“เธอชื่อไปรยา เป็นน้องของคนที่เอาเงินผมไปทำร้านเหล้า”
คุณนายอรอรพยายามปะติดปะต่อเรื่องราว ล่าสุดลูกชายบอกเธอว่าจะไปทวงหนี้จากเพื่อนที่ยืมเงินไปทำร้านเหล้า แต่วันถัดมา เจ้าตัวกลับส่งรูปเด็กชายวัยอนุบาลมาให้เธอดู แล้วบอกว่าเป็นลูกของตัวเองกับน้องสาวของลูกหนี้“พวกแกเล่นอะไรกัน” “ผมไม่ได้เล่นนะแม่ ผมเอาจริงตลอด...คราวนี้ผมก็จะเอาให้ได้เหมือนกัน”“บอกให้ฉันเข้าใจหน่อยสิว่าเกิดอะไรขึ้นกับแก แล้วที่แกไปอยู่กรุงเทพฯ ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง มันเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยไหม”“ใช่ครับ...ผมขอโทษนะครับแม่”“ขอโทษตอนนี้แล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา เด็กที่หน้าเหมือนแกก็โตขนาดนี้แล้ว แกนะแก เพิ่งจะปากดีกับฉันว่าไม่มีวันปุ๊บปั๊บรับโชคเหมือนพี่ชายแก แต่ที่ไหนได้...” คุณนายบ่นค้างไว้เท่านั้น แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ว่าแต่ลูกแกกี่ขวบแล้ว”“สามขวบครับ อยู่อนุบาลหนึ่ง อชิน่ารักมากเลยนะแม่ แกเป็นเด็กฉลาด ช่างพูด ถ้าแม่ได้เจอ แม่ต้องรักแน่ๆ”คุณนายอรอรปรับอารมณ์ตัวเองให้เข้าที่ไปรยาจ้ำฝีเท้าไปตามทางเดินซึ่งต้องผ่านล็อบบี้ของโรงแรม คนที่นั่งจิบกาแฟในเลานจ์มาเกือบชั่วโมงเห็นหล่อนเข้าก็ขยับตัว สายตาคมมองตามร่างสมส่วนที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงสีดำ...เสื้อผ้าเรียบๆ รูปแบบซ้ำๆ แต่น่ามองเมื่ออยู่บนเรือนกายของหล่อน“...ตัวเท่าเดิม ไม่อ้วนไม่ผอมไปกว่าเดิม แต่เซ็กซี่ขึ้นนะ ส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจนขึ้น...”คำพูดของเกริกวิทย์ย้อนเข้ามาในหัว มันเป็นสิ่งที่เขาคิดตั้งแต่แรกที่เห็นหล่อน แต่พอออกจากปากผู้ชายคนอื่น...แม้แต่เพื่อนสนิทก็เถอะ หัวใจหนุ่มก็ร้อนรุ่มด้วยความหวงพนักงานโรงแรมนำกาแฟมาเปลี่ยนให้เขา เมื่อเห็นว่าถ้วยเดิมเย็นชืดไปแล้ว“สวัสดีค่ะคุณอาณัติ วันนี้สบายดีไหมคะ”“สบายดีครับ ขอบคุณ”อาณัติตอบรับคำทักทาย แต่เมื่ออีกฝ่ายพูดต่อ เขาฟังแล้วก็เลิกคิ้วประหลาดใจ“เมื่อวานทางโรงแรมเตรียมยาแก้ไข้ไว้ให้คุณอาณัติ แต่ไม่ได้เอาไปให้ เพราะทราบว่าคุณแจ้งไม่รับยา วันนี้ดีใจค่ะที่เห็นว่าคุณหายดี”“ทำไมถึงจะเอายามาให้ผมครับ หรือเป็นบริการพิเศษของโรงแรม”&nb
