Irene Part
ฉันเกลียดแวมไพร์ เกลียดชนิดที่ตายก็ไม่เผาผี พวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์ที่น่ารังเกียจและน่าขยะแขยง สำหรับฉันแล้วต่อให้ชีวิตนี้ต้องตายก็ไม่มีทางศิโรราบแทบเท้าพวกแวมไพร์ให้เสียศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
พวกแวมไพร์เป็นเผ่าพันธุ์ที่สามารถฆ่าได้อย่างเลือดเย็น พวกเขาไม่มีความรู้สึกหรือความสงสารเห็นใจต่อใครทั้งนั้น แม้กระทั่งพ่อและแม่ของฉันเอง...
โชคชะตาไม่เคยใจดีกับฉันแม้แต่ครั้งเดียว หนำซ้ำกลับเล่นตลกกับผู้หญิงธรรมดาแบบฉันเสียจริง ฉันต้องมาพัวพันกับพวกแวมไพร์ทั้งที่ไม่ได้ต้องการให้มันเป็นเช่นนี้ น้องชายของฉันถูกพวกนั้นใช้เป็นเครื่องมือในการต่อรองให้ต้องอยู่เป็นทาสรับใช้ให้แก่เจ้าชายแวมไพร์ที่โหดร้ายเลือดเย็นอย่างไคน์ ฉันทั้งรังเกียจและขยะแขยงเขา ฉันไม่ได้ต้องการที่จะมาตกเป็นทาสเบี้ยล่างของเขาเช่นนี้ เหตุใดโชคถึงไม่เคยเข้าข้างฉันเลยแม้แต่ครั้งเดียว...
“แวมไพร์” พวกเผ่าพันธุ์ที่น่ารังเกียจ พวกเขาสามารถทำร้ายและทารุณมนุษย์อย่างพวกเราได้อย่างโหดร้ายและเลือดเย็น พวกเขาไม่เคยเห็นใจและเห็นมนุษย์อยู่ในสายตา มนุษย์อย่างพวกเราก็เป็นดั่งขยะที่ไร้ค่าสำหรับพวกเขาเพียงเท่านั้น
“รอหน่อยนะไอเดน พี่จะต้องรู้ให้ได้ว่าพวกนั้นจับน้องไปไว้ที่ไหน แล้วเราสองคนจะหนีไปด้วยกัน”
คนตัวเล็กนั่งรำพันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ชีวิตเธอช่างอาภัพและถูกโชคชะตาเล่นตลกอยู่ไม่เว้นแต่ละวัน เธอบ่นพร่ำรำพันตัดพ้อในความลำเอียงของพระเจ้าที่ไม่เคยให้เธอได้ใช้ชีวิตแบบมีความสุขเลย หญิงสาวลุกขึ้นอย่างคนหมดแรง เธอค่อยๆเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว มือเล็กหยิบชุดนักศึกษาที่ถูกจัดเตรียมไว้มาสวมใส่ก่อนจะเดินไปที่หน้าประตู
“คุณหนูจะไปไหนรบกวนแจ้งให้พวกเราทั้งสองทราบก่อน”
เสียงแวมไพร์สาวที่ทำหน้าที่เป็นสาวใช้ประจำคฤหาสน์เคลล็อกก์เอ่ยถามขึ้น สองแขนของพวกเธอนั้นยกขึ้นมากั้นเพื่อไม่ให้คนตัวเล็กเดินออกไป
“ฉันจะไปมหาวิทยาลัย เจ้าชายของพวกเธอจะกักขังฉันไว้ไม่ให้ไปไหนแม้กระทั่งไปเรียนเลยรึไง?”
“ถ้าเช่นนั้น เชิญคุณหนูค่ะ”
สาวใช้ทั้งสองยินยอมให้เธอเดินออกไปได้แต่โดยดี ไอรีนรีบวิ่งออกจากห้องนั้นทันที เธอเดินตรงไปที่มหาวิทยาลัยซึ่งอยู่ไม่ไกลจากคฤหาสน์เคลล็อกก์มากนัก ภายในมหาวิทยาลัยนั้นเธอก็ยังคงพบเจอกับสภาพแวดล้อมที่แสนโหดร้ายเช่นเดิม
“นังหน้าด้าน ขนาดนี้แล้วยังกล้ากลับมาเรียนอีก”
“นั่นน่ะสิ! พวกเราไปแจ้งให้คุณหนูเฮเลน่าทราบหน่อยดีกว่า”
“หึหึ!! ดีเลยสิ พวกเราจะได้มีเรื่องสนุกให้ดูอีกแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
ไอรีนเดินไปนั่งอยู่ประจำที่นั่งในห้องเรียนของเธออย่างเงียบๆ ทุกคนที่อยู่ภายในห้องนั้นต่างก็ซุบซิบนินทา บ้างก็ขว้างปาสิ่งของต่างๆใส่เธอไม่หยุด
“โอ๊ย!! พวกบ้า ทำอะไรของพวกเธอ หยุดนะ!!”
