ไคน์ยืนมองหญิงสาวที่ร่างกายบอบบางถูกเหล่านักศึกษาในมหาวิทยาลัยกลั่นแกล้งและทำร้ายอยู่ริมระเบียงใหญ่ เขาสะแยะยิ้มออกมาอย่างพออกพอใจ นักศึกษาหญิงที่กำลังลงมือกับคนตัวเล็กที่แสนอ่อนแอนั้นคือพวกมนุษย์ด้วยกันเอง
“นังผู้หญิงปากดี แกกล้าทำให้เจ้าชายโกรธได้อย่างไรกัน”
---เพี๊ยะ!!---
---เพี๊ยะ!!---
ฝ่ามือของหญิงสาวคนนั้นฟาดลงบนใบหน้าเรียวเล็กเต็มแรงจนเกิดเป็นรอยแดงขึ้นที่แก้มทั้งสองข้าง ไอรีนไร้ซึ่งหนทางสู้ เธอนั่งก้มหน้าก้มตารับความรุนแรงจากคนพวกนั้นอย่างไร้เรี่ยวแรงต่อต้านขัดขืน
“คิดว่าการที่แกไม่โต้ตอบแล้วพวกฉันจะปล่อยแกไปอย่างงั้นเหรอ หึ!! ฝันไปเถอะนังผู้หญิงชั้นต่ำ”
---เพี๊ยะ!!---
---เพี๊ยะ!!---
“คนต่ำต้อยแบบแก ใช้วิธีไหนยั่วยวนเจ้าชายกันล่ะ ลุกขั้นมานี่!! ไหนทำให้พวกฉันดูหน่อยซิ แกยั่วยวนเจ้าชายด้วยท่าไหน”
“ลุกขึ้นมา นังตัวดี!!”
มือของหญิงสาวคนหนึ่งเอื้อมมาจิกผมที่ยาวสลวยและดึงขึ้นด้วยความรุนแรง ร่างกายบางเล็กลุกขึ้นตามแรงดึงนั้น เธอพยายามปัดป้องขัดขืน แต่ตัวคนเดียวย่อมไม่อาจสู้แรงของผู้หญิง 5 คนได้
“อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ ปล่อย!! นี่พวกเธอบ้าไปแล้วเหรอ”
“คิดจะสู้พวกฉันงั้นเหรอ แกนี่อวดดีนักนะ!!”
มือข้างหนึ่งของหญิงสาวในกลุ่มนั้นบีบเข้าที่แขนเล็กอย่างเต็มแรงด้วยความโกรธ ไอรีนพยายามดิ้นขัดขืนเพื่อให้หลุดจากกลุ่มหญิงสาวที่โหดร้ายราวกับแม่มดพวกนี้
“ทำไมกัน? ทำไมพวกเธอต้องเชื่อฟังและทำตามคำสั่งของพวกแวมไพร์ที่น่ารังเกียจพวกนี้ด้วย พวกเธอลืมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ไปแล้วหรือยังไงกัน!! ช่วยมีสติกันหน่อยได้ไหม!!”
“ศักดิ์ศรีงั้นเหรอ? ฮ่า ฮ่า นังคนชั้นต่ำกล้าพูดถึงเรื่องศักดิ์ศรีเหรอ น่าขำสิ้นดี”
“ใช่ คนอย่างแกกล้าพูดถึงเรื่องศักดิ์ศรีกับพวกฉันเหรอ? ศักดิ์ศรีที่แกพูดถึงกินอิ่มท้องไหม ใช้แทนเงินได้ไหม ทำให้แกมีชีวิตรอดในดินแดนแห่งนี้ได้รึเปล่า ฮ่า ฮ่า”
“การที่ได้เป็นคนของเจ้าชายนั้นถือว่าวิเศษแค่ไหนแล้ว ผู้หญิงชั้นต่ำอย่างแกกล้าดียังไงมาทำให้เจ้าชายของพวกเราโกรธ ทำตัวเป็นคนอ่อนแอ มารยาสาไถนักนะ
---ผลัก!!---
ไอรีนใช้ช่วงเวลาที่หญิงสาวทั้ง 5 คนเผลอ ยกมือเล็กขึ้นผลักพวกเธอให้ถลาเซล้มไป ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นวิ่งหนี แต่ก็หนีไม่ทัน เมื่อหนึ่งในหญิงสาวของกลุ่มนั้นลุกขึ้นมากระชากผมสีน้ำตาลอ่อนที่ยาวสลวยของเธอเอาไว้ จากนั้นหญิงสาวทั้ง 5 คนก็รุมล้อมคนตัวเล็กเอาไว้อีกครั้ง
“ผมยาวๆของเธอนี่มันช่างเกะกะเสียจริง งั้นพวกฉันจะช่วยตัดออกให้ก็แล้วกัน ฮ่า ฮ่า”
“ยะ...อย่า...นะ!!! ปล่อยฉันนะพวกบ้า”
เหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ในสายตาของเจ้าชายแวมไพร์อย่างไคน์มาตั้งแต่ต้น ดวงตาคู่สีน้ำตาลที่เป็นประกายและผมผมสีน้ำตาลอ่อนที่ยาวสลวยนั้น ช่างเหมือน เหมือนเหลือเกิน เหมือนกับคนคนนั้นเมื่อ 11 ปีก่อน ช่างเหมือนราวกับเป็นคนคนเดียวกัน....
