------------
บ้านหลังใหญ่มีพื้นที่ใช้สอยมากมายมีบริวารแม่บ้าน คนขับรถสมกับเป็นบ้านเจ้าของบริษัท ML บริษัทส่งออกน้ำมันรำข้าวรายใหญ่ของประเทศ
"ทำอะไรกันอยู่ครับ"
"กลับมาแล้วลูกชายของแม่!"
คุณหญิง เคลล่า วิ่งปรี่ตรงเข้ากอดกลางอกลูกชายด้วยความคิดถึง หลังจากลูกชายหนีไปทำธุระส่วนตัวที่ต่างประเทศเป็นเวลาเกือบห้าปี
"ตัวหนาขึ้นนะไอ้ลูกชาย"
เสียงประธานบริษัท เรน ดังขึ้นทำให้ร่างของลูกชายและแม่ชาวสวีเดนต้องผละออกจากกัน
"พ่อก็หล่อขึ้นเหมือนกันครับ"
คนเป็นลูกไม่ยอมถลาตัวเข้ากอดผู้เป็นพ่อเช่นกัน ทั้งสามพากันนั่งลงที่โซฟาตัวใหญ่ใจกลางห้องรับแขกตกแต่งสไตล์ยุโรป
"เป็นไงถึงได้กลับมาล่ะ พ่อเกลี้ยกล่อมให้กลับตั้งนานไม่กลับ"
"พอดีผมจะกลับมาทำร้านอาหารกับเพื่อนเลยถือโอกาสกลับมาหาพ่อกับแม่นี่ไง"
ลูกชายยังไม่ยอมหยุดพูดเอาอกเอาใจ ทั้งยังโอบกอดเอวเคลล่าไม่ปล่อย
"นี่แม่ควรจะดีใจไหมนะ"
"ฮ่าฮ่า ดีใจสิครับครั้งนี้อาจจะอยู่ถึงปีเลยนะ"
"เอาเถอะ ไม่ว่าอย่างไงลูกแม่ก็กลับมาหาแล้ว"
"แล้วเรื่องบริษัทพ่อล่ะ"
เรนรีบพูดถึงเรื่องงานที่ยังค้างคาใจกับลูกชาย ก่อนที่จะไม่มีเวลา
"เอาตามที่พ่อต้องการเลยก็ได้ครับ"
"งั้นระหว่างที่ลูกกำลังเตรียมตัวทำร้านอาหารกับเพื่อน พ่อขอเวลาให้เราเข้าไปในบริษัทในฐานะผู้ช่วยประธานได้ไหม พ่ออยากให้เราเรียนรู้เรื่องงานก่อนน่ะ"
"ผมยังไม่รับปากนะ แต่จะพยายามหาเวลาแล้วกันครับ ^^ "
"สู้ๆ นะลูกชายแม่รู้ว่าเราเก่งอยู่แล้ว ^^ "
"ครับนี่ก็ใกล้มื้อเย็นแล้ว เราออกไปหาทานอาหารกันข้างนอกดีไหม เดี๋ยวลูกชายเลี้ยงเอง"
"ไปสิ เดี๋ยวพ่อจองห้องอาหารเอาไว้ให้"
ไม่ใช่ว่าที่ผ่านมาผมเอาแต่หนีครอบครัวหรอกนะ ที่ผมต้องไปเริ่มทำงานที่ต่างประเทศส่วนหนึ่งก็เพราะอยากพึ่งพาตัวเองมากกว่าพ่อและแม่ เลยทำให้ผมตัดสินใจออกจากบ้านนั่นเอง กลับมาที่บ้านครั้งนี้เหมือนได้ชาร์ตพลังชีวิตเลยล่ะ
@บ้านเช่าในซอยแคบ
ชุมชนแออัดแน่นขนัดไปด้วยผู้คนชนชั้นล่าง บ้านเรือนมีขนาดเล็กและเก่าในหมู่บ้านแห่งนี้นั้นมีเทพธิดาคนสวยประจำอยู่ เธอคนนั้นก็คือ
"หนูเมลกลับบ้านแล้วหรอ"
"จ้าป้า วันนี้เพื่อนมาส่งเลยถึงเร็วหน่อย ^^ "
รอยยิ้มของคาราเมลดั่งสายฝนชโลมใจ เหล่าลุงป้าพากันเอ็นดูเธอทั้งซอยแม้จะเป็นพื้นที่คับแคบ แต่ที่นี่เป็นดั่งสวรรค์บนดินของเธอไม่มีผิด