คนตัวเล็กที่ทนไม่ไหวจึงได้ลุกขึ้นและตะโกนร้องห้ามเสียงดัง แต่ก็ไม่เป็นผลแต่อย่างใด ยิ่งเธอห้ามก็เหมือนยุยงส่งเสริม ทั้งมนุษย์และแวมไพร์เหล่านั้นต่างกระทำต่อเธออย่างไร้ซึ่งความปรานี
คนตัวเล็กวิ่งหนีออกจากห้องนั้นไป เธอไม่อยากมาพบเจอกับเรื่องเลวร้ายอะไรอีกแล้ว เธอวิ่งออกไปจนเกือบจะพ้นหน้าประตูแต่กลับมีบางกลุ่มยืนรอเธออยู่ที่หน้าประตูก่อนแล้ว ขาเรียวที่กำลังจะก้าวสะดุดเข้ากับสิ่งกีดขวางบางอย่างที่กลุ่มที่มาใหม่ได้วางขวางเอาไว้
---อ๊ะ!!---
---ผลัก!!!---
คนตัวเล็กสะดุดล้ม ใบหน้าเรียวกระแทกที่พื้นจนเกิดรอยถลอก เธอค่อยๆพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นแต่กลับมีเท้าของใครบางคนยื่นเข้ามาตรงหน้าเธอ
“เฮเลน่า......”
“หึ!! ว่าไง เธอยังรอดมาได้ดวงแข็งไม่เบาเลยนี่ วันนี้ฉันจะเล่นสนุกกับเธอสักหน่อยก็แล้วกัน”
แวมไพร์สาวก้มลงไปจับผมของไอรีนและดึงขึ้นมาอย่างไม่กลัวว่าเธอจะรู้สึกเจ็บแต่อย่างใด
“พวกนั้นตัดผมเธอไปแค่นิดเดียวเองนี่ เดี๋ยวฉันตัดให้ใหม่ก็แล้วกันนะ เอาให้มันสั้นสุดๆไปเลยเป็นไง ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!”
“อย่านะ!!!”
“เอากรรไกรมาให้ฉัน พวกเธอมาจับมันไว้ หึหึ!! ผมยาวสวยนี่ใช่ไหมที่เธอใช้ยั่วเจ้าชาย งั้นก็อย่ามีมันอีกเลย”
แวมไพร์สาวหยิบกรรไกรมาจากมือลูกน้องคนสนิท เธอค่อยๆบรรจงตัดผมที่ยาวสลวยของไอรีนออกทีละนิด ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของคนตัวเล็กที่พยายามดิ้นขัดขืนและร้องขอความช่วยเหลือ
Irene Part
ฉันคิดว่าจะหนีรอดจากพวกกลุ่มคนใจร้ายเหล่านี้ได้ คิดว่าพวกเขาคงไม่หาเรื่องฉันแล้ว แต่ฉันคิดผิด คนพวกนั้นทำร้ายฉันราวกับว่าฉันไม่ใช่คน ทั้งที่เป็นมนุษย์เช่นเดียวกัน แต่เหตุใดพวกเขากลับไม่เห็นใจหรือสงสารฉันบ้างเลย พวกเขาเอาแต่เชื่อฟังแวมไพร์พวกนั้น เหตุใดถึงยอมทิ้งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์กันได้ขนาดนี้
ผมของฉัน ผมที่ยาวสลวยที่ฉันไว้ยาวมาตั้งแต่ที่พ่อกับแม่เสีย ตอนนี้กำลังถูกพวกมนุษย์ใจร้ายและพวกแวมไพร์ที่น่ารังเกียจตัดมันออกจนไม่เป็นทรง ไม่รู้ว่าฉันไปทำอะไรให้พวกเขาเจ็บช้ำน้ำใจนักหนา พวกเขาถึงได้กระทำรุนแรงกับฉันเช่นนี้ จะมีไหมใครสักคนที่มองเห็นฉันในตอนนี้และเข้ามาช่วยให้ฉันหลุดพ้นไปจากขุมนรกนี้ที
“หยุดเดี๋ยวนี้!!! ปล่อยเธอซะ!!!”
เสียงนั้นทำให้ทุกการกระทำถูกหยุดลง ทุกคนต่างหันตามไปมองยังต้นตอของเสียง ผู้มาใหม่กำลังย่างกรายเข้ามาและก้มลงไปอุ้มเอาคนตัวเล็กที่นอนฟุบอยู่ที่พื้น
“เจ้าชาย.....”
“หุบปากซะ!!!”