ไคน์กำมือแน่น เขาพยายามที่จะไม่มองไปยังคนตัวเล็กที่กำลังถูกรุมทำร้ายอยู่ตรงสนามเบื้องล่าง แต่ก็ไม่สามารถห้ามสายตาไม่ให้มองได้เลย ภาพที่เห็นตอนนี้คือคนตัวเล็กกำลังถูกกลุ่มหญิงสาวใช้กรรไกรตัดผมที่ยาวสลวยนั้นทิ้งอย่างเป็นเป็นทรง แวมไพร์หนุ่มไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไป เขาจึงตัดปัญหาด้วยการเดินกลับเข้าไปภายในห้องพักส่วนตัวเพื่อไม่ให้เห็นภาพบาดตาเล่านั้น
“เจ้าชาย ท่านอธิการบดีเรียกให้เจ้าชายเข้าไปพบที่ห้องประชุม เชิญครับ”
เป็นเสียงของพ่อบ้านเก่าแก่ประจำตระกูลเคลล็อกก์ที่ดูแลรับใช้ตระกูลนี้มานานได้เอ่ยขึ้นเมื่อเดินเข้ามาภายในห้องส่วนตัวของไคน์
“หึ! น่าเบื่อเสียจริง”
เขาสบถขึ้นก่อนจะเดินสวนออกไปอย่างหัวเสียพ่อบ้านเก่าแก่คนนั้นสังเกตเห็นร่องรอยบาดแผลบนใบหน้าเนียนของเจ้าชายจึงได้ทักขึ้น
“เจ้าชาย เหตุใดบนแก้มของคุณถึง...เอ่อ รอยแผลนั่นมัน...คุณมีเลือดออกนะ”
“หึ!! อย่ามายุ่งกับเรื่องของฉัน อย่ามาทำเป็นรู้ดี กลับไปทำหน้าที่ของนายซะ”
เขาเอื้อมมือขึ้นใช้นิ้วปาดไปที่รอยแผลนั้น ทันควันกลับไม่มีร่องรอยของบาดแผลอีกเลย ก่อนจะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงรำคาญใจ ร่างสูงเดินเข้าไปที่ห้องส่วนตัวของพี่ชายก่อนที่นั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“ในแต่ละวันพี่ไม่มีอะไรทำหรือไง ถึงเรียกหาแต่ฉันอยู่ได้”
"ได้ข่าวว่านายประกาศเป็นศัตรูกับผู้หญิงคนนั้นทั่วทั้งมหาวิทยาลัยเลยเหรอ”
“คิงส์” ผู้เป็นพี่ชายและยังมีตำแหน่งเป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัยแห่งนี้กล่าวทักขึ้นเมื่อเห็นน้องชายของเขาเดินเข้ามาด้วยท่าทางที่ไม่สบอารมณ์
“หึ!! ผู้หญิงคนนั้นสมควรโดนแล้ว พวกไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ทำเป็นรังเกียจแวมไพร์แบบฉัน ทั้งที่ความจริงก็อยากได้ฉันจนตัวสั่น”
“นายอย่ามั่นใจไปหน่อยเลยไคน์ ฉันเคยเตือนนายแล้วใช่ไหม ตอนนี้นายอยู่ในช่วงเตรียมตัวเข้าร่วมคัดเลือกเป็นราชาผู้ปกครองดินแดนนะ หากเรื่องนี้รู้ไปถึงหูเหล่าแวมไพร์อาวุโสเกรงว่าจะไม่เป็นผลดีกับนาย”
“พี่ไม่ต้องมายุ่งหรอกน่า ฉันรู้ว่าฉันกำลังทำอะไร พี่เรียกฉันมาเพื่อที่จะพูดแค่นี้ใช่ไหม หึ!! น่าเบื่อ”
ไคน์เอ่ยตอบผู้เป็นพี่ชายก่อนที่จะหันหลังเดินกลับไปด้วยท่าทีที่ไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่ ตอนนี้ในหัวของเขานึกถึงแต่หญิงสาวตัวเล็กผมสีน้ำตาลอ่อนยาวสลวยที่กำลังโดนรังแกอยู่กลางสนาม
“ชิ!!!”