รองเท้าส้นเข็มสูงสีดำถูกถอดออก หญิงสาวสวมเสื้อเชิ้ตยูนิฟอร์มเข้ารูป กระโปรงทรงเอสีแดงชุดเครื่องแบบประจำตำแหน่งโค้งก้มเก็บรองเท้าราคาแพงสำหรับเธอขึ้นวางบนชั้นวางรองเท้าอย่างเรียบร้อย ร่างบางเดินเข้าบ้านตามปกติ ทว่าบ้านหลังเล็กกลับถูกเก็บกวาดเช็ดถูสะอาดสะอ้าน โซฟาหน้าทีวีขนาดสองคนนั่งราคาถูกจัดวางเข้าตำแหน่ง สายตาเธอกวาดเจอเข้ากับพ่อบ้านคนขยัน ซึ่งกำลังก้มเช็ดชั้นวางหนังสือวรรณกรรมแสนโปรดปรานของพี่สาวขะมักเขม้น
"วันนี้พ่อบ้านไมค์ขยันจังเลยนะคะ"
"กลับมาแล้วเหรอ"
"ยังมั้ง ที่พูดอยู่คงเป็นวิญญาณ"
"พูดเพ้อเจ้ออีกแล้วนะ"
ไมค์ น้องชายและครอบครัวที่เหลือเพียงคนเดียวของคาราเมลหันขวับมองตาขวางใส่พี่สาวชุดใหญ่ เพราะตอนนี้พี่สาวสำหรับเขาเป็นมากกว่านั้น เป็นทั้งพ่อแม่พี่ที่เขาไม่อาจจะเสียเธอไปได้อีกแล้ว
"ล้อเล่นไหมนะ เฮ้อ เหนื่อยชะมัด"
ร่างบางทิ้งตัวลงนอนเอนบนโซฟา เปลือกตาเหนื่อยล้าปิดลงทันที หวังจะชาร์จพลังงานให้กับร่างกาย แต่ไม่ทันได้ก้าวขาเข้าสู่ห้วงนิทราก็ถูกน้องชายดึงแขนกระชากร่างให้ลุกขึ้นนั่งแทน
"พี่ขอนอนแป๊บเดียว"
"ไม่ได้ ผมเตรียมน้ำอุ่นไว้ให้พี่แล้วต้องลุกเอาเท้าแช่เดี๋ยวนี้"
ที่แท้น้องชายได้เตรียมอุปกรณ์ ผ่อนคลายเอาไว้เหมือนดั่งทุกวัน เพราะรู้ว่าพี่สาวนั้นต้องทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูตนเองและครอบครัว
"จ้าๆ รู้แล้วจะแช่เดี๋ยวนี้แหละ"
"ยอมทำตั้งแต่แรกก็จบแล้ว เสร็จแล้วอย่าลืมเรียกผมละ"
"ได้เลยค่ะ คุณพ่อบ้านไมค์"
พี่สาวเอ่ยเสียงหวานทั้งยังแสดงสีหน้าภูมิใจในตัวน้องชาย
เพราะเจ้าตัวน่ารักแบบนี้ไง ฉันเลยพยายามหาเงินเพื่อส่งเสียน้องเรียนอย่างน้อยๆ เขาจะได้ไปใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่ดีกว่านี้
------------
------------"ไม่คิดว่าหนูเรไรจะชอบที่นี่ถึงขนาดขอพักต่ออีกนิด" "ที่นี่สวยมากจริงๆ ค่ะป้าละเมียดทำเอาอยากมาอาศัยอยู่ที่นี่เลย ^^ " ไม่รู้เพราะแขกมีเพียงคนเดียวหรือว่าป้าแกเอ็นดูเรไรเป็นพิเศษ ถึงขนาดชวนมาทานข้าวที่บ้านด้วยทั้งเช้า กลางวัน เย็น เช่นเดียวกับวันนี้หลังจากเสร็จภารกิจพิชิตจักรวาลไปเวลาล่วงเลยมาจนถึงรุ่งสาง ทั้งสองนอนกอดกันกลมในห้องพัก ดีที่ป้าละเมียดโทรมาตามลูกชายไม่ใช่เดินพรวดพราดเข้ามา ไม่งั้นคงได้เห็นภาพอุจาดตาแต่เช้า "แล้วนั่นเป็นอะไรของลูกน่ะ เอาแต่นั่งก้มหน้าตลอด