ชายหนุ่มทิ้งตัวลงบนเตียงนอน แล้วทอดกายนอนเอกเขนก รอคอยพนักงานที่ตนเรียกมาเคาะประตูห้องสิบนาทีไม่ขาดไม่เกินหลังจากวางสายไปแล้ว เสียงเคาะประตูห้องพักก็ดังขึ้น หัวใจหนุ่มเริงร่า เขาลุกจากเตียงนอนทันทีประตูห้องสวีตเปิดออก พนักงานในชุดฟอร์มของโรงแรมที่แต่งหน้าอ่อนใสกว่าเมื่อวานปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา...หล่อนกวาดสายตามองเขาอย่างสังเกต ขณะเดียวกันก็มีร่องรอยระแวดระวังเจืออยู่ด้วย“เข้ามาก่อนสิ”“คุณไม่สบาย?”ไปรยายังยืนปักหลักหน้าประตูห้องพัก แล้วส่งคำถามไปอย่างไม่มั่นใจ เพราะเท่าที่เห็น อาณัติก็มีท่าทีปกติทุกอย่าง“พี่อยากคุยด้วย”“งั้นคุณก็สบายดี”“ถ้าไม่บอกไปอย่างนั้น พี่ก็ไม่ได้คุยกับกุ๊บกิ๊บ”อาณัติบอกตรงๆ เพราะไม่อยากเล่นกับความรู้สึกของหล่อน“ตอนนี้เป็นเวลางานค่ะ กุ๊บกิ๊บ...ฉันไม่สะดวกคุยด้วย”เผลอตัวไปชั่วขณะ ก่อนจะเปลี่ยนคำเรียกแทนตัวเองกลับมาโดยไว หากนั่นทำให้เรียวปากหยักของคนตัวใหญ่แย้มรอยยิ้มอย่างไม่สงวนท่าทีมือแข็งแรงคว้าต้นแขนของ
ร่างปราดเปรียวที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งกำลังดีที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขายาวสีดำและรองเท้าผ้าใบแบบลำลองกำลังจ้ำเท้าไปยังลานจอดรถสำหรับพนักงาน หล่อนกวาดสายตามองรอบๆ เมื่อไม่เห็นคนที่ตนกำลังเลี่ยงก็รู้สึกโล่งใจกระทั่งไปถึงลานจอดรถ หญิงสาวกดรีโมตปลดล็อกประตูรถ หากแค่ยื่นมือไปเปิดประตู คนร่างสูงก็โผล่มาให้เห็นไปรยาผงะถอยหลัง หล่อนตกใจอย่างจริงจัง อยากต่อว่าเขาที่มาดักซุ่มรอหล่อนอยู่ตรงนี้“เปิดประตูรถสิ”อาณัติบอกเมื่อเห็นไปรยายังยืนจ้องเขาตาไม่กะพริบ“มาอยู่ตรงนี้ทำไม”“พี่จะไปกับกุ๊บกิ๊บ”“ได้ยังไง ฉันไปรับอชิแล้วจะกลับบ้าน ไม่มีเวลาย้อนมาส่งคุณที่โรงแรมหรอกนะ ถ้าคุณอยากไปด้วยก็ขับรถของคุณไปเองเลยค่ะ”“งั้นกุ๊บกิ๊บไปรถของพี่”“ไม่ได้ค่ะ อชิต้องนั่งคาร์ซีต แล้วฉันก็ไม่สะดวกทิ้งรถไว้ที่นี่ด้วย”“แค่นี้ใช่ไหม”เขาถามสั้นๆ ซึ่งทำให้ไปรยางุนงงไม่น้อย ไม่รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร จนต้องถามเพื่อให้ตัวเองกระจ่าง“คุณหมายถึงอะ
“อชิ คุณแม่มารับแล้วค่ะ” เสียงจากคุณครูที่คอยดูแลนักเรียนอนุบาลซึ่งกำลังรอผู้ปกครองมารับนั้นเรียกให้เด็กชายที่พูดคุยอยู่กับเพื่อนตัวน้อยด้วยสีหน้าจริงจังหันไปทางประตูรั้วของโรงเรียน...อชิระรู้ว่าแม่กุ๊บกิ๊บจะรอเขาตรงนั้นพลันเด็กชายก็ยิ้มกว้าง กระโดดเหยงๆ อย่างดีใจ ไปรยาอดที่จะยิ้มกับภาพนั้นไม่ได้...