เจ้าชายไคน์เดินเข้าไปในห้องพักส่วนตัว ร่างสูงนั่งเอนตัวลงบนโซฟาตัวใหญ่พร้อมสบถออกมาด้วยความหงุดหงิด
“เป็นอะไร? นายหงุดหงิดใจที่เห็นเด็กคนนั้นโดนทำร้ายเหรอ”
“เปล่าสักหน่อย ฉันไม่ได้เป็นอะไร”
“แต่อาการที่นายกำลังเป็นตอนนี้มันฟ้องว่านายเป็นห่วงเด็กคนนั้น”
“ฉันไม่ได้เป็นห่วง นายอย่ามารู้ดีไปกว่าตัวฉัน”
“ถ้านายบอกว่าไม่ได้เป็นห่วงงั้นเรื่องที่ฉันจะบอกนายก็คงไม่สำคัญแล้วสิ งั้นฉันไปล่ะ”
บาร์รอนพูดจบก็หันหลังก้าวเท้าเดินออกไป คนที่กำลังกระวนกระวายใจอยู่นั้นก็รีบเรียกให้เขาหยุดทันที บาร์รอนยิ้มกริ่มที่มุมปากอย่างรู้ทัน เขาไม่ได้เป็นเพียงผู้ติดตามของไคน์เท่านั้น แต่เขายังเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวของไคน์ที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กและรู้ใจไคน์ทุกเรื่อง ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าสิ่งที่เจ้าชายกำลังเป็นอยู่ตอนนี้คืออะไร
“แกจะหนีไปไหน นังตัวดี”
ไอรีนพยายามดิ้นขัดขืนกลุ่มหญิงสาวทั้ง 5 คนจนสามารถหลุดออกไปได้ เธอวิ่งหนีจากเหตุการณ์ที่แสนเลวร้ายนี้อย่างไม่คิดชีวิต ปากบางร้องเรียกขอความช่วยเหลือไม่หยุด
“ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย ใครก็ได้ช่วยที”
“คิดว่าแกจะหนีพ้นงั้นเหรอ ฝันไปเถอะนังคนชั้นต่ำ”
คนตัวเล็กวิ่งผ่านกลุ่มนักศึกษาที่บางส่วนก็ยืนมองเธอวิ่งหนีตายด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร อีกบางส่วนก็ช่วยกลุ่มหญิงสาวพวกนั้นวิ่งไล่จับเธอ ช่างไม่มีใครเห็นใจหรือสงสารเธอบ้างเลย แม้กระทั่งมนุษย์ด้วยกันเอง...
“อ้ะ!!! อร๊าย!!”
---ผลัก!!---
---ตุ้บ!!!---
วิ่งหนีจนจะพ้นอยู่รอมร่อแต่ไม่รู้ว่าขาของใครที่ไหนมาขัดขาของคนตัวเล็กเอาไว้จนเธอสะดุดล้มหัวฟาดพื้น ตอนนี้ดวงตาคู่สวยกำลังจะหลับลงแล้ว เธอไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะลุกขึ้นพยุงตัวให้หนีได้อีกต่อไป
“ศัตรูของเจ้าชายก็เหมือนศัตรูของฉัน เอาตัวมันไป”
“ครับ คุณหนู”
ดวงตาคู่สวยที่พร่ามัวพยายามที่จะเหลือบมองตามเสียงนั้นเพื่อที่จะดูว่าคนคนนั้นคือใคร แต่ของเหลวสีแดงที่ไหลออกมาจากแผลบนศีรษะดันไหลอาบลงมาปกปิดการมองเห็นนั้นจนคนตัวเล็กทนความเจ็บปวดไม่ไหว และดวงตาที่พร่ามัวนั้นก็ดับลงไปพร้อมกับสติอันเลือนลาง
“เมื่อกี้นายพูดว่าอะไร มีเรื่องอะไรที่จะบอกฉัน”
“นายจะอยากรู้ไปทำไม ในเมื่อนายไม่ได้สนใจเด็กคนนั้นสักหน่อยนี่”
“นายอย่าอ้อมค้อมได้ไหม มีอะไรก็รีบพูดมาเถอะ”
“เหอะ!! ฉันแค่จะบอกว่าเด็กคนนั้นกำลังโดนเหล่านักศึกษาทั้งพวกมนุษย์และพวกแวมไพร์ลงทัณฑ์อย่างน่าสงสารตามคำสั่งของนาย แต่ก็นะ นายคงไม่ใส่ใจเธอหรอก ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะตกอยู่ในเงื้อมมือของเฮเลน่าก็ตาม”
“นายว่าไงนะ!!!!”
“นายจะตกใจทำไม ฉันแค่จะบอกว่าเฮเลน่าจับตัวเด็กคนนั้นไปแล้ว เธอกำลังทำกับเด็กคนนั้นเหมือนอย่างที่นายต้องการไง ฉันไปล่ะ”
บาร์รอนเดินออกจากห้องไปอย่างสบายใจ เป็นไปตามที่เขาคาด เจ้าชายเพื่อนสนิทของเขารีบเดินออกจากห้องไปด้วยความรวดเร็ว เขาคงไม่ต้องเดาว่าเจ้าชายไคน์จะไปที่ใด ก็คงเป็นที่นั่น ที่ที่มีเด็กสาวนอนไร้สติและไร้เรี่ยวแรงอยู่
“จับมันขึ้นมา”
---เพี๊ยะ!!!---
---เพี๊ยะ!!!---
แวมไพร์สาวฟาดฝ่ามือลงไปที่ใบหน้าของคนตัวเล็กที่กำลังหมดสติอยู่ด้วยความรุนแรง
“จับมันลุกขึ้น”
---เพี๊ยะ!!!---
“หึ!! พวกมนุษย์ไร้ค่า มิน่าล่ะเจ้าชายถึงได้เกลียดเธอ...ชิ!!!”
