Kine Part
ฉันเกลียดมนุษย์ คนพวกนี้ขี้ขลาดสิ้นดี พวกมนุษย์นั้นทั้งโกหกและหลอกลวง หลอกให้รักและไว้ใจ สุดท้ายก็หักหลังแวมไพร์อย่างฉันไปอย่างไม่มีเยื่อใย พวกมนุษย์เป็นพวกที่เชื่อถือไม่ได้ สมแล้วที่ต้องตกของเล่นให้กับเหล่าแวมไพร์อย่างพวกเรา
ฉันเคยหลงรักมนุษย์ ผู้หญิงคนนั้นคือผู้รับใช้โลหิตคนเก่าของฉัน เธอดีกับฉัน คอยโอบกอดฉันไว้ไม่ว่าจะเวลาใด ผู้หญิงคนนั้น ผู้รับใช้โลหิตที่แสนภักดีของฉันดวงตาสีน้ำตาลคู่นั่นและผมสีน้ำตาลอ่อนที่ยาวสลวยน่าสัมผัส ฉันจำได้ฝังใจไม่เคยลืมเลือน...
เจ้าชายน้อยไคน์เมื่อครั้นอายุ 13 ปี ตกหลุมรักหญิงสาวผู้หนึ่ง เธอเป็นคนที่อ่อนหวาน ใบหน้านั้นสวยราวกับสวรรค์สร้าง ไม่ว่ามนุษย์หรือแวมไพร์ที่ได้พบเห็นล้วนต้องตกหลุมรักเธออย่างปฏิเสธไม่ได้
“พี่...พี่ครับ...บาร์รอน...มีใครอยู่ไหม?”
“เจ้าชาย กำลังตามหาใครอยู่หรือ?”
เด็กชายบาร์รอนเดินเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงเรียกหาพร้อมเอ่ยถามเจ้าชายน้อยไคน์ผู้เป็นเพื่อนสนิทของตัวเอง ไม่ต่างจากเจ้าชายคิงส์ เคลล็อกก์ ที่เดินตามมาติดๆ
“นายเรียกพี่ทำไมเจ้าชายน้อยของพี่”
“คาร่า พี่เห็นคาร่าหรือไม่ ตั้งแต่ตื่นมาฉันยังไม่เห็นเธอเลย”
“เธอไม่อยู่กับนายแล้วไคน์ เธอไปแล้ว”
“ไป?...คาร่าไปไหนครับ”
เจ้าชายไคน์น้อยเอ่ยถามพี่ชายด้วยความไร้เดียงสา เขาไม่รู้เลยว่าคนที่ตามหานั้นอยู่ที่แห่งใด คนที่เคยสัญญากับเขาเอาไว้ “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะไม่ทอดทิ้งคุณ เจ้าชายน้อยที่รักของฉัน” เหตุใดเขาถึงไม่ทำตามคำมั่นสัญญา
“คนโกหก...ฮึก!”
“คนหลองลวง...ฮึก!”
ผู้เป็นพี่ชายดึงเอาเจ้าชายตัวน้อยเข้ามากอดปลอบโยนด้วยความรัก
“อย่าเศร้าไปเลย นายต้องเรียนรู้และเข้าใจ ไม่มีมนุษย์คนไหนทนอยู่กับแวมไพร์อย่างพวกเราไปได้ตลอดหรอก สักวันหนึ่งนายก็จะต้องอยู่ตัวคนเดียวดั่งเช่นตอนนี้”
“เพราะอะไรกัน? หากทำไม่ได้ตามที่สัญญาก็ไม่ควรรับปากฉันสิ ทำไมต้องสัญญาลมๆแล้งๆเช่นนี้ด้วยล่ะ...ฮึก! ฉันรังเกียจ พวกมนุษย์ไม่รักษาสัจจะ พวกมนุษย์หลอกลวง”
ภาพจำในอดีตนั้นผุดขึ้นในหัวเมื่อฉันมองภาพเหตุการณ์ที่อยู่เบื้องหน้าตรงสนามหญ้าของมหาวิทยาลัย ดวงตาคู่นั้น ผมสีน้ำตาลอ่อนยาวสลวยแบบนั้น ช่างเหมือนเหลือเกิน เหมือนกับผู้หญิงคนนั้น คนที่หักหลังและทอดทิ้งฉันไปอย่างไม่ใยดีเมื่อ 11 ปีที่แล้ว
“เหตุใดกัน ทำไมยิ่งมองเด็กคนนั้นก็ยิ่งนึกถึง”
ไคน์บ่นกับตัวเองอยู่ภายในห้องโถงที่ไม่มีใครเลยนอกจากเขา ผู้หญิงคนนั้นคือคนที่เขาไม่อยากนึกถึง แต่กลับต้องนึกถึงทุกครั้งที่มองไปยังคนตัวเล็ก
“เจ้าชาย พวกเราอาบน้ำทำความสะอาดและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอเสร็จแล้วค่ะ”
“อืม...วางเธอไว้บนเตียงในห้องนอนของฉัน อีกเดี๋ยวฉันจะตามไป”
“รับทราบค่ะเจ้าชาย”
ร่างสูงเดินตรงไปยังห้องนอน บนเตียงขนาดใหญ่นั้นปรากฎให้เห็นร่างบางของหญิงสาวที่นอนหลับใหลไม่ได้สติอยู่บนนั้น ใบหน้าเรียวและผิวที่ขาวเนียน รวมไปถึงกลิ่นกายที่หอมหวนชวนหลงใหลแตกต่างจากมนุษย์สาวคนอื่นๆที่เขาเคยพบ
เขาโน้มใบหน้าลงไปจ้องคนตัวเล็กจนใบหน้าของพวกเขานั้นห่างกันเพียงคืบ ทันใดนั้นภาพความทรงจำเก่าๆ ก็วนกลับเข้ามาในหัวของเจ้าชายอีกครั้ง
“ปวดหัว!! ไม่ไหว!! ภาพนั้น เธอคนนั้น!! มาอีกแล้ว!!”
