บทที่2.ลาก่อนเมืองไทย
ดลยาก้มหน้าจนปลายคางชิดอก เธอพยายามสะกดการมองอยู่ที่ปลายเท้า เมื่อถูกกะเกณฑ์จากคุณน้าวัยสาวให้มายืนตั้งแถว...รอส่งบุตรชายเจ้าของบ้าน เป็นเพราะเทียมเปลี่ยนวันเวลา... เขาเลื่อนวันที่ ธรรวาต้องเดินทางไปต่างประเทศให้เร็วขึ้น ป้องกันเรื่องร้ายๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในวันข้างหน้า
“สักวันแกจะเข้าใจในสิ่งที่พ่อทำ”
เทียมกล่าวเสียงเรียบนี่เป็นทางออกที่ดีที่สุด...เท่าที่พ่อคนหนึ่งคิดออก
“...” ธรรวาไม่ได้ตอบบิดาสักคำ เขายืนก้มหน้านิ่ง มุมปากมีรอยยิ้มเหยียดๆ
“คุณธรรได้ไปเมืองนอก ไม่ดีใจเหรอคะ รัณอยากไปยังไม่ได้ไปเลยค่ะ”
แม่เลี้ยงสาวสดจีบปากพูด หล่อนยิ้มเยือนเพื่อกลบเกลื่อนความผิดหวัง เกือบจะได้ลิ้มรสความกำยำของลูกเลี้ยงหนุ่มละอ่อนอยู่แท้ๆ แต่ก็ดันมีมารมาขัดความสุขเสียก่อน แถมไอ้มารตัวนั้น ยังส่งลูกเลี้ยงของเธอไปเสียไกลตา
เด็กหนุ่มตวัดสายตามอง เขายิ้มเย็น ดวงตาลุกเรือง และดวงตาคู่นั้นเลยไปยังด้านหลังดารัณด้วย ธรรวาหรี่ตาลง เขาเห็นดลยายืนแอบอยู่ด้านหลังคนงาน เด็กหนุ่มแสยะยิ้ม... “คนอย่างเธอ...เหมาะที่จะลงไปอยู่ในนรกมากกว่า...”
ธรรวากล่าวเสียงแผ่ว เขาเงยหน้ายิ้มให้บิดา แต่มันเย็นชาจนเทียมใจหายวูบ
“ธรร!! ...ขอโทษรัณเขาเดี๋ยวนี้เลยนะ... ทำไมพูดจาแบบนี้ล่ะลูก”
เทียมตวาด เมื่ออยู่ท่ามกลางคนงานในบ้าน ธรรวาควรให้เกียรติภรรยาของเขา
“คุณพ่อก็น่าจะรู้ว่าผมพูดแบบนี้เพราะอะไร...ผมไปแล้วครับ...ลาก่อน”
ธรรวายกมือไหว้บิดาแบบแกนๆ เขาเดินเชิดหน้าตรงไปยังรถยนต์ที่มีสารถีเปิดประตูรอ โดยไม่คิดจะเอ่ยแก้ หรือขอโทษดารัณสักคำ
เทียมถอนใจเฮือก เขากล่าวตามหลังบุตรชายไป “ว่างๆ พ่อจะไปเยี่ยม”
“ไม่จำเป็นครับ...ผมอยู่ได้” ธรรวาตอบ เขาก้มตัวมุดเข้าไปนั่งตอนหลังรถยนต์ คอแข็งตั้ง ไม่ชำเลืองแลไปด้านหลังแม้แต่นิดเดียว ธรรวาจากไปพร้อมกับแบกทิฐิไปด้วย
“สักวันลูกจะเข้าใจพ่อ...ธรร” เทียมเปรย...ทางเดียวที่จะป้องการคำครหา คือการกันธรรวาออกไปห่างๆ ดารัณ เขารู้ดีว่าภรรยากระหายรัก หล่อนคงไม่ยอมหยุด...หากยังไม่ได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ
“คุณเทียมคะ” ดารัณถลาเข้ามาเกาะแขนเหี่ยวๆ ของสามี
“ไปรอฉันที่ห้อง เราต้องคุยกัน” ท่านกล่าวเสียงเรียบ เดินหนีไปอีกทางเพื่อทำใจ ปล่อยให้ดารัณยืนฮึดฮัดอยู่ตรงนั้น และเมื่อไม่มีใครสนใจ เพราะคนงานพากันหลบหน้า เมื่อพอจะเดาท่าทีของเจ้านายได้ ต้องมีเรื่องแน่ๆ ไม่อย่างนั้นเทียมคงไม่ส่งบุตรชายไปไกลตัว ตั้งแต่วันที่สองของการพักผ่อน...
