“คุณมาบ้านฉันทำไม” ไปรยาเปิดฉากถามเมื่อเห็นว่าลูกชายเข้าบ้านไปแล้ว“กุ๊บกิ๊บอยู่บ้านหลังนี้หรือ”“นี่เป็นบ้านของฉัน”คำพูดแสนธรรมดา หากทำให้คนฟังต้องกลั้นลมหายใจ เขาเคยถามคำถามนี้กับเด็กชายเมื่อตอนพบกันครั้งแรก และยังจำได้แม่นยำว่าเจ้าตัวตอบเขาว่าอย่างไร‘ใช่ครับ นี่บ้านของอชิ’ “กุ๊บกิ๊บอยู่กับเจ้าหย็อง...” เผลอหลุดปากไปแล้ว และดวงตาของคนเบื้องหน้าที่อยู่ห่างแค่รั้วโปร่งกั้นก็ทอประกายวาบ หล่อนสาวเท้ามาหาเขาอย่างเอาเรื่อง “อย่าเรียกลูกฉันว่าเจ้าหย็องอีก” เสียงกร้าวราวแม่เสือลูกอ่อนจากคนหน้าหวานที่ยังมีเครื่องสำอางแต่งแต้มอย่างจัดเต็มนั้นทำให้อาณัตินิ่งงันเหมือนถูกตรึง...เขาได้คำตอบโดยที่ยังไม่ได้ถาม“เขาไม่ใช่ลูกพี่ป้องหรือ”ไปรยาถึงกับงงงันเมื่อได้ยินเสียงถามราวกับละเมอของเขา หล่อนนึกไม่ถึงว่าอาณัติจะเข้าใจอย่างนั้น แต่พอนึกถึงเหตุผลว่าคงเป็นเพราะเขาโฟกัสแต่เรื่องของพี่ชายกับเขาที่ยังคาราคาซังกันอยู่ ซึ่งพี่ชายของหล่อนก็เป็นฝ่ายผิดเต็มประตู หญิงสาวจึงต้องเปลี่ยนตัวเองจากการรุกไล่มาเป็นฝ่ายตั้งรับแทนท่าทีที่อ่อนลงของไปรยาอยู่ในสายตาของอาณัติ เขาจึงฉวยโอกาสถามหล่อนต่อ“พี่ป้องไม่อย
เสียงเล็กสั่นเครือเกาะกินหัวใจของคนเป็นแม่ วินาทีนั้นไปรยาไม่คิดอะไรอีก หล่อนเปิดประตูรั้วออกแล้วอ้าแขนรับร่างของลูกชายที่วิ่งเข้ามาโถมใส่เต็มแรงอชิระกอดคอแม่ไว้แน่น เนื้อตัวสั่นระริก ไปรยารู้ว่าตนทำให้ลูกหวาดกลัวอีกแล้ว“อชิไม่อยู่บ้านนะครับ อชิจะอยู่กับแม่ อชิไปกับแม่ด้วย” เด็กชายร้องไห้สะอื้นขณะซุกใบหน้าอยู่กับแม่ หญิงสาวลูบหลังลูบไหล่ของลูกอย่างปลอบประโลม“ไม่ร้องนะครับคนดี อชิอยู่กับแม่แล้ว เราจะไปด้วยกันนะ”หญิงสาวออกแรงยกร่างเล็กอวบของลูกชายวัยสามขวบ น้ำหนักของลูกทำให้หล่อนต้องเกร็งข้อมือ อชิระมีหล่อนแค่คนเดียว การปล่อยให้ลูกอยู่ตามลำพังเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ หล่อนรู้ดี แต่การพาลูกออกไปกับเจ้าหนี้ของพี่ชายในเวลานี้ มันก็เป็นทางเลือกที่หล่อนยังหวั่นๆ “ฉันจะพาลูกไปด้วย” ไปรยาบอกเขาหลังจากล็อกประตูรั้วเสร็จ ดวงตาหวานส่อแววระแวดระวัง หล่อนไม่วางใจ เพราะกลัวเขาจะทำอะไรที่กระทบจิตใจของอชิระ ดูก็รู้ว่าอาณัติไม่ได้เอ็นดูลูกชายของหล่อนสักเท่าไร ที่สำคัญก็คือเด็กชายโตพอจะรู้ความแล้วอาณัติอ่านสายตาของไปรยาออก หากเขาเพียงไหวไหล่แล้วเปิดประตูรถฝั่งผู้โดยสารให้หล่อนเข้าไปนั่งกลิ่นหอมอ่
