เช้าวันเสาร์...
รรรลืมตาตื่นขึ้นมา เจอตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของพิจิก เขารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก แต่จะให้แสดงออกมามันก็ไม่ใช่ รรรพยายามเอาตัวเองออกจากกอดของพิจิก แต่พิจิกกลับกระชับกอดแน่นกว่าเดิม
“นอนต่อก่อน ยังเช้าอยู่เลย”
“มึงก็นอนไป กูจะลุก” รรรพยายามดันตัวเองลุกขึ้น แต่กลับโดนพิจิกรวบตัวลงมากอดท่าเดิม
“ขอกอดก่อน” รรรยังพยายามดิ้น “อย่าดิ้น...นอนดี ๆ ขอนอนกอดเฉย ๆ แต่ถ้าดิ้นมาก กูจะทำอย่างอื่น โทษฐานที่ทำกูตื่น” พิจิกพูดทั้งที่ยังหลับตา
“กูจะกลับห้อง” รรรยังคงดื้อ แต่ก็ยอมให้พิจิกนอนกอด
“วันนี้วันเสาร์มึงจะรีบกลับไปทำไม เดี๋ยวกูไปส่ง” พิจิกกระชับกอดรรรแน่นกว่าเดิม รรรเองก็เผลอหลับในอ้อมกอดของพิจิกไปอีกรอบ กว่าจะรู้สึกตัวตื่นกันอีกทีก็เกือบบ่าย
“ไอ้จิกตื่นได้แล้ว”
“ยังง่วงอยู่เลย” พิจิกงัวเงีย แต่ไม่ยอมปล่อยกอด
“บ่ายแล้วมึง กูหิวข้าว”
“รรร”
“อะไร...”
“มึงย้ายมาอยู่กับกูนะ”
“…”
“มึงฟังกูก่อน อย่าเพิ่งด่ากู” พิจิกดักคออย่างรู้ทัน “ไอ้ติณมันท้อง กูดูแลมันคนเดียวกูกลัวกูพลาด”
“มึงชวนกูมาอยู่กับมึง เพื่อให้กูมาช่วยดูแลเมียมึงเนี่ยนะ”
“เคลียร์แล้วไงมึง อย่าเพิ่งหาเรื่อง”
“แล้วทำไมกูต้องช่วยพวกมึง”
“กูสงสารมัน มันอยู่ที่นี่คนเดียว มึงก็น่าจะรู้ว่าผู้ชายท้องร่างกายมันอ่อนแอกว่าผู้หญิงท้องนะมึง กูเห็นมันเริ่มมีอาการแพ้แล้ว แต่มันก็ไม่ยอมบอกกูหรอก มันทำเป็นว่ามันแข็งแรงดี แล้วถ้าท้องมันยิ่งโตขึ้นมันจะยังไงต่อวะ...มึงมาช่วยกูหน่อยนะ”
รรรเงียบไป ในใจกำลังคิดว่าถ้ามันขอให้มาอยู่เพราะคิดถึง เพราะอยากอยู่ด้วย มันคงจะดีกว่าเหตุผลที่มันให้เป็นไหน ๆ แต่เสือกชวนมาให้ช่วยดูแลเมีย
“ทำไมต้องเป็นกู มึงรวยมึงจ้างใครมาดูแลมันก็ได้”
“ให้กูพูดจริง ๆ เลยนะ...กูอยากอยู่กับมึง” พิจิกกระชับกอดแน่นกว่าเดิม “กูคิดถึงมึง” น้ำเสียงแผ่วเบา
รรรเงียบไป ไม่คิดว่าพิจิกจะสารภาพออกมาตรงกับสิ่งที่เขาแอบคิด
“ขอเวลากูคิดก่อน” พอได้ยินคำพูดที่อยากจะได้ยินอาการหวั่นไหวก็ตามมาทันที
“ไม่ต้องคิดแล้ว...กูคิดถึงมึง...มึงเองก็คิดถึงกู เราเสียเวลากันมามากแล้ว อย่าเสียเวลาอีกเลยนะมึง”
“ไอ้จิก...”