“ยัยดล...มานี่สิ!!” คนที่พอจะรองมือรองเท้าดารัณได้ตอนนี้ ก็คงมีแค่ดลยาคนเดียว
เด็กหญิงเดินตัวลีบมาหยุดอยู่ตรงหน้าดารัณ
“เมื่อคืนแกหายหัวไปไหนหะ ทำไมไม่ดูต้นทางให้ฉัน!!”
ดารัณกัดฟันพูดเสียงแหลมๆ ลอดไรฟันออกมา ดลยาคือคนดูต้นทาง...เพื่อให้หล่อนได้สำเริงสำราญเต็มที่
“ดลปวดฉี่ค่ะ” ดลยาตอบเสียงแผ่ว เธอก้มหน้าหลบตาตาขึ้นโกรธของดารัณ หน้าที่ของเธอคือการ ‘ดูต้นทาง’ จะคอยระแวดระวังอยู่ห่างๆ โดยไม่รู้ว่าคุณน้าเข้าไปทำอะไรในโรงเก็บของเก่าๆ นั่น และเพราะเธออยู่แถวนั้น ความซวยเลยตกอยู่ที่ตัวเอง ดลยายังผวาไม่หาย กับท่าทีป่าเถื่อนของบุตรชายเจ้าของบ้าน...แม้เวลานี้เขาจะไปไกลแล้ว...
“แกรู้มั้ย...ฉันเกือบซวย และถ้าเป็นแบบนี้อีกครั้ง ฉันจะส่งแกไปอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า...จำเอาไว้นะ!!”
ปลายนิ้วชี้กดลงกลางหน้าผากเล็กๆ ของดลยา พร้อมกับกล่าวย้ำเสียงเครียด
“ค่ะ ดลสัญญา ดลจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกแน่ค่ะ”
ดลยากัดกระพุ้งแก้มจนห้อเลือด รีบลนลานตอบ แม้เธอจะยังหวาดกลัวสิ่งที่เกิดขึ้น แต่กลับไม่สามารถระบายให้ใครฟังได้ เมื่อเหมือนอยู่ตัวคนเดียว หากดารัณเฉดหัวส่ง...เธอคงเคว้ง
“จะไปไหนก็ไปไป๊!!”
ดวงตาของดลยามีแววหวาดระแวงจนดารัณนึกฉงน แต่รีบสลัดคววามคลางแคลงนั่น เพราะมันเป็นการรกสมองของเธอเปล่าๆ เธอจึงตวาดไล่เด็กหญิง แล้วก็สะบัดก้นเดินขึ้นไปด้านบนของตัวบ้าน... ตามคำสั่งสามี
“โดนคุณนายด่าอีกสิ...” กันยาถอนใจ นางเดินเขามาปลอบประโลมเด็กหญิง
“ปะ เปล่าจ้ะป้า คุณน้าแค่ย้ำให้ดลรู้จักหน้าที่ตัวเอง”
กันยาส่ายใบหน้า...เด็กน้อยอายุเท่านี้ ไม่รู้ว่านายหญิงจะอะไรหนักหนา...หล่อนถอนใจ...มันเป็นเรื่องของเจ้านาย ขี้ข้าอย่างนางไม่ควรสอด ยังไงเสียเด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้าก็มีฐานะเป็นหลานของนายสาว
เมื่อคนงานแยกย้ายไปทำงาน ดลยาจึงเดินหงอยๆ กลับไปอยู่ในที่ตนเอง เธอกอดตัวเองแน่นๆ เพื่อลดความหวาดผวา เนื่องจากยังระแวง แม้ธรรวาจะจากไปแล้ว แต่ก่อนที่เขาจะไป ดวงตาคู่นั้นมองมายังเธอ แววตาของเขาน่ากลัวจนเธอผวา!!