“ชื่อพี่อะไรครับ”“หืม...” อาณัติถามในลำคอ ด้วยไม่มั่นใจว่าเด็กชายถามเขาหรือเปล่า พอเหลือบตาไปมอง เขาก็เห็นเจ้าตัวน้อยจ้องเขม็งอย่างรอคำตอบ “อชิถามถึงใครคะ” ไปรยาถามลูกชายขึ้นมาบ้าง เพราะถือเป็นหน้าที่ของตนที่ต้องเคลียร์ข้อสงสัย อชิระเงยหน้าไปมองแม่แล้วทำปากยู่...ทำไมผู้ใหญ่ไม่เข้าใจคำถามของตน เขาจึงต้องชี้ที่คอนโทรลหน้ารถ แล้วถามคำถามเดิม“ชื่อพี่อะไรครับ”หญิงสาวยิ้มกว้าง เพราะหล่อนเข้าใจลูกชายแล้ว“พี่ไม่มีชื่อค่ะ”“ทำไมพี่ไม่มีชื่อครับ พี่เลโอยังชื่อเลโอเลย”ถึงตอนนี้คนที่พยายามเรียนรู้เด็กชายก็เริ่มเข้าใจตาม เขากระแอมในลำคอเรียกความสนใจ แล้วตอบด้วยชื่อที่นึกขึ้นได้ในวินาทีนั้น“รถของลุงชื่อไทเกอร์”“อ๋อ…พี่ไทเกอร์” อชิระทวนคำพลางพยักหน้าหงึกๆ พอใจที่ตัวเองได้คำตอบ “ชอบพี่ไทเกอร์หรือเปล่าล่ะ”เด็กชายส่ายหน้าหวือแทนคำตอบ ทำให้เจ้าของไทเกอร์เสียหลักไม่น้อย...รถหรูขนาดนี้เจ้าเด็กตัวจิ๋วยังไม่ชอบอีกหรือ นี่มันรถรุ่นใหม่ สมรรถนะดี เงียบสนิท และนุ่มสบาย หาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว“อชิไม่ชอบพี่ไทเกอร์หรอก พี่ไทเกอร์เป็นของคุณลุง ไม่ใช่ของแม่กุ๊บกิ๊บสักหน่อย”“แล้วทำไมถึงชอบของของลุงไม่ไ
“กุ๊บกิ๊บอยู่บ้านหลังนั้นกับลูกแค่สองคนใช่ไหม” อาณัติเปิดฉากถามถึงเรื่องที่กวนใจเขา หากความหวังที่มีเพียงริบหรี่ก็มอดดับ“มีคนอื่นด้วยค่ะ เขา เอ่อ...ไปๆ มาๆ” ไปรยาไม่ได้โกหก พ่อของหล่อนมาเยี่ยมทุกเดือน บางทีก็มาสัปดาห์เว้นสัปดาห์ มาแต่ละครั้งก็ขนผักและผลไม้จากบ้านสวนอัมพวามาให้เต็มคันรถ เพราะพ่ออยากให้อชิระได้กินของสดปลอดสารพิษที่พ่อปลูกเอง แต่เมื่อพูดไปแล้ว หญิงสาวก็ต้องกลั้นลมหายใจ ชำเลืองมองเขาอย่างประเมินท่าที “ไม่ได้อยู่ด้วยกันเหรอ” อาณัติยังคาใจ หากเขาเลี่ยงที่จะเอ่ยถึงคนคนนั้น “ค่ะ” ไปรยาตอบสั้นๆ หล่อนไม่อยากให้อาณัติรู้ความจริง แต่ไม่อยากทำให้เขาเข้าใจผิดอีก เพราะเท่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ตนกับพี่ชายก็กลายเป็นคนเชื่อถือไม่ได้ในสายตาของเขาอยู่แล้ว…หญิงสาวจึงเปลี่ยนไปพูดถึงเรื่องที่คิดว่าสำคัญไม่น้อยกว่ากัน“ฉันอยากคุยเรื่องเงินที่เรายังค้างคุณอยู่ค่ะ”หญิงสาวพูดเกริ่น พลางเหลือบมองเจ้าหนี้ที่ยืนล้วงกระเป๋าด้วยท่าทีผ่อนคลายอยู่ข้างๆ สายตาของเขาทอดมองไปทางอื่น“ว่าไปสิ”“เราไม่ได้ลืมหนี้ของคุณ แต่พี่ป้องมีเจ้าหนี้หลายคน เราจึงต้องทยอยใช้ค่ะ”“ทยอยใช้ใครไปบ้างแล้วล่ะ”“เกือบหมด