ไคน์กุมขมับด้วยความทรมาน อาการปวดหัวที่รุนแรงมักจะเกิดขึ้นทุกครั้งที่เขานึกถึงหญิงสาวผู้ทรยศคนนั้น
“พวกคนทรยศ ฉันเกลียด เกลียดคนทรยศ...โอ๊ย!!”
เจ้าชายแวมไพร์หนุ่มรีบลุกขึ้น เขาวิ่งออกจากห้องไปด้วยความรวดเร็ว มือแกร่งเอื้อมไปปิดล็อกประตูห้องเอาไว้แน่น และไม่ลืมที่จะสั่งสาวใช้ประจำคฤหาสน์ 2 คนยืนเฝ้าหน้าประตูเอาไว้ทั้งคืน
“เธอกล้าดียังไงมาทำให้ฉันนึกถึงผู้หญิงคนนั้น ทั้งที่ฉันควรจะลืมไปแล้ว”
ไคน์สบถกับตัวเองเมื่อเขาพาตัวเองวิ่งมาจนถึงห้องทำงานส่วนตัว คืนนี้เขาคงไม่สามารถไปนอนที่ห้องนอนได้ เพราะเมื่อเขาเห็นหน้าคนตัวเล็กทีไรก็จะพลันนึกถึงโฉมหน้าหญิงสาวที่ทรยศหักหลังเขาเมื่อ 11 ปีก่อนทันที
“สักวันฉันจะทำให้เธอต้องมาคุกเข่าอ้อนวอนฉันให้ได้”
แวมไพร์หนุ่มล้มตัวลงนอนบนโซฟาตัวใหญ่ ดวงตาสีเขียวนั้นค่อยๆปิดลงและเขาก็เข้าสู้ห้วงนิทราไป ในห้วงของความฝัน โสตประสาทที่รับรู้นั้นได้ยินเพียงเสียงหวานที่เคยเอ่ยเอื้อนถ้อยคำสัญญาต่างๆนานา
“เจ้าชายที่รักของฉัน คาร่าคนนี้จะอยู่เคียงข้างคุณ”
“เจ้าชายที่รักของฉัน คาร่าคนนี้จะเป็นผู้รับใช้โลหิตที่จงรักภักดีกับคุณตลอดไป”
“เจ้าชายที่รักของฉัน คาร่าคนนี้จะไม่มีวันทอดทิ้งคุณไปโดยเด็ดขาด”
ถึงแม้สติจะหลับใหลไปแล้ว แต่นี้ห้วงความฝันนั้นเป็นเหมือนดั่งกับการจุดระเบิด ไคน์สะดุ้งตื่นมาพร้อมกับเหงื่อที่เปียกโชกทั่วทั้งร่างกาย
“คนโกหก!!”
เขาตะโกนขึ้นมาอย่างลืมตัว สายตาที่มองสำรวจไปบริเวณโดยรอบห้องนั้นกลับไม่มีใครเลยนอกจากเขาเพียงผู้เดียว
“คนทรยศเช่นเธอ ไม่ควรค่าที่ฉันต้องนึกถึง”
“หึ!! ผู้หญิงแพศยา ฉันเกลียด เกลียด”
มือหนานั้นกำแน่น ดวงตาสีเขียวทั้งคู่กำลังค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงช่างดูน่ากลัวยิ่งนัก ความโมโหนั้นทำให้แวมไพร์หนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงตรงปรี่ไปที่ห้องนอนที่มีคนตัวเล็กนอนหลับใหลอยู่ทันที
---ปึ้ง!!!---
“ลุกมานี่ ลุกมา!!!”
