“ดลไปก่อนนะป้า” เด็กหญิงยิ้มแหยๆ ให้กันยา...ดันตะกร้าผักออกห่าง รีบวิ่งตามดารัณไปอย่างรีบเร่ง
“คราวนี้ถ้าคุณเทียมจับได้อีก ทั้งแกทั้งฉันไม่มีที่ซุกหัวนอนแน่!!” ดารัณหันมากระซิบเสียงเคร่ง ปลายนิ้วจิ้มลงไปกลางหน้าผากดลยาแรงๆ
เด็กหญิงยิ้มแหยๆ เธอไม่รู้หรอกว่าดารัณกำลังทำอะไร หลังประตูปิด หน้าที่ของเธอคือการระวังคน หากมีใครก็ตามเฉียดเข้ามาใกล้ๆ เธอต้องรีบส่งเสียงบอก...
“ไปตามคำแปงมาให้ฉันที...เร็วๆ ด้วย ฉันจะไปรอที่เดิม”
ริมฝีปากสีสดแสยะยิ้มเหี้ยม สั่งความดลยา ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในรังรักของตนเอง
ดลยาวิ่งฉิว เธอรีบไปตามหาคนงานหุ่นกำยำ เขายิ้มเผล่เมื่อฟังคำที่ดลยาพูดจบ คำแปงรีบทิ้งงานที่กำลังทำมาแบบรีบร้อน เด็กหญิงวิ่งตามหนุ่มคนงานจนตัวปลิว... เธอยืนหอบแฮกๆ อยู่ไกลๆ ก่อนจะทรุดนั่งบนพื้นหญ้า คอยกวาดตามองไปรอบๆ ครั้งนี้ดลยาจะไม่พลาดอีก เธอไม่อยากถูกส่งไปอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ที่นั่นแออัดและมีแต่เด็กน่ากลัว ดลยาสัญญา เธอจะทำทุกทางให้คุณน้าดารัณพอใจ...เพื่อจะได้ยังอยู่ที่นี่...ไม่ต้องไปซุกตัวแบบหวาดกลัวอยู่ในสถานที่เช่นนั้น
ภายในห้องรกๆ มีอุปกรณ์สารพัดอย่างระเกะระกะเต็มพื้นที่...ดารัณนอนพลิ้มตาหลับอยู่บนโซฟาไม้เก่าๆ มุมห้อง
คำแปงเอื้อมมือขยับปมกางเกง เขาสลัดกางเกงผ้าฝ้ายเก่าๆ ทิ้ง สาวเท้าเดินเร็วๆ เมื่อเห็นว่าดารัณนอนแผ่อ้า...รอที่โซฟากว้าง
สาวร่านรักปรือเปลือกตาขึ้นมอง มือของเธออยู่กลางร่างกาย กำลังลูบไล้ไปมาที่กลีบดอกไม้กลางร่าง เมื่ออารมณ์กำหนัดเกือบจะล้นปรี่ มือนุ่มละมุนทำได้แค่เพียงกระตุ้นความต้องการในส่วนลึก สิ่งที่ดารัณอยากได้ คือความกำยำของเพศชายและ...คนคนนั้นกำลังยืนจังก้าอยู่ตรงหน้าเธอ...
“แกมาช้านะ...คำแปง” หญิงสาวกล่าวต่อว่าเสียงกระเส่า เธอสูดปากครางเบาๆ เมื่อปลายนิ้วตนเองสะกิดติ่งไตแรงๆ จนเสียวซ่านไปทั้งเรือนกาย
“ผมรีบมาเร็วที่สุดแล้วครับ...นายหญิง” คำแปงตอบเสียงปร่า เขาโน้มตัวไปใกล้ๆ กางมือคร่อมร่างเกือบเปลือยของดารัณไว้จรดปลายจมูกกับซอกคอขาวๆ ค่อยๆ ลากลงมาช้าๆ ให้ตอหนวดแข็งๆ เหนือริมฝีปากครูดกับผิวขาวเนียนของเธอ
“แต่ก็ยังช้า...อ่า...” เสียงแหบๆ ยังไม่หยุดต่อว่า หล่อนชำเลืองกึ่งกลางร่างกายของคำแปง แล้วจึงยิ้มหวานหยด...เมื่อหนุ่มใหญ่ผู้นี้ มีเครื่องเคราใหญ่ยักษ์ที่ทำให้ตนเองเสียวสะท้านได้สุดติ่ง!! เพียงแต่เขาเป็นแค่คนงานชั้นต่ำ เนื้อตัวมีแต่กลิ่นเหงื่อ ไม่ได้หอมชวนดมเหมือน...ธรรวา...