ไคน์ตะโกนใส่แวมไพร์สาวด้วยน้ำเสียงอันทรงพลัง ตอนนี้เจ้าชายอย่างเขาไม่พอใจอย่างยิ่งกับทุกการกระทำที่เกิดขึ้นกับคนตัวเล็ก เขาอุ้มไอรีนออกไปยืนตรงระเบียงใหญ่ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของมหาวิทยาลัยแห่งนี้
“แวมไพร์ทุกตนและมนุษย์ทุกคนในที่นี้จงฟังให้ดี ฉันในนามเจ้าชายไคน์ เคลล็อกก์ ผู้ปกครองมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า ผู้หญิงคนนี้คือผู้รับใช้โลหิตของฉันนับตั้งแต่วันนี้ เธอคือคนของฉัน หากใครกล้าทำร้ายเธออีก นั่นหมายความว่ากำลังท้าทายฉัน”
เสียงประกาศนั้นทำให้แวมไพร์สาวผู้ซึ่งหลงรักและหมายปองเจ้าชายมานานอย่างเฮเลน่า กอนซาเลซ ถึงกับกำมือแน่นด้วยความโกรธแค้น
“ฉันไม่ยอมให้มันเป็นเช่นนั้นแน่ มนุษย์ที่ไร้ค่าอย่างแกไม่เหมาะสมกับเจ้าชายเลยสักนิด...ชิ!!!”
เสียงประกาศกร้าวของไคน์สร้างความฮือฮาได้เป็นอย่างมาก หลายคนต่างอิจฉาไอรีนที่เธอได้รับโอกาสเป็นผู้รับใช้โลหิตข้างกายเจ้าชาย ตอนนี้ไม่มีใครหน้าไหนกล้าที่จะทำร้ายเธออีกแล้ว
ไคน์อุ้มคนตัวเล็กไว้ในอ้อมแขน เขาพาเธอกลับไปยังคฤหาสน์หลังใหญ่ ร่างสูงบรรจงวางเธอลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา เขาเอื้อมมือไปลูบไล้ทั่วใบหน้างามและเส้นผมที่ถูกตัดอย่างไม่เป็นทรง
“บัดซบ!!!”
เขาสบถออกมาด้วยความโกรธ เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนที่ยาวสลวยสวยงาม แบบที่เขาชอบตอนนี้กลับถูกตัดขาดไม่เหลือชิ้นดี
“บาร์รอน นายเข้ามาหาฉันหน่อย”
ไคน์เอ่ยเรียกผู้ที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทและผู้ติดตามที่เขาไว้วางใจให้เข้ามาหาก่อนจะเอ่ยสั่งให้เขาไปจัดการเรื่องบางอย่างให้
“ชื่อไอเดน เมอร์ตัน อาศัยอยู่บ้านพักโทรมๆ เก่าๆ แถวชานเมือง ฝากจัดการด้วย”
“นายจะไม่บอกเธอหน่อยเหรอเรื่องนี้”
“ไม่จำเป็น นายรีบไปจัดการเถอะ”
“หึ!! การกระทำของนายมันดูย้อนแย้งกับคำพูดนะ รู้ตัวไหม”
บาร์รอนเอ่ยเพียงเท่านั้นก็เดินออกไป ปล่อยให้เจ้าชายอย่างไคน์อยู่ภายในห้องกับคนตัวเล็กเพียงลำพัง ร่างสูงค่อยๆก้มลงพรมจูบไปที่ร่องรอยบาดแผลตามใบหน้าและเนื้อตัวของคนที่กำลังหลับใหลไม่ได้สติอยู่บนเตียง
บาดแผลตามเนื้อตัวและใบหน้างามนั้นค่อยๆจางหายไปพร้อมกับรอยจูบ ดวงตาคู่สีน้ำตาลนั้นค่อยๆลืมขึ้นช้าๆ คนตัวเล็กมองไปบริเวณโดยรอบก็พบว่านี่คือห้องนอนของเธอในคฤหาสน์เคลล็อกก์ สายตาคู่สวยหันไปมองฝั่งซ้ายมือก็เจอร่างสูงที่คุ้นชินกำลังนั่งมองเธออยู่อย่างไม่ละสายตา
“อื้อ....”
“ฟื้นแล้วเหรอ?”
ร่างสูงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย เขาไม่แสดงท่าทีใดออกมานอกจากใบหน้าที่นิ่งเฉยไร้อารมณ์และความรู้สึก
“นะ...นาย ทำอะไรฉัน?”
“อย่างฉันเหรอจะทำอะไรเธอ อย่าสำคัญตัวมากไปหน่อยเลยน่าสาวน้อย หัดสำนึกในบุญคุณของฉันบ้างนะที่ช่วยรักษาบาดแผลให้เธอ”
“บาดแผล?...หายไปแล้ว ไม่มีแล้วนี่”
“หึ!! ต่อไปพวกนั้นจะไม่กล้าทำร้ายเธออีก เพราะเธอคือผู้รับใช้โลหิตของเจ้าชาย จะไม่มีใครกล้าทำร้ายคนของฉัน แล้วก็ ฉันให้แม่บ้านไปตามช่างตัดผมมาให้เธอแล้ว ผมของเธอถูกตัดจนขาดเช่นนี้ช่างไม่ถูกใจฉันเอาเสียเลย รออยู่นี่ห้ามไปไหน ฉันจะให้ช่างตัดผมมาจัดการให้”
“มะ...ไม่!! ผม...ฉัน!!”
“เธอจะใช้ชีวิตโดยที่ผมเป็นแบบนี้หรือไง จะให้ใครต่อใครมาหัวเราะเยาะผู้รับใช้โลหิตของฉันเหรอ”
“แต่.....”