“กูตามหามึงมาตั้งนานกว่าจะเจอ กูจะไม่ยอมปล่อยมึงให้หายไปจากกูอีกแล้ว” “กูเอาเรื่องไอ้ติณมาเป็นข้ออ้าง แต่จริง ๆ กูอยากอยู่กับมึง กูอยากดูแลมึง...นะรรรมึงมาอยู่กับกูนะ”
“…” ตอนนี้รรรเองรู้สึกตื้อไปหมด เรื่องราวแค่เพียงข้ามคืนทำไมมันมากมายอย่างนี้เขาตั้งตัวไม่ทัน
“มึงให้เวลากูหน่อย...ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก...กูขอเวลาตัดสินใจหน่อย” รรรร้องขอบ้าง
“ถ้าอย่างนั้นเย็นนี้มึงค่อยให้คำตอบกู...เหลืออีกหลายชั่วโมงให้มึงคิด”
“เร็วไปมั้ยมึง...ลุก ๆ มึงสั่งข้าวมากินก่อนดิ๊ กูหิวแล้ว สมองแม่งตื้อไปหมดคิดอะไรไม่ออก” รรรเริ่มพาลด้วยอาการคนโมโหหิว
ด้วยความหิว อาหารที่สั่งมาเต็มโต๊ะตรงหน้าตอนนี้มีแต่ความว่างเปล่า “กูอิ่มแล้ว มึงเตรียมตัวไปส่งกูด้วย” รรรเดินไปนั่งที่โซฟา
พิจิกเดินตามมานั่งข้างกัน “ก่อนกลับ...มึงต้องให้คำตอบกูก่อน” พิจิกเล่นแง่ หน้าตาเจ้าเล่ห์
“กูบอกว่ากูขอเวลาไง...มึงอย่าเร่งกูดิวะ” รรรเริ่มอ่อนลง
“กูบอกแล้วไง...ว่าเราอย่าเสียเวลาอีกเลย เราเสียเวลากันมานานมากแล้วนะรรร” พิจิกเริ่มอ้อน
“เสียเวลาอะไรของมึง” รรรแกล้งไม่เข้าใจทั้งที่รู้ความหมายอยู่เต็มหัวใจ
“มึงจะให้กูพูดให้ได้ใช่ไหม”
“แล้วมึงกล้าพูดไหมล่ะ” รรรท้าทาย
“เออ...กูชอบมึง กูชอบมานานแล้ว ชอบตั้งแต่สมัยเรียน ชอบมาก ชอบจนไม่กล้าบอก เพราะกลัวโดนปฏิเสธ...กลัวเสียเพื่อน...มึงพอใจหรือยัง” พิจิกพรั่งพรูสิ่งที่เขาเก็บไว้ในใจตลอดมา
“…” รรรพูดไม่ออก ได้แต่นั่งมองหน้าพิจิกที่ตอนนี้กำลังนั่งจ้องหน้าเขาอยู่ แสดงความจริงใจและจริงจัง
“แล้วมึงล่ะ...คิดยังไงกับกู” พิจิกจ้องหน้าเขาเพื่อรอคำตอบ
“กู...” รรรหลบตา
“กูอะไร...”
“เออ...กูก็ชอบมึง” รรรยังคงหลบตา “ชอบมานานแล้ว”
พิจิกโผเข้ากอดรรรด้วยความดีใจ รรรยังคงนั่งนิ่งด้วยความเขินอาย “มึงย้ายมาอยู่กับกูนะ”
“ป๊าม๊าจะเอาเจ้าเด็กแสบอยู่หรือเปล่านะ” ติณเดินบ่นเข้าห้องมาด้วยความกังวล“เดี๋ยวก็รู้” มีนพูดขำ ๆ “อยู่ ๆ อยากปวดหัวตอนแก่”“คอยดูว่าพี่ภันต์จะดูแลทุกคน หรือพี่ภัณต์จะปล่อยโฮคนแรก” ติณคิดตามคำพูดมีนแล้วได้แต่ยิ้มส่ายหัว“แล้ววันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ” ติณถามด้วยความสงสัย ปกติเวลานี้มีนจะอยู่ออฟฟิศข้างล่างหรือไม่ก็เข้าเช็กงานที่สำนักงานใหญ่มีนทำหน้ากรุ้มกริ่ม “ป๊าม๊าเปิดทางให้ขนาดนี้ ขอลาวันหนึ่งนะครับ” เลียริมฝีปาก “นาน ๆ จะมีโอกาสแบบนี้สักที ขอจัดแบบทั้งวันทั้งคืนเลยนะ”“ทะลึ่ง...