ดารัณแหงนใบหน้าเปิดทางให้คำแปงซุกไซ้แบบถนัดถนี่ กายสาวสั่นสะท้าน เคลิบเคลิ้มไปกับสิ่งที่หนุ่มใหญ่ปรนเปรอ ร่างร้อนผ่าวเหมือนมีประจุไฟฟ้าวิ่งพล่าน เพียงแค่ริมฝีปากหยาบๆ ลากไล้ไปตามผิวกาย มือเรียวบางสอดรั้งร่างกายกำยำเข้ามาใกล้ๆ หล่อนแอ่นลำตัวเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนตัวใหญ่ คำแปงจงใจ เขาบดเบียดความแกร่งร้อนกับเนินเนื้อสาว
ดารัณครางกระเส่า เธอชักปลายนิ้วออกมาจากความอวบอูมกลางร่าง สองขาตวัดโอบรอบสะโพกแกร่งแบบอัตโนมัติ เปล่งเสียงครางเบาๆ ในลำคอ เมื่อความเสียวแผ่ขยายลามไปทั่วเรือนร่าง
หนุ่มใหญ่เลื่อนใบหน้าลงต่ำ เป้าหมายของเขาคือจะงอยถันสีคล้ำที่หดตัวแข็งเป็นไต ปากสีเข้มอ้าอมปลายยอดสาวที่หดเกร็ง ดูมซึมเหมือนได้ดื่มกินน้ำจากลำธารสวรรค์ เมื่อแรงดูดนั้นเหมือนดั่งคนอดน้ำมาแรมปี พอเจอแอ่งน้ำใสเย็นจึงมีอาการตะกรุมตะกราม...มือหยาบกร้านเพราะงานหนัก ยกขึ้นช้อนอกอวบ พร้อมกับละเลงปลายนิ้วกับยอดอกข้างที่ว่างช้าๆ ขยำขยี้เต้าทรวงที่เริ่มจะหย่อนคล้อยอย่างเมามัน
“อ่า...ดีมาก ดีมากคำแปง แรงอีกสิ...อืมมมม”
เสียงแหลมครางกระเส่า หล่อนแอ่นตัวจนโค้ง เพื่อให้ร่างกายตนเองแนบชิดความกำยำเพิ่มขึ้น
คำแปงทำงานแบบคนรู้งาน ปากเขาคาบจะงอยถันไว้ มืออีกข้างขยำขยี้เนินอก ส่วนมือข้างที่เหลือไล้วนที่เอวกิ่วเลยไปจนถึงสะโพกผายตึง มือหยาบกร้านช้อนบั้นท้ายอวบตึง ประคองสัดส่วนยวนตาให้ตรงตำแหน่งที่หมาย เอวสอบกดความแข็งขึงแทรกความกำยำผ่านความนุ่มชื่นเข้าไปช้าๆ
“อูยยยย...” ดารัณแหงนเงยศีรษะ เธอเผยอปากครางกระเส่า เมื่อความร้อนผ่าวแทรกลึกเข้ามาภายใน
ยิ่งหนุ่มพลังม้าขยับโยก นำพาความซ่านทรวงเข้าใส่ ดารัณก็ยิ่งโหยหวนเหมือนคนใกล้จะขาดใจตาย ร่างอวบอัดส่ายสะบัดดิ้นพราดๆ เธอกระดกบั้นเอวตอบโต้ยิบตา เพื่อเพิ่มความเมามันในเกมรักครั้งนี้ บนเตียงดารัณสู้ไม่เคยถอย เธอเป็นแม่สาวร้อนสวาท ไม่ยอมให้คู่นอนได้ออกแรงเหนื่อยฝ่ายเดียว ดังนั้นไม่ว่าใครก็ตามที่เคยผ่านการเสพสมกับหญิงผู้นี้ ส่วนมากหลงใหลจนหักปัก หัวปำ เพราะเกมรักของดารัณร้อนแรงดั่งเปลวไฟ