แวมไพร์สาวสบถด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เมื่อคนที่โดนกระทำไม่สามารถลุกขึ้นมาขัดขืนหรือตอบโต้ได้ยิ่งทำให้เธอโมโหมากขึ้น
“พวกนาย 4 คน อยากจะทำอะไรกับนังนี่ก็เชิญตามสบาย ฉันยกให้ อย่าลืมถ่ายคลิปไว้ให้ฉันด้วยก็แล้วกัน เจ้าชายต้องชอบใจแน่ที่ฉันลงโทษคนที่เจ้าชายเกลียดเช่นนี้”
“จริงหรือครับคุณหนู ขอบคุณครับ”
“จริงสิ เอาให้ตรงนั้นมันพังยับเยินไปเลยยิ่งดี จากนั้นพวกนายจะดูดเลือดมันจนหมดตัวก็ตามใจ หึ!!!”
“ขอบคุณครับคุณหนูสำหรับอาหารจานเด็ด”
แวมไพร์สาวหันหลังเดินออกไปยังไม่ทันจะพ้นประตู ฝีเท้าที่ทรงพลังนั้นก็ก้าวเข้ามาพร้อมถีบที่ประตูห้องนั้นจนพังลง ปรากฎเป็นร่างสูงของเจ้าชายที่พวกเขาเกรงกลัว
“หยุด!!! ปล่อยเธอซะ”
“ตะ...แต่ คะ...คุณหนู ยกแม่นี่ให้พวกเราแล้วนะครับเจ้าชาย”
“พวกนายกล้าขัดคำสั่งฉันหรือ? ฉันบอกให้ปล่อย!!!”
“คะ...ครับ!!!”
ไคน์เดินเข้าไปถึงคนตัวเล็กที่กำลังสลบอยู่บนเตียง ใบหน้าที่เปือดเปื้อนไปด้วยของเหลวสีแดงฉาน เขาอุ้มร่างบางเล็กขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนและเดินออกไป
“จะ...เจ้า...ชาย...เหตุใด”
“หุบปาก!!!”
เขาตะคอกกลับแวมไพร์สาวไปเพียงเท่านั้นก่อนจะพาคนตัวเล็กที่สลบอยู่ในอ้อมแขนไปยังคฤหาสน์ของเขา ร่างสูงบรรจงวางเธอลงบนเตียงกว้างในห้องขนาดใหญ่ กลิ่นหอมของเลือดที่ไหลอาบเต็มใบหน้านั้นช่างเชิญชวนให้เขากระหายเสียจริง
ลิ้นร้อนนั้นค่อยๆไล่เลียเชยชิมความหอมหวานของเลือดนั้นจนสะอาดหมดจด ร่องรอยบาดแผลที่เคยมีตอนนี้กลับหายไปจนหมด ใบหน้าเรียวเกลี้ยงเกลากลับมาสวยเนียนอีกครั้ง
“เจ้าชาย นี่คือ เอ่อ...มนุษย์??”
“ไม่ต้องถามมาก พวกเธอมีหน้าที่ดูแลผู้หญิงคนนี้ให้ดีที่สุด เข้าใจที่ฉันสั่งไหม”
“รับทราบค่ะเจ้าชาย”
“ตอนนี้พาเธอไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าซะ”
“รับทราบค่ะเจ้าชาย”
แวมไพร์หนุ่มเดินออกไปยังห้องโถงใหญ่ เขาเอนนอนบนโซฟาสุดหรูด้วยสีหน้าท่าทีสบายอารมณ์ จนเพื่อนและผู้ติดตามคนสนิทอย่างบาร์รอนอดที่จะเอ่ยแซวไม่ได้
“วันนี้เจ้าชายของพวกเราเป็นอะไรไปกัน เป็นคนประกาศว่าเขาเป็นศัตรูเอง แต่พอเขาโดนทำร้ายกลับไปช่วยเขา การกระทำของนายมันย้อนแย้งนะไคน์”
“พูดมากจริง...ชิ!!”
เจ้าชายแวมไพร์ที่แสนเย็นชาต่อผู้หญิงไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือแวมไพร์ด้วยกันเอง เขาก็ไม่สนใจและไม่เคยจริงใจกับใครทั้งนั้น นอกจากเธอ เธอในอดีตเมื่อ 11 ปีก่อนคนนั้นเพียงผู้เดียว....