ทั้งวันทั้งคืนร่างพังกันพอดี”มีนเดินเข้ามาโอบเอวคุณแม่ “นะครับ...ทำน้องให้พี่ภัณต์กันนะครับ” ริมฝีปากหนากดจูบลงซอกคอ“อื๊อ...จักจี้” ติณย่นคอหลบ“ขอน้องให้พี่ภัณต์อีกคนนะครับ”มือเริ่มลูบไล้ผิวเนียนเรียบ กระดุมเสื้อโดนปลดอย่างไม่ทันรู้ตัว ติณตัวอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมกอดสามี สองมือบดขยี้หัวนมชูชันสู้มือ ร่างบางถูกอุ้มขึ้นแนบอก มือโอบรอบคอโน้มลงมา เผยอปากรอรับลิ้นอุ่น ขยี้จูบอย่างเร่าร้อนร่างบางถูกวางลงบนโซฟาอย่างเบามือ “ขอเป็นแฝดเลยนะรอบนี้”“ไม่สงสารติณเหรอ” สายตาหวานเยิ้ม สองแขนโน้มคอคนบนร่างลงมาแนบชิด“มีนจะดู
“แม่ครับ พี่ภัณต์กลับมาแล้วครับ” นภัณต์รีบวิ่งเข้ามากอดขาแม่ที่กำลังง่วนอยู่ในครัว“ว่ายน้ำสนุกไหมครับ” ติณคุกเข่าลงรับกอดจากลูกชาย“สนุกครับ แต่ป๊าไม่ยอมให้พี่ภัณต์เล่นต่อ พี่ภัณต์ยังไม่อยากเลิก” เด็กชายนภัณต์หน้างอฟ้องแม่“ป๊ากลัวพี่ภัณต์จะไม่สบายนี่ครับ อากาศเริ่มเย็นแล้ว” มีนเดินตามเข้ามา “ไปอาบน้ำกับป๊าก่อนนะครับ”พี่ภัณต์ยังดื้อเกาะขาแม่ไม่ยอมปล่อย “ไปอาบน้ำกับป๊าก่อนนะครับ จะได้ออกมากินข้าวกัน วันนี้แม่อบขนมของโปรดพี่ภัณต์ด้วยนะ” พอได้ยินคำว่าขนม พี่ภัณต์ก็เปลี่ยนอารมณ์เดินตามป๊าออกไปทันทีพ่อลูกอาบน้ำเสร็จ ติณก็จัดโต๊ะมื้อเย็นเสร็จทันกันพอดี“น่ากินจัง” มีนเดินมาโอบเอวจากทางด้านหลัง หอมแก้มติณฟอดใหญ่“พี่ภัณต์จะหอมแม่ด้วย” เด็กชายนภัณต์เกาะขาแม่ ไม่ยอมให้ป๊าทำแม่คนเดียว“แม่ให้สองข้างเลยครับ” ติณหันแก้มให้เด็กชายหอมทั้งซ้ายทั้งขวา“ทำไมพี่ภัณต์ได้หอมแม่สองแก้มเลยล่ะ ป๊าไม่ยอมนะ” มีนทำเป็นงอน“ป๊าไม่ใช่พี่ภัณต์ ป๊าต้องทำใจนะครับ” เด็กชายพูดอย่างผู้ชนะ“ป๊ายอมให้พี่ภัณต์คนเดียวนะครับ” มีนพูดพร้อมยกเด็กน้อยขึ้นนั่งบนเก้าอี้สูงประจำตำแหน่งของเขา“กินข้าวเสร็จแล้ว เราเอาขนมขึ้นไปกิ