คำแปงขยับบั้นเอวแรงๆ ให้ถึงใจนายสาว แรงที่มีเขางัดออกมาใช้ทั้งหมด ให้แรงและเร็วเพิ่มขึ้น ดารัณอ้าปากพะงาบๆ หล่อนลืมกระทั่งสูดลมหายใจ เมื่อเปล่งเสียงครางโหยหวน เพราะถูกคนรู้ใจจัดหนักให้แบบถึงอก ถึงใจ เกมสวาทครั้งนี้จึงทำให้หล่อนสุขซ่าน จนลืมความเบื่อหน่ายสามีแก่ที่ไม่เคยทำให้เธอถึงสวรรค์ได้สักครั้ง จนหมดใจ
คำแปงครามลั่น!! หนุ่มคนงานสาดใส่ความปรารถนาของตนเอง ปลดปล่อยความร้อนแรงฉีดอัดอยู่ด้านใน พร้อมกับร่างกายที่เกร็งกระตุก
“ถอยออกไปสิ!!”
เมื่อหมดความต้องการ ความรังเกียจก็ถาโถมเข้าใส่ กลิ่นเนื้อเหม็นเปรี้ยวจนสุดที่จะทน ดารัณจึงผลักอกหนาๆ ของคำแปงแรงๆ พร้อมกับเสียงดุๆ
คำแปงดึงสัดส่วนควมเป็นชายออกมาจากช่องสวาทของนายสาว เขาได้ยินเสียงครางเบาๆ มุมปากหนุ่มใหญ่จึงมีรอยยิ้ม เขาแสร้งกดบั้นเอวซ้ำลงไปอีกครั้ง จากอาการผลักไส กลับเปลี่ยนแปลงไปในบัดดล
มือเรียวบางผวาเกาะบ่ากว้าง เสียงสูดปากครางยังไม่เท่าอาการตอบโต้ เมื่อบั้นเอวสวยกิ่วส่ายไหว ขยับดันชิดความกำยำของเขามากขึ้น
“ไหนให้ผมถอยไงครับคุณนาย!!”
คำแปงถามกลับหน้าซื่อ เขาโหย่งตัว เตรียมจะชักความแกร่งร้อนออกมาจริงๆ
“เดี๋ยวสิ!!” ปากอิ่มตวาดลั่น นัยน์ตาของดารัณวาววับเพราะความขัดใจ “แกก็รู้ อย่าทำเป็นโง่” หล่อนตวาดคำแปงอีกครั้ง กระดกบั้นเอวกิ่ว เป็นสัญญาณให้หนุ่มคนงานรู้หน้าที่
“กอดคอผมให้แน่นๆ ครับ คุณนาย” คำแปงสั่งเสียงแหบ เขาดันกายลุกขึ้นยืน ตวัดดารัณขึ้นมาอยู่ในวงแขน โดยที่สัดส่วนของชายหญิงยังเชื่อมติดกัน...แขนแกร่งกำยำสอดอยู่ใต้ก้นอวบ เขากระแทกตัวแรงๆ จนคนในอ้อมแขนครางลั่น เมื่อความเป็นชายสอดลึกเข้าไปจนเกือบถึงผนังมดลูก แรงกระทุ้งแต่ละทีเล่นเอาสาวร่านน้ำตาเล็ด
“อูยยย เร็วๆ เลย...อ่าว์!!”