แค่เห็นแม่อยู่ใกล้ๆ อชิระก็มีความสุขอย่างล้นเหลือไปรยาเดินไปรับลูก เด็กชายไหว้ลาคุณครูแล้ววิ่งมาหาหล่อน ด้านหลังนั้นยังมีเป้ประจำตัวสะพายติดอยู่“วันนี้เป็นยังไงบ้างคะ อชิเล่นกับเพื่อนสนุกไหม”“สนุกคร้าบ แต่เบนเบนร้องไห้ อชิบอกว่าอย่าร้องนะ แต่เบนเบนไม่ฟังอชิเลยครับ แม่กุ๊บกิ๊บดูสิ เบนเบนยังร้องไห้อยู่เลย”ไปรยามองตามที่ลูกชายชี้ เห็นเด็กชายที่อชิระพูดคุยอยู่ด้วยเมื่อสักครู่กำลังซบอยู่กับคุณครู“เบนเบนร้องไห้ทำไมคะ หรือว่าเบนเบนหิวข้าว”“เบนเบนไม่หิวข้าวครับ แต่เบนเบนคิดถึงแม่ แม่ยังไม่มารับเบนเบน” น้ำเสียงอชิระหงอยลง ชะรอยว่าเด็กน้อยจะนึกถึงตอนที่แม่ของตนมารับช้าด้วย ไปรยาจึงพยายามดึงลูกออกมา
เด็กชายยิ้มจนตาหยี...ไม่ว่าอย่างไร แม่ก็ตามใจอชิระอยู่แล้วสองแม่ลูกนั่งอยู่ในรถทางตอนหลังเรียบร้อยแล้ว หากคนที่ทำหน้าที่ขับรถยังยืนเท้าสะเอวอยู่นอกรถ เขามองรอบตัว มองฟ้า มองต้นไม้ นานนับนาทีถึงจะตัดใจตามเข้าไปนั่งประจำเก้าอี้ของตัวเองไปรยามองตามอาณัติตลอดเวลา หล่อนถึงกลั้นยิ้มขำไว้ไม่ไหวรถยนต์คันสีดำเคลื่อนยังไม่ทันพ้นเขตโรงเรียนอนุบาล เสียงใสๆ ของคนที่นั่งบนคาร์ซีตก็ดังขึ้น“นั่งพี่ไทเกอร์สบ๊ายสบาย ไม่หนีบก้นอชิด้วย”“อะไรนะคะ...แล้วเก้าอี้ในรถแม่หนีบก้นอชิงั้นเหรอ”“ใช่ครับ มันหนีบก้นอชิ หนีบตัวอชิด้วย”เด็กชายห่อตัวประกอบคำพูด ไปรยาประหลาดใจที่ได้ยินลูกบอกในเวลานี้ นึกสงสารลูกครามครัน เพราะเก้าอี้ตัวนั้นใช้มานาน มันคงเล็กไปสำหรับอชิระแล้ว...แต่หญิงสาวเลือกที่จะเย้าลูกชาย ทั้งที่ในใจตั้งใจจะเปลี่ยนเก้าอี้ตัวใหม่ให้ไวที่สุด...นึกโทษตัวเองที่ชะล่าใจละเลยเรื่องสำคัญของลูก“ลูกตัวโตจนคับเก้าอี้นะสิ อชิต้องทำให้ก้นของลูกเล็กลงแล้วนะ”“ก้นอชิเล็กนิดเดียวครับแม่กุ๊บกิ๊บ อชิไม่ได้อ้
กว่าครึ่งชั่วโมงผ่านไป ไปรยาถึงรู้ว่าจุดหมายปลายทางของอาณัติเป็นสวนอาหารนอกเมืองที่ครอบคลุมพื้นที่กว่าสิบไร่“พี่ถามจากโรงแรม เขาแนะนำร้านนี้มาให้ เห็นว่าเปิดมา 2-3 ปีแล้ว กุ๊บกิ๊บเคยมาหรือยัง” อาณัติถาม ขณะพารถเคลื่อนเข้าไปจอดในบริเวณที่จัดไว้สำหรับลูกค้า“ยังค่ะ”ไปรยาตอบสั้นๆ รู้ว่าภายในสวนอาหารแห่งนี้มีหลายสิ่งที่อชิระน่าจะชอบ แต่หล่อนไม่เคยมีโอกาสพาลูกมา แม้ว่ามันจะอยู่ไม่ห่างจากบ้านนักก็ตาม...จนได้ยินเขาบอกกับเด็กชาย“ที่นี่มีปลาให้ดูด้วยนะอชิ อชิให้อาหารปลาได้”“จริงหรือครับ แล้วมีปลาเยอะแยะไหมครับ”“ไม่รู้สิ พ่อ เอ้อ!...ลุงก็ไม่เคยมา”ถ้อยคำที่หลุดมานั้น ไม่เพียงแต่อาณัติจะสะดุ้งเมื่อรู้ตัว หากทำให้ลมหายใจของไปรยาสะดุดเหมือนกัน หล่อนนั่งตัวแข็งทื่อ...คงมีแต่เด็กชายเท่านั้นที่ไม่ทันสังเกตแม้อาณัติจะแสดงท่าทีสนิทชิดเชื้อกับอชิระ แต่เขาไม่เคยพูดออกมาตรงๆ ว่าคิดอย่างไร นอกจากเคยถามว่าหล่อนกับลูกมีคนอื่นที่อยู่ร่วมบ้านกันอีกไหม เมื่อหล่อนตอบว่ามี และคนคนนั้นก็ ‘ไปๆ มาๆ&rsquo
ไปรยาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากยินยอมให้ผู้ชายทั้งสองคนพากันออกไปดูปลาในคลองหน้าร้านอาหารพนักงานที่ยืนรอรับออร์เดอร์ฟังการโต้เถียงและต่อรองของคนทั้งสามจนเพลิน ครอบครัวนี้เป็นครอบครัวที่น่ารักในสายตาของเธอ...พ่อแม่หน้าตาดีที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว ส่วนลูกชายนั้นก็น่ารักน่าชัง ดูหน้าตาก็รู้ว่าได้ส่วนผสมดีๆ ที่ลงตัวมาจากพ่อและแม่นั่นเองเมื่อสั่งอาหารไปแล้ว ไปรยาจึงนั่งรออยู่ตรงโต๊ะตามลำพัง พนักงานนำของขบเคี้ยวมาวางไว้ให้ขณะรออาหารจานหลักที่สั่งไปหญิงสาวจับสายตามองเด็กชายอยู่ตลอดเวลา เริ่มแรกมองด้วยความเป็นห่วง กระทั่งวางใจเมื่อเห็นว่าอชิระไม่ซุกซนตามที่รับปาก เด็กชายนั่งนิ่งๆ อยู่ข้างคนตัวใหญ่มาได้หลายนาทีแล้ว ทั้งสองคนนั่งหันหลังให้หล่อน พลางชี้ไปในลำคลองขนาดเล็กหรือจะเรียกว่าทางน้ำก็ย่อมได้ ซึ่งมีปลาคาร์ปแหวกว่ายอย่างที่เด็กชายชอบจังหวะนั้นอชิระหันกลับมามองหล่อน แล้วโบกมือหย็อยๆ ให้ ไปรยายิ้มกว้าง ก่อนจะโบกมือตอบกลับลูกชาย แต่แล้วรอยยิ้มของหญิงสาวก็จางหายเมื่อเห็นหนุ่มสาวสี่คนเดินมา พวกเขามองไปที่อาณัติ ในทีแรกท่าทางไม่มั่นใจนัก กระทั่งได้ทักทายกัน จ
แม้ลูกบอกว่าขอถามแม่ก่อน แต่พ่ออย่างเขาก็ใจร้อน อยากแสดงบทบาทของพ่อตั้งแต่วินาทีนี้ เพราะเวลาที่หล่นหายไปเกือบสี่ปีมันมากเกินพอแล้ว“ไปรับอชิที่โรงเรียนครับ อชิอยากนั่งพี่ไทเกอร์อีก”“โอเค พรุ่งนี้ตอนอชิเลิกเรียน พี่ไทเกอร์จะรออชิอยู่ที่หน้าโรงเรียน”เด็กชายยิ้มซุกซน พยักหน้ารับแข็งขัน แถมดวงตากลมยังฉายแววเจ้าเล่ห์เมื่อได้ยินเขาบอกต่อ“พ่อจะไปรับอชิพร้อมกับแม่กุ๊บกิ๊บให้ได้ อชิคอยดูฝีมือพ่อก็แล้วกัน”ไปรยามองผู้ชายต่างวัยทั้งสองคนที่นั่งคู่กันมาพักใหญ่ ท่าทางเหมือนพวกเขามีเรื่องพูดคุยกัน พลันหล่อนก็เอะใจ...หัวใจหวั่นวูบ กลัวว่าอาณัติจะฉวยโอกาสบอกเรื่องที่ทำให้อชิระสับสนหญิงสาวคิดจะไปแทรกกลางระหว่างพวกเขา หากเมื่ออาหารที่สั่งไปทยอยมาเสิร์ฟ หล่อนจึงบอกพนักงานให้ช่วยไปตามคนทั้งสอง อย่างน้อยวิธีนี้ก็ทำให้พวกเขาไม่ได้อยู่กันตามลำพังอีกลูกน้อยกลับเข้ามา ไปรยาสังเกตสีหน้าของลูกว่ามีสิ่งใดผิดปกติหรือเปล่า แต่หล่อนกลับพบว่าไม่เห็น แม้แต่ท่าทีไม่สบายใจที่อชิระแสดงออกมายามที่ผู้คนกลุ่มนั้นเข้ามาใกล้ก็ไม่เหลื