“คุณพี่คะ รัณๆ”
“อย่าพูดอะไรออกมาอีกเลยรัณ เธอรู้ดีว่าที่เธอทำอะไรลงไปนั้นมันน่าสมเพชขนาดไหน? อย่าให้ฉันพูดออกมาเลย...มันกระดากปาก” เทียมยกมือขึ้นห้าม เขานั่งเอนๆ บนโซฟากลางห้อง มีดารัณคุกเข่าอยู่ที่ปลายเท้า มือของหล่อนเกาะหัวเข่าเขา พร้อมกับพยายามอธิบาย
“รัณเปล่า รัณแค่...” เทียมเห็นด้วยตาตนเอง เธอแก้ตัวยังไงก็ฟังไม่ขึ้น ดารัณกัดฟันกรอดๆ นึกโกรธดลยาในใจ เพราะอีเด็กนั่นไม่อยู่ดูต้นทาง เธอเลยพลาดถูกจับได้!!
“ฉันไม่ใช่เด็กนะรัณ เธอจะโกหกทำไม!!” เทียมผลักศีรษะดารัณ จนหล่อนผงะหงายหลัง
“คุณพี่คะ...รัณ” หญิงสาวผวากลับมาที่เดิม เธอเกลือกใบหน้ากับหัวเข่าผอมบางใต้กางเกงผ้าแพร
“อย่าทำแบบนั้นอีก นั่นน่ะลูกชายฉันนะ เธอทำระยำแบบนี้ได้ยังไงหะ!”
เทียมตวาดซ้ำ เขาอยากรังเกียจหล่อน แต่ก็ทำไม่ลง เมื่อหล่อนทำให้เขาผ่อนคลาย และยังมีความภาคภูมิใจ แม้จะอายุล่วงมาป่านนี้ เขาก็ยังทำให้หล่อนครางครวญได้
“รัณๆ ...” ดารัณแสร้งบีบน้ำตา เธอช้อนดวงตาพราวน้ำตามองหน้าสามีแก่ “รัณรักคุณพี่นะคะ รัณแค่...” หล่อนหยุดพูด เมื่อมันไม่สามารถพูดได้ เธอก็แค่อยากได้ความสุข เมื่อธรรวามีความกำยำมากกว่า สามีแก่ๆ ที่ไร้เรี่ยวแรง
นิ้วมือเรียวบาง ปลายเล็บเคลือบสีแดงสด วางแหมะตรงต้นขาเทียม คืบสูงขึ้นไปทีละน้อย จนกระทั่งหยุดตรงโคนขา เมื่อเจอเป้าหมายที่ต้องการ “เธออย่ามาหลอกล่อฉันด้วยอุบายโง่ๆ” เทียมพยายามฝืนความปรารถนาในร่างกาย เขาอยากจะผลักมือของดารัณออกไป แต่ที่เขาทำ... คือเอนศีรษะพิงกับพนักโซฟา และเฝ้ารอความหฤหรรษ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นแบบใจจดใจจ่อ...
“แต่คุณพี่ก็ชอบนี่คะ” หญิงร่านยิ้มกริ่ม มือคลายปมกางเกง ตวัดลิ้นเลียริมฝีปากแห้งผาก สูดลมหายใจลึกๆ เมื่อจำเป็นต้องทำบางอย่างที่เป็นการฝืนความรู้สึกของตนเองเหลือเกิน
เธอสอดมือลงไปในกางเกงชั้นในชาย ควักความเป็นชายของสามีแก่ออกมา มุมปากเคลือบลิปสติกบิดเบ้ แต่เทียมไม่มีโอกาสได้เห็น เมื่อเขาหลับตาพริ้ม รอคอยความสุขที่ดารัณเพียงคนเดียวที่ทำได้
แก่นกายอ่อนปวกเปียกในมือของเธอ ดารัณกลอกตาแอบเบ้ปาก รีบหลับหูหลับตาอ้าครอบสัดส่วนความเป็นชายของเทียม ตวัดปลายลิ้นถี่ๆ จนชายสูงวัยครางอู้!! เขากดศีรษะของดารัณให้เธอปรนเปรอหนักหน่วงขึ้น เสียงครางแหบๆ ทวีความดังขึ้น เป็นความสุขสมของเทียมเท่านั้น สำหรับดารัณ มันคือการเอาตัวรอด หากเธอยังอยากเสวยสุขอยู่บนกองเงินกองทองของบดินทร์เดช
ไม่ถึงสามนาที...เทียมก็สำลักความสุข เขาปลดปล่อยความเสียวซ่านออกมานิดหน่อย พอให้ดารัณได้ลิ้มรส แล้วก็เหี่ยวยุบ!! กลับไปอยู่ในสภาพเดิม...