ไคน์ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเพื่อเป็นการยั่งเชิง ตอนนี้ดูเหมือนผู้เป็นชายาของเขาจะไม่ไหวเสียแล้ว เธอเอื้อนเอ่ยถ้อยคำร้องขอออกมาอย่างไม่อาย“คะ...ไคน์...ท่าน...พี่...ใส่มันเข้ามา..ท่านพี่...”---สวบ!!!---เสียงร้องขอที่ทั้งหวานทั้งกระเซ่าเช่นนั้นเขาจะทานทนได้อย่างไร แก่นกายขนาดใหญ่ถูกสอดเสียบเข้าไปจนมิดภายในครั้งเดียว ภายในนั้นตอดรัดจนเขาปวดหนึบ“อ๊าส์...รัดแน่นเกินไปแล้ว...อ๊าส์”ร่างสูงค่อยๆขยับเข้าออกช้าๆก่อนเพิ่มจังหวะให้เร็วขึ้นเรื่อยๆ“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊าส์....”-ตั่บ-ตั่บ-ตั่บ-ตั่บ-ตั่บ-ตั่บ-ตั่บ-สะโพกหนาซอยเข้าออกถี่ยิบจนคนตัวเล็กตัวโยกสั่นครอนไปตามจังหวะ สีหน้าบิดเหยเก เรือนร่างที่บิดเร่าไปมานั้นสั่นไหว ความเสียวซ่านที่ผู้เป็นสวามีมอบให้มันช่างเกินจะทานทน“อ๊ะ อ๊ะ ทะ...ท่าน...พี่...สะ...เสียว...อ๊ะ อ๊ะ อ๊าส์”“โอ้ว...อ๊าส์!! ชายาของข้าช่างเร่าร้อนเสียจริง...อ๊าส์”มือหนาเอื้อมไปจับล็อกเอวบางไว้แน่นก่อนจะอัดกระแทกความเป็นชายเข้าไปอีกครั้ง จังหวะที่เพิ่มเร็วและแรงขึ้นนั้นทำเอาคนตัวเล็กร่างกายกระตุกสั่นไหว“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊าส์ อ๊าส์ อ๊ะ อ๊ะ อ๊าส์.....”-ตั่บ-ตั่บ-ตั
ตั้งแต่งานสถาปนาแต่งตั้งพระราชาและพระชายา ไคน์และไอรีนต่างก็ทำหน้าที่ได้ดีเสมอมา ราษฎรเป็นสุขถ้วนหน้า ทั่วทั้งดินแดนสุขสงบ ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ไคน์จะต้องจัดการกับงานหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งผู้ดูแลในแต่ละหัวเมือง การร่วมประชุมหารือกับสภาแวมไพร์อาวุโส ทำให้เขาไม่ค่อยได้มีกิจกรรมเชื่อมสัมพันธ์รักกับไอรีนผู้เป็นพระชายาสักเท่าไหร่“พระชายากำลังครุ่นคิดสิ่งใดอยู่หรือ”เสียงสดใสจากเฮเลน่าทักขึ้นเมื่อเธอเดินทางมาถึงสวนดอกไม้ประจำปราสาทและเห็นว่าไอรีนนั่งเหม่ออยู่บนชิงช้าตัวโปรดของพระชายา“ปะ...เปล่า”“พระชายาท่านโกหกไม่เนียนเลย มีสิ่งใดขุ่นเคืองใจหรือ”“เฮเลน่า การเป็นพระชายาขององค์ราชานี่ทำไมถึงยากจัง ต้องห่างไกลกันเกือบทุกวัน แทบจะไม่มีเวลาให้กันเลย”“ฮ่า ฮ่า หม่อมฉันรู้แล้ว พระชายาท่านกำลังน้อยใจองค์ราชาอยู่นี่เอง เหตุใดถึงไม่บอกพระองค์ไปตามตรงกันเล่า”“จะบอกเช่นไร มันดูงี่เง้าเกินไป ไคน์กำลังทำหน้าที่ของพระราชาที่เขาควรทำ”“แต่ท่านก็เป็นพระชายานี่ หน้าที่อีกหนึ่งข้อของพระราชาก็คือไม่เมินเฉยต่อพระชายาไม่ใช่หรือ”“ช่างมันเถอะ ฉันก็เพียงแค่คิดไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น”เฮเลน่าอมยิ้มอ