ไปรยานั่งบนเปลยวนใต้ถุนบ้านหลังเก่า ทุกครั้งเมื่อมาที่บ้านสวน หล่อนชอบมานั่งเล่นอยู่ที่บ้านหลังนี้ เพราะความทรงจำในวัยเด็กของหล่อนอยู่ที่นี่...บ้านหลังนี้เคยมีพ่อ แม่ พี่ชาย และหล่อนอาศัยอยู่ร่วมกันเมื่อแม่จากไป พ่อทำใจไม่ได้ พ่อจึงสร้างบ้านอีกหลังในบริเวณพื้นที่เดียวกัน แล้วย้ายไปอยู่ที่นั่นแทน และไม่นานจากนั้นหล่อนกับพี่ชายก็ย้ายไปเรียนในกรุงเทพฯ พ่อจึงซื้อบ้านแถบชานเมืองให้อยู่ ซึ่งเป็นบ้านหลังที่หล่อนกับอชิระใช้พักอาศัยในปัจจุบัน โดยพ่อที่ยังปักหลักอยู่ที่บ้านสวนจะแวะเวียนไปเยี่ยมอยู่เสมอ เพิ่งเว้นช่วงไปเมื่อสองเดือนนี้แหละไปรยาปล่อยความคิดไปเพลินๆ กระทั่งได้ยินเสียงใสๆ ของลูกดังขึ้น“แม่กุ๊บกิ๊บคร้าบ อชิอยากไปบ้านป้าติ๋วแล้ว แม่กุ๊บกิ๊บพาอชิไปส่งหน่อยครับ”ลูกชายที่ขออยู่กับคุณตาตั้งแต่เดินทางมาถึงกำลังเรียกหาหล่อน หญิงสาวรีบลุกจากเปลยวน แล้วออกไปหาแก้วตาดวงใจที่ยืนรออยู่ตรงลานด้านหน้า“อชิไม่อยู่กับคุณตาแล้วหรือคะ”“ไม่อยู่ครับ อชิไปอยู่บ้านป้าติ๋วดีกว่า”พอเห็นสีหน้าของลูกชาย หญิงสาวก็ดึงร่างเล็กมา
“เขารู้ค่ะ”“นี่ขนาดมันรู้นะว่าอชิเป็นลูกของมัน แต่มันยังทวงเงินกับพี่ได้หน้าตาเฉย”“ไม่เกี่ยวกันเลยนะพี่ป้อง อชิก็อยู่ส่วนอชิ พี่อย่าดึงลูกของกุ๊บกิ๊บไปยุ่งเรื่องนี้ แล้วพี่เอาเงินเขาไป พี่ก็ต้องคืนเขา ไม่อย่างนั้นมันก็ไม่จบสักที”ไปรยายอมพี่ชายมาโดยตลอด แต่เมื่อเขาดึงลูกชายของหล่อนเข้าไปในปัญหาที่ยังคาราคาซัง ปัญหาที่ผู้ใหญ่ร่วมกันก่อขึ้นเอง หล่อนก็ต้องปกป้องลูกชายเอาไว้ปกป้องถอนหายใจ แล้วพูดเสียงอ่อนลง ชะรอยเขาจะรู้ตัวว่ากำลังคิดไม่เข้าท่า“พี่มีเงินที่ไหนกันล่ะ ถ้าพี่มี พี่คืนมันไปนานแล้ว”“พ่อก็มีเงินไม่มากค่ะ รายได้จากการทำสวนของพ่อปีละไม่กี่แสน แต่พ่อก็มีวิธีของพ่อ ถึงตอนนี้พ่อใช้หนี้ให้พี่ไปเกินล้านแล้ว เหลือแค่หนี้ของพี่อู๋ กุ๊บกิ๊บคิดว่าหนี้ก้อนนี้พี่ควรรับไปจัดการเอง กุ๊บกิ๊บสงสารพ่อ อยากให้พ่อได้พักผ่อน”เป็นครั้งแรกกระมังที่ไปรยาขัดความต้องการของพี่ชาย ปกติหล่อนเป็นน้องสาวที่ไม่มีปากเสียง เป็นน้องที่ว่านอนสอนง่าย...ซึ่งคงเป็นสาเหตุให้หล่อนต้องเข้าไปพัวพันกับ