โรงพยาบาล...“มากันหมดแบบนี้หมอจะไม่ตกใจแน่นะ” ติณมองทั้งสามคนที่นั่งเรียงกันอยู่หน้าห้องตรวจ“ถ้าอย่างนั้นจิกกับมีนรอหน้าห้อง” รรรเสนอ“ได้ไงล่ะพี่รรร ผมเป็นพ่อนะ” มีนโวยวาย“ติณ...จิกว่าคิดใหม่ดี ๆ นะ จะเอาไอ้นี่เป็นพ่อของลูกจริงอะ” พิจิกแกล้งแขวะน้อง“…” มีนกำลังจะอ้าปากเถียง แต่พยาบาลหน้าห้องเรียกเสียก่อน“แกเป็นเด็กเปิดเผยครับ ดูสิครับชัดเจนเลย” คุณหมอเลื่อนลูกศรชี้ให้ดู “ผู้ชายครับ” คุณหมอยิ้มก่อนจะพูดต่อ “ชัดเจนขนาดนี้ไม่น่าจะผิดพลาดนะครับ หรือถ้าอยากดูให้ชัดกว่านี้อายุครรภ์ประมาณ 28 สัปดาห์ลองมาทำ 4 มิติได้ครับ”“รรรร้องไห้ทำไม” พิจิกหันมาเจอรรรกำลังน้ำตาไหล“ก็มันดีใจ” มือเช็ดน้ำตาป้อย ๆ“ช่วงนี้คุณแม่จะอ่อนไหวเป็นพิเศษครับ เป็นเพราะฮอร์โมน คุณพ่ออย่าเพิ่งตกใจไปนะครับ” คุณหมอหันไปบอกพิจิก“ผมเริ่มจะชินบ้างแล้วครับหมอ” พิจิกเอามือลูบหัวรรรด้วยความเอ็นดู“ไปซื้อของให้หลานกัน” รรรเสนอเมื่อทุกคนเดินออกมาจากห้องตรวจ“ใจเย็นก่อนรรร” เดี๋ยวค่อยทยอยซื้อก็ได้ติณพูดดักคนขี้เห่อไว้ก่อน“ก็ได้” รรรหน้าจ๋อย“เราไปหาอะไรกินกันก่อนกลับไหม พี่รรรเริ่มกินอาหารได้เยอะหรือยัง” มีนเสนอ“พี่ยังไม
รรรทิ้งตัวลงบนเบาะรถด้วยสภาพอิดโรย “รรรเป็นไงบ้าง”“วันนี้แพ้เยอะมาก กินอะไรไม่ได้เลย อ้วกออกหมด”พิจิกเอื้อมมือไปช่วยปรับเบาะให้เอนลง “นั่งแบบนี้แหละ ยิ่งเอนเบาะยิ่งเวียนหัว” ขณะพูดก็ดมยาไปด้วย“อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม” รรรส่ายหน้า “ลูกครับทำไมทำแม่หนักแบบนี้ล่ะครับ” พิจิกก้มลงพูดกับท้องน้อย ๆ ของรรร จุ๊บที่ท้องไปหนึ่งที ก่อนที่จะขึ้นมาหอมแก้ม และจูบปากคุณแม่ที่ตอนนี้ซีดเซียวจนน่าสงสาร“อยากกลับบ้านแล้ว ไม่อยากมาทำงานแล้ว” น้ำตาค่อย ๆ ไหลรินออกทางหางตาพิจิกยังไม่อยากถามอะไรตอนนี้ ไม่อย่างนั้นรรรจะยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม ช่วงนี้รรรอ่อนไหวมาก อารมณ์แปรปรวนมาก แต่จะไปทางอ่อนไหว มากกว่าโมโหเกรี้ยวกราด“จิกรีบพากลับบ้านก่อน แล้วเราค่อยคุยกันนะ” พิจิกเอามือลูบหัว และเช็ดน้ำตาที่เลอะแก้มให้ ก่อนจะออกรถ“รรรนอนพักก่อน” พิจิกประคองตัวรรรเอนลงที่โซฟา“รรรยื่นใบลาออกแล้วนะ” แทนที่จะดีใจ แต่พิจิกกลับเป็นห่วงมากว่า“มีอะไรหรือเปล่า เกิดอะไรขึ้น ก่อนหน้านี้รรรยังอยากทำงานอยู่เลย หรือที่ทำงานเขาไม่โอเคกับการที่รรรท้อง”“ที่ทำงานโอเค แต่รรรรู้สึกว่าตัวเองทำงานได้ไม่เหมือนเมื่อก่อน รู้สึกทำอะไรก็ไม่