คนตัวเล็กที่หลับใหลไม่ได้สตินั้นโยกโยนเคลื่อนไหวไปตามแรงกระชาก ร่างกายที่อ่อนล้านั้นยังคงหลับใหลไม่ได้สติเช่นเดิมแต่กลับไม่ใช่บนเตียงเหมือนเดิม เพราะร่างกายเธอถูกโยนลงไปที่พื้นด้วยแรงอันมหาศาลของแวมไพร์หนุ่ม
“ชิ!!!...น่าสมเพชสิ้นดี”
ไคน์สบถออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนที่จะก้มลงไปอุ้มคนตัวเล็กให้ขึ้นมานอนบนเตียงกว้างดั่งเดิม เขาล้มตัวลงนอนข้างๆและหลับใหลไปพร้อมคนตัวเล็กในอ้อมกอด
วันที่สามของการหลับใหล ไอรีนยังไม่ฟื้นคืนสติ เธอได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากคำสั่งของไคน์ รอบกายนั้นล้อมไปด้วยสาวใช้ประจำคฤหาสน์เคลล็อกก์ที่คอยปรนนิบัติอยู่ไม่ห่าง
“เธอฟื้นหรือยัง?”
คนที่เพิ่งมาใหม่ถามขึ้นอย่างใจเย็นเมื่อเดินมาถึงประตูหน้าห้อง
“ยังค่ะเจ้าชาย”
“อืม...จะไปไหนก็ไป ถ้าฉันไม่เรียกไม่ต้องเข้ามา”
“รับทราบค่ะเจ้าชาย”
แวมไพร์หนุ่มเดินเข้าไปภายในห้องพร้อมกับปิดประตูลงกลอนเพราะกลัวว่าจะมีใครเข้ามาระหว่างที่เขายังอยู่ในห้องกับคนตัวเล็ก
“เหตุใดถึงยังไม่ฟื้น ทั้งที่ฉันรักษาบาดแผลให้เธอทุกวัน”
ไคน์บ่นพรึมพรำหลังจากที่พยุงคนตัวเล็กขึ้นมาให้เธอเอนอิงที่อกแกร่งของเขา สองแขนแกร่งโอบกอดเธอไว้จากทางด้านหลัง สายตาพลางสำรวจรอบเรือนกายที่กำลังหลับใหลไม่ได้สติอยู่ในอ้อมแขน
“บาดแผลก็ไม่มีแล้วนี่ ทำไมกัน”
“อื้อ...”
พูดยังไม่ทันขาดคำ คนที่หลับใหลในอ้อมแขนก็ค่อยๆขยับตัว ดวงตาสีน้ำตาคู่สวยลืมขึ้นมาอย่างเชื่องช้า เธอรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเมื่อเริ่มรู้สึกว่ามีใครบางคนกอดอยู่ด้านหลัง ร่างบางค่อยๆหันกลับไปมอง เมื่อเห็นว่าเป็นใครเธอกลับกรีดร้องออกมาพร้อมกลับผลักไสเขาราวกลับเป็นสิ่งของที่น่ารังเกียจ
“กรี๊ดดดดด!!!!!! เอามือสกปรกของนายออกไปนะ”
เรี่ยวแรงของมนุษย์มีหรือจะสู้แรงอันมหาศาลของแวมไพร์ได้ ยิ่งเป็นมนุษย์ที่เพิ่งจะฟื้นตัวจากบาดแผลที่แสนสาหัสแล้วด้วย ยิ่งแทบจะไม่มีแรงผลักเลย
“หึ!! สลบไปตั้ง 3 วัน ตื่นมาเธอก็ยังปากดีเหมือนเดิม”
ไคน์เอ่ยขึ้นพร้อมกับค่อยๆคืบคลานเข้าไปหาคนตัวเล็กช้าๆ ราวกับว่าเธอคืออาหารแสนอร่อยที่ตั้งรอไว้ให้เขาเข้าไปลิ้มลองรสชาติ
“อย่าเข้ามานะ!!”