“อย่าพูดมาก! ฉันไม่ชอบผู้หญิงพูดมาก ทำตามคำสั่งของฉันซะ แล้วฉันจะรอดู”
ร่างสูงพูดอย่างเอาแต่ใจก่อนที่จะเดินออกไปจากห้องนั้น ตอนเด็กมีแต่คนชมว่าผมสีน้ำตาลอ่อนของเธอนั้นช่างงดงาม เมื่อต้องตัดมันออกไป จะไม่ให้เธอเสียใจได้อย่างไรกัน
ไอรีนนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่บนเตียงกว้าง ทั้งที่เธออยากใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร รีบศึกษาเล่าเรียนให้จบเอาความสำเร็จไปฝากน้องชาย แต่เหตุใดกลับกลายเป็นแบบนี้ รวมถึงน้องชายที่เธอรักที่สุดอย่างไอเดน ที่ตอนนี้ไม่รู้ถูกเอาตัวไปไว้ที่ไหน จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร พี่สาวอย่างเธอกลับไม่รู้อะไรเลย
“ขอโทษนะไอเดน พี่เป็นพี่ที่แย่จริงๆ ที่ดูแลน้องชายคนเดียวยังไม่ได้...ฮึก!”
“คุณหนู ช่างตัดผมมาถึงแล้ว”
เสียงสะอื้นไห้นั้นต้องหยุดชะงักลง มือเล็กรีบยกขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มทั้งสองข้างเมื่อได้ยินเสียงเรียกของสาวใช้ ก่อนที่พวกเธอจะพาช่างตัดผมที่เป็นมนุษย์เหมือนกับเธอเข้ามาภายในห้อง
“คุณหนู ผมจะทำให้ผมของคุณกลับมาสวยเหมือนเดิม ไม่ต้องกังวลนะครับ”
“ฮึก......”
เสียงสะอื้นดังขึ้นอีกครั้ง ทุกความรู้สึกนึกคิดถาโถมเข้ามายังโสตประสาท น้ำสีใสรินไหลลงอาบแก้มนวลทั้งสองข้างราวกับเขื่อนแตก ผมยาวสลวยที่เธอรักกำลังจะถูกตัดออกไป ผมสีน้ำตาลอ่อนที่มีเพียงผู้เป็นแม่เท่านั้นที่เคยตัดให้ตอนนี้กำลังจะถูกใครคนอื่นตัดมัน
---ฉับ! ฉับ! ฉับ!---
เสียงของกรรไกรที่ตัดลงไปยังเส้นผมที่อ่อนนุ่มนั้นช่างทำให้เธอเจ็บปวด คนตัวเล็กไม่สามารถกลั้นสายน้ำจากดวงตาทั้งสองข้างได้เลย เธอปล่อยโฮออกมาจนกระทั่งการตัดผมเสร็จสิ้นลง ร่างสูงที่ยืนมองอยู่ด้านหลังนั้นเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงพอใจกับผลงานที่เห็น
“ก็ไม่เลวนี่ ดูดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ”
คนตัวเล็กหันไปมองตามเสียงนั้นพร้อมกับน้ำตาที่ยังไหลออกมาจากดวงตาคู่งามไม่หยุด คราบน้ำตาที่ไหลเปรอะเปื้อนแก้มนวลทั้งสองข้าง ทำเอาแวมไพร์หนุ่มที่เห็นเช่นนั้นรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย
“เธอร้องไห้ทำไม หยุดซะ! ฉันไม่ชอบเห็นน้ำตาของใคร”
ยิ่งพูดก็เหมือนเอาไม้ไปแหย่รังแตน เขื่อนน้ำตาที่แตกอยู่แล้วตอนนี้มันกลับระเบิดตู้ม น้ำสีใสไหลพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสายโดยที่ไม่มีคำพูดใดเอื้อนเอ่ยออกมาจากคนตัวเล็กนอกจากเสียงสะอื้นและเสียงร่ำไห้
“หยุดร้องนะ!! ฉันบอกให้หยุดไง”
คนที่สุดแสนจะรังเกียจแวมไพร์แบบเธอต้องมาร้องไห้ฟูมฟามต่อหน้าพวกแวมไพร์เช่นนี้ ช่างน่าอับอายเสียจริง
“คุณหนู หยุดร้องเถอะค่ะ ที่เจ้าชายทำไปทุกอย่างก็เพราะต้องการช่วยคุณหนูนะคะ”
เสียงสาวใช้ผู้หนึ่งพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ยอมหยุดร้องไห้สักที แต่คำพูดนั้นกลับได้ผล คนตัวเล็กหยุดร้องทันที เธอถามกลับไปด้วยความสงสัย