“หมั่นไส้เฮียชะมัด” มีนเดินบ่นเข้าห้อง และเดินเลยเข้าห้องครัว ออกมาพร้อมนมอุ่น“ไม่รู้สึกว่าตัวเองก็น่าหมั่นไส้หรือไง” ติณรับแก้วนมมาดื่มได้แค่ครึ่งแก้ว“ทำไมไม่กินให้หมดล่ะครับ” มีนเริ่มบ่น“เราต่างจากจิกตรงไหน ไม่เห็นต่างสักนิด” ติณแกล้งแซว “กินข้าวเยอะมากวันนี้ ถ้าให้พี่กินเยอะกว่านี้ อ้วกแน่ ๆ”“จะว่าไปก็ตื่นเต้นเหมือนกันเนอะ ต่อไปจะมีเด็กวิ่งซนรอบบ้านตั้งสองคนแน่ะ อายุห่างกันไม่กี่เดือน สงสัยจะพากันป่วนน่าดู”“ถึงวันนั้นพ่อ ๆ คงเห่อแต่ลูก จนลืมแม่กันหมด” ติณตัดพ้อ“พี่ติณ...เมื่อกี้พี่บอกว่า พ่อ ๆ พี่หมายถึงผมด้วยใช่ไหม” หน้าติณตอนนี้ทั้งดีใจ ทั้งตื่นเต้น“มีนรังเกียจหลานไหม” ติณนั่งลูบท้องตัวเอง มองตามีนอย่างรอคำตอบมีนคุกเข่าลงเอาหูแนบท้องทำเหมือนกำลังฟังเสียงคนข้างใน “ให้อามีนเป็นพ่อหนูนะครับ”“…” ติณได้แต่นั่งลูบหัวมีน ด้วยความตื้นตันใจที่มีนไม่รังเกียจลูกของเขา“สัญญากันแล้วนะครับ” มีนพูดกับตัวเล็กในท้อง พร้อมจุ๊บหนึ่งที“คุยอะไรกันฮึ” มือยังไม่หยุดลูบหัวมีน“ทำสัญญาพ่อลูกกันอยู่ครับ” ติณได้แต่ยิ้มอ่อนใจให้กับท่าทางของมีน ที่ดูเห่อลูกไม่ต่างจากพิจิกมีนยังคงกอดพุงน้อย ๆ ไม่ป
“ยินดีด้วยครับ ตอนนี้อายุครรภ์ 4 สัปดาห์แล้วครับ” คุณหมอยิ้มให้ทั้งสองคน “อาการแพ้ท้องส่วนใหญ่ก็จะอยู่ช่วง 4-12 สัปดาห์ แต่บางคนก็แพ้ถึงคลอดเลยก็มี และอีกอย่างหนึ่งคุณแม่อาจจะมีอารมณ์ขึ้นลง ซึ่งเป็นผลจากฮอร์โมนไม่ต้องตกใจ และหมอแนะนำให้คุณพ่อเตรียมรับมือให้ดีนะครับ” คุณหมอสบตาให้กำลังใจพิจิก“หมอนัดอีกทีเดือนหน้าเลยนะครับ แต่ถ้ามีอาการผิดปกติให้มาหาก่อนได้เลย วันนี้หมอจะจ่ายยาบำรุงเลือด วิตามินรวม และยาแก้แพ้ท้องไปนะครับ” คุณหมอแนะนำพร้อมรอยยิ้ม“รรรระวัง ค่อย ๆ เดิน” พิจิกตามประกบหน้าประกบหลัง จนรรรเริ่มรำคาญ“อุ้มรรรเลยไหม รรรจะสะดุดล้มก็เพราะจิกเดินดักหน้าดักหลังอยู่แบบนี้นี่แหละ”“ก็จิกห่วง” พิจิกเสียงอ่อย“ห่วงหรือเห่อ ไม่ใช่นาน ๆ ไปกลายเป็นเบื่อนะ” รรรเดินมาทิ้งตัวลงโซฟา“ทั้งห่วงทั้งเห่อ แต่ไม่มีทางเบื่อแน่นอน” พิจิกพูดด้วยความมั่นใจ“จิกไม่อยากให้รรรไปทำงานเลย ยิ่งรรรมีอาการแพ้ท้องแบบนี้ด้วย จิกเป็นห่วง”“รรรจะลองไปคุยกับหัวหน้าดูก่อน”“ลาออกได้ไหม” พิจิกจริงจัง“จิก” รรรเองก็รู้สึกกังวล เพราะเขารู้ดีว่าผู้ชายเวลาท้องแล้วอาการต่าง ๆ จะรุนแรงกว่าผู้หญิงมาก “รรรขอลองไปคุยกับหัวห