ไม่สบายหรือเปล่า" เห็นท่าทีลูกชายผิดแปลกไป ป้าละเมียดเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ทว่าร่างยักษ์กลับเขินอายอมยิ้มหน้าแดงไร้สาเหตุ "ไม่มีอะไรสักหน่อยแม่" "ไม่น่าใช่นะ ปกติลูกไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน อย่าบอกนะ..." ป้าสลับมองหน้าลูกชายและเรไรสาวเมืองกรุง ทั้งสองมีท่าทีที่เหมือนกันราวกับคัดลอกวาง แกรู้ได้ทันทีถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น เพียงยกยิ้มเล็กน้อยและปล่อยผ่านหวังให้วัยรุ่นจัดการกันเอง "จริงสิ วันนี้พ่อให้ลูกไปดูสวนมะพร้าวให้น่ะ" "อ๋อ เดี๋ยวผมไป" "ไหนๆ ก็ไปแล้วพาเรไรไปเที่ยวด้วยสิ ปล่อยไว้ที่บ้านพักเดี๋ยวจะเบื
------------ลมทะเลหากในวันปกติของคินแล้วคงจะเย็นสบายและรู้สึกสงบ ต่างจากวันนี้เขารู้สึกร้อนเนื้อร้อนใจเปลญวนแม้จะแกว่งไปมาเพราะแรงลมทะเลกลับไม่คลายความรู้สึกกระวนกระวาย ท้ายที่สุดเขาเด้งตัวลุกขึ้นนั่งถอนหายใจเสียงดัง "เฮ้อ เป็นคนนิสัยเสียไปแล้วสิ ทั้งที่ควรจะลาเรไรก่อนเดินทางกลับ แต่เรากลับหนีออกมาโดยไม่ล่ำลาเลยสักคำ ทั้งที่ไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกแล้วแท้ๆ" ยิ่งคิดถึงโอกาสที่เสียไปยิ่งรู้สึกเสียดายไม่หายหัวใจตอกย้ำโทษตัวเองรับร้อยนับพันครั้ง นั้นคือสาเหตุที่เขาไม่อาจสงบนิ่งได้อย่างทุกวัน เสียงคลื่นทะเลกระทบชายหาดคล้ายเป็นเสียงกล่อมชวนให้เขาผ่อนคลาย สมองที่ค่อยๆ พาเข้าสู่โหมดพักผ่อนกลับทำงานฉับพลันอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงหวานติดตราตรึงใจของใครบางคน "พี่คิน" "!!!!!" หันไปตามเสียงเรียกปรากฏร่างหญิงสาวตัวเล็กยืนอมยิ้มแก้มแดงให้กันอยู่ก่อนแล้ว เธอเกลี่ยผมทัดหูสายตาเขินอายจ้องมองมา ราวกับฟ้ารับรู้ถึงการก่นด่าตัวเองในใจของเขานับครั้งไม่ถ้วนและสวรรค์จึงส่งเธอมาอีกครั้ง คราวนี้ร่างยักษ์รีบวิ่งเข้าไปโอบกอดเรไรด้วยความดีอกดีใจ "เรไร! พี่คิดว่าจะไม่ได้เจอเรไรอีกแล้ว" "จะกลับได้ไงล่ะคะ มีคน
------------"ขอโทษนะ แต่พี่ไม่สามารถทำอะไรผู้หญิงที่พึ่งผ่านสถานการณ์เลวร้ายแบบนั้นได้จริงๆ" คำสารภาพของคนพี่ทำเอาหญิงสาวถึงกับแน่นิ่ง แววตาสั่นไหวราวกับจะร้องไห้รอมร่อ "กะ โกรธพี่หรือเปล่า!" "ไม่ เปล่าเลย" หลังมือเล็กยกปาดหยดน้ำตา ยันตัวลุกขึ้นนั่งยิ้มบางให้คนพี่ "ขอบคุณพี่ต่างหาก