ดารัณก็ยังพยายามอวดอำนาจ แม้คนคุมเกมครั้งนี้คือคำแปง
หนุ่มกลัดมันออกแรงเต็มที่ เป็นความตื่นเต้นปนความเร้าใจ เมื่อเวลานี้คือเวลากลางวันแสกๆ ที่หากมีคนงานหน้าโง่โผล่เข้ามา คงได้เห็นฉากเด็ดแบบคาตา ระหว่างนายสาวกับคนงานตัวดำ
มือเรียวกดจิกผิวเนื้อที่บ่ากว้างจนปลายเล็บจมลึกลงไปในชั้นผิวหนัง เธอเสียวซ่านแทบแย่ เมื่อแรงกระทุ้งแต่ละครั้งทำให้เธอเสียวสะท้านได้ทุกครั้งร่ำไป เสียงกล้ามเนื้อที่หน้าขากระทบกับเนินนางดังสนั่น คำแปงเร่งความเร็วมากขึ้น เขากระทั้นตัวแรงๆ และส่งนายสาวไปสวรรค์ได้สำเร็จเป็นครั้งที่สองของวัน...
“กรี๊ดดดดด...”
เสียงร้องกรี๊ดของดารัณดังไปเข้าหูดลยาด้านนอก เด็กน้อยผวา!! มือที่กำกิ่งไม้ไว้ชะงักค้าง เรียวปากเม้มแน่น ความกังวลเต็มหน่วยตา แต่ก็เช่นเดิม...ดลยาไม่กล้าโผล่หน้าไปดู แม้จะอยากรู้สิ่งที่เกิดขึ้น แต่ความกลัวดารัณมีมากกว่า
“คุณดล...มานั่งทำอะไรตรงนี้คะ?” คนงานคนหนึ่งเดินผ่านมา หล่อนร้องทักจนดลยาสะดุ้ง
“เปล่าค่ะ...ดลมานั่งเล่น...มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
เด็กหญิงแสร้งตะโกนเสียงดังๆ ทำหน้าเหลอหลา และพยายามต้อนคนที่เดินเฉียดเข้ามา...ไปทิศทางอื่น
“เปล่าค่ะ ปิ่นเห็นตรงนี้มันเปลี่ยว อันตรายออกค่ะ ไปเล่นทางนู้นดีกว่าค่ะคุณดล”
สาวใช้ชักชวนหลานสาวของนายผู้หญิง หล่อนชำเลืองมองไปยังห้องเก็บของ เมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากด้านใน แต่มันเป็นการเสียเวลาเปล่าหากจะเดินไปดูให้เห็นกับตา...และยิ่งดลยาเดินมาจูงมือ สาวใช้คนนั้นจึงตัดใจ เดินร่วมทางไปด้วย
ดารัณเป่าปากเสียงดังพรืด!! เธอควานหาเสื้อผ้ามาสวมบนร่างกายลวกๆ “ไปเสียทีสิยะ หรือต้องรอให้ใครโผล่มาเจอเข้าเสียก่อน อยากโดนไล่ออกหรือยังไงหะ!!”
คำแปงยิ้มเฉย เขาแบมือไว้ตรงหน้า จนดารัณฉุนกึก!!
หึ!! หล่อนกระแทกลมหายใจแรงๆ ล้วงลงไปในกระเป๋ากระโปรง หยิบเศษเงินโยนให้คำแปง แล้วจึงสะบัดใบหน้าหนี เดินจากไปแบบเร่งร้อน
คำแปงหยิบธนบัตรที่หล่นเกลื่อนบนพื้นขึ้นมาปัดฝุ่น เขายกธนบัตรนั่นขึ้นแนบที่ริมฝีปาก ก่อนที่เสียงหัวเราะจะดังกึกก้อง...เวลาไม่ถึงชั่วโมง กับหยาดเหงื่อไม่ถึงออนซ์...ทำเงินให้เขามากกว่าการทำงานเกือบครึ่งเดือน