“รัณ...อย่าทำแบบนี้อีกนะ หากใครรู้เข้า มันจะเสียมาถึงฉัน” ก่อนที่เปลือกตาของเทียมจะหลุบปิดลง เขาเปรยบอกดารัณ เป็นการเตือน แต่มีหรือที่หญิงร่านรักอย่างดารัณจะเชื่อ เมื่อเทียมไม่สามารถให้ความสุขตนเองได้...ก็จำเป็นต้องไปหาเอาที่อื่น...แต่เลือกวิธีที่จะไม่ให้เขาจับได้...แค่นั้นเอง
“ช่วยไม่ได้นะคะคุณพี่...รัณไม่ยอมอดอยากปากแห้งแบบนี้หรอกค่ะ คุณพี่ชดเชยให้รัณไม่ได้...รัณก็ต้องขวนขวายหาเอาเอง”
ดารัณเปรย ก่อนจะหยัดกายขึ้นยืน เธอเอื้อมมือตลบชายกางเกงแพร ปิดบังของสงวนที่เหี่ยวแห้งของเทียม ก่อนจะเดินลอยชายออกไปนอกห้อง...เมื่อเสน่ห์ของตนเองยังมัดใจเทียมได้ แม้เพิ่งจะก่อเรื่องร้ายแรงเกินกว่าที่เขาจะอภัย เธอก็ยังรอดมาได้...ดังนั้น ไม่มีอะไรที่ดารัณจะกลัว
สาวโสภาเดินนวยนาดลงมาด้านล่าง...เธอกวาดตามองหาดลยา เพราะกำลังจะไปหาที่สำเริงสำราญ ครั้งนี้เธอจะไม่ให้พลาดเหมือนเก่า เทียมจะไม่มีวันได้รู้เรื่องที่เธอจะทำต่อจากนี้
“ดล! นังดล...” เสียงแหลมปรี๊ดตะโกนเรียกหลานสาว มีสาวใช้เยี่ยมหน้าออกมามอง ก่อนจะรีบผลุบหน้ากลับไป
“เป็นยังไงกันนะคนบ้านนี้ เรียกหาไม่มีใครโผล่มาเสนอหน้าสักคน...” หล่อนบ่นขรม เดินฉับๆ ตรงไปยังห้องครัว สถานที่นั้นคือที่อยู่ของดลยา หากไม่อยู่ในห้องโถง ที่ที่เดียวที่ดลยาจะอยู่คือก้นครัว
“นังดล!!” ร่างเล็กบางของดลยาสะดุ้งเฮือก ผักสดในมือกระเด็นหลุด...เพราะตกใจจนขวัญผวา
“คุณน้า...”