ไอรีนถอยหนีแต่กลับถูกอีกฝ่ายจับที่ข้อเท้าไว้แน่นพร้อมกับดึงตัวเธอเข้าหาตัวเขา ริมฝีปากหนาสะแยะยิ้มจนมองเห็นเขี้ยวอันแหลมคมทั้งสองข้าง
“ไม่สำนึกบุญคุณเอาเสียเลย รู้อย่างนี้ฉันไม่ช่วยรักษาแผลให้เธอหรอก ไม่สู้ดูดเลือดเธอแล้วปล่อยให้ค่อยๆตายไปเสียดีกว่า”
“วะ...ว่าไงนะ...นาย...นายช่วยฉัน ช่วยฉันทำไม? ทำไมไม่ฆ่าฉันให้ตายไปซะ ดีกว่าให้ฉันต้องมาอยู่ใกล้พวกแวมไพร์ที่น่าขยะแขยงแบบนาย”
“หึ!! ผู้หญิงปากดีอย่างเธอจะต้องมาคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนฉัน อย่าอวดเก่งให้มันมากนะ ฉันไม่ใช่พวกที่มีความอดทนสูงอย่างที่เธอคิด”
แวมไพร์หนุ่มกำข้อมือเล็กพร้อมบีบแน่นจนไอรีนรู้สึกเจ็บปวด เธอพยายามสะบัดมือเขาออกสุดแรงที่มีแต่ก็ไม่สามารถสะบัดออกไปได้เลย เขายิ่งกำแน่นและบีบแรงขึ้น
“ปล่อยฉัน!!! ฉันจะรีบกลับไปหาน้องชายของฉัน ปล่อย!!!”
“น้องชาย? หึ!! ไม่ต้องห่วง น้องชายของเธอจะปลอดภัย ตราบใดที่เธอยอมทำตามคำสั่งฉัน”
“นะ...นาย..หมายความว่ายังไง
คนตัวเล็กดวงตาเบิกโพรงด้วยความตกใจ น้องชายเป็นเพียงญาติคนเดียวที่เธอเหลืออยู่ในตอนนี้ แต่เกิดอะไรขึ้นกับน้องชายของเธอกัน หรือว่าแวมไพร์พวกนี้จับน้องชายเธอไปทารุณ ความกระวนกระวายใจเกิดขึ้นเมื่อได้ยินเขาเอ่ยถึงน้องชาย แวมไพร์พวกนี้รู้ได้อย่างไรกันว่าเธอกับน้องชายนั้นอาศัยอยู่ที่ไหน
“นะ...นาย..ทำอะไรกับไอเดน ปล่อยเขาไปนะ อย่าทำอะไรไอเดนนะ เขากำลังป่วย ปล่อยเขาไปเถอะ ถ้านายอยากดื่มเลือด มาทำฉันแทนเถอะ ขอร้องล่ะ”
“หึ!! สาวน้อย ฉันบอกแล้วไง น้องชายของเธอจะปลอดภัยตราบใดที่เธอยอมทำตามคำสั่งของฉัน”
เจ้าชายไคน์ผู้เจ้าเล่ห์สะแยะยิ้มอย่างพอใจจนเห็นเขี้ยวอีกครั้ง เมื่อเขาเห็นว่าเด็กสาวกำลังคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนเขาดั่งที่เขาเคยพูดไว้ ท่าทีนั้นสร้างความพึงพอใจให้เจ้าชายได้ไม่น้อย
“เธอจะต้องอยู่ที่นี่ เพราะเธอคือผู้ที่ถูกเลือกจากฉัน เธอต้องอยู่ข้างกายฉันในฐานะ ผู้รับใช้โลหิต!! และต้องรับใช้ให้ฉันแต่เพียงผู้เดียว”
สาวน้อยดวงตาเบิกโพรงอีกครั้ง เธอจะใช้ชีวิตอยู่กับพวกแวมไพร์ที่เธอสุดแสนจะรังเกียจได้อย่างไร เวลานี้มีหนทางไหนให้เธอหลบหนีได้บ้าง ข้อต่อรองที่บังคับให้เธอต้องอดทนนั้นก็คือน้องชายเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ หลังจากนี้ไปเธอจะทำเช่นไร เธอจะทนเป็นเบี้ยล่างรับใช้พวกแวมไพร์ที่น่าขยะแขยงนี้ไปได้นานสักแค่ไหนกัน...