“โว้ย!!” ชายหนุ่มระบายอารมณ์ด้วยการแหกปากตะโกน คนที่นอนอยู่บนเตียงกลับนอนเฉย เมื่อหล่อนจมดิ่งในห้วงนิทราที่ลึกสุดๆ เพราะความอ่อนเพลียโต๊ะทำงานตั้งอยู่มุมห้อง...เขาเดินสวบๆ ตรงไปทิ้งตัวนั่ง กดเปิดแลบท็อปส่วนตัว เพื่อติดต่อใครบางคน...E-Mail…ถูกกดส่ง หลังจากชายหนุ่มรัวนิ้วกับแป้นพิมพ์ถี่ยิบ เขาถามไปหลายคำถาม เพราะรู้สึกถึงความหวาดหวั่นนั่น ถึงจะมีแต่ความเงียบตอบกลับไป แต่เทียมก็ไม่เคยละความพยายาม ตลอด12 ปีมานี่ ท่านเพียรติดต่อบุตรชายสม่ำเสมอ มาหาทุกครั้งหากว่างงาน แต่ธรรวาไม่เคยว่างให้ท่านพบ ดังนั้นการติดต่อกับบุตรจึงเหลือแค่หนทางเดียว ไม่ได้พบหน้าค่าตา แค่ตัวอังษรก็ยังดี...เทียมจึงติดต่อบุตรชายอาทิตย์ละครั้ง...แต่นี่เงียบหายไปถึง3 เดือน มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับท่านแน่!!ธรรวานั่งกอดอกรอ...ดวงตาเขาจับจ้องหน้าจอ...แบบไม่ยอมกะพริบตา...ติ้ง!!จดหมายอิเลคโทรนิค1ฉบับถูกส่งกลับมา...ธรรวารีบกดเปิดเพื่ออ่านถ้อยความที่คนอีกฝั่งส่งมาถึงเขา แบบใจจรด ใจจ่อ...สวัสดีไอ้เพื่อนยาก...เป็นคำเกริ่นที
บทที่3.ความทรงจำร้ายๆกลางดึกสงัดดลยานอนกระสับกระส่าย หน้าผากโหนกนูนมีเกล็ดเหงื่อผุดออกมาจนชุ่ม ใบหน้าเล็กๆ ส่ายไปมา เรียวคิ้วโก่งขมวดเข้า ขมวดออก เหมือนกับว่าในห้วงฝันยามราตรีคืนนี้ ดลยากำลังเผชิญหน้ากับความเลวร้าย...สายหมอกแผ่ขยายเต็มพื้นทางเดิน หญิงสาววัยแรกรุ่นขมวดคิ้ว มองซ้าย มองขวาเลิ่กลั่ก!! มีเสียงหัวเราะแหบๆ ดังแผ่วๆ เธอห่อตัวยกมือกอดตนเองแน่น เมื่อจู่อุณหภูมิก็ลดลงจนน่าตระหนก...มันเย็นเฉียบชวนให้ขนลุกชัน ดลยาพยายามมองฝ่าความสลัว เธอก้าวเท้าให้เร็วขึ้น แต่กลับเหมือนย่ำอยู่ที่เดิม...เมื่อสิ่งที่ตนเองเห็นในสายตา มีแค่ความว่างเปล่ากับความมืดมิด...“เกิดอะไรขึ้น ดลมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” เธอกระซิบเสียงแห้ง พยายามเพ่งมองไปข้างหน้า เพื่อหาสถานที่ปลอดภัยแต่...ในสายตาเท่าที่มองเห็น ด้านหน้าของเธอ มีแต่ความเวิ้งว้าง ว่างเปล่า ความมืดโรยตัวโอบรอบทุกพื้นที่“เธอหนีฉันไม่พ้นหรอก!! ” เสียงใครบางคนลอยลมมาเข้าหูเธอ ดลยาเหลียวซ้าย แลขวา เธอพยายามมองหาคนพูด อย่างน้อยเธอก็ยังมีเพื่อนร่วมทาง แม้เสียงนั้น จะไม่ใคร่หวั