“ช่วย?....เหตุใด? เพราะอะไรนายถึงช่วยฉัน”
“หึ!! ผู้รับใช้โลหิตของฉัน ย่อมได้รับการปกป้องจากฉัน หยุดร้องไห้ได้แล้ว ทรงผมใหม่ของเธอก็ดูไม่เลว รีบพักผ่อนเถอะ เธอต้องเตรียมพร้อมร่างกายให้ดี เพราะต่อจากนี้ไปเธอจะต้องรับใช้ฉันในฐานะผู้รับใช้โลหิตของฉันแต่เพียงผู้เดียว”
ไคน์ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเพื่อเป็นการยั่งเชิง ตอนนี้ดูเหมือนผู้เป็นชายาของเขาจะไม่ไหวเสียแล้ว เธอเอื้อนเอ่ยถ้อยคำร้องขอออกมาอย่างไม่อาย“คะ...ไคน์...ท่าน...พี่...ใส่มันเข้ามา..ท่านพี่...”---สวบ!!!---เสียงร้องขอที่ทั้งหวานทั้งกระเซ่าเช่นนั้นเขาจะทานทนได้อย่างไร แก่นกายขนาดใหญ่ถูกสอดเสียบเข้าไปจนมิดภายในครั้งเดียว ภายในนั้นตอดรัดจนเขาปวดหนึบ“อ๊าส์...รัดแน่นเกินไปแล้ว...อ๊าส์”ร่างสูงค่อยๆขยับเข้าออกช้าๆก่อนเพิ่มจังหวะให้เร็วขึ้นเรื่อยๆ“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊าส์....”-ตั่บ-ตั่บ-ตั่บ-ตั่บ-ตั่บ-ตั่บ-ตั่บ-สะโพกหนาซอยเข้าออกถี่ยิบจนคนตัวเล็กตัวโยกสั่นครอนไปตามจังหวะ สีหน้าบิดเหยเก เรือนร่างที่บิดเร่าไปมานั้นสั่นไหว ความเสียวซ่านที่ผู้เป็นสวามีมอบให้มันช่างเกินจะทานทน“อ๊ะ อ๊ะ ทะ...ท่าน...พี่...สะ...เสียว...อ๊ะ อ๊ะ อ๊าส์”“โอ้ว...อ๊าส์!! ชายาของข้าช่างเร่าร้อนเสียจริง...อ๊าส์”มือหนาเอื้อมไปจับล็อกเอวบางไว้แน่นก่อนจะอัดกระแทกความเป็นชายเข้าไปอีกครั้ง จังหวะที่เพิ่มเร็วและแรงขึ้นนั้นทำเอาคนตัวเล็กร่างกายกระตุกสั่นไหว“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊าส์ อ๊าส์ อ๊ะ อ๊ะ อ๊าส์.....”-ตั่บ-ตั่บ-ตั
ตั้งแต่งานสถาปนาแต่งตั้งพระราชาและพระชายา ไคน์และไอรีนต่างก็ทำหน้าที่ได้ดีเสมอมา ราษฎรเป็นสุขถ้วนหน้า ทั่วทั้งดินแดนสุขสงบ ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ไคน์จะต้องจัดการกับงานหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งผู้ดูแลในแต่ละหัวเมือง การร่วมประชุมหารือกับสภาแวมไพร์อาวุโส ทำให้เขาไม่ค่อยได้มีกิจกรรมเชื่อมสัมพันธ์รักกับไอรีนผู้เป็นพระชายาสักเท่าไหร่“พระชายากำลังครุ่นคิดสิ่งใดอยู่หรือ”เสียงสดใสจากเฮเลน่าทักขึ้นเมื่อเธอเดินทางมาถึงสวนดอกไม้ประจำปราสาทและเห็นว่าไอรีนนั่งเหม่ออยู่บนชิงช้าตัวโปรดของพระชายา“ปะ...เปล่า”“พระชายาท่านโกหกไม่เนียนเลย มีสิ่งใดขุ่นเคืองใจหรือ”“เฮเลน่า การเป็นพระชายาขององค์ราชานี่ทำไมถึงยากจัง ต้องห่างไกลกันเกือบทุกวัน แทบจะไม่มีเวลาให้กันเลย”“ฮ่า ฮ่า หม่อมฉันรู้แล้ว พระชายาท่านกำลังน้อยใจองค์ราชาอยู่นี่เอง เหตุใดถึงไม่บอกพระองค์ไปตามตรงกันเล่า”“จะบอกเช่นไร มันดูงี่เง้าเกินไป ไคน์กำลังทำหน้าที่ของพระราชาที่เขาควรทำ”“แต่ท่านก็เป็นพระชายานี่ หน้าที่อีกหนึ่งข้อของพระราชาก็คือไม่เมินเฉยต่อพระชายาไม่ใช่หรือ”“ช่างมันเถอะ ฉันก็เพียงแค่คิดไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น”เฮเลน่าอมยิ้มอ