“โทร.ตอนนี้เลยได้ไหม”“สองทุ่มแล้ว พ่อใกล้จะนอนแล้วค่ะ”“งั้นพี่รอพรุ่งนี้ก็ได้...อย่าให้พี่รอนานกว่านี้นะ พ่อของกุ๊บกิ๊บรู้เรื่องของเราแล้ว พี่ไม่อยากถูกพ่อตาหมายหัว”อาณัติพูดติดอารมณ์ขัน แต่หญิงสาวไม่รู้สึกขันไปกับเขาด้วย หล่อนมองเขา แล้วถามจริงจัง“คุณไม่มีใครจริงๆ หรือคะ”“ถ้าถามถึงช่วงที่พี่อยู่ที่อเมริกา พี่มีเดตกับผู้หญิงบ้าง แต่ไม่ถึงขั้นคบกัน ตอนนั้นพี่คิดว่าตัวเองโสด ก็เลยใช้ชีวิตแบบผู้ชายโสดไปตามปกติ ไม่ได้สานต่อกับใครจริงจัง พอคิดจะกลับเมืองไทย พี่ก็กลับได้อย่างอิสระ”“คุณจะกลับไปอยู่ที่นั่นอีกหรือเปล่า”“ไม่แล้วละ พี่ไม่รู้จะกลับไปทำไม นอกเสียจากพาลูกเมียไปเที่ยวเป็นครั้งคราว เพราะชีวิตของพี่มีเป้าหมายอยู่ที่นี่แล้ว เราอาจข้ามขั้นตอนไปบ้าง อาจทำบางช่วงเวลาหล่นหายไป แต่ถ้ากุ๊บกิ๊บให้โอกาสพี่ มันก็ไม่สายที่เราจะกลับมาเป็นครอบครัวกันใหม่ พี่รู้ว่ากุ๊บกิ๊บยังมีพ่อให้นึกถึง พี่เองก็คิดเรื่องนี้มาตลอด พี่จะไม่ให้พ่อของกุ๊บกิ๊บและตัวกุ๊บกิ๊บเองผิดหวังในตัวของพี่ พี
อาณัติขับรถมาจอดหน้าบ้านหลังสีฟ้าในเวลาเกือบสองทุ่ม เขามองไปทางข้างหลัง ลูกชายกำลังหลับสนิท ซึ่งเจ้าตัวเล็กออกอาการง่วงนอนตั้งแต่ออกจากบ้านหลังใหม่แล้ว“กุ๊บกิ๊บไปเปิดประตูรั้วสิ พี่อุ้มลูกเข้าไปให้”ชายหนุ่มบอกเมื่อเห็นแม่ของลูกเตรียมจะอุ้มเจ้าตัวกลมเข้าบ้านเอง หญิงสาวพยักหน้าอย่างไม่เกี่ยงงอน ลูกชายของหล่อนตัวโตขึ้นมากในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ แถมยังมีพัฒนาการก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งคนเป็นแม่ที่อยู่กับลูกทุกวันสังเกตเห็นได้ร่างเล็กกลมถูกอุ้มขึ้นมาจากคาร์ซีต เด็กชายขยับตัว หากเมื่อได้ซบบนไหล่หนาที่อบอุ่นของพ่อก็พร้อมจะหลับต่อไปรยาเดินนำชายหนุ่มตรงไปยังตัวบ้าน เมื่อเปิดประตูบ้านแล้วหันมาทางเขา ดวงตาสองคู่ที่สบกันทำให้ไปรยาทำตัวไม่ถูก“พี่จะพาลูกเข้านอน ขอให้พี่ทำหน้าที่นี้สักครั้งเถอะนะ”จากเดิมที่ตั้งท่าจะค้าน แต่พอเห็นสายตาวอนขอ หล่อนก็ไม่อาจปฏิเสธหญิงสาวเดินนำเข้าไปในห้องนอนที่ตนกับลูกครอบครองอยู่ อาณัติวางร่างของลูกชายลงบนเตียงนอนเคียงข้างตุ๊กตาไดโนเสาร์สีฟ้า เขาถอยออกมา หากสายตายังทอดมองลูกชายนิ่งๆ
“หน้าตาโหงวเฮ้งดีเชียว หน้าเรียวผุดผ่อง หน้าผากนูนเกลี้ยง ไม่มีรอย แก้มก็อิ่ม ผิวพรรณดี”บรรยากาศภายในห้องพักผ่อนของบ้านจัดสรรสองชั้นในโครงการหรูเป็นไปอย่างสงบ หากท่าทีของคุณนายอรอรก็สร้างความแปลกใจให้กับลูกชายและแม่ของหลานนัก“ไหน เอามือมาให้แม่ดูสิ” แค่จบคำพูด คุณนายอรอรก็ดึงมือบางของคนที่นั่งข้างๆ มากุมไว้เอง หญิงสาวถึงกับสะดุ้ง เพราะไม่ทันตั้งตัว “มือไม่นุ่มเท่าไร หนูคงต้องทำงานอยู่ตลอดสินะ แต่ไม่เป็นไร ทาโลชันบ่อยๆ ไม่นานก็หาย แต่นิ้วมือเรียวอวบดี ลักษณะส่งเสริมคู่ครอง”“แม่ทำอะไรเนี่ย แล้วแม่เป็นหมอดูโหวงเฮ้งตั้งแต่เมื่อไร”อาณัติอดที่จะถามเพราะสงสัยไม่ได้ อีกทั้งยังเกรงว่าไปรยาจะอึดอัดและกลัวว่าที่แม่สามีไปเสียก่อน“ฉันหัดดูตั้งแต่มีพี่สะใภ้แก”ถ้านับนิ้วก็คงเป็นเวลาไม่กี่เดือนสินะ...