“ฉันเอง...ตามฉันมาสิ...เร็วๆ” ดารัณโบกมือเรียก เธอเดินนำหน้า เมื่อความกระสันวิ่งพล่านจนคันยุบยับไปทั้งตัว
“โว้ย!!” ชายหนุ่มระบายอารมณ์ด้วยการแหกปากตะโกน คนที่นอนอยู่บนเตียงกลับนอนเฉย เมื่อหล่อนจมดิ่งในห้วงนิทราที่ลึกสุดๆ เพราะความอ่อนเพลียโต๊ะทำงานตั้งอยู่มุมห้อง...เขาเดินสวบๆ ตรงไปทิ้งตัวนั่ง กดเปิดแลบท็อปส่วนตัว เพื่อติดต่อใครบางคน...E-Mail…ถูกกดส่ง หลังจากชายหนุ่มรัวนิ้วกับแป้นพิมพ์ถี่ยิบ เขาถามไปหลายคำถาม เพราะรู้สึกถึงความหวาดหวั่นนั่น ถึงจะมีแต่ความเงียบตอบกลับไป แต่เทียมก็ไม่เคยละความพยายาม ตลอด12 ปีมานี่ ท่านเพียรติดต่อบุตรชายสม่ำเสมอ มาหาทุกครั้งหากว่างงาน แต่ธรรวาไม่เคยว่างให้ท่านพบ ดังนั้นการติดต่อกับบุตรจึงเหลือแค่หนทางเดียว ไม่ได้พบหน้าค่าตา แค่ตัวอังษรก็ยังดี...เทียมจึงติดต่อบุตรชายอาทิตย์ละครั้ง...แต่นี่เงียบหายไปถึง3 เดือน มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับท่านแน่!!ธรรวานั่งกอดอกรอ...ดวงตาเขาจับจ้องหน้าจอ...แบบไม่ยอมกะพริบตา...ติ้ง!!จดหมายอิเลคโทรนิค1ฉบับถูกส่งกลับมา...ธรรวารีบกดเปิดเพื่ออ่านถ้อยความที่คนอีกฝั่งส่งมาถึงเขา แบบใจจรด ใจจ่อ...สวัสดีไอ้เพื่อนยาก...เป็นคำเกริ่นที
บทที่3.ความทรงจำร้ายๆกลางดึกสงัดดลยานอนกระสับกระส่าย หน้าผากโหนกนูนมีเกล็ดเหงื่อผุดออกมาจนชุ่ม ใบหน้าเล็กๆ ส่ายไปมา เรียวคิ้วโก่งขมวดเข้า ขมวดออก เหมือนกับว่าในห้วงฝันยามราตรีคืนนี้ ดลยากำลังเผชิญหน้ากับความเลวร้าย...สายหมอกแผ่ขยายเต็มพื้นทางเดิน หญิงสาววัยแรกรุ่นขมวดคิ้ว มองซ้าย มองขวาเลิ่กลั่ก!! มีเสียงหัวเราะแหบๆ ดังแผ่วๆ เธอห่อตัวยกมือกอดตนเองแน่น เมื่อจู่อุณหภูมิก็ลดลงจนน่าตระหนก...มันเย็นเฉียบชวนให้ขนลุกชัน ดลยาพยายามมองฝ่าความสลัว เธอก้าวเท้าให้เร็วขึ้น แต่กลับเหมือนย่ำอยู่ที่เดิม...เมื่อสิ่งที่ตนเองเห็นในสายตา มีแค่ความว่างเปล่ากับความมืดมิด...“เกิดอะไรขึ้น ดลมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” เธอกระซิบเสียงแห้ง พยายามเพ่งมองไปข้างหน้า เพื่อหาสถานที่ปลอดภัยแต่...ในสายตาเท่าที่มองเห็น ด้านหน้าของเธอ มีแต่ความเวิ้งว้าง ว่างเปล่า ความมืดโรยตัวโอบรอบทุกพื้นที่“เธอหนีฉันไม่พ้นหรอก!! ” เสียงใครบางคนลอยลมมาเข้าหูเธอ ดลยาเหลียวซ้าย แลขวา เธอพยายามมองหาคนพูด อย่างน้อยเธอก็ยังมีเพื่อนร่วมทาง แม้เสียงนั้น จะไม่ใคร่หวั