เด็กชายตีสีหน้างงๆ เอียงคอมองคุณลุงตัวโตเหมือนไม่เข้าใจคำถาม หากแค่อึดใจเดียวเจ้าตัวก็เปลี่ยนมายิ้มซุกซน แล้ววิ่งผ่านหน้าเขากลับไปทางเดิมชายหนุ่มได้แต่วิ่งเหยาะๆ ตามหลัง กระทั่งเห็นว่าเจ้าตัวน้อยกลับไปหาแม่ของตัวเองแล้ว เขาจึงเดินทอดฝีเท้าตามอย่างไม่เร่งรีบ ดวงตาคมจับจ้องไปที่แม่ลูกคู่นั้น‘มีคนอื่นด้วยค่ะ เขา เอ่อ...ไปๆ มาๆ’อาณัติกำลังทบทวนคำพูดของหญิงสาว ขณะที่สมองก็ประมวลสิ่งที่เขาได้เห็นและได้สังเกตไปด้วยเพิ่งนึกสบประมาทเด็กชายอชิระไว้ว่าแสนงอน ติดจะอ้อนแม่ คงนุ่มนิ่มตามประสาเด็กติดแม่เพราะห่างพ่อ แต่เกือบครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาทำให้เขารู้ว่าประเมินเด็กชายพลาด“อชิกลับบ้านไหมลูก ค่ำมากแล้ว”“อชิอยากเล่นกับคุณลุงอยู่เลยครับ”ไม่คิดจะถามฉันหน่อยเหรอว่าอยากเล่นกับนายไหม...สีหน้าของอาณัติกึ่งบึ้งกึ่งขำ แต่เจ้าตัวเล็กไม่สนใจหรอก เพราะการได้เล่นกลางสนามหญ้ากับคุณลุงตัวโตและแข็งแรง อีกทั้งยังรับแรงปะทะของอชิระได้ทุกรูปแบบนั้นมันสนุกยิ่งกว่าอะไร…สนุกกว่าเล่นกับคุณตา และไม่อยากบอกให้แม่เสียใจว่าสนุกกว่
ชายหนุ่มยอมส่งลูกชายให้หล่อนแต่โดยดี อชิระรู้สึกตัว งอแงงัวเงียครู่เดียวแล้วหลับคาไหล่บางของแม่ต่ออาณัติถอยออกห่างจากประตูบ้านหลังสีฟ้า หากสายตายังมองไปในทิศทางที่สองแม่ลูกนั้นอยู่ แม้มองไม่เห็นคนทั้งคู่เพราะบานประตูปิดกั้นก็ตามมือหนายกขึ้นมาวางบนแผงอกตัวเอง ยามเด็กชายซบอยู่กับเขามันอุ่นซ่านถึงหัวใจ...สัมผัสจากร่างจิ๋วและกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของเด็กทำให้เขาไม่อยากส่งเจ้าตัวเล็กคืนให้ไปรยา เขาอยากยื้อไว้เพื่อจะได้อุ้มเด็กชายให้นานที่สุดคนร่างสูงแข็งแรงเดินผ่านประตูรั้วออกมาแล้วหยุดอยู่แค่ตรงนั้น เขายืนปักหลักอยู่หลายนาที จนเห็นไปรยาตามออกมาอาณัติรอให้หญิงสาวล็อกประตูรั้วเสร็จแล้วเดินกลับไป จนเห็นว่าหล่อนเข้าไปในบ้านเรียบร้อยแล้ว เขาจึงตรงไปยังรถที่จอดไว้ จากนั้นรถคันสีดำก็เคลื่อนจากไปผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นพอหมาดๆ บรรจงซับดวงหน้าเล็กกลมของคนที่นอนหลับสนิท ตามด้วยซับซอกคอ ข้อพับแขน และข้อพับขาเพื่อระบายความร้อน จากนั้นจึงเช็ดแขนและขาด้วยต้องการทำความสะอาดไปในตัวอชิระขยับตัว แต่ไม่ได้ตื่นขึ้นมา เด็กน้อยเพียงพลิกตัวกอดหมอนข้า