ลูกชายตีสีหน้าประหลาดเมื่อมองแม่หมอมือใหม่กำลังลองวิชากับว่าที่ลูกสะใภ้คนใหม่ หากคนใกล้ชิดคุณนายอรอรที่ติดตามมาด้วยนั้นก็บอกให้เขาเข้าใจ“สบายใจเถอะค่ะ คุณนายรักลูกสะใภ้จนเป็นที่เลื่องลือทั้
แล้วอาณัติก็ส่งเบอร์โทร.ของพ่อตาไปให้แม่ เขาได้เบอร์นี้มาพร้อมกับเบอร์ของปกป้อง...หรือจะพูดให้ถูกนั่นก็คือเขาแอบเก็บเบอร์ของพ่อตามาในคราวนั้นด้วยพอเห็นว่าหมดธุระกับเขาแล้ว คุณนายอรอรก็เอนกายนอนบนเก้าอี้นอนเล่นในห้องพักผ่อนแล้วหลับตาลง เป็นการปิดการสนทนากลายๆ จากนั้นอาณัติถึงได้ขับรถออกมารับลูกชายนี่แหละ“พ่อครับ คุณย่าจะใจดีกับแม่กุ๊บกิ๊บไหมครับ”คำถามของลูกทำให้เขาต้องนิ่งงัน รับรู้ถึงสายใยระหว่างแม่และลูกชายที่ไม่อาจแยกจากกัน“คุณย่าเป็นคนใจดี พ่อคิดว่าคุณย่าจะใจดีกับแม่ด้วย แต่ถ้าอชิอยากรู้จริงๆ อชิต้องถามคุณย่าเอาเองนะ”เด็กชายตีสีหน้าครุ่นคิด เรียวคิ้วเล็กขมวดเข้าหากันอย่างน่าเอ็นดู จู่ๆ เขาก็อยากรู้ความคิดของลูกขึ้นมา“คุณย่าต้องใจดีกับแม่กุ๊บกิ๊บแน่นอนครับ เพราะแม่กุ๊บกิ๊บสวย แม่กุ๊บกิ๊บรักอชิมากด้วย”“เหตุผลเข้าท่า...แต่ถ้าแม่กุ๊บกิ๊บรักพ่ออู๋ด้วยก็จะสมบูรณ์แบบมากกว่านี้”“แม่กุ๊บกิ๊บรักพ่ออู๋ครับ ถ้าแม่ไม่รัก แม่ไม่ให้พ่อกอดหรอก ไม่ให้พ่อหอมแก้มด้วย”“เดี๋ยว
ช่วงบ่ายของวันศุกร์ ผู้ชายรูปร่างสูง หน้าตาหล่อเหลา รูปลักษณ์เด่นสะดุดตากำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูรั้วโรงเรียนอนุบาล เขาจะอยู่ตรงนี้ตรงตามเวลาทุกวัน เป็นอันรู้กันว่าเขาเป็นคุณพ่อของเด็กชายอชิระหากก่อนหน้านี้ไม่ว่าคุณครูหรือเพื่อนนักเรียนตัวน้อยต่างคุ้นเคยว่าคุณแม่ของอชิระจะเป็นคนมารับเด็กชาย และคุณแม่ก็มักมารับช้ากว่าพ่อแม่ของนักเรียนคนอื่นด้วยเหตุผลจากภาระหน้าที่การงาน ทำให้อชิระต้องกลับบ้านเป็นกลุ่มสุดท้ายเกือบทุกวัน แต่เดี๋ยวนี้เพียงแค่เลิกเรียน เด็กชายก็วิ่งออกมาเป็นคนแรกๆ เพราะรู้ว่าพ่อของตนจะต้องมารออยู่ก่อนแล้ว…และวันนี้ก็เช่นกัน“พ่ออู๋มารับอชิแล้วครับ”เด็กชายร้องบอกคุณครู แล้วกระโดดเหยงๆ พลางโบกไม้โบกมือให้พ่อเห็นว่าตนมาแล้ว“อชิลาคุณครูแล้วก็กลับบ้านได้ค่ะ อย่าลืมสวัสดีคุณพ่อด้วยนะคะ”“ครับคุณครู” เด็กชายทำตามคุณครูบอกอย่างว่าง่าย เมื่อวิ่งไปหาพ่อก็ยกสองมือป้อมๆ ขึ้นมาไหว้หัวใจของอาณัติเบ่งบาน เขาบอกไม่ได้เลยว่าความสุขในทุกวันนี้นอกจากการเห็นรอยยิ้มของลูกแล้ว ยังมีสิ่งใดที่มีค