เช้าที่แสนสดใสวันนี้ท้องฟ้าอากาศช่างดูเป็นใจกับการจัดงานรื่นเริ่งยิ่งนัก ภายในปราสาทถูกตกแต่งสวยงาม วันนี้นอกจากจะเป็นวันสภาปนาพระราชาผู้ปกครองดินแดนและแต่งตั้งพระชายาแล้ว ยังเป็นวันอภิเษกอีกด้วยทั่วทั้งดินแดนต่างตื่นเต้นและให้ความสำคัญกับงานที่ยิ่งใหญ่นี้ ต่างก็มาร่วมแสดงความยินดีเต็มบริเวณโดยรอบของปราสาทไอรีนถูกจับแต่งองค์ทรงเครื่องเต็มไปด้วยตราชั้นยศต่างๆมากมาย เธอรู้สึกหนักกับของเหล่านี้จึงบ่นอุบอิบไปพลางก่อนจะถึงเวลาเริ่มพิธี“ไม่รู้อะไรใส่เต็มไปหมด แค่ชุดแต่งงานไม่พอรึไงนะ”“ไม่พอหรอก ตรายศของพระชายาย่อมมากเป็นเรื่องธรรมดา”เฮเลน่าเอ่ยขึ้นเมื่อเธอเดินเข้ามาถึงห้องแต่งตัวของผู้เป็นเพื่อน“ฉันเคยใฝ่ฝันตำแหน่งนี้นะ แต่พอเป็นเธอมันคู่ควรแล้ว วันนี้เป็นวันของเธอ ขอให้มีความสุขนะไอรีน”“ขอบคุณนะเฮเลน่า...เพื่อนรักของฉัน”ทั้งคู่โผเข้ากอดกันด้วยความปลื้มปิติยินดี ก่อนจะผละกอดออกและแต่งตัวให้ไอรีนต่อเวลาฤกษ์มงคลนั้นได้ถูกกำหนดไว้แล้ว การสถาปนาราชาผู้ปกครองดินแดนและการแต่งตั้งพระชายากำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้“ด้วยข้า ตัวแทนของสภาแวมไพร์อาวุโสและผู้รักษาการแทนพระองค์ บัดนี้ถึงเวลามงคล
หลังจากที่ผ่านพ้นเหตุการณ์ที่เลวร้าย เผ่าพันธุ์แวมไพร์นักล่าถูกกำจัดจนสิ้นแล้ว ทั่วทั้งดินแดนต่างก็ใช้ชีวิตอย่างปกติเรื่อยมา ในวันประชุมหารือที่สภาแวมไพร์อาวุโสเพื่อกำหนดวันสถาปนาเพื่อรับตำแหน่งของราชาองค์ใหม่ ในการประชุมครั้งนี้ต่างก็มีข้อโต้เถียงกันเป็นอย่างมาก“ในงานคัดเลือกของไคน์ เขาได้เลือกเด็กสาวคนนั้นแล้ว ตามกฎที่ทางตระกูลเคลล็อกก์ได้ตั้งเอาไว้ หากไคน์เลือกผู้ใด ผู้นั้นย่อมจะถูกแต่งตั้งให้เป็นว่าที่ชายา”“แต่เด็กผู้นั้นเป็นมนุษย์จะเหมาะสมหรือ”“เหตุใดจะไม่เหมาะ ท่านผู้อาวุโสมีเหตุผลหรือไม่”ไคน์เอ่ยถามขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ เพราะหากสภาแวมไพร์อาวุโสคัดค้านเรื่องนี้เขาคงไม่ยินยอมเป็นแน่“ตั้งแต่อดีตมา พวกเราสามารถอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้ มองมนุษย์เป็นเพียงของเล่นของแวมไพร์ ถึงแม้เผ่าพันธุ์พวกเราจะไม่ได้เข่นฆ่ามนุษย์ แต่พวกมนุษย์ก็เปรียบเป็นเพียงสาวใช้เท่านั้น ไม่มีความเหมาะสมกับตำแหน่งเจ้าชายหรือตำแหน่งราชาเลยแม้แต่น้อย”คำตอบของหนึ่งนี่เหล่าผู้อาวุโสนั้นทำให้ไคน์รู้สึกขุ่นเคืองไม่น้อย เขาจึงเอ่ยถามขึ้นอีกครั้งด้วยความสงสัย“แล้วผู้ใดเป็นผู้ที่ตั้งกฎนี้”“ไม่รู้ได้ว่าผู้ใดเป็นผู้ตั้ง
เจ้าชายจากทั้ง 3 ตระกูล ได้แก่ ตระกูลเคลล็อกก์ ตระกูลคลินตัน และตระกูลซัลลิแวน ต่างก็มายืนพร้อมหน้าพร้อมตากันอยู่ที่ห้องเก็บคฑามีดรัตติกาล เพื่อเข้ารับการทดสอบว่าผู้ใดจะสามารถยกคฑามีดรัตติกาลขึ้นจากฐานได้“ผู้แรกสำหรับบททดสอบนี้ เข้าเชิญเจ้าชายจากตระกูลคลินตัน”หนึ่งในหกของเหล่าแวมไพร์อาวุโสเอ่ยเชิญให้เจ้าชายแวมไพร์ผู้ที่มาจากตระกูลคลินตันก้าวเข้ามารับการทดสอบ เจ้าชายลูคัส คลินตัน เอื้อมมือไปจับที่ด้ามของคฑา ไม่ว่าเขาจะใช้แรงมากมายมหาศาลเพียงใดคฑามีดรัตติกาลนั้นกลับไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย“ยกขึ้นไม่ได้สินะ”เหล่าแวมไพร์อาวุโสเอ่ยขึ้นพร้อมกับส่ายหน้าไปมาด้วยความผิดหวัง