ขอบคุณที่ใส่ใจเรื่องเล็กน้อยนะคะ ^^ " "เล็กน้อยที่ไหนกัน!!!" สีหน้าคนพี่ดูจะโกรธเคืองแทนหญิงสาวไม่น้อย เขากัดฟันแน่นในใจอยากจะเสยปลายคางไอ้เศษสวะเสียตอนนี้ "ถึงแบบนั้นก็ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ" ทำไงดีเหมือนฉันจะตกหลุมรักผู้ชายคนนี้เข้าอย่างจังแล้วสิ ---"เรไร!" "แนน!!" หญิงสาววิ่งปรี่เข้ากอดเพื่อนสนิทราวกับว่าจากกันมานานหลายวันทั้งที่เวลาพึ่งจะผ่านไปได้ไม่กี่ชั่วโมง โดยมีลูกชายผู้ใหญ่บ้านตามอารักขาไม่ห่าง แต่ด้วยเสื้อคลุมแจ็คเก็ตทำทุกสายตาจับจ้องราวกับว่าคินเป็นคนร้าย เรไรพอจะอ่านความหมายของสายตาแกจึงรีบอธิบายขยายความ "เรื่องทั้งหมดไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนเข้าใจนะ!" "แล้วเรไรหายไปไหนกับ คุณคินสองคนล่ะ"เพื่อนสาวคนหนึ่งเอ่ยถึงสิ่งที่สงสัยครู่ใหญ่ออกมา สายตายังคงมองคินเป็นคนร้ายไม่วาง "พี่คินไปช่วยเราไ
-----------"เป็นอะไรหรือเปล่าครับ!" คินไม่สนใจชายใจทรามสักนิด รีบคว้ามือหญิงสาวขึ้นทันที ก่อนจะรีบถอดเสื้อคลุมแจ็คเก็ตของตัวเองสวมให้ร่างเปลือยท่อนบน รีบเลื่อนหน้าหันไปทางอื่น "ผะ ผมไม่เห็นเพราะงั้นไม่ต้องอายนะครับ" "ขอบคุณนะคะที่มาช่วย" สีหน้าหญิงสาวดูตกใจไม่น้อย ไม่อาจกล้าสบตากับร่างใหญ่ได้ ชายตัวยักษ์อุ้มเธอขึ้นในท่าเจ้าหญิงทำเอาเรไรถึงกับแน่นิ่งในอ้อมแขนแกร่ง"ไม่ต้องกลัวนะครับ ผมจะพาคุณไปที่ที่หนึ่งหวังว่ามันจะทำให้คุณสบายใจไม่มากก็น้อย" "ค ค่ะ" ไม่รู้ทำไมฉันถึงได้ไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด กลับกันกลับรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้เขา ทั้งสองผ่านป่าทึบนกมาราวห้านาทีในที่สุดก็เดินมาโผล่ยังโขดหินขนาดใหญ่ซึ่งมีต้นไม้ ต้นใหญ่แผ่กิ่งใบให้ความร่มเย็นใต้ต้นไม้นั้นมีแคร่ไม้ตั้งอยู่เพียงตัวเดียว ร่างหญิงสาวขวัญผวาถูกวางลงบนแคร่อย่างเบามือ ก่อนร่างยักษ์จะนั่งลงข้างกัน "ที่นี่เป็นที่ที่ผมมักจะมานั่งเล่นเป็นประจำ เรียกได้ว่าเป็นฐานทัพลับๆ ก็ได้" "สวยมากเลยค่ะ"เบื้องหน้านั้นคือมหาสมุทรกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ลมทะเลพัดปะทะเข้าหน้า เสียงใบไม้กระทบกันเป็นดั่งดนตรีบำบัดจิตใจ ร่างเล็กหลับตาลงเล็ก
