหวะที่เขาลุกจากบาร์กำลังจะกลับ ก็มีเด็กหนุ่มหน้าตาดี ร่างสูงใหญ่เข้าประชิดตัวรรร มีการพูดคุยกันบางอย่าง และพากันเดินออกจากร้านไป
ระหว่างที่ทั้งสองเริ่มนัวเนียกันหน้าร้าน เด็กหนุ่มเริ่มลวนลามทั้งกอด ทั้งหอมโดยที่รรรเองก็เมาจนแทบจะไม่รู้สึกตัว
“ไอ้รรร...มึงกลับกับกู” พิจิกเข้ากระชากแขนดึงตัวรรรออกจากเด็กหนุ่ม
“มึงเสือกอะไร...คืนนี้กูจะไปกับน้องมัน”
“มึงไปกับกู” รรรสะบัดแขนออก เดินไปกับเด็กหนุ่มที่ยืนงงดูท่าทีของทั้งสองอยู่
“ไปกัน...อย่าไปสนใจมัน”
“มึงจะเอาไง มึงประชดกูทำเหี้ยอะไร”
คอนโดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา
“มึงพากูมาที่นี่ทำไม...กูจะกลับห้องกู” รรรเริ่มโวยวายอีกรอบ หลังจากที่ระหว่างทางหมดฤทธิ์หลับมาตลอดทาง
“กูจะพามึงมาหาไอ้ติณ”
“อ้อ...พามาหาเมียมึง” รรรประชดประชันด้วยน้ำเสียงแกมน้อยใจ
“เออ...” พิจิกตัดบท “ขึ้นห้องก่อนค่อยคุยกัน”
“กูจะกลับห้องกู” รรรดื้อใส่
“เดี๋ยวกูพากลับ แต่ตอนนี้ขึ้นห้องก่อน” รรรเตรียมอ้าปากจะเถียง “มึงหยุดดื้อก่อน...ฟังกูหน่อยกูขอร้อง ถ้าคุยกันแล้ว มึงตัดสินใจยังไงกูจะยอมรับมัน”
ครั้งนี้รรรยอมเงียบและลงรถเดินตามพิจิกขึ้นไปบนห้อง
“มึงรอแป๊บหนึ่ง เดี๋ยวกูโทรตามไอ้ติณมาที่ห้อง”
“ทำยังกับว่ามึงไม่ได้อยู่กับมันอย่างนั้นแหละ”
“มันก็อยู่ห้องมัน กูก็อยู่ห้องกู”
“ป๊าม๊าจะเอาเจ้าเด็กแสบอยู่หรือเปล่านะ” ติณเดินบ่นเข้าห้องมาด้วยความกังวล“เดี๋ยวก็รู้” มีนพูดขำ ๆ “อยู่ ๆ อยากปวดหัวตอนแก่”“คอยดูว่าพี่ภันต์จะดูแลทุกคน หรือพี่ภัณต์จะปล่อยโฮคนแรก” ติณคิดตามคำพูดมีนแล้วได้แต่ยิ้มส่ายหัว“แล้ววันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ” ติณถามด้วยความสงสัย ปกติเวลานี้มีนจะอยู่ออฟฟิศข้างล่างหรือไม่ก็เข้าเช็กงานที่สำนักงานใหญ่มีนทำหน้ากรุ้มกริ่ม “ป๊าม๊าเปิดทางให้ขนาดนี้ ขอลาวันหนึ่งนะครับ” เลียริมฝีปาก “นาน ๆ จะมีโอกาสแบบนี้สักที ขอจัดแบบทั้งวันทั้งคืนเลยนะ”“ทะลึ่ง...ทั้งวันทั้งคืนร่างพังกันพอดี”มีนเดินเข้ามาโอบเอวคุณแม่ “นะครับ...ทำน้องให้พี่ภัณต์กันนะครับ” ริมฝีปากหนากดจูบลงซอกคอ“อื๊อ...