“เขาเป็นลูกของกุ๊บกิ๊บ...เกี่ยวอะไรกับพี่”น้ำตาหยดแหมะแตะแก้มนวล จนหล่อนต้องยกมือขึ้นปาดออก“ถ้าคุณช่วยปลาหางนกยูงของอชิได้ ฉันจะจ่ายดอกเบี้ยให้คุณตามที่คุณต้องการ”“งั้นเหรอ...มั่นใจนะว่าทำได้”เสียงลากยาวจากคนปลายสายทำให้แม่ลูกหนึ่งหงุดหงิดหัวใจ แต่หล่อนทำได้เพียงข่มใจรับปาก“ค่ะ”“ว่าแต่กุ๊บกิ๊บบล็อกเบอร์พี่ตั้งนาน จู่ๆ ติดต่อมาเพราะเรื่องปลาหางนกยูงแค่นี้เหรอ”ทำไมเขาต้องถามซอกแซกด้วยนะ...หัวใจของไปรยาร้อนรน หากความรู้สึกหนึ่งที่ซุกอยู่ทำให้หล่อนโพล่งออกไป“คุณบอกว่าไม่มีเรื่องจะคุย เวลาของคุณมีค่า...” คุณไม่อยากเสียเวลาคุยกับฉันอีก ก้อนแข็งๆ ตีตื้นขึ้นในลำคอก่อนที่หล่อนจะพูดจบ“กุ๊บกิ๊บเลยบล็อกเบอร์พี่อย่างนั้นสิ”ขณะที่ไปรยาถูกความอ่อนแอเข้าโจมตี ทั้งที่เรื่องผ่านมาตั้งสี่ปีแล้ว แต่เสียงของอาณัติยังคงเรียบเฉย คล้ายกับว่าเรื่องที่พูดถึงนั้นไม่ได้กระทบความรู้สึกของเขาสักกระผีกเดียวแน่ละสิ เขาคงจำได้แต่ว่าพี่ป้องทำกับเขายัง
“แม่จะเข้าครัว อชิจะไปกับแม่ไหม”“อชิเล่นกับปลาหางปายูนได้ไหมครับ”ดูเหมือนว่าหล่อนจะปิดเรื่องนี้กับลูกไม่ได้ เพราะอชิระคงติดใจอีกนาน หญิงสาวจึงจับมือของลูก แล้วบอกตามตรง“เมื่อคืนปลาหางนกยูงไม่ได้กลับมาพร้อมเราค่ะ”“พี่ปลาไม่อยู่หรือครับแม่กุ๊บกิ๊บ แล้วพี่ปลาไปไหน”สีหน้าตื่นๆ ของอชิระทำให้ไปรยาต้องระมัดระวังคำพูดมากขึ้น แม้ผู้ใหญ่บางคนอาจมองเป็นเรื่องเล็ก แต่สำหรับเด็กชายมันเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญมาก“ตอนนี้พี่ปลาอยู่กับคุณลุงจ้ะ”“คุณลุงเอาพี่ปลาของอชิไปหรือครับ พี่ปลาเป็นของอชินะครับแม่กุ๊บกิ๊บ”อชิระตั้งท่าโวยวาย ไปรยาจึงรีบอธิบาย หล่อนไม่อยากให้เรื่องนี้เข้ามาก่อกวนจิตใจของเด็กชายตั้งแต่เช้าตรู่“คุณลุงไม่ได้เอาปลาหางนกยูงของลูกไป แต่แม่ฝากให้คุณลุงช่วยดูแล เมื่อวานอชิเล่นกับคุณลุงเสร็จก็นอนหลับเลย แม่เลยพาอชิกลับมาบ้าน แล้วฝากพี่ปลาไว้กับคุณลุงก่อน วันนี้แม่จะไปรับพี่ปลากลับมาให้อชินะครับ พออชิกลับมาจากโรงเรียน อชิก็ค่อยเล่นกับพี่ปลา”“อ๋อ