“ดลไปก่อนนะป้า” เด็กหญิงยิ้มแหยๆ ให้กันยา...ดันตะกร้าผักออกห่าง รีบวิ่งตามดารัณไปอย่างรีบเร่ง“คราวนี้ถ้าคุณเทียมจับได้อีก ทั้งแกทั้งฉันไม่มีที่ซุกหัวนอนแน่!!” ดารัณหันมากระซิบเสียงเคร่ง ปลายนิ้วจิ้มลงไปกลางหน้าผากดลยาแรงๆเด็กหญิงยิ้มแหยๆ เธอไม่รู้หรอกว่าดารัณกำลังทำอะไร หลังประตูปิด หน้าที่ของเธอคือการระวังคน หากมีใครก็ตามเฉียดเข้ามาใกล้ๆ เธอต้องรีบส่งเสียงบอก...“ไปตามคำแปงมาให้ฉันที...เร็วๆ ด้วย ฉันจะไปรอที่เดิม”ริมฝีปากสีสดแสยะยิ้มเหี้ยม สั่งความดลยา ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในรังรักของตนเองดลยาวิ่งฉิว เธอรีบไปตามหาคนงานหุ่นกำยำ เขายิ้มเผล่เมื่อฟังคำที่ดลยาพูดจบ คำแปงรีบทิ้งงานที่กำลังทำมาแบบรีบร้อน เด็กหญิงวิ่งตามหนุ่มคนงานจนตัวปลิว... เธอยืนหอบแฮกๆ อยู่ไกลๆ ก่อนจะทรุดนั่งบนพื้นหญ้า คอยกวาดตามองไปรอบๆ ครั้งนี้ดลยาจะไม่พลาดอีก เธอไม่อยากถูกส่งไปอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ที่นั่นแออัดและมีแต่เด็กน่ากลัว ดลยาสัญญา เธอจะทำทุกทางให้คุณน้าดารัณพอใจ...เพื่อจะได้ยังอยู่ที่นี่...ไม่ต้องไปซุกตัวแบบหวาดกลัวอยู่ในสถานที่เช่นนั้นภายในห้องรกๆ มีอุปกรณ์สารพัดอย่างระเกะระกะเต็มพื้นที่...ดารัณนอน
บทที่2.ลาก่อนเมืองไทยดลยาก้มหน้าจนปลายคางชิดอก เธอพยายามสะกดการมองอยู่ที่ปลายเท้า เมื่อถูกกะเกณฑ์จากคุณน้าวัยสาวให้มายืนตั้งแถว...รอส่งบุตรชายเจ้าของบ้าน เป็นเพราะเทียมเปลี่ยนวันเวลา... เขาเลื่อนวันที่ ธรรวาต้องเดินทางไปต่างประเทศให้เร็วขึ้น ป้องกันเรื่องร้ายๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในวันข้างหน้า“สักวันแกจะเข้าใจในสิ่งที่พ่อทำ”เทียมกล่าวเสียงเรียบนี่เป็นทางออกที่ดีที่สุด...เท่าที่พ่อคนหนึ่งคิดออก“...” ธรรวาไม่ได้ตอบบิดาสักคำ เขายืนก้มหน้านิ่ง มุมปากมีรอยยิ้มเหยียดๆ“คุณธรรได้ไปเมืองนอก ไม่ดีใจเหรอคะ รัณอยากไปยังไม่ได้ไปเลยค่ะ”แม่เลี้ยงสาวสดจีบปากพูด หล่อนยิ้มเยือนเพื่อกลบเกลื่อนความผิดหวัง เกือบจะได้ลิ้มรสความกำยำของลูกเลี้ยงหนุ่มละอ่อนอยู่แท้ๆ แต่ก็ดันมีมารมาขัดความสุขเสียก่อน แถมไอ้มารตัวนั้น ยังส่งลูกเลี้ยงของเธอไปเสียไกลตาเด็กหนุ่มตวัดสายตามอง เขายิ้มเย็น ดวงตาลุกเรือง และดวงตาคู่นั้นเลยไปยังด้านหลังดารัณด้วย ธรรวาหรี่ตาลง เขาเห็นดลยายืนแอบอยู่ด้านหลังคนงาน เด็กหนุ่มแสยะยิ้ม... “คนอย่างเธอ...เหมาะที่จะลงไปอยู่ในนรกมากกว่า...”ธรรวากล่าวเสียงแผ่ว เขาเงยหน้ายิ้มให้บิดา แต่มันเย็นช