-----------"ในเมื่อเสร็จแล้ว งั้นทุกคนแยกย้ายกันไปพักดีไหม" "ค่ะ" ป้าละเมียดและชาวบ้านพากันเดินออกจากแหล่งการเรียนรู้ประจำหมู่บ้าน เพราะเวลาบ่ายแก่เหมาะแก่การเล่นน้ำ เหล่าหญิงสาวจึงพากันเปลี่ยนเป็นชุดว่ายน้ำ ลงไปเล่นน้ำทะเลบ้างก็ทำกิจกรรมบนชายหาด หนึ่งในคนที่นั่งดูเพื่อนสาวบนหาดนั่นก็คือเรไร เธอชอบที่จะนั่งมองเพื่อนๆ มากกว่าลงไปทำกิจกรรม "ไม่เปลี่ยนชุดว่ายน้ำหรอ" เสียงของเจดังขึ้นจากทางด้านข้าง เมื่อหันไปตามเสียงพบว่าในมือเขาถือขวดเบียร์ที่ถูกดื่มจนพร่องไปเกือบครึ่ง แววตาฉ่ำเยิ้มบ่งบอกว่าฤทธิ์แอลกอฮอล์นั้นแผ่กระจายไปทั่วร่างกายแล้ว "มะ ไม่หรอกเรายังไม่อยากเล่นน้ำน่ะ" "งั้นหรอ ไปเที่ยวกับเจไหม" "เที่ยวไหน เราไม่ไป!" ไม่เพียงแค่คำพูดแต่ยังรวบข้อมือเล็กพาตัวดาวคณะลากไปทั้งแบบนั้น กระทั่งมาหยุดที่โต๊ะข้างบ้านพักของเหล่าผู้ชาย ซึ่งบนโต๊ะนั้นมีขวดเบียร์และของกินเล่นวางเต็มไปหมด "ไอ้เจไปเอาเรไรมาจริงวะ" "ก็บอกแล้วว่ากูจะไปพาหวานใจมา" เจพูดด้วยท่าทีมั่นอกมั่นใจพร้อมทั้งดึงร่างบางลงมานั่งบนตักตัวเอง ราวกับว่าเธอนั้นเป็นคนรัก ทว่าสีหน้าเรไรกลับไม่สู้ดี เธอไม่อยากมีปัญญากับนักมวยมีฝี
----------"ฮ่าฮ่า"สองสาวเกลือกกลิ้งเล่นบนเตียงสักพักใหญ่ ก่อนจะสงบลงเพราะเริ่มเหนื่อย ไฟในห้องถูกปิดลงบรรยากาศในห้องกลับเข้าสู่โหมดปกติ ทว่าถึงกระนั้นเรไรก็ไม่อาจจะสลัดภาพของคินตอนที่เข้าไปช่วยเธอไม่ได้ หัวใจดวงเล็กในอกด้านซ้ายเริ่มสั่นไหวรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนเธอไม่อาจควบคุมยกมือขึ้นกุมมันไว้ ใบหน้าเริ่มร้อนราวกับจะเป็นไข้ท้ายที่สุดเธอยกผ้าห่มขึ้นคลุมใบหน้า "โอ้ย! หยุดคิดสักทีเรไร" แปลกที่ฉันไม่ได้มองเขาที่ใบหน้าหรือร่างกาย แต่ใจฉันมันเอาแต่คิดถึงเรื่องที่เขาเข้ามาช่วยฉันมากกว่า จังหวะที่ยกมือของเจออก รวมถึงตอนที่สายตาเย็นชานั้นมองลงมาร่างกายก็ร้อนรุ่มขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว อยากทำความรู้จักกับคุณคินมากกว่านี้จัง มากกว่านี้อีกหน่อยก็คงดี... "มื้อเช้าวันนี้เป็นข้าวต้มปลาหมึกจ้า""ปลาหมึกนี่ดูสดมากเลยเนอะ""นั่นสิ"เหล่านักศึกษาจบใหม่พากันกรูรุมล้อมรอบหม้อข้าวต้มด้วยสายตาเป็นประกายราวกับไม่เคยเห็นข้าวต้มมาก่อน ทำเอาป้าละเมียดเมียพ่อผู้ใหญ่ยิ้มแก้มปริด้วยความเอ็นดูสาวเมืองกรุง"ใช่จ้ะ เป็นปลาหมึกที่ชาวบ้านออกเรือไปจับมาเมื่อคืนนี่เอง""โห! สดสุดๆ ไปเลย""งั้นขอทานแล้วนะคะ""เชิญเลยจ้ะ"