ไคน์ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเพื่อเป็นการยั่งเชิง ตอนนี้ดูเหมือนผู้เป็นชายาของเขาจะไม่ไหวเสียแล้ว เธอเอื้อนเอ่ยถ้อยคำร้องขอออกมาอย่างไม่อาย“คะ...ไคน์...ท่าน...พี่...ใส่มันเข้ามา..ท่านพี่...”---สวบ!!!---เสียงร้องขอที่ทั้งหวานทั้งกระเซ่าเช่นนั้นเขาจะทานทนได้อย่างไร แก่นกายขนาดใหญ่ถูกสอดเสียบเข้าไปจนมิดภายในครั้งเดียว ภายในนั้นตอดรัดจนเขาปวดหนึบ“อ๊าส์...รัดแน่นเกินไปแล้ว...อ๊าส์”ร่างสูงค่อยๆขยับเข้าออกช้าๆก่อนเพิ่มจังหวะให้เร็วขึ้นเรื่อยๆ“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊าส์....”-ตั่บ-ตั่บ-ตั่บ-ตั่บ-ตั่บ-ตั่บ-ตั่บ-สะโพกหนาซอยเข้าออกถี่ยิบจนคนตัวเล็กตัวโยกสั่นครอนไปตามจังหวะ สีหน้าบิดเหยเก เรือนร่างที่บิดเร่าไปมานั้นสั่นไหว ความเสียวซ่านที่ผู้เป็นสวามีมอบให้มันช่างเกินจะทานทน“อ๊ะ อ๊ะ ทะ...ท่าน...พี่...สะ...เสียว...อ๊ะ อ๊ะ อ๊าส์”“โอ้ว...อ๊าส์!! ชายาของข้าช่างเร่าร้อนเสียจริง...อ๊าส์”มือหนาเอื้อมไปจับล็อกเอวบางไว้แน่นก่อนจะอัดกระแทกความเป็นชายเข้าไปอีกครั้ง จังหวะที่เพิ่มเร็วและแรงขึ้นนั้นทำเอาคนตัวเล็กร่างกายกระตุกสั่นไหว“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊าส์ อ๊าส์ อ๊ะ อ๊ะ อ๊าส์.....”-ตั่บ-ตั่บ-ตั
ตั้งแต่งานสถาปนาแต่งตั้งพระราชาและพระชายา ไคน์และไอรีนต่างก็ทำหน้าที่ได้ดีเสมอมา ราษฎรเป็นสุขถ้วนหน้า ทั่วทั้งดินแดนสุขสงบ ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ไคน์จะต้องจัดการกับงานหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งผู้ดูแลในแต่ละหัวเมือง การร่วมประชุมหารือกับสภาแวมไพร์อาวุโส ทำให้เขาไม่ค่อยได้มีกิจกรรมเชื่อมสัมพันธ์รักกับไอรีนผู้เป็นพระชายาสักเท่าไหร่“พระชายากำลังครุ่นคิดสิ่งใดอยู่หรือ”เสียงสดใสจากเฮเลน่าทักขึ้นเมื่อเธอเดินทางมาถึงสวนดอกไม้ประจำปราสาทและเห็นว่าไอรีนนั่งเหม่ออยู่บนชิงช้าตัวโปรดของพระชายา“ปะ...เปล่า”“พระชายาท่านโกหกไม่เนียนเลย มีสิ่งใดขุ่นเคืองใจหรือ”“เฮเลน่า การเป็นพระชายาขององค์ราชานี่ทำไมถึงยากจัง ต้องห่างไกลกันเกือบทุกวัน แทบจะไม่มีเวลาให้กันเลย”“ฮ่า ฮ่า หม่อมฉันรู้แล้ว พระชายาท่านกำลังน้อยใจองค์ราชาอยู่นี่เอง เหตุใดถึงไม่บอกพระองค์ไปตามตรงกันเล่า”“จะบอกเช่นไร มันดูงี่เง้าเกินไป ไคน์กำลังทำหน้าที่ของพระราชาที่เขาควรทำ”“แต่ท่านก็เป็นพระชายานี่ หน้าที่อีกหนึ่งข้อของพระราชาก็คือไม่เมินเฉยต่อพระชายาไม่ใช่หรือ”“ช่างมันเถอะ ฉันก็เพียงแค่คิดไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น”เฮเลน่าอมยิ้มอ