“ดลไปก่อนนะป้า” เด็กหญิงยิ้มแหยๆ ให้กันยา...ดันตะกร้าผักออกห่าง รีบวิ่งตามดารัณไปอย่างรีบเร่ง“คราวนี้ถ้าคุณเทียมจับได้อีก ทั้งแกทั้งฉันไม่มีที่ซุกหัวนอนแน่!!” ดารัณหันมากระซิบเสียงเคร่ง ปลายนิ้วจิ้มลงไปกลางหน้าผากดลยาแรงๆเด็กหญิงยิ้มแหยๆ เธอไม่รู้หรอกว่าดารัณกำลังทำอะไร หลังประตูปิด หน้าที่ของเธอคือการระวังคน หากมีใครก็ตามเฉียดเข้ามาใกล้ๆ เธอต้องรีบส่งเสียงบอก...“ไปตามคำแปงมาให้ฉันที...เร็วๆ ด้วย ฉันจะไปรอที่เดิม”ริมฝีปากสีสดแสยะยิ้มเหี้ยม สั่งความดลยา ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในรังรักของตนเองดลยาวิ่งฉิว เธอรีบไปตามหาคนงานหุ่นกำยำ เขายิ้มเผล่เมื่อฟังคำที่ดลยาพูดจบ คำแปงรีบทิ้งงานที่กำลังทำมาแบบรีบร้อน เด็กหญิงวิ่งตามหนุ่มคนงานจนตัวปลิว... เธอยืนหอบแฮกๆ อยู่ไกลๆ ก่อนจะทรุดนั่งบนพื้นหญ้า คอยกวาดตามองไปรอบๆ ครั้งนี้ดลยาจะไม่พลาดอีก เธอไม่อยากถูกส่งไปอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ที่นั่นแออัดและมีแต่เด็กน่ากลัว ดลยาสัญญา เธอจะทำทุกทางให้คุณน้าดารัณพอใจ...เพื่อจะได้ยังอยู่ที่นี่...ไม่ต้องไปซุกตัวแบบหวาดกลัวอยู่ในสถานที่เช่นนั้นภายในห้องรกๆ มีอุปกรณ์สารพัดอย่างระเกะระกะเต็มพื้นที่...ดารัณนอน
บทที่2.ลาก่อนเมืองไทยดลยาก้มหน้าจนปลายคางชิดอก เธอพยายามสะกดการมองอยู่ที่ปลายเท้า เมื่อถูกกะเกณฑ์จากคุณน้าวัยสาวให้มายืนตั้งแถว...รอส่งบุตรชายเจ้าของบ้าน เป็นเพราะเทียมเปลี่ยนวันเวลา... เขาเลื่อนวันที่ ธรรวาต้องเดินทางไปต่างประเทศให้เร็วขึ้น ป้องกันเรื่องร้ายๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในวันข้างหน้า“สักวันแกจะเข้าใจในสิ่งที่พ่อทำ”เทียมกล่าวเสียงเรียบนี่เป็นทางออกที่ดีที่สุด...เท่าที่พ่อคนหนึ่งคิดออก“...” ธรรวาไม่ได้ตอบบิดาสักคำ เขายืนก้มหน้านิ่ง มุมปากมีรอยยิ้มเหยียดๆ“คุณธรรได้ไปเมืองนอก ไม่ดีใจเหรอคะ รัณอยากไปยังไม่ได้ไปเลยค่ะ”แม่เลี้ยงสาวสดจีบปากพูด หล่อนยิ้มเยือนเพื่อกลบเกลื่อนความผิดหวัง เกือบจะได้ลิ้มรสความกำยำของลูกเลี้ยงหนุ่มละอ่อนอยู่แท้ๆ แต่ก็ดันมีมารมาขัดความสุขเสียก่อน แถมไอ้มารตัวนั้น ยังส่งลูกเลี้ยงของเธอไปเสียไกลตาเด็กหนุ่มตวัดสายตามอง เขายิ้มเย็น ดวงตาลุกเรือง และดวงตาคู่นั้นเลยไปยังด้านหลังดารัณด้วย ธรรวาหรี่ตาลง เขาเห็นดลยายืนแอบอยู่ด้านหลังคนงาน เด็กหนุ่มแสยะยิ้ม... “คนอย่างเธอ...เหมาะที่จะลงไปอยู่ในนรกมากกว่า...”ธรรวากล่าวเสียงแผ่ว เขาเงยหน้ายิ้มให้บิดา แต่มันเย็นช