จักจี้” ติณย่นคอหลบ“ขอน้องให้พี่ภัณต์อีกคนนะครับ”มือเริ่มลูบไล้ผิวเนียนเรียบ กระดุมเสื้อโดนปลดอย่างไม่ทันรู้ตัว ติณตัวอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมกอดสามี สองมือบดขยี้หัวนมชูชันสู้มือ ร่างบางถูกอุ้มขึ้นแนบอก มือโอบรอบคอโน้มลงมา เผยอปากรอรับลิ้นอุ่น ขยี้จูบอย่างเร่าร้อนร่างบางถูกวางลงบนโซฟาอย่างเบามือ “ขอเป็นแฝดเลยนะรอบนี้”“ไม่สงสารติณเหรอ” สายตาหวานเยิ้ม สองแขนโน้มคอคนบนร่างลงมาแนบชิด“มีนจะดู
“แม่ครับ พี่ภัณต์กลับมาแล้วครับ” นภัณต์รีบวิ่งเข้ามากอดขาแม่ที่กำลังง่วนอยู่ในครัว“ว่ายน้ำสนุกไหมครับ” ติณคุกเข่าลงรับกอดจากลูกชาย“สนุกครับ แต่ป๊าไม่ยอมให้พี่ภัณต์เล่นต่อ พี่ภัณต์ยังไม่อยากเลิก” เด็กชายนภัณต์หน้างอฟ้องแม่“ป๊ากลัวพี่ภัณต์จะไม่สบายนี่ครับ อากาศเริ่มเย็นแล้ว” มีนเดินตามเข้ามา “ไปอาบน้ำกับป๊าก่อนนะครับ”พี่ภัณต์ยังดื้อเกาะขาแม่ไม่ยอมปล่อย “ไปอาบน้ำกับป๊าก่อนนะครับ จะได้ออกมากินข้าวกัน วันนี้แม่อบขนมของโปรดพี่ภัณต์ด้วยนะ” พอได้ยินคำว่าขนม พี่ภัณต์ก็เปลี่ยนอารมณ์เดินตามป๊าออกไปทันทีพ่อลูกอาบน้ำเสร็จ ติณก็จัดโต๊ะมื้อเย็นเสร็จทันกันพอดี“น่ากินจัง” มีนเดินมาโอบเอวจากทางด้านหลัง หอมแก้มติณฟอดใหญ่“พี่ภัณต์จะหอมแม่ด้วย” เด็กชายนภัณต์เกาะขาแม่ ไม่ยอมให้ป๊าทำแม่คนเดียว“แม่ให้สองข้างเลยครับ” ติณหันแก้มให้เด็กชายหอมทั้งซ้ายทั้งขวา“ทำไมพี่ภัณต์ได้หอมแม่สองแก้มเลยล่ะ ป๊าไม่ยอมนะ” มีนทำเป็นงอน“ป๊าไม่ใช่พี่ภัณต์ ป๊าต้องทำใจนะครับ” เด็กชายพูดอย่างผู้ชนะ“ป๊ายอมให้พี่ภัณต์คนเดียวนะครับ” มีนพูดพร้อมยกเด็กน้อยขึ้นนั่งบนเก้าอี้สูงประจำตำแหน่งของเขา“กินข้าวเสร็จแล้ว เราเอาขนมขึ้นไปกิ
โรงพยาบาล...“มากันหมดแบบนี้หมอจะไม่ตกใจแน่นะ” ติณมองทั้งสามคนที่นั่งเรียงกันอยู่หน้าห้องตรวจ“ถ้าอย่างนั้นจิกกับมีนรอหน้าห้อง” รรรเสนอ“ได้ไงล่ะพี่รรร ผมเป็นพ่อนะ” มีนโวยวาย“ติณ...