เช้าที่แสนสดใสวันนี้ท้องฟ้าอากาศช่างดูเป็นใจกับการจัดงานรื่นเริ่งยิ่งนัก ภายในปราสาทถูกตกแต่งสวยงาม วันนี้นอกจากจะเป็นวันสภาปนาพระราชาผู้ปกครองดินแดนและแต่งตั้งพระชายาแล้ว ยังเป็นวันอภิเษกอีกด้วยทั่วทั้งดินแดนต่างตื่นเต้นและให้ความสำคัญกับงานที่ยิ่งใหญ่นี้ ต่างก็มาร่วมแสดงความยินดีเต็มบริเวณโดยรอบของปราสาทไอรีนถูกจับแต่งองค์ทรงเครื่องเต็มไปด้วยตราชั้นยศต่างๆมากมาย เธอรู้สึกหนักกับของเหล่านี้จึงบ่นอุบอิบไปพลางก่อนจะถึงเวลาเริ่มพิธี“ไม่รู้อะไรใส่เต็มไปหมด แค่ชุดแต่งงานไม่พอรึไงนะ”“ไม่พอหรอก ตรายศของพระชายาย่อมมากเป็นเรื่องธรรมดา”เฮเลน่าเอ่ยขึ้นเมื่อเธอเดินเข้ามาถึงห้องแต่งตัวของผู้เป็นเพื่อน“ฉันเคยใฝ่ฝันตำแหน่งนี้นะ แต่พอเป็นเธอมันคู่ควรแล้ว วันนี้เป็นวันของเธอ ขอให้มีความสุขนะไอรีน”“ขอบคุณนะเฮเลน่า...เพื่อนรักของฉัน”ทั้งคู่โผเข้ากอดกันด้วยความปลื้มปิติยินดี ก่อนจะผละกอดออกและแต่งตัวให้ไอรีนต่อเวลาฤกษ์มงคลนั้นได้ถูกกำหนดไว้แล้ว การสถาปนาราชาผู้ปกครองดินแดนและการแต่งตั้งพระชายากำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้“ด้วยข้า ตัวแทนของสภาแวมไพร์อาวุโสและผู้รักษาการแทนพระองค์ บัดนี้ถึงเวลามงคล
หลังจากที่ผ่านพ้นเหตุการณ์ที่เลวร้าย เผ่าพันธุ์แวมไพร์นักล่าถูกกำจัดจนสิ้นแล้ว ทั่วทั้งดินแดนต่างก็ใช้ชีวิตอย่างปกติเรื่อยมา ในวันประชุมหารือที่สภาแวมไพร์อาวุโสเพื่อกำหนดวันสถาปนาเพื่อรับตำแหน่งของราชาองค์ใหม่ ในการประชุมครั้งนี้ต่างก็มีข้อโต้เถียงกันเป็นอย่างมาก“ในงานคัดเลือกของไคน์ เขาได้เลือกเด็กสาวคนนั้นแล้ว ตามกฎที่ทางตระกูลเคลล็อกก์ได้ตั้งเอาไว้ หากไคน์เลือกผู้ใด ผู้นั้นย่อมจะถูกแต่งตั้งให้เป็นว่าที่ชายา”“แต่เด็กผู้นั้นเป็นมนุษย์จะเหมาะสมหรือ”“เหตุใดจะไม่เหมาะ ท่านผู้อาวุโสมีเหตุผลหรือไม่”ไคน์เอ่ยถามขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ เพราะหากสภาแวมไพร์อาวุโสคัดค้านเรื่องนี้เขาคงไม่ยินยอมเป็นแน่“ตั้งแต่อดีตมา พวกเราสามารถอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้ มองมนุษย์เป็นเพียงของเล่นของแวมไพร์ ถึงแม้เผ่าพันธุ์พวกเราจะไม่ได้เข่นฆ่ามนุษย์ แต่พวกมนุษย์ก็เปรียบเป็นเพียงสาวใช้เท่านั้น ไม่มีความเหมาะสมกับตำแหน่งเจ้าชายหรือตำแหน่งราชาเลยแม้แต่น้อย”คำตอบของหนึ่งนี่เหล่าผู้อาวุโสนั้นทำให้ไคน์รู้สึกขุ่นเคืองไม่น้อย เขาจึงเอ่ยถามขึ้นอีกครั้งด้วยความสงสัย“แล้วผู้ใดเป็นผู้ที่ตั้งกฎนี้”“ไม่รู้ได้ว่าผู้ใดเป็นผู้ตั้ง
เจ้าชายจากทั้ง 3 ตระกูล ได้แก่ ตระกูลเคลล็อกก์ ตระกูลคลินตัน และตระกูลซัลลิแวน ต่างก็มายืนพร้อมหน้าพร้อมตากันอยู่ที่ห้องเก็บคฑามีดรัตติกาล เพื่อเข้ารับการทดสอบว่าผู้ใดจะสามารถยกคฑามีดรัตติกาลขึ้นจากฐานได้“ผู้แรกสำหรับบททดสอบนี้ เข้าเชิญเจ้าชายจากตระกูลคลินตัน”หนึ่งในหกของเหล่าแวมไพร์อาวุโสเอ่ยเชิญให้เจ้าชายแวมไพร์ผู้ที่มาจากตระกูลคลินตันก้าวเข้ามารับการทดสอบ เจ้าชายลูคัส คลินตัน เอื้อมมือไปจับที่ด้ามของคฑา ไม่ว่าเขาจะใช้แรงมากมายมหาศาลเพียงใดคฑามีดรัตติกาลนั้นกลับไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย“ยกขึ้นไม่ได้สินะ”เหล่าแวมไพร์อาวุโสเอ่ยขึ้นพร้อมกับส่ายหน้าไปมาด้วยความผิดหวัง