“เขารู้ค่ะ”“นี่ขนาดมันรู้นะว่าอชิเป็นลูกของมัน แต่มันยังทวงเงินกับพี่ได้หน้าตาเฉย”“ไม่เกี่ยวกันเลยนะพี่ป้อง อชิก็อยู่ส่วนอชิ พี่อย่าดึงลูกของกุ๊บกิ๊บไปยุ่งเรื่องนี้ แล้วพี่เอาเงินเขาไป พี่ก็ต้องคืนเขา ไม่อย่างนั้นมันก็ไม่จบสักที”ไปรยายอมพี่ชายมาโดยตลอด แต่เมื่อเขาดึงลูกชายของหล่อนเข้าไปในปัญหาที่ยังคาราคาซัง ปัญหาที่ผู้ใหญ่ร่วมกันก่อขึ้นเอง หล่อนก็ต้องปกป้องลูกชายเอาไว้ปกป้องถอนหายใจ แล้วพูดเสียงอ่อนลง ชะรอยเขาจะรู้ตัวว่ากำลังคิดไม่เข้าท่า“พี่มีเงินที่ไหนกันล่ะ ถ้าพี่มี พี่คืนมันไปนานแล้ว”“พ่อก็มีเงินไม่มากค่ะ รายได้จากการทำสวนของพ่อปีละไม่กี่แสน แต่พ่อก็มีวิธีของพ่อ ถึงตอนนี้พ่อใช้หนี้ให้พี่ไปเกินล้านแล้ว เหลือแค่หนี้ของพี่อู๋ กุ๊บกิ๊บคิดว่าหนี้ก้อนนี้พี่ควรรับไปจัดการเอง กุ๊บกิ๊บสงสารพ่อ อยากให้พ่อได้พักผ่อน”เป็นครั้งแรกกระมังที่ไปรยาขัดความต้องการของพี่ชาย ปกติหล่อนเป็นน้องสาวที่ไม่มีปากเสียง เป็นน้องที่ว่านอนสอนง่าย...ซึ่งคงเป็นสาเหตุให้หล่อนต้องเข้าไปพัวพันกับ
“โทร.ตอนนี้เลยได้ไหม”“สองทุ่มแล้ว พ่อใกล้จะนอนแล้วค่ะ”“งั้นพี่รอพรุ่งนี้ก็ได้...อย่าให้พี่รอนานกว่านี้นะ พ่อของกุ๊บกิ๊บรู้เรื่องของเราแล้ว พี่ไม่อยากถูกพ่อตาหมายหัว”อาณัติพูดติดอารมณ์ขัน แต่หญิงสาวไม่รู้สึกขันไปกับเขาด้วย หล่อนมองเขา แล้วถามจริงจัง“คุณไม่มีใครจริงๆ หรือคะ”“ถ้าถามถึงช่วงที่พี่อยู่ที่อเมริกา พี่มีเดตกับผู้หญิงบ้าง แต่ไม่ถึงขั้นคบกัน ตอนนั้นพี่คิดว่าตัวเองโสด ก็เลยใช้ชีวิตแบบผู้ชายโสดไปตามปกติ ไม่ได้สานต่อกับใครจริงจัง พอคิดจะกลับเมืองไทย พี่ก็กลับได้อย่างอิสระ”“คุณจะกลับไปอยู่ที่นั่นอีกหรือเปล่า”“ไม่แล้วละ พี่ไม่รู้จะกลับไปทำไม นอกเสียจากพาลูกเมียไปเที่ยวเป็นครั้งคราว เพราะชีวิตของพี่มีเป้าหมายอยู่ที่นี่แล้ว เราอาจข้ามขั้นตอนไปบ้าง อาจทำบางช่วงเวลาหล่นหายไป แต่ถ้ากุ๊บกิ๊บให้โอกาสพี่ มันก็ไม่สายที่เราจะกลับมาเป็นครอบครัวกันใหม่ พี่รู้ว่ากุ๊บกิ๊บยังมีพ่อให้นึกถึง พี่เองก็คิดเรื่องนี้มาตลอด พี่จะไม่ให้พ่อของกุ๊บกิ๊บและตัวกุ๊บกิ๊บเองผิดหวังในตัวของพี่ พี
อาณัติขับรถมาจอดหน้าบ้านหลังสีฟ้าในเวลาเกือบสองทุ่ม เขามองไปทางข้างหลัง ลูกชายกำลังหลับสนิท ซึ่งเจ้าตัวเล็กออกอาการง่วงนอนตั้งแต่ออกจากบ้านหลังใหม่แล้ว“กุ๊บกิ๊บไปเปิดประตูรั้วสิ พี่อุ้มลูกเข้าไปให้”ชายหนุ่มบอกเมื่อเห็นแม่ของลูกเตรียมจะอุ้มเจ้าตัวกลมเข้าบ้านเอง หญิงสาวพยักหน้าอย่างไม่เกี่ยงงอน ลูกชายของหล่อนตัวโตขึ้นมากในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ แถมยังมีพัฒนาการก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งคนเป็นแม่ที่อยู่กับลูกทุกวันสังเกตเห็นได้ร่างเล็กกลมถูกอุ้มขึ้นมาจากคาร์ซีต