เช้าที่แสนสดใสวันนี้ท้องฟ้าอากาศช่างดูเป็นใจกับการจัดงานรื่นเริ่งยิ่งนัก ภายในปราสาทถูกตกแต่งสวยงาม วันนี้นอกจากจะเป็นวันสภาปนาพระราชาผู้ปกครองดินแดนและแต่งตั้งพระชายาแล้ว ยังเป็นวันอภิเษกอีกด้วยทั่วทั้งดินแดนต่างตื่นเต้นและให้ความสำคัญกับงานที่ยิ่งใหญ่นี้ ต่างก็มาร่วมแสดงความยินดีเต็มบริเวณโดยรอบของปราสาทไอรีนถูกจับแต่งองค์ทรงเครื่องเต็มไปด้วยตราชั้นยศต่างๆมากมาย เธอรู้สึกหนักกับของเหล่านี้จึงบ่นอุบอิบไปพลางก่อนจะถึงเวลาเริ่มพิธี“ไม่รู้อะไรใส่เต็มไปหมด แค่ชุดแต่งงานไม่พอรึไงนะ”“ไม่พอหรอก ตรายศของพระชายาย่อมมากเป็นเรื่องธรรมดา”เฮเลน่าเอ่ยขึ้นเมื่อเธอเดินเข้ามาถึงห้องแต่งตัวของผู้เป็นเพื่อน“ฉันเคยใฝ่ฝันตำแหน่งนี้นะ แต่พอเป็นเธอมันคู่ควรแล้ว วันนี้เป็นวันของเธอ ขอให้มีความสุขนะไอรีน”“ขอบคุณนะเฮเลน่า...เพื่อนรักของฉัน”ทั้งคู่โผเข้ากอดกันด้วยความปลื้มปิติยินดี ก่อนจะผละกอดออกและแต่งตัวให้ไอรีนต่อเวลาฤกษ์มงคลนั้นได้ถูกกำหนดไว้แล้ว การสถาปนาราชาผู้ปกครองดินแดนและการแต่งตั้งพระชายากำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้“ด้วยข้า ตัวแทนของสภาแวมไพร์อาวุโสและผู้รักษาการแทนพระองค์ บัดนี้ถึงเวลามงคล
หลังจากที่ผ่านพ้นเหตุการณ์ที่เลวร้าย เผ่าพันธุ์แวมไพร์นักล่าถูกกำจัดจนสิ้นแล้ว ทั่วทั้งดินแดนต่างก็ใช้ชีวิตอย่างปกติเรื่อยมา ในวันประชุมหารือที่สภาแวมไพร์อาวุโสเพื่อกำหนดวันสถาปนาเพื่อรับตำแหน่งของราชาองค์ใหม่ ในการประชุมครั้งนี้ต่างก็มีข้อโต้เถียงกันเป็นอย่างมาก“ในงานคัดเลือกของไคน์ เขาได้เลือกเด็กสาวคนนั้นแล้ว ตามกฎที่ทางตระกูลเคลล็อกก์ได้ตั้งเอาไว้ หากไคน์เลือกผู้ใด ผู้นั้นย่อมจะถูกแต่งตั้งให้เป็นว่าที่ชายา”“แต่เด็กผู้นั้นเป็นมนุษย์จะเหมาะสมหรือ”“เหตุใดจะไม่เหมาะ ท่านผู้อาวุโสมีเหตุผลหรือไม่”ไคน์เอ่ยถามขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ เพราะหากสภาแวมไพร์อาวุโสคัดค้านเรื่องนี้เขาคงไม่ยินยอมเป็นแน่“ตั้งแต่อดีตมา พวกเราสามารถอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้ มองมนุษย์เป็นเพียงของเล่นของแวมไพร์ ถึงแม้เผ่าพันธุ์พวกเราจะไม่ได้เข่นฆ่ามนุษย์ แต่พวกมนุษย์ก็เปรียบเป็นเพียงสาวใช้เท่านั้น ไม่มีความเหมาะสมกับตำแหน่งเจ้าชายหรือตำแหน่งราชาเลยแม้แต่น้อย”คำตอบของหนึ่งนี่เหล่าผู้อาวุโสนั้นทำให้ไคน์รู้สึกขุ่นเคืองไม่น้อย เขาจึงเอ่ยถามขึ้นอีกครั้งด้วยความสงสัย“แล้วผู้ใดเป็นผู้ที่ตั้งกฎนี้”“ไม่รู้ได้ว่าผู้ใดเป็นผู้ตั้ง