หลังจากที่เจ้าชายจากตระกูลคลินตันลงจากการทดสอบไป ผู้อาวุโวแวมไพร์ตนหนึ่งก็ได้เอ่ยเชิญเจ้าชายจากตระกูลซัลลิแวนขึ้นมา“ขอเชิญเจ้าชายตระกูลซัลลิแวนขึ้นทดลอบ หากเจ้าคือผู้ที่เหมาะสม และเป็นผู้ที่ราชาพระองค์ก่อนเลือกแล้ว เจ้าย่อมสามารถยกคฑามีดรัตติกาลขึ้นจากฐานได้”เจ้าชายเฮนรี่ ซัลลิแวน ก้าวเข้าไปอย่างองอาจ เขาเอื้อมมือไปกำที่ด้ามของคฑาไว้แน่นก่อนที่จะยกขึ้น แต่กลับต้องทำให้เหล่าแวมไพร์อาวุโสต้องผิดหวังเป็นครั้งที่สอง เจ
“ทุกท่านที่อยู่ ณ ห้องจัดเลี้ยงแห่งนี้ พวกเรามาฟังนิทานสักเรื่องกันดีกว่า บาร์รอนผู้นี้จะเล่านิทานเรื่องที่น่าตื่นเต้นเหลือเชื่อให้ฟัง...”น้ำเสียงที่จริงจังปนความดุดันนั้นทำเอาผู้ร่วมงานต่างหันมามองที่เขา ไม่ต่างจากไอรีนที่ยืนมองบาร์รอนตาไม่พริบ บาร์รอนที่ดูเป็นมิตร พูดน้อย บทจะต่อยก็ต่อยหนัก น่ากลัวมากเลยทีเดียว สีหน้าของเขาในเวลานี้ดูคาดเดายาก คำพูดที่เอื้อนเอ่ยออกมาอย่างเชื่องช้า เป็นจังหวะ แต่ฟังได้ชัดทุกถ้อยคำ“กลาครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้....”บาร์รอนหยุดคำพูดไว้เพียงเท่านั้น เขาหันสายตาไปทางที่เจโรมยืนอยู่และมองไปที่เจโรมด้วยแววตาที่ดุดันปนเจ้าเล่ห์ก่อนที่จะเอ่ยต่อ....“มีแวมไพร์นักล่าตระกูลหนึ่งหวังจะเป็นใหญ่ในดินแดน จึงได้ส่งทายาทเพียงผู้เดียวที่มีอยู่มาเข้าร่วมการคัดเลือกเพื่อเป็นราชาผู้ปกครองดินแดน อุตส่าห์ปิดบังเผ่าพันธุ์ที่แท้จริง โป้ปดเหล่าผู้อาวุโสว่าตนเองนั้นเป็นเจ้าชายมาจากตระกูลเก่าแก่ สร้างบัตรประจำตัวปลอมขึ้นมา แถมยังเข้าหาตีสนิทกับผู้รับใช้โลหิตของเจ้าชายไคน์ เสแสร้งแกล้งว่าตนนั้นเป็นมนุษย์ผู้อ่อนแอที่ถูกเหล่าแวมไพร์ทั้งหลายรังแกทำร้าย หลอกลวงให้เธอผู้นั้นตายใจโ
เช้าวันงานคัดเลือกเจ้าชายผู้ที่จะผ่านเข้ารอบสุดท้ายในการแข่งขันคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับการขึ้นเป็นราชาผู้ปกครองดินแดนงานคัดเลือกในครั้งนี้มีหลายตระกูลที่ส่งทายาทเข้ารับการคัดเลือก ต่างฝ่ายก็ต่างเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีเพื่อที่จะให้ตนเป็นผู้ถูกเลือก สิ่งของสำคัญที่ขาดไม่ได้ ที่เหล่าเจ้าชายแต่ละตระกูลจะต้องแสดงต่อหน้าเหล่าแวมไพร์โอวุโสก่อนเข้ารับการตัดสินในรอบสุดท้าย นั่นก็คือบัตรสีทองแสดงตรายศบ่งบอกสถานะของเจ้าชายประจำตระกูลนั้นๆไอรีนนั่งเหม่ออยู่บนดาดฟ้าของคฤหาสน์เคลล็อกก์ เธอเหม่อลอยอยู่นานจนไม่ได้ยินเสียงเรียกของบางคนที่เอ่ยเรียกเธออยู่พักใหญ่แล้ว“สาวน้อย....สาวน้อย...เฮ้!! สาวน้อย!!.....ไอรีน!!!!!”“ห๊ะ!! มีอะไรเหรอบาร์รอน นายเรียกฉันเสียงดังเชียว”“เธอเหม่ออะไรอยู่เหรอสาวน้อย ฉันเรียกเธอนานแล้วนะ”“ฉันเป็นห่วงไคน์ คืนนี้ในงานคัดเลือกเจ้าชาย หากไคน์ไม่มีป้ายประจำตัวเขาต้องแย่แน่ ทุกอย่างเป็นเพราะฉัน”ไอรีนเอ่ยเสียงเศร้า เธอก้มหน้ามองพื้นอย่างสำนึกผิด เสี้ยวหนึ่งของความคิดเธอไม่อยากให้เวลาหมุนไปถึงคืนนี้เลย อยากจะหยุดเวลาเอาไว้เพียงเท่านี้ เพราะกลัวว่าผู้ที่เธอเป็นห่ว