“บอกพี่สิว่ากุ๊บกิ๊บยังติดอะไร ถึงได้ไม่อยากเริ่มต้นใหม่กับพี่”“คุณก็รู้”“พี่รู้? รู้อะไร?”“คุณกลับมาที่นี่เพื่ออะไรคะ ก่อนที่คุณจะรู้ว่าฉันมีอชิอยู่ด้วย”คำถามนั้นทำให้ชายหนุ่มนิ่งงัน ก่อนเขาจะถามกลับทั้งที่รู้แก่ใจว่าหล่อนหมายถึงอะไร“กุ๊บกิ๊บหมายถึงหนี้ของพี่ป้องใช่ไหม”“ตอนนี้มันไม่ได้เป็นแค่หนี้ของพี่ป้องค่ะ แต่เป็นหนี้ของครอบครัวเรา”“พี่ไม่เคยคิดอย่างนั้น ถึงพี่ป้องจะเป็นพี่ชายของกุ๊กกิ๊บ แต่พี่ก็ไม่เคยอยากให้กุ๊บกิ๊บมาใช้หนี้แทนเขา มันไม่ยุติธรรม ใครก่อเรื่องไว้ก็ต้องให้คนนั้นรับผิดชอบ”อาณัติพูดง่าย...แต่ในความเป็นจริง ไปรยากับพ่อทำไม่ได้“เราเลี่ยงความรับผิดชอบไม่ได้หรอกค่ะ”“เพราะพี่ป้องหนีไป กุ๊บกิ๊บกับพ่อต้องอยู่รับหน้าก็เลยต้องใช้หนี้แทนเขาอย่างนั้นหรือ”ในทีแรกไปรยาไม่ได้คิดว่าเรื่องจะมาถึงขั้นนี้ หล่อนเข้าใจว่าปกป้องไปทำงานที่อื่นเพื่อจะหาเงินส่งมาใช้หนี้ พี่ชายคงรับผิดชอบหนี้สินที่ตัวเองก่อขึ้น หากหล่อน
รถคันสีขาวค่อนข้างเก่าเคลื่อนมาจอดหน้าบ้านจัดสรรที่อยู่ค่อนไปทางด้านหลังของโครงการหรู แม้บ้านหลังนี้จะมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับหลังอื่นในโครงการเดียวกัน แต่พื้นที่รอบบ้านนั้นกว้างขวางไม่ต่างกันไปรยาเปิดประตูรถออกมาหลังจากดับเครื่องยนต์แล้ว เมื่อสักครู่หล่อนขับรถผ่านป้อมยามหน้าหมู่บ้านก็สัมผัสได้ถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยที่มีค่อนข้างสูง หากพอมาถึงบ้านหลังนี้ หล่อนก็ขับรถเข้ามาได้เลย เพราะประตูรั้วเปิดกว้างอยู่หล่อนมาไม่ผิดบ้านแน่นอน เพราะเห็นรถคันสีดำคุ้นตาจอดอยู่ เมื่อมองผ่านผนังกระจกเข้าไปในห้องหนึ่งซึ่งมีสภาพโล่งว่าง ไม่มีผ้าม่านกำบัง และทั่วทั้งห้องก็แทบไม่มีเฟอร์นิเจอร์ หล่อนก็เห็นลูกชายกำลังนั่งอยู่กลางพื้นห้อง ใกล้กันนั้นก็เห็นคนตัวใหญ่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางจดจ่ออยู่กับอะไรสักอย่าง...พวกเขายังไม่รู้ถึงการมาของหล่อนไปรยาตัดสินใจเดินเข้าไปในบ้าน ผ่านห้องโถงใหญ่แล้วตรงไปยังห้องนั้น เมื่อหล่อนปรากฏตัวอยู่ตรงประตู พวกเขาจึงเงยหน้าขึ้นมามอง“แม่มารับอชิแล้ว”อชิระร้องบอก รอยยิ้มกว้างประดับบนดวงหน้าเล็กกลมที่เปรอะเปื้อนเศษอาหาร เนื้อตัวก็มอ