เจ้าชายจากทั้ง 3 ตระกูล ได้แก่ ตระกูลเคลล็อกก์ ตระกูลคลินตัน และตระกูลซัลลิแวน ต่างก็มายืนพร้อมหน้าพร้อมตากันอยู่ที่ห้องเก็บคฑามีดรัตติกาล เพื่อเข้ารับการทดสอบว่าผู้ใดจะสามารถยกคฑามีดรัตติกาลขึ้นจากฐานได้“ผู้แรกสำหรับบททดสอบนี้ เข้าเชิญเจ้าชายจากตระกูลคลินตัน”หนึ่งในหกของเหล่าแวมไพร์อาวุโสเอ่ยเชิญให้เจ้าชายแวมไพร์ผู้ที่มาจากตระกูลคลินตันก้าวเข้ามารับการทดสอบ เจ้าชายลูคัส คลินตัน เอื้อมมือไปจับที่ด้ามของคฑา ไม่ว่าเขาจะใช้แรงมากมายมหาศาลเพียงใดคฑามีดรัตติกาลนั้นกลับไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย“ยกขึ้นไม่ได้สินะ”เหล่าแวมไพร์อาวุโสเอ่ยขึ้นพร้อมกับส่ายหน้าไปมาด้วยความผิดหวัง หลังจากที่เจ้าชายจากตระกูลคลินตันลงจากการทดสอบไป ผู้อาวุโวแวมไพร์ตนหนึ่งก็ได้เอ่ยเชิญเจ้าชายจากตระกูลซัลลิแวนขึ้นมา“ขอเชิญเจ้าชายตระกูลซัลลิแวนขึ้นทดลอบ หากเจ้าคือผู้ที่เหมาะสม และเป็นผู้ที่ราชาพระองค์ก่อนเลือกแล้ว เจ้าย่อมสามารถยกคฑามีดรัตติกาลขึ้นจากฐานได้”เจ้าชายเฮนรี่ ซัลลิแวน ก้าวเข้าไปอย่างองอาจ เขาเอื้อมมือไปกำที่ด้ามของคฑาไว้แน่นก่อนที่จะยกขึ้น แต่กลับต้องทำให้เหล่าแวมไพร์อาวุโสต้องผิดหวังเป็นครั้งที่สอง เจ
“ทุกท่านที่อยู่ ณ ห้องจัดเลี้ยงแห่งนี้ พวกเรามาฟังนิทานสักเรื่องกันดีกว่า บาร์รอนผู้นี้จะเล่านิทานเรื่องที่น่าตื่นเต้นเหลือเชื่อให้ฟัง...”น้ำเสียงที่จริงจังปนความดุดันนั้นทำเอาผู้ร่วมงานต่างหันมามองที่เขา ไม่ต่างจากไอรีนที่ยืนมองบาร์รอนตาไม่พริบ บาร์รอนที่ดูเป็นมิตร พูดน้อย บทจะต่อยก็ต่อยหนัก น่ากลัวมากเลยทีเดียว สีหน้าของเขาในเวลานี้ดูคาดเดายาก คำพูดที่เอื้อนเอ่ยออกมาอย่างเชื่องช้า เป็นจังหวะ แต่ฟังได้ชัดทุกถ้อยคำ“กลาครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้....”บาร์รอนหยุดคำพูดไว้เพียงเท่านั้น เขาหันสายตาไปทางที่เจโรมยืนอยู่และมองไปที่เจโรมด้วยแววตาที่ดุดันปนเจ้าเล่ห์ก่อนที่จะเอ่ยต่อ....“มีแวมไพร์นักล่าตระกูลหนึ่งหวังจะเป็นใหญ่ในดินแดน จึงได้ส่งทายาทเพียงผู้เดียวที่มีอยู่มาเข้าร่วมการคัดเลือกเพื่อเป็นราชาผู้ปกครองดินแดน อุตส่าห์ปิดบังเผ่าพันธุ์ที่แท้จริง โป้ปดเหล่าผู้อาวุโสว่าตนเองนั้นเป็นเจ้าชายมาจากตระกูลเก่าแก่ สร้างบัตรประจำตัวปลอมขึ้นมา แถมยังเข้าหาตีสนิทกับผู้รับใช้โลหิตของเจ้าชายไคน์ เสแสร้งแกล้งว่าตนนั้นเป็นมนุษย์ผู้อ่อนแอที่ถูกเหล่าแวมไพร์ทั้งหลายรังแกทำร้าย หลอกลวงให้เธอผู้นั้นตายใจโ
เช้าวันงานคัดเลือกเจ้าชายผู้ที่จะผ่านเข้ารอบสุดท้ายในการแข่งขันคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับการขึ้นเป็นราชาผู้ปกครองดินแดนงานคัดเลือกในครั้งนี้มีหลายตระกูลที่ส่งทายาทเข้ารับการคัดเลือก ต่างฝ่ายก็ต่างเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีเพื่อที่จะให้ตนเป็นผู้ถูกเลือก สิ่งของสำคัญที่ขาดไม่ได้ ที่เหล่าเจ้าชายแต่ละตระกูลจะต้องแสดงต่อหน้าเหล่าแวมไพร์โอวุโสก่อนเข้ารับการตัดสินในรอบสุดท้าย นั่นก็คือบัตรสีทองแสดงตรายศบ่งบอกสถานะของเจ้าชายประจำตระกูลนั้นๆไอรีนนั่งเหม่ออยู่บนดาดฟ้าของคฤหาสน์เคลล็อกก์ เธอเหม่อลอยอยู่นานจนไม่ได้ยินเสียงเรียกของบางคนที่เอ่ยเรียกเธออยู่พักใหญ่แล้ว“สาวน้อย....สาวน้อย...เฮ้!! สาวน้อย!!.....ไอรีน!!!!!”“ห๊ะ!! มีอะไรเหรอบาร์รอน นายเรียกฉันเสียงดังเชียว”“เธอเหม่ออะไรอยู่เหรอสาวน้อย ฉันเรียกเธอนานแล้วนะ”“ฉันเป็นห่วงไคน์ คืนนี้ในงานคัดเลือกเจ้าชาย หากไคน์ไม่มีป้ายประจำตัวเขาต้องแย่แน่ ทุกอย่างเป็นเพราะฉัน”ไอรีนเอ่ยเสียงเศร้า เธอก้มหน้ามองพื้นอย่างสำนึกผิด เสี้ยวหนึ่งของความคิดเธอไม่อยากให้เวลาหมุนไปถึงคืนนี้เลย อยากจะหยุดเวลาเอาไว้เพียงเท่านี้ เพราะกลัวว่าผู้ที่เธอเป็นห่ว