เด็กชายขยับตัว หากเมื่อได้ซบบนไหล่หนาที่อบอุ่นของพ่อก็พร้อมจะหลับต่อไปรยาเดินนำชายหนุ่มตรงไปยังตัวบ้าน เมื่อเปิดประตูบ้านแล้วหันมาทางเขา ดวงตาสองคู่ที่สบกันทำให้ไปรยาทำตัวไม่ถูก“พี่จะพาลูกเข้านอน ขอให้พี่ทำหน้าที่นี้สักครั้งเถอะนะ”จากเดิมที่ตั้งท่าจะค้าน แต่พอเห็นสายตาวอนขอ หล่อนก็ไม่อาจปฏิเสธหญิงสาวเดินนำเข้าไปในห้องนอนที่ตนกับลูกครอบครองอยู่ อาณัติวางร่างของลูกชายลงบนเตียงนอนเคียงข้างตุ๊กตาไดโนเสาร์สีฟ้า เขาถอยออกมา หากสายตายังทอดมองลูกชายนิ่งๆ
“หน้าตาโหงวเฮ้งดีเชียว หน้าเรียวผุดผ่อง หน้าผากนูนเกลี้ยง ไม่มีรอย แก้มก็อิ่ม ผิวพรรณดี”บรรยากาศภายในห้องพักผ่อนของบ้านจัดสรรสองชั้นในโครงการหรูเป็นไปอย่างสงบ หากท่าทีของคุณนายอรอรก็สร้างความแปลกใจให้กับลูกชายและแม่ของหลานนัก“ไหน เอามือมาให้แม่ดูสิ” แค่จบคำพูด คุณนายอรอรก็ดึงมือบางของคนที่นั่งข้างๆ มากุมไว้เอง หญิงสาวถึงกับสะดุ้ง เพราะไม่ทันตั้งตัว “มือไม่นุ่มเท่าไร หนูคงต้องทำงานอยู่ตลอดสินะ แต่ไม่เป็นไร ทาโลชันบ่อยๆ ไม่นานก็หาย แต่นิ้วมือเรียวอวบดี ลักษณะส่งเสริมคู่ครอง”“แม่ทำอะไรเนี่ย แล้วแม่เป็นหมอดูโหวงเฮ้งตั้งแต่เมื่อไร”อาณัติอดที่จะถามเพราะสงสัยไม่ได้ อีกทั้งยังเกรงว่าไปรยาจะอึดอัดและกลัวว่าที่แม่สามีไปเสียก่อน“ฉันหัดดูตั้งแต่มีพี่สะใภ้แก”ถ้านับนิ้วก็คงเป็นเวลาไม่กี่เดือนสินะ...ลูกชายตีสีหน้าประหลาดเมื่อมองแม่หมอมือใหม่กำลังลองวิชากับว่าที่ลูกสะใภ้คนใหม่ หากคนใกล้ชิดคุณนายอรอรที่ติดตามมาด้วยนั้นก็บอกให้เขาเข้าใจ“สบายใจเถอะค่ะ คุณนายรักลูกสะใภ้จนเป็นที่เลื่องลือทั้
แล้วอาณัติก็ส่งเบอร์โทร.ของพ่อตาไปให้แม่ เขาได้เบอร์นี้มาพร้อมกับเบอร์ของปกป้อง...หรือจะพูดให้ถูกนั่นก็คือเขาแอบเก็บเบอร์ของพ่อตามาในคราวนั้นด้วยพอเห็นว่าหมดธุระกับเขาแล้ว คุณนายอรอรก็เอนกายนอนบนเก้าอี้นอนเล่นในห้องพักผ่อนแล้วหลับตาลง เป็นการปิดการสนทนากลายๆ จากนั้นอาณัติถึงได้ขับรถออกมารับลูกชายนี่แหละ“พ่อครับ คุณย่าจะใจดีกับแม่กุ๊บกิ๊บไหมครับ”คำถามของลูกทำให้เขาต้องนิ่งงัน รับรู้ถึงสายใยระหว่างแม่และลูกชายที่ไม่อาจแยกจากกัน“คุณย่าเป็นคนใจดี พ่อคิดว่าคุณย่าจะใจดีกับแม่ด้วย แต่ถ้าอชิอยากรู้จริงๆ อชิต้องถามคุณย่าเอาเองนะ”เด็กชายตีสีหน้าครุ่นคิด เรียวคิ้วเล็กขมวดเข้าหากันอย่างน่าเอ็นดู จู่ๆ เขาก็อยากรู้ความคิดของลูกขึ้นมา“คุณย่าต้องใจดีกับแม่กุ๊บกิ๊บแน่นอนครับ เพราะแม่กุ๊บกิ๊บสวย แม่กุ๊บกิ๊บรักอชิมากด้วย”“เหตุผลเข้าท่า...แต่ถ้าแม่กุ๊บกิ๊บรักพ่ออู๋ด้วยก็จะสมบูรณ์แบบมากกว่านี้”“แม่กุ๊บกิ๊บรักพ่ออู๋ครับ ถ้าแม่ไม่รัก แม่ไม่ให้พ่อกอดหรอก ไม่ให้พ่อหอมแก้มด้วย”“เดี๋ยว