หลังจากที่เจ้าชายจากตระกูลคลินตันลงจากการทดสอบไป ผู้อาวุโวแวมไพร์ตนหนึ่งก็ได้เอ่ยเชิญเจ้าชายจากตระกูลซัลลิแวนขึ้นมา“ขอเชิญเจ้าชายตระกูลซัลลิแวนขึ้นทดลอบ หากเจ้าคือผู้ที่เหมาะสม และเป็นผู้ที่ราชาพระองค์ก่อนเลือกแล้ว เจ้าย่อมสามารถยกคฑามีดรัตติกาลขึ้นจากฐานได้”เจ้าชายเฮนรี่ ซัลลิแวน ก้าวเข้าไปอย่างองอาจ เขาเอื้อมมือไปกำที่ด้ามของคฑาไว้แน่นก่อนที่จะยกขึ้น แต่กลับต้องทำให้เหล่าแวมไพร์อาวุโสต้องผิดหวังเป็นครั้งที่สอง เจ
“ทุกท่านที่อยู่ ณ ห้องจัดเลี้ยงแห่งนี้ พวกเรามาฟังนิทานสักเรื่องกันดีกว่า บาร์รอนผู้นี้จะเล่านิทานเรื่องที่น่าตื่นเต้นเหลือเชื่อให้ฟัง...”น้ำเสียงที่จริงจังปนความดุดันนั้นทำเอาผู้ร่วมงานต่างหันมามองที่เขา ไม่ต่างจากไอรีนที่ยืนมองบาร์รอนตาไม่พริบ บาร์รอนที่ดูเป็นมิตร พูดน้อย บทจะต่อยก็ต่อยหนัก น่ากลัวมากเลยทีเดียว สีหน้าของเขาในเวลานี้ดูคาดเดายาก คำพูดที่เอื้อนเอ่ยออกมาอย่างเชื่องช้า เป็นจังหวะ แต่ฟังได้ชัดทุกถ้อยคำ“กลาครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้....”บาร์รอนหยุดคำพูดไว้เพียงเท่านั้น เขาหันสายตาไปทางที่เจโรมยืนอยู่และมองไปที่เจโรมด้วยแววตาที่ดุดันปนเจ้าเล่ห์ก่อนที่จะเอ่ยต่อ....“มีแวมไพร์นักล่าตระกูลหนึ่งหวังจะเป็นใหญ่ในดินแดน จึงได้ส่งทายาทเพียงผู้เดียวที่มีอยู่มาเข้าร่วมการคัดเลือกเพื่อเป็นราชาผู้ปกครองดินแดน อุตส่าห์ปิดบังเผ่าพันธุ์ที่แท้จริง โป้ปดเหล่าผู้อาวุโสว่าตนเองนั้นเป็นเจ้าชายมาจากตระกูลเก่าแก่ สร้างบัตรประจำตัวปลอมขึ้นมา แถมยังเข้าหาตีสนิทกับผู้รับใช้โลหิตของเจ้าชายไคน์ เสแสร้งแกล้งว่าตนนั้นเป็นมนุษย์ผู้อ่อนแอที่ถูกเหล่าแวมไพร์ทั้งหลายรังแกทำร้าย หลอกลวงให้เธอผู้นั้นตายใจโ
เช้าวันงานคัดเลือกเจ้าชายผู้ที่จะผ่านเข้ารอบสุดท้ายในการแข่งขันคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับการขึ้นเป็นราชาผู้ปกครองดินแดนงานคัดเลือกในครั้งนี้มีหลายตระกูลที่ส่งทายาทเข้ารับการคัดเลือก ต่างฝ่ายก็ต่างเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีเพื่อที่จะให้ตนเป็นผู้ถูกเลือก สิ่งของสำคัญที่ขาดไม่ได้ ที่เหล่าเจ้าชายแต่ละตระกูลจะต้องแสดงต่อหน้าเหล่าแวมไพร์โอวุโสก่อนเข้ารับการตัดสินในรอบสุดท้าย นั่นก็คือบัตรสีทองแสดงตรายศบ่งบอกสถานะของเจ้าชายประจำตระกูลนั้นๆไอรีนนั่งเหม่ออยู่บนดาดฟ้าของคฤหาสน์เคลล็อกก์ เธอเหม่อลอยอยู่นานจนไม่ได้ยินเสียงเรียกของบางคนที่เอ่ยเรียกเธออยู่พักใหญ่แล้ว“สาวน้อย....สาวน้อย...เฮ้!! สาวน้อย!!.....ไอรีน!!!!!”“ห๊ะ!! มีอะไรเหรอบาร์รอน นายเรียกฉันเสียงดังเชียว”“เธอเหม่ออะไรอยู่เหรอสาวน้อย ฉันเรียกเธอนานแล้วนะ”“ฉันเป็นห่วงไคน์ คืนนี้ในงานคัดเลือกเจ้าชาย หากไคน์ไม่มีป้ายประจำตัวเขาต้องแย่แน่ ทุกอย่างเป็นเพราะฉัน”ไอรีนเอ่ยเสียงเศร้า เธอก้มหน้ามองพื้นอย่างสำนึกผิด เสี้ยวหนึ่งของความคิดเธอไม่อยากให้เวลาหมุนไปถึงคืนนี้เลย อยากจะหยุดเวลาเอาไว้เพียงเท่านี้ เพราะกลัวว่าผู้ที่เธอเป็นห่ว