“นายรู้ได้ยังไงบาร์รอน ว่าไอเดนไม่ได้ถูกทำร้ายทรมานเหมือนที่เจโรมบอกฉัน”“เรื่องนี้ถามกับเจ้าชายไคน์ผู้เป็นเจ้าของโลหิตของเธอดีกว่านะสาวน้อย”บาร์รอนหันหน้าไปทางเจ้าชายทั้งสอง ไอรีนมองหันตามเขา เธอจ้องไปที่เจ้าชายไคน์ที่นั่งไขว่ห้างอยู่ข้างเจ้าชายคิงส์ผู้เป็นพี่ชาย“ที่บาร์รอนพูดหมายความว่ายังไง”คนตัวเล็กเอ่ยถามด้วยความใคร่รู้ นี่มันเรื่องอะไรกัน พวกเขากำลังพูดถึงอะไร แล้วน้องชายของเธอแท้จริงแล้วอยู่ที่ไหน เป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง“น้องชายของเธอ ไอเดน เมอร์ตัน ถูกรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุดของเมืองหลวง ตอนนี้เขาอาการดีขึ้นมากไม่น่าเป็นห่วงดั่งเช่นเมื่อก่อนแล้ว เอาไว้อีก 3 วันฉันจะพาเธอไปเยี่ยมเขา”ไอรีนดวงตาเบิกโพรงเมื่อได้ยินคำตอบ เธอทั้งอึ้งและตกใจ แทบไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเองเลยว่าน้องชายของเธอนั้นถูกรักษาจนเกือบจะหายแล้ว“นะ...นาย..เป็นนาย? ที่ช่วยไอเดน”“ถูกแล้วสาวน้อย ไคน์สั่งให้ฉันไปรับไอเดนส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุดและใช้หมอที่เก่งที่สุดในการรักษา ตั้งแต่วันแรกที่ไคน์ได้พาเธอมาอยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้แล้ว”ไอรีนตกใจมากกว่าเดิมกับคำพูดของบาร์รอน เธอไม่อยากจะเชื่อเลย
ริมฝีปากบางถูกปิดกั้นคำเอ่ยห้ามนั้นไปด้วยริมฝีปากหนา ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าไปภายในเพื่อกวาดชิมความหวานพร้อมกับเขี้ยวแหลมนั้นขูดไปตามโพรงปากจนไอรีนสัมผัสได้“อื้อออ.....”คนตัวเล็กพยายามใช้มือทั้งสองข้างทุบไปที่ร่างแกร่ง ด้วยแรงอันน้อยนิดของเธอนั้น ร่างสูงไม่รู้สึกสะทกสะท้านแต่อย่างใด ลิ้นร้อนนั้นยังคงลุกล้ำเข้าไปเชยชิมความหวานไม่หยุดหย่อน---กึ่ดด!!!---“โอ๊ย!!”ไคน์ผละริมฝีปากออกทันทีเมื่อโดนคนใต้ร่างนั้นกัดเข้าไปที่ลิ้นร้อนจนมีเลือดไหลซิบออกมา“สาวน้อย เธอทำให้ฉันโกรธอีกแล้วนะ”คำพูดที่เย็นยะเยือกบวกกับดวงตาสีแดงก่ำนั้นจ้องมองไปที่เรือนร่างงาม ไคน์เอื้อมมือไปฉีกกระชากเสื้อผ้าที่ปกปิดเรือนกายของคนตัวเล็กเอาไว้จนขาดไม่เหลือชิ้นดีไอรีนพยายามดิ้นหนีแต่กลับถูกแวมไพร์ไพร์หนุ่มจับข้อมือเรียวทั้งสองข้างล็อกไว้แน่น เขาก้มลงซุกไซ้ที่ซอกคอขาวก่อนที่จะฝังเขี้ยวอันแหลมคมนั้นลงไป“อ๊ะ!!”ไคน์ดูดกินความหอมหวานจากกายสาวนั้นอยู่เนิ่นนานก่อนจะถอดถอนเขี้ยวแหลมนั้นออก และเริ่มไล่เลียลิ้นร้อนไปตามร่างงามอีกครั้ง“อ๊ะ...อื้ออ”ความเสียวกระสันที่ลิ้นร้อนจากแวมไพร์หนุ่มมอบให้ทำเอาคนตัวเล็กถึงกับบิดเร่าไปมาไ