ช่วงบ่ายของวันศุกร์ ผู้ชายรูปร่างสูง หน้าตาหล่อเหลา รูปลักษณ์เด่นสะดุดตากำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูรั้วโรงเรียนอนุบาล เขาจะอยู่ตรงนี้ตรงตามเวลาทุกวัน เป็นอันรู้กันว่าเขาเป็นคุณพ่อของเด็กชายอชิระหากก่อนหน้านี้ไม่ว่าคุณครูหรือเพื่อนนักเรียนตัวน้อยต่างคุ้นเคยว่าคุณแม่ของอชิระจะเป็นคนมารับเด็กชาย และคุณแม่ก็มักมารับช้ากว่าพ่อแม่ของนักเรียนคนอื่นด้วยเหตุผลจากภาระหน้าที่การงาน ทำให้อชิระต้องกลับบ้านเป็นกลุ่มสุดท้ายเกือบทุกวัน แต่เดี๋ยวนี้เพียงแค่เลิกเรียน เด็กชายก็วิ่งออกมาเป็นคนแรกๆ เพราะรู้ว่าพ่อของตนจะต้องมารออยู่ก่อนแล้ว…และวันนี้ก็เช่นกัน“พ่ออู๋มารับอชิแล้วครับ”เด็กชายร้องบอกคุณครู แล้วกระโดดเหยงๆ พลางโบกไม้โบกมือให้พ่อเห็นว่าตนมาแล้ว“อชิลาคุณครูแล้วก็กลับบ้านได้ค่ะ อย่าลืมสวัสดีคุณพ่อด้วยนะคะ”“ครับคุณครู” เด็กชายทำตามคุณครูบอกอย่างว่าง่าย เมื่อวิ่งไปหาพ่อก็ยกสองมือป้อมๆ ขึ้นมาไหว้หัวใจของอาณัติเบ่งบาน เขาบอกไม่ได้เลยว่าความสุขในทุกวันนี้นอกจากการเห็นรอยยิ้มของลูกแล้ว ยังมีสิ่งใดที่มีค
“บอกพี่สิว่ากุ๊บกิ๊บยังติดอะไร ถึงได้ไม่อยากเริ่มต้นใหม่กับพี่”“คุณก็รู้”“พี่รู้? รู้อะไร?”“คุณกลับมาที่นี่เพื่ออะไรคะ ก่อนที่คุณจะรู้ว่าฉันมีอชิอยู่ด้วย”คำถามนั้นทำให้ชายหนุ่มนิ่งงัน ก่อนเขาจะถามกลับทั้งที่รู้แก่ใจว่าหล่อนหมายถึงอะไร“กุ๊บกิ๊บหมายถึงหนี้ของพี่ป้องใช่ไหม”“ตอนนี้มันไม่ได้เป็นแค่หนี้ของพี่ป้องค่ะ แต่เป็นหนี้ของครอบครัวเรา”“พี่ไม่เคยคิดอย่างนั้น ถึงพี่ป้องจะเป็นพี่ชายของกุ๊กกิ๊บ แต่พี่ก็ไม่เคยอยากให้กุ๊บกิ๊บมาใช้หนี้แทนเขา มันไม่ยุติธรรม ใครก่อเรื่องไว้ก็ต้องให้คนนั้นรับผิดชอบ”อาณัติพูดง่าย...แต่ในความเป็นจริง ไปรยากับพ่อทำไม่ได้“เราเลี่ยงความรับผิดชอบไม่ได้หรอกค่ะ”“เพราะพี่ป้องหนีไป กุ๊บกิ๊บกับพ่อต้องอยู่รับหน้าก็เลยต้องใช้หนี้แทนเขาอย่างนั้นหรือ”ในทีแรกไปรยาไม่ได้คิดว่าเรื่องจะมาถึงขั้นนี้ หล่อนเข้าใจว่าปกป้องไปทำงานที่อื่นเพื่อจะหาเงินส่งมาใช้หนี้ พี่ชายคงรับผิดชอบหนี้สินที่ตัวเองก่อขึ้น หากหล่อน