จิกว่าคิดใหม่ดี ๆ นะ จะเอาไอ้นี่เป็นพ่อของลูกจริงอะ” พิจิกแกล้งแขวะน้อง“…” มีนกำลังจะอ้าปากเถียง แต่พยาบาลหน้าห้องเรียกเสียก่อน“แกเป็นเด็กเปิดเผยครับ ดูสิครับชัดเจนเลย” คุณหมอเลื่อนลูกศรชี้ให้ดู “ผู้ชายครับ” คุณหมอยิ้มก่อนจะพูดต่อ “ชัดเจนขนาดนี้ไม่น่าจะผิดพลาดนะครับ หรือถ้าอยากดูให้ชัดกว่านี้อายุครรภ์ประมาณ 28 สัปดาห์ลองมาทำ 4 มิติได้ครับ”“รรรร้องไห้ทำไม” พิจิกหันมาเจอรรรกำลังน้ำตาไหล“ก็มันดีใจ” มือเช็ดน้ำตาป้อย ๆ“ช่วงนี้คุณแม่จะอ่อนไหวเป็นพิเศษครับ เป็นเพราะฮอร์โมน คุณพ่ออย่าเพิ่งตกใจไปนะครับ” คุณหมอหันไปบอกพิจิก“ผมเริ่มจะชินบ้างแล้วครับหมอ” พิจิกเอามือลูบหัวรรรด้วยความเอ็นดู“ไปซื้อของให้หลานกัน” รรรเสนอเมื่อทุกคนเดินออกมาจากห้องตรวจ“ใจเย็นก่อนรรร” เดี๋ยวค่อยทยอยซื้อก็ได้ติณพูดดักคนขี้เห่อไว้ก่อน“ก็ได้” รรรหน้าจ๋อย“เราไปหาอะไรกินกันก่อนกลับไหม พี่รรรเริ่มกินอาหารได้เยอะหรือยัง” มีนเสนอ“พี่ยังไม
รรรทิ้งตัวลงบนเบาะรถด้วยสภาพอิดโรย “รรรเป็นไงบ้าง”“วันนี้แพ้เยอะมาก กินอะไรไม่ได้เลย อ้วกออกหมด”พิจิกเอื้อมมือไปช่วยปรับเบาะให้เอนลง “นั่งแบบนี้แหละ ยิ่งเอนเบาะยิ่งเวียนหัว” ขณะพูดก็ดมยาไปด้วย“อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม” รรรส่ายหน้า “ลูกครับทำไมทำแม่หนักแบบนี้ล่ะครับ” พิจิกก้มลงพูดกับท้องน้อย ๆ ของรรร จุ๊บที่ท้องไปหนึ่งที ก่อนที่จะขึ้นมาหอมแก้ม และจูบปากคุณแม่ที่ตอนนี้ซีดเซียวจนน่าสงสาร“อยากกลับบ้านแล้ว ไม่อยากมาทำงานแล้ว” น้ำตาค่อย ๆ ไหลรินออกทางหางตาพิจิกยังไม่อยากถามอะไรตอนนี้ ไม่อย่างนั้นรรรจะยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม ช่วงนี้รรรอ่อนไหวมาก อารมณ์แปรปรวนมาก แต่จะไปทางอ่อนไหว มากกว่าโมโหเกรี้ยวกราด“จิกรีบพากลับบ้านก่อน แล้วเราค่อยคุยกันนะ” พิจิกเอามือลูบหัว และเช็ดน้ำตาที่เลอะแก้มให้ ก่อนจะออกรถ“รรรนอนพักก่อน” พิจิกประคองตัวรรรเอนลงที่โซฟา“รรรยื่นใบลาออกแล้วนะ” แทนที่จะดีใจ แต่พิจิกกลับเป็นห่วงมากว่า“มีอะไรหรือเปล่า เกิดอะไรขึ้น ก่อนหน้านี้รรรยังอยากทำงานอยู่เลย หรือที่ทำงานเขาไม่โอเคกับการที่รรรท้อง”“ที่ทำงานโอเค แต่รรรรู้สึกว่าตัวเองทำงานได้ไม่เหมือนเมื่อก่อน รู้สึกทำอะไรก็ไม่