ดารัณผลักร่างใหญ่เหม็นหืนของคำแปงออกไปจากร่างกาย หล่อนผุดลุกขึ้นยืน เดินนวยนาดไปทิ้งตัวนั่งบนโซฟาตัวเก่าๆ โดยไม่คิดอายสายตาวาวๆ ของคนงานร่างใหญ่ เมื่อร่างกายเปล่าเปลือยเย้ยฟ้าท้าลม“ไปได้แล้ว...ดูดีๆ ล่ะ อย่าให้ใครเห็น”หญิงสาวโบกมือไล่ เมื่อเสร็จสม คนงานผู้นี้ก็ไร้ประโยชน์“คุณนาย...นานๆ จะมีโอกาส ครั้งเดียวพอเหรอครับ”คำแปงท้วง เขาคว้ากางเกงผ้าฝ้ายมาสวมลวกๆ จ้องมองนายสาวด้วยสายตาวาววับ!!ปากสีสดเหยียดยิ้ม หล่อนปรายตามองหนุ่มคนงานด้วยสายตาดูถูก หากไม่เพราะผัวแก่ทำให้ตนเองอดอยาก ดารัณไม่มีวันลดตัวมาเกลือกกลั้วกับคนงานชั้นต่ำแน่ๆ ในเมืองกรุงเธอสามารถหลบสายตาสามีออกไปเริงร่านอกบ้านได้ แต่บ้านนอกไกลปืนเที่ยงเช่นนี้ ได้คนงานหุ่นกำยำแก้ขัด ก็ดีอารมณ์ค้าง...เพราะเทียมไม่เคยส่งเธอถึง สวรรค์ชั้นฟ้าสักที“ไปเถอะน่า!!”หล่อนตวาดซ้ำ คำแปงจึงยอมตัดใจ เขาเดินออกไปนอกห้อง ปิดประตูที่แทรกผ่านออกไปเร็วๆ เดินย่องผ่านเงามืด เร้นกายหายไปกับสายลม โดยไม่มีใครรู้เรื่องชั่วช้าที่เขาเพิ่งกระทำลงไปเด็กหนุ่มทรุดนั่ง เขาคู้เข่าขึ้นสอดมือกอดเข่าไว้แน่นๆ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลซึม เพราะรู้สึกรังเกียจตัวเอง ความกำหนั
บทที่1.จุดกำเนิดรอยแค้น!!ท่ามกลางความเงียบยามดึกสงัด มีเพียงเสียงขยับปีกของแมลงปีกแข็งที่ดังอื้ออึงอยู่ในอากาศ...นอกนั้นแทบจะไม่มีเสียงอะไรเลย!! แต่...ในคฤหาสน์หลังใหญ่หลังหนึ่งที่ตั้งเด่นเหนือเนินเขาเตี้ยๆ เป็นบ้านหลังใหญ่ของเศรษฐีผู้หนึ่ง มันถูกปลูกสร้างไว้ใช้อยู่อาศัยมาเนิ่นนาน เพื่ออยู่อาศัยกันในครอบครัว ‘บดินทร์เดช’ กลางดึกสงัด...ที่สมาชิกทุกคนในบ้านนอนหลับสนิทอยู่ในห้องนอนของตัวเองใต้ผ้าห่มผืนหนา แต่ที่ถนนดินหลังบ้านถนนที่โรยด้วยหินกรวดเม็ดเล็กๆ ...กลับมีเงาตะคุ่มๆ ของบุรุษร่างกะทัดรัดผู้หนึ่งเดินย่องมาเงียบๆ เขาเงี่ยหูฟังเสียงครางกระเส่าของใครบางคนที่ลอยตามลมมา เสียงนั้นเหมือน ‘เขา’ กำลังจะขาดใจตาย... มันดังแว่วมาเข้าหูของเขา จนไม่สามารถข่มความอยากรู้เก็บไว้ในใจได้...ธรรวา บดินทร์เดชก้าวลงจากเตียงนอน เขาเดินตามเสียงแผ่วหวิวนั้นมา พยายามเงี่ยหูฟัง เอียงคอค้นหาทิศทางของเสียงนั่น เมื่อเกิดลางสังหรณ์แปลกๆวันหยุดยาวสอบปลายภาคเสร็จ เด็กชายรุ่นกระทง...อายุ18 ปี มีเวลาพักผ่อนยาวๆ หลังสอบเสร็จเกือบเดือน หนุ่มน้อยค่อนข้างมั่นใจ การสอบไล่ครั้งนี้ เขาผ่านเกณฑ์แน่ๆ และเทียม บิดาของเขาวางแ