รถคันสีขาวค่อนข้างเก่าเคลื่อนมาจอดหน้าบ้านจัดสรรที่อยู่ค่อนไปทางด้านหลังของโครงการหรู แม้บ้านหลังนี้จะมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับหลังอื่นในโครงการเดียวกัน แต่พื้นที่รอบบ้านนั้นกว้างขวางไม่ต่างกันไปรยาเปิดประตูรถออกมาหลังจากดับเครื่องยนต์แล้ว เมื่อสักครู่หล่อนขับรถผ่านป้อมยามหน้าหมู่บ้านก็สัมผัสได้ถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยที่มีค่อนข้างสูง หากพอมาถึงบ้านหลังนี้ หล่อนก็ขับรถเข้ามาได้เลย เพราะประตูรั้วเปิดกว้างอยู่หล่อนมาไม่ผิดบ้านแน่นอน เพราะเห็นรถคันสีดำคุ้นตาจอดอยู่ เมื่อมองผ่านผนังกระจกเข้าไปในห้องหนึ่งซึ่งมีสภาพโล่งว่าง ไม่มีผ้าม่านกำบัง และทั่วทั้งห้องก็แทบไม่มีเฟอร์นิเจอร์ หล่อนก็เห็นลูกชายกำลังนั่งอยู่กลางพื้นห้อง ใกล้กันนั้นก็เห็นคนตัวใหญ่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางจดจ่ออยู่กับอะไรสักอย่าง...พวกเขายังไม่รู้ถึงการมาของหล่อนไปรยาตัดสินใจเดินเข้าไปในบ้าน ผ่านห้องโถงใหญ่แล้วตรงไปยังห้องนั้น เมื่อหล่อนปรากฏตัวอยู่ตรงประตู พวกเขาจึงเงยหน้าขึ้นมามอง“แม่มารับอชิแล้ว”อชิระร้องบอก รอยยิ้มกว้างประดับบนดวงหน้าเล็กกลมที่เปรอะเปื้อนเศษอาหาร เนื้อตัวก็มอ
เป็นเวลานานกว่าสองสัปดาห์แล้วที่อาณัติรับหน้าที่ไปรับอชิระกลับจากโรงเรียน โดยไปรยาได้แจ้งกับทางโรงเรียนไว้ล่วงหน้าแล้ว เนื่องจากช่วงนี้สถานการณ์ของโรงแรมดีขึ้น ลูกค้าเข้ามาพักมากกว่าเดิม หัวหน้าแผนกจึงขอให้หล่อนยืดเวลาเลิกงานเป็นห้าโมงเย็นเหมือนกับพนักงานคนอื่นหลังจากเลิกเรียน อชิระจึงต้องอยู่กับพ่อ เพื่อรอแม่เลิกงานแล้วกลับบ้านไปพร้อมกัน ระหว่างนั้นเด็กชายจะอยู่ในห้องพักของพ่อในโรงแรม แต่บางวันพ่อก็จะพามาที่บ้านหลังใหม่ที่เพิ่งซื้อได้ไม่นาน ซึ่งเป็นบ้านที่อยู่ในโครงการหรูที่อชิระเคยมาดูพร้อมพ่อและแม่นั่นเอง และตอนนี้บ้านหลังนี้ก็อยู่ในระหว่างการตกแต่ง“พ่อครับ อชิเอาปลาหางปายูนมาอยู่กับปลาคาร์ปได้ไหมครับ”อชิระถามขึ้นเมื่อเกาะผนังกระจกในห้องพักผ่อนแล้วมองออกไปข้างนอก เห็นคนงานกำลังสร้างบ่อปลาคาร์ปภายในพื้นที่สวน เด็กชายเห็นว่าบ่อมีขนาดใหญ่ ถ้าหากจะให้ปลาหางนกยูงของตนมาอยู่ด้วยก็คงน่าสนใจไม่น้อย“ปล่อยให้ปลาหางนกยูงอยู่ในอ่างบัวนั่นแหละดีแล้ว มันอยู่ตรงนั้นสบายแล้วนะ”อาณัติเกรงว่าถ้าปล่อยให้ปลาทั้งสองชนิดมาอยู่ร่วมกัน ปลาหางนกยูงอาจ