“นายรู้ได้ยังไงบาร์รอน ว่าไอเดนไม่ได้ถูกทำร้ายทรมานเหมือนที่เจโรมบอกฉัน”“เรื่องนี้ถามกับเจ้าชายไคน์ผู้เป็นเจ้าของโลหิตของเธอดีกว่านะสาวน้อย”บาร์รอนหันหน้าไปทางเจ้าชายทั้งสอง ไอรีนมองหันตามเขา เธอจ้องไปที่เจ้าชายไคน์ที่นั่งไขว่ห้างอยู่ข้างเจ้าชายคิงส์ผู้เป็นพี่ชาย“ที่บาร์รอนพูดหมายความว่ายังไง”คนตัวเล็กเอ่ยถามด้วยความใคร่รู้ นี่มันเรื่องอะไรกัน พวกเขากำลังพูดถึงอะไร แล้วน้องชายของเธอแท้จริงแล้วอยู่ที่ไหน เป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง“น้องชายของเธอ ไอเดน เมอร์ตัน ถูกรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุดของเมืองหลวง ตอนนี้เขาอาการดีขึ้นมากไม่น่าเป็นห่วงดั่งเช่นเมื่อก่อนแล้ว เอาไว้อีก 3 วันฉันจะพาเธอไปเยี่ยมเขา”ไอรีนดวงตาเบิกโพรงเมื่อได้ยินคำตอบ เธอทั้งอึ้งและตกใจ แทบไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเองเลยว่าน้องชายของเธอนั้นถูกรักษาจนเกือบจะหายแล้ว“นะ...นาย..เป็นนาย? ที่ช่วยไอเดน”“ถูกแล้วสาวน้อย ไคน์สั่งให้ฉันไปรับไอเดนส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุดและใช้หมอที่เก่งที่สุดในการรักษา ตั้งแต่วันแรกที่ไคน์ได้พาเธอมาอยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้แล้ว”ไอรีนตกใจมากกว่าเดิมกับคำพูดของบาร์รอน เธอไม่อยากจะเชื่อเลย
ริมฝีปากบางถูกปิดกั้นคำเอ่ยห้ามนั้นไปด้วยริมฝีปากหนา ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าไปภายในเพื่อกวาดชิมความหวานพร้อมกับเขี้ยวแหลมนั้นขูดไปตามโพรงปากจนไอรีนสัมผัสได้“อื้อออ.....”คนตัวเล็กพยายามใช้มือทั้งสองข้างทุบไปที่ร่างแกร่ง ด้วยแรงอันน้อยนิดของเธอนั้น ร่างสูงไม่รู้สึกสะทกสะท้านแต่อย่างใด ลิ้นร้อนนั้นยังคงลุกล้ำเข้าไปเชยชิมความหวานไม่หยุดหย่อน---กึ่ดด!!!---“โอ๊ย!!”ไคน์ผละริมฝีปากออกทันทีเมื่อโดนคนใต้ร่างนั้นกัดเข้าไปที่ลิ้นร้อนจนมีเลือดไหลซิบออกมา“สาวน้อย เธอทำให้ฉันโกรธอีกแล้วนะ”คำพูดที่เย็นยะเยือกบวกกับดวงตาสีแดงก่ำนั้นจ้องมองไปที่เรือนร่างงาม ไคน์เอื้อมมือไปฉีกกระชากเสื้อผ้าที่ปกปิดเรือนกายของคนตัวเล็กเอาไว้จนขาดไม่เหลือชิ้นดีไอรีนพยายามดิ้นหนีแต่กลับถูกแวมไพร์ไพร์หนุ่มจับข้อมือเรียวทั้งสองข้างล็อกไว้แน่น เขาก้มลงซุกไซ้ที่ซอกคอขาวก่อนที่จะฝังเขี้ยวอันแหลมคมนั้นลงไป“อ๊ะ!!”ไคน์ดูดกินความหอมหวานจากกายสาวนั้นอยู่เนิ่นนานก่อนจะถอดถอนเขี้ยวแหลมนั้นออก และเริ่มไล่เลียลิ้นร้อนไปตามร่างงามอีกครั้ง“อ๊ะ...อื้ออ”ความเสียวกระสันที่ลิ้นร้อนจากแวมไพร์หนุ่มมอบให้ทำเอาคนตัวเล็กถึงกับบิดเร่าไปมาไ