ดารัณผลักร่างใหญ่เหม็นหืนของคำแปงออกไปจากร่างกาย หล่อนผุดลุกขึ้นยืน เดินนวยนาดไปทิ้งตัวนั่งบนโซฟาตัวเก่าๆ โดยไม่คิดอายสายตาวาวๆ ของคนงานร่างใหญ่ เมื่อร่างกายเปล่าเปลือยเย้ยฟ้าท้าลม“ไปได้แล้ว...ดูดีๆ ล่ะ อย่าให้ใครเห็น”หญิงสาวโบกมือไล่ เมื่อเสร็จสม คนงานผู้นี้ก็ไร้ประโยชน์“คุณนาย...นานๆ จะมีโอกาส ครั้งเดียวพอเหรอครับ”คำแปงท้วง เขาคว้ากางเกงผ้าฝ้ายมาสวมลวกๆ จ้องมองนายสาวด้วยสายตาวาววับ!!ปากสีสดเหยียดยิ้ม หล่อนปรายตามองหนุ่มคนงานด้วยสายตาดูถูก หากไม่เพราะผัวแก่ทำให้ตนเองอดอยาก ดารัณไม่มีวันลดตัวมาเกลือกกลั้วกับคนงานชั้นต่ำแน่ๆ ในเมืองกรุงเธอสามารถหลบสายตาสามีออกไปเริงร่านอกบ้านได้ แต่บ้านนอกไกลปืนเที่ยงเช่นนี้ ได้คนงานหุ่นกำยำแก้ขัด ก็ดีอารมณ์ค้าง...เพราะเทียมไม่เคยส่งเธอถึง สวรรค์ชั้นฟ้าสักที“ไปเถอะน่า!!”หล่อนตวาดซ้ำ คำแปงจึงยอมตัดใจ เขาเดินออกไปนอกห้อง ปิดประตูที่แทรกผ่านออกไปเร็วๆ เดินย่องผ่านเงามืด เร้นกายหายไปกับสายลม โดยไม่มีใครรู้เรื่องชั่วช้าที่เขาเพิ่งกระทำลงไปเด็กหนุ่มทรุดนั่ง เขาคู้เข่าขึ้นสอดมือกอดเข่าไว้แน่นๆ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลซึม เพราะรู้สึกรังเกียจตัวเอง ความกำหนั
บทที่1.จุดกำเนิดรอยแค้น!!ท่ามกลางความเงียบยามดึกสงัด มีเพียงเสียงขยับปีกของแมลงปีกแข็งที่ดังอื้ออึงอยู่ในอากาศ...นอกนั้นแทบจะไม่มีเสียงอะไรเลย!! แต่...ในคฤหาสน์หลังใหญ่หลังหนึ่งที่ตั้งเด่นเหนือเนินเขาเตี้ยๆ เป็นบ้านหลังใหญ่ของเศรษฐีผู้หนึ่ง มันถูกปลูกสร้างไว้ใช้อยู่อาศัยมาเนิ่นนาน เพื่ออยู่อาศัยกันในครอบครัว ‘บดินทร์เดช’ กลางดึกสงัด...ที่สมาชิกทุกคนในบ้านนอนหลับสนิทอยู่ในห้องนอนของตัวเองใต้ผ้าห่มผืนหนา แต่ที่ถนนดินหลังบ้านถนนที่โรยด้วยหินกรวดเม็ดเล็กๆ ...กลับมีเงาตะคุ่มๆ ของบุรุษร่างกะทัดรัดผู้หนึ่งเดินย่องมาเงียบๆ เขาเงี่ยหูฟังเสียงครางกระเส่าของใครบางคนที่ลอยตามลมมา เสียงนั้นเหมือน ‘เขา’ กำลังจะขาดใจตาย... มันดังแว่วมาเข้าหูของเขา จนไม่สามารถข่มความอยากรู้เก็บไว้ในใจได้...ธรรวา บดินทร์เดชก้าวลงจากเตียงนอน เขาเดินตามเสียงแผ่วหวิวนั้นมา พยายามเงี่ยหูฟัง เอียงคอค้นหาทิศทางของเสียงนั่น เมื่อเกิดลางสังหรณ์แปลกๆวันหยุดยาวสอบปลายภาคเสร็จ เด็กชายรุ่นกระทง...อายุ18 ปี มีเวลาพักผ่อนยาวๆ หลังสอบเสร็จเกือบเดือน หนุ่มน้อยค่อนข้างมั่นใจ การสอบไล่ครั้งนี้ เขาผ่านเกณฑ์แน่ๆ และเทียม บิดาของเขาวางแ