“นายรู้ได้ยังไงบาร์รอน ว่าไอเดนไม่ได้ถูกทำร้ายทรมานเหมือนที่เจโรมบอกฉัน”“เรื่องนี้ถามกับเจ้าชายไคน์ผู้เป็นเจ้าของโลหิตของเธอดีกว่านะสาวน้อย”บาร์รอนหันหน้าไปทางเจ้าชายทั้งสอง ไอรีนมองหันตามเขา เธอจ้องไปที่เจ้าชายไคน์ที่นั่งไขว่ห้างอยู่ข้างเจ้าชายคิงส์ผู้เป็นพี่ชาย“ที่บาร์รอนพูดหมายความว่ายังไง”คนตัวเล็กเอ่ยถามด้วยความใคร่รู้ นี่มันเรื่องอะไรกัน พวกเขากำลังพูดถึงอะไร แล้วน้องชายของเธอแท้จริงแล้วอยู่ที่ไหน เป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง“น้องชายของเธอ ไอเดน เมอร์ตัน ถูกรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุดของเมืองหลวง ตอนนี้เขาอาการดีขึ้นมากไม่น่าเป็นห่วงดั่งเช่นเมื่อก่อนแล้ว เอาไว้อีก 3 วันฉันจะพาเธอไปเยี่ยมเขา”ไอรีนดวงตาเบิกโพรงเมื่อได้ยินคำตอบ เธอทั้งอึ้งและตกใจ แทบไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเองเลยว่าน้องชายของเธอนั้นถูกรักษาจนเกือบจะหายแล้ว“นะ...นาย..เป็นนาย? ที่ช่วยไอเดน”“ถูกแล้วสาวน้อย ไคน์สั่งให้ฉันไปรับไอเดนส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุดและใช้หมอที่เก่งที่สุดในการรักษา ตั้งแต่วันแรกที่ไคน์ได้พาเธอมาอยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้แล้ว”ไอรีนตกใจมากกว่าเดิมกับคำพูดของบาร์รอน เธอไม่อยากจะเชื่อเลย
ริมฝีปากบางถูกปิดกั้นคำเอ่ยห้ามนั้นไปด้วยริมฝีปากหนา ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าไปภายในเพื่อกวาดชิมความหวานพร้อมกับเขี้ยวแหลมนั้นขูดไปตามโพรงปากจนไอรีนสัมผัสได้“อื้อออ.....”คนตัวเล็กพยายามใช้มือทั้งสองข้างทุบไปที่ร่างแกร่ง ด้วยแรงอันน้อยนิดของเธอนั้น ร่างสูงไม่รู้สึกสะทกสะท้านแต่อย่างใด ลิ้นร้อนนั้นยังคงลุกล้ำเข้าไปเชยชิมความหวานไม่หยุดหย่อน---กึ่ดด!!!---“โอ๊ย!!”ไคน์ผละริมฝีปากออกทันทีเมื่อโดนคนใต้ร่างนั้นกัดเข้าไปที่ลิ้นร้อนจนมีเลือดไหลซิบออกมา“สาวน้อย เธอทำให้ฉันโกรธอีกแล้วนะ”คำพูดที่เย็นยะเยือกบวกกับดวงตาสีแดงก่ำนั้นจ้องมองไปที่เรือนร่างงาม ไคน์เอื้อมมือไปฉีกกระชากเสื้อผ้าที่ปกปิดเรือนกายของคนตัวเล็กเอาไว้จนขาดไม่เหลือชิ้นดีไอรีนพยายามดิ้นหนีแต่กลับถูกแวมไพร์ไพร์หนุ่มจับข้อมือเรียวทั้งสองข้างล็อกไว้แน่น เขาก้มลงซุกไซ้ที่ซอกคอขาวก่อนที่จะฝังเขี้ยวอันแหลมคมนั้นลงไป“อ๊ะ!!”ไคน์ดูดกินความหอมหวานจากกายสาวนั้นอยู่เนิ่นนานก่อนจะถอดถอนเขี้ยวแหลมนั้นออก และเริ่มไล่เลียลิ้นร้อนไปตามร่างงามอีกครั้ง“อ๊ะ...อื้ออ”ความเสียวกระสันที่ลิ้นร้อนจากแวมไพร์หนุ่มมอบให้ทำเอาคนตัวเล็กถึงกับบิดเร่าไปมาไ