“หมั่นไส้เฮียชะมัด” มีนเดินบ่นเข้าห้อง และเดินเลยเข้าห้องครัว ออกมาพร้อมนมอุ่น“ไม่รู้สึกว่าตัวเองก็น่าหมั่นไส้หรือไง” ติณรับแก้วนมมาดื่มได้แค่ครึ่งแก้ว“ทำไมไม่กินให้หมดล่ะครับ” มีนเริ่มบ่น“เราต่างจากจิกตรงไหน ไม่เห็นต่างสักนิด” ติณแกล้งแซว “กินข้าวเยอะมากวันนี้ ถ้าให้พี่กินเยอะกว่านี้ อ้วกแน่ ๆ”“จะว่าไปก็ตื่นเต้นเหมือนกันเนอะ ต่อไปจะมีเด็กวิ่งซนรอบบ้านตั้งสองคนแน่ะ อายุห่างกันไม่กี่เดือน สงสัยจะพากันป่วนน่าดู”“ถึงวันนั้นพ่อ ๆ คงเห่อแต่ลูก จนลืมแม่กันหมด” ติณตัดพ้อ“พี่ติณ...เมื่อกี้พี่บอกว่า พ่อ ๆ พี่หมายถึงผมด้วยใช่ไหม” หน้าติณตอนนี้ทั้งดีใจ ทั้งตื่นเต้น“มีนรังเกียจหลานไหม” ติณนั่งลูบท้องตัวเอง มองตามีนอย่างรอคำตอบมีนคุกเข่าลงเอาหูแนบท้องทำเหมือนกำลังฟังเสียงคนข้างใน “ให้อามีนเป็นพ่อหนูนะครับ”“…” ติณได้แต่นั่งลูบหัวมีน ด้วยความตื้นตันใจที่มีนไม่รังเกียจลูกของเขา“สัญญากันแล้วนะครับ” มีนพูดกับตัวเล็กในท้อง พร้อมจุ๊บหนึ่งที“คุยอะไรกันฮึ” มือยังไม่หยุดลูบหัวมีน“ทำสัญญาพ่อลูกกันอยู่ครับ” ติณได้แต่ยิ้มอ่อนใจให้กับท่าทางของมีน ที่ดูเห่อลูกไม่ต่างจากพิจิกมีนยังคงกอดพุงน้อย ๆ ไม่ป
“ยินดีด้วยครับ ตอนนี้อายุครรภ์ 4 สัปดาห์แล้วครับ” คุณหมอยิ้มให้ทั้งสองคน “อาการแพ้ท้องส่วนใหญ่ก็จะอยู่ช่วง 4-12 สัปดาห์ แต่บางคนก็แพ้ถึงคลอดเลยก็มี และอีกอย่างหนึ่งคุณแม่อาจจะมีอารมณ์ขึ้นลง ซึ่งเป็นผลจากฮอร์โมนไม่ต้องตกใจ และหมอแนะนำให้คุณพ่อเตรียมรับมือให้ดีนะครับ” คุณหมอสบตาให้กำลังใจพิจิก“หมอนัดอีกทีเดือนหน้าเลยนะครับ แต่ถ้ามีอาการผิดปกติให้มาหาก่อนได้เลย วันนี้หมอจะจ่ายยาบำรุงเลือด วิตามินรวม และยาแก้แพ้ท้องไปนะครับ” คุณหมอแนะนำพร้อมรอยยิ้ม“รรรระวัง ค่อย ๆ เดิน” พิจิกตามประกบหน้าประกบหลัง จนรรรเริ่มรำคาญ“อุ้มรรรเลยไหม รรรจะสะดุดล้มก็เพราะจิกเดินดักหน้าดักหลังอยู่แบบนี้นี่แหละ”“ก็จิกห่วง” พิจิกเสียงอ่อย“ห่วงหรือเห่อ ไม่ใช่นาน ๆ ไปกลายเป็นเบื่อนะ” รรรเดินมาทิ้งตัวลงโซฟา“ทั้งห่วงทั้งเห่อ แต่ไม่มีทางเบื่อแน่นอน” พิจิกพูดด้วยความมั่นใจ“จิกไม่อยากให้รรรไปทำงานเลย ยิ่งรรรมีอาการแพ้ท้องแบบนี้ด้วย จิกเป็นห่วง”“รรรจะลองไปคุยกับหัวหน้าดูก่อน”“ลาออกได้ไหม” พิจิกจริงจัง“จิก” รรรเองก็รู้สึกกังวล เพราะเขารู้ดีว่าผู้ชายเวลาท้องแล้วอาการต่าง ๆ จะรุนแรงกว่าผู้หญิงมาก “รรรขอลองไปคุยกับหัวห